ตอนที่ 129 สังหารบรรพบุรุษทั้งสิบคน ชั้นที่สามของถ้ำปีศาจ
ตู้ม!
พลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัวพวยพุ่งออกมาจากร่างของหนิงฝาน ทําเอาสั่นสะเทือนไปทั้งปฐพี เหล่าผู้คนใต้หล้าพากันตกตะลึง มันเหนือกว่าพลังระดับเทพมนุษย์โดยสิ้นเชิง
นั่นคือพลังระดับเทพปฐพี!
“อ๊า!”
“ระ… ระดับเทพปฐพี!!”
“ไม่! เป็นไปไม่ได้ จะเป็นไปได้อย่างไร!?”
“เจ้าเป็นเพียงระดับเทพมนุษย์มิใช่หรือ แล้วจะอยู่ในระดับเทพปฐพีได้อย่างไร!?”
“…”
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังระดับเทพปฐพีที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างหนิงฝาน บรรพบุรุษของกองกําลังหลักทั้งสิบ ซึ่งนําโดยบรรพบุรุษของสำนักเทพกระบี่ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที ใบหน้าของทุกคนต่างฉายแววความเหลือเชื่อ!
“สวรรค์! ในที่สุดสามีของข้าก็ทะลวงขั้นเป็นระดับเทพปฐพีแล้วจริง ๆ!”
“ผู้พิทักษ์เทพ มีพลานุภาพอันน่าเกรงขาม!”
“ผู้พิทักษ์เทพ ไร้ผู้ใดมาต่อกร!”
ยามนี้ ผู้คนในราชวงศ์นําโดยจักรพรรดินีหลัวชิงเซียนต่างก็มีความสุขและตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าบอกว่าวันที่เจ้าข้ามดินแดนมา จะเป็นเวลาที่ราชวงศ์เทพขนนกของข้าพินาศอย่างนั้นหรือ?”
“เข้ามา! มาทําลาย… ราชวงศ์เทพขนนกของข้า! “
หนิงฝานกล่าวอย่างดูแคลน เมื่อมองไปยังบรรพบุรุษกองกําลังหลักทั้งสิบแห่งแคว้นอุทก
“เร็วเข้า! “
“ถอยเร็ว!”
ทว่ายามนี้ บรรพบุรุษของกองกําลังหลักทั้งสิบแห่งแคว้นอุทกไม่ได้ต้องการจะสู้ต่ออีกต่อไป!
แม้ว่าความแตกต่างระหว่างระดับเทพมนุษย์และระดับเทพปฐพีจะห่างชั้นกันเพียงระดับเดียว แต่ความแข็งแกร่งของทั้งสองระดับนั้นยังห่างชั้นกันราวฟ้ากับเหว
ไม่สามารถเอาชนะได้!
ไร้หนทางจะต่อกร!
พรึ่บ!
ท่ามกลางเสียงตะโกน บรรพบุรุษของกองกําลังหลักทั้งสิบคนพลันหันหลังกลับและหนีไปอย่างรวดเร็ว เพียงนึกโกรธที่บิดามารดาของพวกเขาไม่ได้ให้กำเนิดขาของพวกเขาเพิ่มมาอีกสักสองขา
แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์นับล้านของกองกําลังหลักทั้งสิบ พวกเขาก็ยังไม่สนใจ!
ตอนมา พวกเขามาอย่างห้าวหาญและสง่างามมากเท่าไร ตอนนี้พวกเขายิ่งอับอายมากขึ้นเท่านั้น
“หึ คิดจะหนีงั้นหรือ มันสายไปแล้ว!”
เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว หนิงฝานพลันเอ่ยพูดอย่างเย็นชา ก่อนจะชักกระบี่ออกมาแล้วสับฟันออกไป
ฉึบ!
ปราณกระบี่วาดโค้งราวสายรุ้ง พลังศักดิ์สิทธิ์พุ่งทะยานออกไป เสียงกรีดอากาศทำลายมิติฟ้าดินดังขึ้น และไล่ตามบรรพบุรุษทั้งสิบคนทันภายในพริบตาเดียว
“บัดซบ!”
“ต้องลงมือ!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงปราณกระบี่ที่อยู่ข้างหลัง บรรพบุรุษของกองกําลังหลักทั้งสิบคนรู้ว่า ตอนนี้พวกเขาไม่อาจหลบหนีได้อีกต่อไป ดังนั้นทั้งหมดจึงหันกลับมาในทันที และสีหน้าของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นบ้าคลั่ง
“กระบี่สะท้านฟ้า!”
“จันทราเทพจุติ!”
“เคล็ดวิบัติวายุอัสนี!”
“เสียงคํารามปีศาจสวรรค์!”
“…”
บรรพบุรุษของกองกําลังหลักทั้งสิบคนตะโกนเสียงกราดเกรี้ยว ปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายออกมาจนหมด และยังใช้ออกด้วยอาวุธเทพที่แข็งแกร่งที่สุด เพื่อสำแดงพลังที่แข็งแกร่งที่สุด
หลังจากนั้น พลังของทั้งสิบคนก็ผสานกันเพื่อหยุดปราณกระบี่ของหนิงฝาน!
ตู้ม!
ทว่าเมื่อโดนปราณกระบี่ฟันเข้าจริง ๆ พลังของทั้งสิบคนก็แตกสลายในทันที จากนั้นปราณกระบี่ที่ไร้ที่สิ้นสุดก็กลืนกินร่างของบรรพบุรุษทั้งสิบคนเข้าไป
อ๊าก! อ๊าก! อ๊าก!
เสียงกรีดร้องอันน่าสังเวชดังโหยหวนออกมาสิบเสียง โลหิตของบรรพบุรุษทั้งสิบสาดกระเซ็นขึ้นกลางอากาศ และเมื่อพวกเขาล้มลงกับพื้น ร่างของทั้งสิบก็นองไปด้วยเลือดใกล้ตายตกที่สุด พวกเขาทั้งหมดได้รับบาดเจ็บสาหัส!
อ๊าก!
“บรรพบุรุษ!”
เมื่อเห็นฉากนี้ ผู้ฝึกยุทธ์หลายล้านคนของกองกําลังหลักทั้งสิบพลันตกใจยิ่ง!
เมื่อเห็นว่าบรรพบุรุษที่อยู่ยงคงกระพันกลับพ่ายแพ้เพราะกระบี่เดียวจริง ๆ ร่างกายของทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเทา!
พรึ่บ!
เวลานี้ หนิงฝานเคลื่อนไหวอีกครั้ง ปราณกระบี่ผสานกันแล้วพุ่งไปทางบรรพบุรุษทั้งสิบคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาต้องการกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก!
“ไม่! “
“อย่าฆ่าข้า!”
ในตอนนี้เอง บรรพบุรุษของสำนักเทพกระบี่พลันตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว “บุตรชายของข้าเป็นอันดับหนึ่งในกองกําลังของสี่แคว้นชั้นนอก บุตรแห่งสวรรค์จวินเทียน หากเจ้าฆ่าข้า บุตรชายของข้าและสำนักจวินเทียนจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
“สี่แคว้นชั้นนอก? สำนักจวินเทียน? บุตรแห่งสวรรค์?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หนิงฝานก็ขมวดคิ้วทันที!
ในเวลานี้ เหลียงอิ้นหยวนที่อยู่ด้านข้างรีบก้าวไปข้างหน้าและอธิบายว่า “นายท่านโปรดไตร่ตรองด้วยเถิด! ในเก้าแคว้นถูกแบ่งออกเป็น แคว้นเซียนอยู่ตรงกลาง ตามด้วยสี่แคว้นชั้นในและสี่แคว้นชั้นนอก สี่แคว้นชั้นในประกอบด้วย แคว้นสวรรค์ แคว้นปฐพี แคว้นลึกล้ำ แคว้นมนุษย์ ส่วนสี่แคว้นชั้นนอกมีแคว้นโลกา แคว้นเอกภพ แคว้นอุทก และแคว้นรกร้าง สำนักจวินเทียนที่เขากล่าวถึงนั้นคือ กองกำลังอันดับหนึ่งของสี่แคว้นชั้นนอก เล่าขานกันว่าในสำนักจวินเทียนเคยมีระดับเทพสวรรค์ปรากฏออกมา”
“ใช่แล้ว!”
“หากเจ้าฆ่าข้า เจ้าก็จะทำให้บุตรของข้าขุ่นเคือง ทำให้สำนักสวรรค์ขุ่นเคือง ผลลัพธ์ที่ตามมาหลังจากนั้น เจ้าและราชวงศ์เทพขนนกจะรับไหวหรือไร!?”
บรรพบุรุษของสำนักเทพกระบี่แสยะยิ้มและเอ่ยอย่างเย็นชา ชี้นำถึงผลร้ายแรงที่จะตามมา
“…”
หนิงฝานไม่ได้พูดอะไร
ปัง!
ทว่าทันใดนั้นเอง ปราณกระบี่ก็พุ่งไปตัดหัวบรรพบุรุษของสำนักเทพกระบี่อย่างรวดเร็ว!
เมื่อหัวกระเด็นออกไป ดวงตาของเขายังคงเบิกโพลงอยู่ เห็นได้ชัดว่าตายตาไม่หลับ!
เขาไม่เข้าใจ เขาบอกถึงผลร้ายที่จะตามมาอย่างชัดเจนมาก แต่หนิงฝานยังกล้าฆ่าเขาได้อย่างไร!?
กล้าได้อย่างไร!
ฟึ่บ!
หลังจากนั้น ปราณกระบี่ก็ตัดหัวของบรรพบุรุษที่เหลือจนกระเด็นออกไปทั้งหมด อีกทั้งวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาก็ถูกทําลายลงเช่นกัน!
เพียงชั่วพริบตา บรรพบุรุษทั้งสิบคนก็ถูกสังหารจนสิ้น
เมื่อเห็นบรรพบุรุษของกองกําลังหลักทั้งสิบตายตกต่อหน้าต่อตา คนหลายล้านคนจากสิบกองกําลังหลักต่างพากันตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว สีหน้าท่าทางแสดงออกถึงความกลัวจริง ๆ!
แล้วหนิงฝานก็ตะโกนอย่างเย็นชา “ผู้ที่ต่อต้านต้องตาย ผู้ที่ยอมจํานนเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด!”
ทันทีที่คําพูดเหล่านี้ดังขึ้น คนหลายล้านคนจากสิบกองกําลังหลักก็แตกตื่นกันจ้าละหวั่น
“ข้ายินดียอมจํานนต่อราชวงศ์เทพขนนก!”
ในเวลานี้ เทพยุทธ์หลายสิบคนจากกองกําลังหลักพากันคุกเข่าลง และในเวลาเดียวกันก็ส่งมอบจิตวิญญาณของพวกเขาด้วยตัวเอง!
ยามนี้ แม้แต่บรรพบุรุษทั้งสิบคนที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของระดับเทพมนุษย์ขั้นสุดยังพ่ายแพ้
หากพวกเขาไม่ยอมจํานน เช่นนั้นก็ได้แค่ตายตกแล้ว!
และเมื่อเห็นว่าแม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งอย่างขอบเขตเทพยุทธ์ยังเลือกที่จะยอมจํานน เหล่าผู้ฝึกยุทธ์หลายล้านคนจากสิบกองกําลังหลักต่างก็คุกเข่าลงทีละคนเพื่อยอมจํานน
วูบ!
ทันใดนั้น จิตวิญญาณนับล้านก็ลอยขึ้น!
“ภรรยา คนเหล่านี้ต้องส่งต่อให้เจ้าจัดการแล้ว!”
ในเวลานี้ หนิงฝานหันไปพูดกับหลัวเซียนเซียน
ได้ยินดังนั้น นางก็ไม่เกรงใจ ก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะโบกมือรับและเก็บจิตวิญญาณนับล้านดวงไว้ทันที
หลัวชิงเซียนมีความสุขมากในตอนนี้
นี่คือกองกําลังหลักทั้งสิบแห่งแคว้นอุทก พลังและภูมิหลังของแต่ละกองกําลังนั้นเหนือกว่าราชวงศ์เทพขนนกมาก ด้วยการยอมจำนนของกองกำลังหลักทั้งสิบ ความแข็งแกร่งของราชวงศ์เทพขนนกจะต้องพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดแน่!
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นใด เพียงแค่ความแข็งแกร่งของเทพยุทธ์หลายสิบคนที่ยอมจํานน ก็สามารถทำให้ความแข็งแกร่งของราชวงศ์เทพขนนกแข็งแกร่งขึ้นมากแล้ว
ในเวลาต่อมา หลัวชิงเซียนก็เริ่มรวบรวมกองกําลังหลักทั้งสิบแห่งแคว้นอุทก
สิ่งสําคัญที่สุดคือ สมบัติวิญญาณที่ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งกองกําลังหลักทั้งสิบนํามาด้วยนั้นล้วนถูกย้ายเข้าสู่คลังสมบัติของราชวงศ์
และด้วยการมีสิ่งเหล่านี้ในครอบครอง ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณ หลัวชิงเซียนมั่นใจว่านางจะสามารถพัฒนาราชวงศ์เทพขนนกให้กลายเป็นราชวงศ์ที่แข็งแกร่งที่สุด เหนือกว่ากองกําลังหลักทั้งสิบแห่งแคว้นอุทกอย่างสมบูรณ์
สําหรับการพัฒนาของราชวงศ์เทพขนนกมีหลัวชิงเซียนอยู่ หนิงฝานจึงไม่จําเป็นต้องกังวลอะไร
หลังจากปรับพลังระดับเทพปฐพีอยู่ในวังจักรพรรดินีเป็นระยะเวลาหนึ่ง หนิงฝานก็เริ่มเปิดชั้นที่สามของถ้ำปีศาจบรรพกาลต่อ
วันนี้เขาลงไปใต้ล่างผืนดิน และเข้าไปในถ้ำปีศาจบรรพกาล
ในไม่ช้าก็ผ่านชั้นแรกของถ้ำปีศาจมาถึงชั้นที่สองได้ และนําป้ายคําสั่งซึ่งพาไปสู่ชั้นที่สามออกมา
พรึ่บ!
ด้วยการกระตุ้นพลังศักดิ์สิทธิ์ ประตูที่มืดมนและน่ากลัวก็ปรากฏขึ้น!
ฟึ่บ!
จากนั้น เขาก็หายเข้าไปในชั้นที่สามของถ้ำปีศาจบรรพกาล!