บทที่ 179 ท่านเซียนประทับที่นี่ ข้าเข้าใจหมดแล้ว!
แดนต้องห้ามทั้งเก้า ลึกล้ำเกินหยั่ง สยดสยองน่ากลัวยิ่ง
หลายแสนปีผ่านไป กาลเวลาผลัดเปลี่ยนเวียนหมุน อาณาจักรพลิกโฉม กระนั้นแดนต้องห้ามทั้งเก้ายังอยู่ ไม่มีน้อยลงสักแห่ง
จ้าวสังสารวัฏเดินทางไปยังอีกแปดแดนต้องห้ามที่เหลือ
อนิจจา เขาก็ยังไม่รู้ว่าภายในแดนต้องห้ามเหล่านั้นมีสิ่งใดอยู่
ถึงแม้เขาได้เข้าไป
แต่ไม่ได้พบสิ่งที่บ่งบอกเบื้องลึกเบื้องหลังของแดนต้องห้าม
เช่นเดียวกัน ที่แดนต้องห้ามเหล่านี้อนุญาตให้เขาเข้าไป เพราะให้เกียรติแดนสังสารวัฏซึ่งอยู่เบื้องหลังของเขา
“มิต้องใจร้อน…”
เขายังไม่รีบร้อนไปจับตัวผู้บรรลุสังสารวัฏ
สำหรับเขา ภารกิจเช่นนี้ไม่นับเป็นภารกิจด้วยซ้ำ
เขาแข็งแกร่งถึงปานใด บวกกับมีพลังสังสารวัฏกล้าแกร่ง คิดจะจับผู้บรรลุสังสารวัฏง่ายเหมือนปอกกล้วย
“สิ่งแวดล้อมของอาณาจักรในยุคนี้ย่ำแย่เหลือเกิน ผู้คนหลงระเริงเกินจริง ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง คิดว่ามีความสามารถนิดหน่อยก็สามารถท้าทายได้ทุกสิ่ง…”
เขาถอนหายใจ
เส้นทางสังสารวัฏอยู่มาช้านาน ผู้ใดบังอาจสบประมาทดูแคลนเส้นทางสังสารวัฏ?
ทว่าในสถานการณ์ที่สิ่งแวดล้อมย่ำแย่ถึงขีดสุดอย่างทุกวันนี้ กลับมีคนกล้าท้าทายแดนสังสารวัฏ…
เขาคิดว่าคนผู้นี้คงบำเพ็ญจนอยู่ในขอบเขตสูงส่ง ทึกทักเอาเองว่าไร้เทียมทานในใต้หล้า จึงไร้ซึ่งความนับถือเกรงกลัวต่อทุกสิ่ง
“ได้รู้จักเส้นทางสังสารวัฏให้มากขึ้นคงไม่มีความคิดเช่นนี้อีก! สาเหตุคงมาจากการที่ปฐพีนี้มีสิ่งแวดล้อมเลวร้ายเกินไป ไม่มียอดฝีมือที่แท้จริงเท่าใด เมื่อไต่ขอบเขตขึ้นไปได้ถึงระดับหนึ่งจึงคิดว่าอยู่เหนือทุกสิ่ง จองหองพองขน…”
เขาไม่เก็บเจ้าคนที่ท้าทายแดนสังสารวัฏมาใส่ใจ
“นี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่ได้กลับมา…ข้าต้องรักษาโอกาสนี้ให้ดี!”
ร่างของเขาหายไป เดินเหินไปทั่วทุกมุมของอาณาจักรแห่งนี้
…
ณ เมืองชิงซาน
บิดามารดาของเด็ก ๆ อย่างพวกอ้ายฉานกลับมาแล้ว พวกเขามาแจ้งข่าวดีให้คุณชายหลี่ที่ร้าน
นี่เป็นคำขอของพวกเด็ก ๆ อย่างอ้ายฉาน
พวกเขาเคยบอกหลี่จิ่วเต้าว่าจะเข้าสอบคัดเลือกศิษย์ของพรรคจื่อเสีย หากสำเร็จจะส่งข่าวบอกหลี่จิ่วเต้าในทันที
“ดี ๆ”
หลี่จิ่วเต้ายิ้มอย่างมีความสุข ดีใจแทนเด็ก ๆ จากก้นบึ้งข้างใน
ผ่านคัดเลือกทั้งแปดคน!
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องดี!
“คุณชาย ข้าขอแนะนำให้ท่านได้รู้จัก คนผู้นี้คือลูกศิษย์แห่งพรรคจื่อเสีย นางเซียนอันหลานเสวี่ย!”
บิดาของอ้ายฉานกล่าวกับหลี่จิ่วเต้า
พวกเขาถูกอันหลานเสวี่ยส่งตัวกลับมา ขืนให้พวกเขาเดินทางกลับมากันเอง คงต้องเดินเท้ากันอีกเดือนสองเดือนกว่าจะถึง
“นี่มัน…!”
ขณะนั้นเอง อันหลานเสวี่ยกำลังตกอยู่ในภวังค์ ใจสั่นสะท้านเป็นที่สุด
อักษร ‘เต๋า’ บนป้ายหน้าร้านมีจังหวะแห่งเต๋าสูงส่งไหลเวียนอยู่ นางไม่เคยสัมผัสจังหวะแห่งเต๋าที่สูงส่งเพียงนี้มาก่อน!
หญิงสาวสั่นสะท้านไปทั้งวิญญาณ ต้องเป็นผู้อาวุโสเหนือจินตนาการปานใดถึงเขียนอักษร ‘เต๋า’ ระดับนี้ออกมาได้
จะน่าทึ่งเกินไปแล้ว!
“หือ? นางเซียนก็ชอบภาพอักษรหรือ นี่คืออักษรที่ข้าเขียน ต้องให้นางเซียนหัวเราะเยาะแล้ว”
หลี่จิ่วเต้าเห็นอันหลานเสวี่ยมองอักษรบนป้ายจนตาค้าง นึกในใจว่าอันหลานเสวี่ยคงเป็นผู้ฝึกตนที่ชื่นชอบภาพอักษรอย่างมาก
ไม่เลว ตาถึงยิ่ง…
ชายหนุ่มหัวเราะในใจ
ด้วยทักษะการเขียนพู่กันจีนของเขา เกรงว่าต่อให้ในหมู่ผู้ฝึกตนก็ยากจะหาผู้ใดทัดเทียม
อะไรนะ!
เมื่อได้ยินคำกล่าวของหลี่จิ่วเต้า อันหลานเสวี่ยตะลึงในบัดดล
ผู้อาวุโสที่เขียนอักษร ‘เต๋า’ ตัวนี้อยู่ตรงหน้านางเองหรือ?
ไม่เห็นรู้สึกถึงคลื่นพลังปราณเลย…
สวรรค์! เหตุใดนางถึงโง่เขลาเพียงนี้ ด้วยขอบเขตอันต่ำต้อยของนาง ไฉนเลยจะเทียบเทียมผู้อาวุโสได้!
ผู้อาวุโสเข้ากับบุพการีของอ้ายฉานรวมทั้งผู้ใหญ่ที่เหลือได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยเช่นนี้ ปราศจากท่าทีผู้ฝึกตน ราวกับเป็นปุถุชนคนหนึ่งเท่านั้น…
มิหนำซ้ำ ผู้อาวุโสยังเปิดร้านในเมืองปุถุชน…
ดูเหมือนนางจะเข้าใจบางอย่างขึ้นมาแล้ว คล้ายว่าผู้อาวุโสกำลังท่องโลกมนุษย์ด้วยฐานะปุถุชน!
ตามคาด ผู้อาวุโสขอบเขตสูงส่งไม่อาจคาดเดาด้วยเหตุผลทั่วไป ยากจะมองการกระทำออก!
“คุณชายล้อเล่นแล้ว! อักษรที่คุณชายเขียนนั้นตวัดได้งดงามราวมังกรนาคา แข็งแกร่งและโอนอ่อนในเวลาเดียวกัน มีชีวิตชีวาราวกับฝูงปักษาโบยบินผ่านมหาสมุทร ว่ายวนอยู่บนนภา องอาจเกรียงไกร กระนั้นยังไว้ซึ่งความโสภา!”
นางรีบเอ่ยชม
“หืม ดูเหมือนนางเซียนจะศึกษาภาพอักษรมาบ้างนะ”
หลี่จิ่วเต้ากล่าว
หากไม่เคยศึกษาภาพอักษรพู่กันจีนมาก่อน ย่อมไม่มีทางเอื้อนเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมาได้แน่
“มีบ้าง!”
อันหลานเสวี่ยตอบ นางเคยเล่าเรียนการเขียนอักษรอยู่หลายปีจริง ๆ
แน่นอนว่าเป็นเหตุการณ์ก่อนเข้าร่วมพรรคจื่อเสีย หลังนางเข้าร่วมพรรคจื่อเสียแล้ว ก็ไม่เคยแตะการเขียนอักษรอีกเลย จิตใจทั้งหมดมุ่งเน้นไปกับการฝึกฝนเท่านั้น
“ในเมื่อได้พานพบก็นับว่ามีวาสนา หากนางเซียนไม่รังเกียจ เข้าไปสนทนากันหน่อยดีหรือไม่?”
หลี่จิ่วเต้าเชื้อเชิญด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เขามิได้เชื้อเชิญอันหลานเสวี่ยเพราะอันหลานเสวี่ยมีความรู้ด้านภาพอักษรพู่กันจีน แต่เพราะพวกอ้ายฉานเข้าร่วมพรรคจื่อเสีย และอันหลานเสวี่ยเป็นลูกศิษย์ของพรรคจื่อเสีย
เขาอยากให้อันหลานเสวี่ยช่วยดูแลพวกอ้ายฉานในพรรคจื่อเสีย
“คุณชายเรียนเชิญเช่นนี้ ถือเป็นเกียรติสูงสุดของข้า!”
อันหลานเสวี่ยเอ่ยด้วยความยินดีปรีดา
“คุณชายเรียกข้าว่านางเซียน ข้าละอายใจยิ่ง เซียนนั้นสูงส่งปานใด ตัวข้าเป็นเพียงผู้ฝึกตนต๊อกต๋อย ไฉนเลยจะคู่ควรกับสมญานามเซียน! คุณชายเรียกข้าว่าเสี่ยวเสวี่ยก็พอ!”
นางเอ่ยต่อ ไฉนเลยจะหาญกล้าขานตนว่านางเซียนต่อหน้าผู้อาวุโส นางมิกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนั้น
หลี่จิ่วเต้าคิดดูแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง
เขาได้ยินมาว่าเป้าหมายที่ผู้ฝึกตนหมั่นบำเพ็ญก็เพื่อได้บรรลุเป็นเซียน ทว่าการเป็นเซียนนั้นยากมหันต์ นับแต่ครั้งโบราณก็มิมีผู้ใดเคยบรรลุเป็นเซียน
“ย่อมได้”
เขาพยักหน้า เชิญอันหลานเสวี่ยเข้าไปในร้าน
“คุณชาย พวกท่านต่างเป็นผู้มีความรู้ พวกเราเป็นคนหยาบโลน ไม่รู้เรื่องพวกนี้ พวกท่านสนทนากันเถิด! พวกเราขอกลับไปบอกข่าวดีกับคนที่บ้านพวกเราก่อน!”
“ใช่ ๆ พวกเรากลับมาถึงก็ตรงมาหาคุณชาย นี่ยังไม่ได้กลับบ้านเลย”
กลุ่มผู้ใหญ่กล่าว ก่อนจะบอกลาหลี่จิ่วเต้าและอันหลานเสวี่ย ต่างคนต่างกลับบ้านของตนด้วยความแช่มชื่น
เดิมพวกเขายังกังวลอยู่บ้างที่ทิ้งลูก ๆ ไว้ในพรรคจื่อเสีย
ถึงอย่างไรสถานการณ์ของพรรคจื่อเสียก็ย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง
ทว่าเรื่องราวที่เกิดในพรรคจื่อเสียหลังจากนั้นเป็นผลให้พวกเขาวางใจได้อย่างสิ้นเชิง ไม่เหลือความกังวลใดอีก
สำนักไท่หัวและสำนักเมฆาลับฟ้าอันเป็นสองกลุ่มอำนาจ ซึ่งเรืองอำนาจที่สุดในแดนบูรพาทิศหนุนหลังพรรคจื่อเสีย พวกเขายังมีสิ่งใดต้องห่วงอีก?
พวกเขาดีอกดีใจเป็นที่สุด!
เข้ามาถึงในร้าน อันหลานเสวี่ยยิ่งทึ่งเข้าไปใหญ่!
ที่แท้อักษร ‘เต๋า’ บนป้ายหน้าร้านมิได้ยิ่งใหญ่เท่าใด สิ่งที่อยู่ภายในร้านต่างหากที่เรียกว่าประเสริฐยิ่งของจริง!
จังหวะแห่งเต๋าอันสูงส่งไหลเวียนอยู่ทั่วร้าน ราวกับนางได้มาอยู่ในภพเซียน ประหนึ่งลอยตัวอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรที่ถักทอประสานด้วยจังหวะแห่งเต๋าอันสูงส่ง ทั้งหมดนี้น่าอัศจรรย์เกินไปแล้ว!
‘มิใช่ว่าข้าได้พบท่านเซียนหรอกหรือ!’
หัวใจนางเต้น ‘ตึกตัก’ รัวเร็ว ความสะท้านในใจยากจะพรรณนาออกมาได้ด้วยคำพูด
ผู้อาวุโสอะไรกัน!
นี่คือท่านเซียนต่างหาก!
‘มิน่า เมืองชิงซานถึงมีอัจฉริยะสะท้านฟ้าถึงแปดคน ข้า…เข้าใจหมดแล้ว!’
นางเอ่ยในใจ คิดตกอย่างถ่องแท้
อัจฉริยะสะท้านฟ้าแปดคน ซ้ำยังมาจากเมืองปุถุชนเดียวกันทั้งหมด มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ที่ไหน
บัดนี้ได้พบท่านเซียน นางเข้าใจทุกอย่างแล้ว
ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับท่านเซียน!
ท่านเซียนช่วยให้พวกอ้ายฉานได้เป็นอัจฉริยะสะท้านฟ้า!
หากมิใช่เช่นนั้น ยากจะอธิบายจริง ๆ ว่าเหตุใดในยุคนี้ถึงมีอัจฉริยะสะท้านฟ้าปรากฏตัวพร้อมกันแปดคน ซ้ำยังมาจากเมืองปุถุชนเดียวกันทั้งหมด!