เฮ่อเหลียนเวยเวยวางอาวุธชิ้นสุดท้ายลงบนโต๊ะ มือของนางพลันว่างเปล่า
อาจารย์ไป๋มองดูเหตุการณ์นี้อย่างไม่อยากเชื่อ แม้แต่ร่างของเขาก็ยังโอนเอนไปมาราวกับจะล้มลง
อย่างไรก็ตาม ก้านธูปที่ใช้กำหนดระยะเวลานั้น เพิ่งจะมอดไปในตอนนี้นั่นเอง
เด็กสาวที่หยิ่งผยองก่อนหน้านี้หน้าถอดสีทันที นางก้าวถอยหลังอย่างกะทันหัน และเกือบจะล้มลงบนที่นั่งของตนเอง ราวกับว่าวิญญาณของนางหลุดออกจากร่างไปแล้ว
นังขยะไร้ค่านั่นสร้างอาวุธทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์ได้จริงๆ มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
แพ้แล้ว!
มู่หรงซื่อจื่อเป็นฝ่ายพ่ายแพ้จริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ยังพ่ายแพ้ภายใต้เงื่อนไขที่อีกฝ่ายต้องสร้างอาวุธทั้งเจ็ดชิ้นอีกด้วย
เด็กสาวคนนั้นนึกถึงคำสัญญาที่ตนเองเคยให้ไว้ และรู้สึกเสียใจอย่างไม่อาจหาคำบรรยายได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้มาหานางทันที ตามกฎแล้ว นางจะต้องนำอาวุธทั้งเจ็ดชิ้นที่สร้างขึ้นไปจัดแสดงบนถาด และให้อาจารย์นำมันออกไปให้เหล่าผู้ตัดสินประเมินผล
อวิ๋นซิวรู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจขณะที่เขาหยิบอาวุธชิ้นแรกขึ้นมาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะมองดูมัน เขาก็เห็นตู๋เทียนยืนขึ้นข้างๆ เขาด้วยท่าทางตื่นเต้นจนยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดได้
เด็กสาวคนนั้นมองดูท่าทีของอาจารย์ตู๋เทียนได้อย่างไม่ชัดเจนนัก และคิดว่าอาจเกิดเหตุการณ์พลิกผันอย่างไม่คาดคิด นางจึงเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ท่านอาจารย์ตู๋เทียน มีอะไรผิดปกติเช่นนั้นหรือเจ้าคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็ลังเล การทำอาวุธเจ็ดชิ้นภายในระยะเวลาอันสั้น ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดได้
หรือจะมีข้อผิดพลาดจริงๆ เช่นนั้นหรือ
เหล่าลูกศิษย์จากหอชั้นดีต่างก็หันไปมองท่านอาจารย์ตู๋เทียนทีละคน
พวกเขาไม่คิดเลยว่าชายชราคนนั้นจะมีท่าทีราวกับกำลังค้นพบสมบัติล้ำค่าบางอย่าง ก่อนจะตะโกนร้องน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “เปลวเพลิงทะยาน อาวุธชิ้นนี้คือเปลวเพลิงทะยานจริงๆ”
‘เปลวเพลิงทะยาน’ เมื่ออวิ๋นซิวได้ยินสี่คำนี้ ทันใดนั้น เขาก็หันหน้าไปและคว้าอาวุธชิ้นนั้นจากมือของตู๋เทียนแล้วแววตาของเขาก็ส่องประกายระยิบระยับทันทีเช่นกัน “นี่คือเปลวเพลิงทะยานจริงๆ เป็นไปได้อย่างไรกัน พวกเราจัดเตรียมเพียงชิ้นส่วนธรรมดาๆ ให้เท่านั้น แล้วมันได้รับพลังการยิงเปลวไฟสูงขนาดนี้ได้อย่างไรกัน”
“นี่ อวิ๋นซิว เจ้าแย่งมันไปทำไมกัน ข้ายังดูไม่เสร็จเลย” ตู๋เทียนหงุดหงิด พร้อมกับผลักสหายของเขาออกไป แล้วลูบอาวุธชิ้นนี้ต่อ โดยไม่สนใจว่าคนอื่นๆ จะคิดเช่นไร “มันคือตำแหน่งกลไก นางเปลี่ยนวิธีการใช้กลไกดั้งเดิมของชิ้นส่วนชิ้นนี้” เมื่อพูดถึงจุดนี้ ตู๋เทียนก็พบว่าวัตถุล้ำค่าที่อยู่ในมือของตนเองถูกสหายคนเดิมคว้าเอาไปอีกแล้ว หนวดเคราของเขาพลันถูกความโกรธพาให้ขยับ
ทุกคนมองดูท่านอาจารย์ทั้งสองคนอย่างตกตะลึง พวกเขาเป็นคนที่มักจะสุขุมและรักษาท่าทีอยู่เสมอ แต่พวกเขากลับบ้าคลั่งและทะเลาะกันเพื่อแย่งอาวุธชิ้นนี้ พวกเขารู้สึกไม่อยากเชื่อ ทันใดนั้นก็มองดูเฮ่อเหลียนเวยเวยที่กำลังยืนอยู่บนเวที
นางสร้างอาวุธแบบไหนขึ้นมากันล่ะเนี่ย!
“เปลวเพลิงทะยาน” เสียงของตู๋ซูเฟิงค่อยๆ ดังขึ้นจากมุมหนึ่งของเวที ทำให้ผู้คนรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยน อบอุ่น และมั่นคง “ศักยภาพการโจมตีเต็มร้อย ความสามารถในการป้องกันเต็มร้อย และยังสามารถรวบรวมพลังปราณของผู้ฝึกปราณได้ เมื่อถึงจุดหนึ่ง ก็จะเปลี่ยนเป็นวายุ ควบคุมอัคคีได้”
อะไรกัน อาวุธนี้ได้รับการประเมินเต็มร้อยถึงสองปัจจัย ผู้หญิงคนนี้สร้างอาวุธที่มีประสิทธิภาพเต็มร้อยถึงสองปัจจัยทีเดียวเลยเช่นนั้นหรือ
เมื่อได้ยินคำอธิบายของตู๋ซูเฟิง ทุกคนก็เกิดความสับสนวุ่นวาย ทันใดนั้น พวกเขาก็รู้สึกว่านี่ไม่ใช่แค่การแข่งขันภายในสำนักศึกษาเท่านั้น แต่ราวกับเป็นการแข่งขันอันยิ่งใหญ่ระดับจักรวรรดิเลยทีเดียว
สำหรับผู้ฝึกปราณที่ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องอาวุธ แม้ว่าพวกเขาจะไม่คุ้นเคยกับชื่อทางการของอาวุธชิ้นนี้ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าพลังโจมตีและความสามารถในการป้องกันคืออะไร
คุณภาพของอาวุธทุกชิ้นขึ้นอยู่กับสองปัจจัยนี้มากที่สุด
ตอนนี้ เปลวเพลิงทะยานที่เฮ่อเหลียนเวยเวยสร้างขึ้น ไม่เพียงแค่มีประสิทธิภาพในการโจมตีและป้องกันสูงเป็นพิเศษเท่านั้น แต่มันยังสามารถต้านทานไฟได้อีกด้วย
นี่… นี่อาจเทียบได้กับอาวุธที่คุณชายอู๋ซวงสร้างขึ้นได้เลยทีเดียว
เฮ่อเหลียนเวยเวยยังเป็นนังขยะไร้ค่าอยู่อีกอย่างนั้นหรือ
ทุกคนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ดวงตาของพวกเขาสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว พร้อมกับหันไปมองหญิงสาวที่กำลังยืนอยู่บนเวทีอย่างลืมตัว
นางอายุเพียงสิบห้าปี และยังไม่ได้รับการฝึกฝนด้านอาวุธใดๆ อย่างเป็นทางการ และยังไม่สามารถจุดไฟให้กับลูกแก้วได้เลยด้วยซ้ำ แต่นางกลับเอาชนะมู่หรงซื่อจื่อในด้านการประกอบและสร้างอาวุธได้แล้ว…
แล้วถ้าหากหญิงสาวคนนี้มีพลังปราณขึ้นมา นางจะน่าหวาดกลัวมากกว่านี้เพียงใดกันเล่า
ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงเรื่องนี้
จากวันนี้เป็นต้นไป ฉายาคนไร้ค่าของเฮ่อเหลียนเวยเวย ก็คงจะถูกทำลายจนสิ้นซาก
อย่างไรก็ตาม คงไม่มีใครคาดเดาได้ว่าอีกไม่นานต่อจากนี้ นางจะปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนในแบบที่แตกต่างไปจากเดิม และเมื่อถึงเวลานั้น ผู้คนก็จะได้รู้กันว่าราชินีอัจฉริยะในหมู่มวลของเหล่าอัจฉริยะนั้นเป็นอย่างไร
“ผลการประลองก็ออกมาชัดเจนแล้ว” อาจารย์อวิ๋นซิวยิ้มและลุกขึ้นยืน จากรอยยิ้มที่แสดงให้เห็นบนใบหน้าของเขา ก็เพียงพอแล้วที่จะบ่งบอกว่าตอนนี้ เขาอารมณ์ดีเพียงใด มือข้างหนึ่งของเขาวางอยู่ด้านหลัง ส่วนมืออีกข้างก็โบกมือเรียกเฮ่อเหลียนเวยเวย “ในฐานะของผู้ชนะการแข่งขัน ขอเชิญเจ้าขึ้นมาบนเวที”
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มบางๆ พร้อมกับก้าวไปข้างหน้า แต่แล้ว ก็มีเสียงดัง ‘เพล้ง’ เกิดขึ้น
ในตอนแรก อาจารย์ตู๋เทียนนั้นยืนอยู่ด้านข้าง ก่อนจะทำถ้วยชาในมือตกลงพื้น จนแตกเป็นเสี่ยงๆ “นังหนู! เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” ตู๋เทียนเบิกดวงตาที่พร่ามัวของตนเองกว้าง และทันใดนั้น เขาก็ส่งเสียงดังขึ้นอย่างประหลาดใจ “เจ้า ชื่อของเจ้าคือเฮ่อเหลียนเวยเวยเช่นนั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยพยักหน้า และปฏิบัติต่อผู้อาวุโสคนนี้ด้วยความสุภาพ “ผู้อาวุโสตู๋ ไม่เจอกันนานเลยนะเจ้าคะ”
ตู๋เทียนก้าวไปข้างหน้า และต้องการจะจับมือของเฮ่อเหลียนเวยเวย แต่เขาดูประหลาดใจ จนทำตัวเก้ๆ กังๆ “เจ้าไม่รู้หรอกว่า ตั้งแต่ที่พวกเราแยกกันที่หอเฟิ่งหวง ข้าก็ออกตามหาเจ้าในเมืองหลวงมานานเพียงใด ข้าแทบจะพลิกทั้งเมืองเพื่อหาเจ้าเลยทีเดียว แต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงา อสรพิษเงินเก้าบทเพลงที่เจ้าสร้างขึ้นเมื่อครั้งก่อน ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก เจ้าช่วยทำมันให้ข้าอีกสักชิ้นได้หรือไม่ ข้ายังมีชิ้นส่วนอีกมากมายอยู่ที่นี่ เจ้าสามารถใช้ชิ้นส่วนเหล่านั้นได้ตามที่เจ้าต้องการ!”
ตามที่ต้องการเช่นนั้นหรือ อวิ๋นซิวมองดูสหายคนสนิทของตนเองด้วยความประหลาดใจ ข้อควรรู้เกี่ยวกับตู๋เทียน คือ แม้ว่าชิ้นส่วนวัสดุของตู๋เทียนจะไม่สามารถเทียบเท่ากับชิ้นส่วนวัสดุจากกลุ่มสาขาอาวุธ แต่ชิ้นส่วนเหล่านั้น ก็ถือว่าหาได้ยากในจักรวรรดิจ้านหลงอยู่ดี
คนที่เปรียบชิ้นส่วนของอาวุธเป็นดั่งอวัยวะอย่างเขา กลับอนุญาตให้ผู้หญิงคนนี้ใช้ชิ้นส่วนของเขาได้อย่างน่าตกใจ
นอกจากนี้ หากฟังจากคำพูดของตู๋เทียนแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเคยพบกับหญิงสาวคนนี้จากที่ใดสักแห่งมาก่อน
เดี๋ยวก่อนนะ
“นางเป็นคนสร้างอสรพิษเงินเก้าบทเพลงชิ้นนั้นหรือ” อวิ๋นซิวก็ตะโกนร้องเสียงดังเช่นเดียวกัน
ตู๋เทียนพยักหน้า ก่อนจะหัวเราะอีกครั้งอย่างมีความสุข
ทุกคนต่างก็รู้สึกสับสนและไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างครบถ้วนนัก อะไรกัน ดูเหมือนว่า ก่อนหน้านี้ อาจารย์ทั้งสองท่านจะเคยเห็นถึงความสามารถของเฮ่อเหลียนเวยเวยมาแล้ว
มู่หรงฉางเฟิงตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ในขณะที่เขายืนอยู่บนเวทีและหันไปมองเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยแววตาตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่เคยคิดเลยว่า อัจฉริยะที่อยู่ในใจของท่านอาจารย์ของเขาจะกลายเป็นนาง!
“อา ข้าจำได้แล้ว” ภายในหอชั้นดี จู่ๆ ก็มีศิษย์คนหนึ่งที่สนใจด้านอาวุธเคาะศีรษะของตนเอง ราวกับคนที่เพิ่งเห็นแสงสว่างในทันที “ตอนนั้น ลูกพี่ได้เข้าร่วมการแข่งขันที่หอเฟิ่งหวง หลังจากที่เข้าไปได้ไม่นาน นางก็เดินออกจากห้องทดสอบทันที พวกเรายังคิดว่านางคงจะโง่เง่าเกินไป จนถูกอาจารย์ตู๋เทียนไล่ออกมาจากห้อง แต่เมื่อพิจารณาดูจากตอนนี้แล้ว ลูกพี่จะไร้ความสามารถได้อย่างไรกันเล่า แต่ดูเหมือนจะเป็นเพราะว่านางประกอบอาวุธได้คล่องแคล่วอย่างมาก จนออกมาจากห้องทดสอบได้อย่างรวดเร็ว ไม่แปลกใจเลย จนถึงตอนนี้ ผู้จัดงานก็ยังไม่สามารถหาผู้ชนะที่หนีหายไปพร้อมเงินรางวัลจำนวนหนึ่งได้ กลายเป็นว่าลูกพี่ไม่เคยบอกใครต่างหาก ว่าแท้จริงแล้ว ผู้ชนะคือนางนี่เอง”