หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – ตอนที่ 709

ตอนที่ 709

บทที่ 709 โยวหรันมาถึงแล้ว!
หมัดนั้นกระแทกเข้าไปในจักรวาลและสร้างพายุหมุนรุนแรงขึ้นมาในพริบตา พายุหมุนพวยพุ่งเข้าใส่แสงสีดำที่พุ่งเข้ามาและปะทะกันอย่างจัง แสงสีดำปลดปล่อยพลังเต็มขั้นก่อนจะระเบิด!

แรงสั่นสะเทือนกระจายออกมาราวกับเป็นคลื่นคลั่ง ดึงร่างราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีลงไป ร่างยักษ์สั่นสะท้านและซวนเซถอยหลังภายใต้แรงสะท้อนกลับรุนแรง เขาไม่ได้ล้มลงใส่ดวงจันทร์แต่เซไปในอีกทิศทางหนึ่ง

ท่ามกลางเสียงระเบิดดังสนั่น โซ่ที่ล่ามราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีเอาไว้ก็ส่งเสียงครั่นครืนเพราะพลังของแสงสีดำ มันส่งเสียงเอียดอาดก่อนจะแกว่งอย่างรุนแรง ดวงจันทร์สั่นคลอนก่อนจะไถลออกไปหลายร้อยเมตร

ความรุนแรงของการโจมตีมากล้นเสียจนผู้ฝึกตนทุกคนในบริเวณนั้นกลัวขึ้นมาจับใจ ทั้งผู้ฝึกตนจากสำนักวังเต๋าไพศาลและสหพันธรัฐต่างก็มองเห็นภาพนั้นพร้อมๆ กัน และต่างใจเต้นโครมคราม ความคิดตื้อตึงไปหมด

ใจของหวังเป่าเล่อหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม หากเป็นเขา คงต้านทานการโจมตีนั้นได้ยากเต็มกลืน และถึงแม้จะสกัดไว้ได้ ก็คงจะบาดเจ็บสาหัสและอาเจียนออกมาเป็นโลหิตเป็นแน่ ชายหนุ่มรีบหันไปมองราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีทันทีเพื่อตรวจดูสภาพของอีกฝ่าย

พลันชายหนุ่มก็มีสีหน้าแปลกประหลาด ราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีถูกผลักถอยหลังไปจนเสียหลัก แต่วินาทีถัดมา เขาก็เงยหน้าขึ้นอย่างดุร้ายอีกครั้งร่างกายไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน!

เมื่อเห็นเช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็ค่อยคลายใจ ชายหนุ่มหรี่ตาลงก่อนจะจ้องมองออกไปไกลยังทิศทางที่แสงสีดำมุ่งหน้ามา เรือบินรบขนาดมหึมาสร้างจากแผ่นกลมสามแผ่นดูคุ้นตาปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากที่ล่องหนอยู่ก่อนหน้านี้!

บนเรือบินรบมีคนยืนอยู่คนหนึ่ง ดูเล็กจ้อยเมื่อเทียบกับความใหญ่ยักษ์ของเรือบินรบ แต่เห็นได้ชัดว่าบุคคลผู้นี้คือแก่นของเรือบินรบลำนี้!

เป็นภาพที่หวังเป่าเล่อรู้สึกคุ้นตานัก…

ร่างกายกำยำ มีสามศีรษะและหกแขน แผ่ปราณวิญญาณระดับน่าสะพรึงกลัวออกมา รัศมีที่เปล่งออกมานั้นรุนแรงราวกับว่าจะสามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้ พลังที่ไหลบ่าออกมาจากร่างของคนผู้นั้นเหมือนกำลังประกาศอำนาจบารมีเหนือทุกสิ่งทุกอย่างในบริเวณใกล้เคียง!

เขาดูไม่เหมือนศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันแม้แต่น้อย แต่ดูเหมือนชุดคลุมออกศึกที่อาบชุ่มไปด้วยของเหลววิญญาณบนเรือบินรบที่หวังเป่าเล่อทำลายไปมากกว่า!

แต่เมื่อสายตาของหวังเป่าเล่อจับจ้องไปยังเสื้อคลุมออกศึกที่กลายสภาพไป ชายหนุ่มก็รู้ได้ทันทีว่า…นั่นคือศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน!

“รวมร่างกันอย่างนั้นสินะ…” หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง ไม่มีความกลัวหรือความคิดที่จะล่าถอยอยู่ในสายตาคู่นั้นแม้แต่น้อย มันฉายประกายกล้าที่เต็มไปด้วยความกระหายการต่อสู้ซึ่งพิ่มพูนขึ้นทุกขณะ เส้นปราณสีโลหิตปรากฏขึ้นรอบกายพร้อมๆ กับเกราะจักรพรรดิที่ส่งเสียงโครมครามขณะประกอบกันขึ้นรอบกายเขา อาวุธเวทบนแขนขวาส่องประกายกล้า ดวงตาปีศาจสีดำสนิทที่ล่องลอยอยู่ด้านหลังหวังเป่าเล่อก็ใช้จังหวะนี้ขยายตัวขึ้น ดวงตานั้นเผยอลืมขึ้นก่อนจะจับจ้องเขม็งไปยังศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน!

ขณะที่ดวงตานั้นจับจ้องไป ประกายสีเทาจางก็ปรากฏขึ้นบนนัยน์ตาของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเช่นกัน ลึกลงไปภายในดวงตาคู่นั้นมีผลึกไร้รูปทรงขนาดเท่าเล็บมนุษย์ซุกซ่อนอยู่ ตัวตนของมันอยู่ระหว่างความจริงและภาพลวงตา พลางส่องแสงสีดำและขาวที่ผสมกันกลายเป็นสีเทามัวๆ ขึ้นในตาของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน!

นัยน์ตาของชายชราส่องประกายสีเทาอ่อน และเมินเฉยกับการจับจ้องของดวงตาปีศาจด้านหลังหวังเป่าเล่อ ชายชราก้าวลงมาจากเรือบินรบก่อนจะเหยียบย่างลงบนท้องฟ้าเกลื่อนดาว แล้วแปรสภาพกลายเป็นภาพพร่ามัว ความเร็วของเขาทำเอาระยะที่ห่างไกลลิบๆ นั้นดูราวกับว่าห่างออกไปเพียงเอื้อมมือ!

จิตสังหารของชายชรามาถึงก่อนตัวตนของเขาเสียอีก!

โยวหรันยกฝ่ามือทั้งสองประกบเข้าหากันเป็นผนึกฝ่ามือ ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์มากมายปรากฏขึ้นรอบกายชายชราก่อนจะกระจายตัวออกไป พลางส่องแสงสว่างราวกับเป็นดาวฤกษ์ แล้วจึงค่อยๆ จัดเรียงตัวกลายเป็นแผนที่จักรวาลขนาดย่อม!

ภายในแผนที่มีดวงอาทิตย์เก้าดวงและดวงจันทร์นับร้อย รวมไปถึงดาวดวงเล็กดวงน้อยนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายไปทั่ว แผนที่นี้ไม่ใช่แผนที่ระบบสุริยะ แต่เป็นส่วนหนึ่งของฟากฟ้าที่ไม่ปรากฏอยู่ในโลกความเป็นจริง พลังอันยิ่งใหญ่อุบัติขึ้นทันทีที่แผนที่ปรากฏออกมา มันรุนแรงราวกับจะพัดพาให้ทุกสิ่งพังพินาศ เสียงทุ้มต่ำของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันดังขึ้นพร้อมๆ พลังที่ซัดสาดใส่หวังเป่าเล่อ!

“จับตัวมันเอาไว้!” จักรวาลสั่นสะเทือนและไหวกระเพื่อม บรรดาดวงดาวก็ดูราวจะอับแสงไป แผนที่ที่โยวหรันเรียกออกมานั้นขณะนี้กลายมาเป็นจุดกำเนิดแสงสว่างเพียงแห่งเดียวขณะที่มันพวยพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ ราวกับว่าศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันกำส่วนหนึ่งของจักรวาลเอาไว้ในมือและใช้มันเพื่อเอาชนะหวังเป่าเล่อก็ไม่ปาน!

แต่นั่นอาจเป็นการอธิบายเกินจริงไปเสียหน่อย อันที่จริงแล้ว พลังที่แท้ของคาถาอาจไม่ได้ยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับที่อธิบายไป แต่ถึงกระนั้น ความยิ่งใหญ่ของคาถาและความรู้สึกเมื่อได้เห็นก็ยังน่าตื่นตะลึงอยู่เช่นเดิม!

ความมุ่งร้ายที่แปรเปลี่ยนกลายเป็นจิตสังหารรุนแรงขนาดที่หวังเป่าเล่อไม่เคยสัมผัสมาก่อนปะทุขึ้นในใจของชายหนุ่มราวกับเป็นประกายสายฟ้านับแสน สัญญาณเตือนในศีรษะชายหนุ่มดังขึ้นพร้อมกัน หัวใจของเขาแทบจะหยุดเต้นเพราะความรุนแรงของการโจมตีที่กำลังใกล้เข้ามา หวังเป่าเล่อรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา วิญญาณเริ่มสั่นไหว ชายหนุ่มไม่อาจจะหลบการโจมตีนั้นได้ ไม่มีเวลาชั่งใจว่าเหตุใดจู่ๆ ดวงตาปีศาจก็สูญสิ้นพลังไปเสียเฉยๆ ชายหนุ่มที่ดวงตาแดงก่ำทำได้เพียงใช้ทุกสิ่งที่มีเพื่อสั่งงานดวงตาปีศาจเบื้องหลังให้ได้อีกครั้ง!

ต้องทำให้โยวหรันหยุดชะงักและขัดขวางแผนที่ดวงดาวให้ได้ เป็นวิธีเดียวที่จะโต้ตอบการโจมตีของอีกฝ่ายและหลีกเลี่ยงความตายได้!

“ข้าสังหารเจ้ามาแล้วครั้งหนึ่ง ทำไมจะทำอีกครั้งไม่ได้!” แววตาบ้าคลั่งปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหวังเป่าเล่อ วิญญาณจุติดวงดาราลืมตาขึ้นก่อนจะปลดปล่อยพลังปราณทั้งหมดออกมาสนับสนุนดวงตาปีศาจ ซึ่งลืมตาตื่นอย่างเต็มที่ในอีกอึดใจต่อมา มีเส้นเลือดสีแดงก่ำปรากฏขึ้นทั่วม่านตา พลังมหาศาลที่ก่อตัวขึ้นเป็นผนึกเข้าไปปิดล้อมศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเอาไว้!

ผลึกในดวงตาของโยวหรันส่องแสงออกมาเลือนลาง แต่ก่อนที่เขาจะทำอะไรได้ หวังเป่าเล่อก็ตะโกนท่องบทสวดอยู่ในศีรษะ พลังอันทรงอำนาจที่เดินทางมาจากส่วนลึกสุดของอวกาศแผ่ลงมาจากเบื้องบนของพวกเขา และปะทุอยู่รอบกายของทั้งคู่!

เสียงกัมปนาทดังสนั่นขึ้นภายในศีรษะของผู้ฝึกตนทุกคนเมื่อพลังนั้นมาถึง ตอนนั้นเอง ดวงตาปีศาจสีดำก็ปลดปล่อยพลังออกมาเต็มขั้น สุดท้ายสีหน้าของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันก็เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก ทั้งตัวเขาและแผนที่ดวงดาวอันน่าเกรงขามชะงักไปชั่วอึดใจ

แสงจากผลึกรูปร่างแปลกประหลาดที่อยู่ลึกลงไปในดวงตาของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันอ่อนลงไปมาก ราวกับว่าประกายกล้าของมันเมื่อครู่ถูกพลังงานจากภายนอกที่เข้าปกคลุมสะกดทับเอาไว้ ก่อนจะกักขังประกายของมันเอาไว้ด้านใน!

หวังเป่าเล่อรีบฉวยโอกาสทันทีอย่างไม่รอช้า เขาทิ้งร่างอวตารไว้ข้างหลังก่อนจะพุ่งตัวออกไป ร่างกายภายในเกราะจักรพรรดิยกแขนขวาขึ้น แสงที่ส่องออกมาจากอาวุธเทพแรงกล้าราวกับเป็นดวงตะวัน เขาเล็งอาวุธเทพไปทางโยวหรันแล้วฟันทันที!

คลื่นพลังวิญญาณไหลบ่าไปทั่วจักรวาล แรงที่ฟันลงไปนั้นปรากฏเป็นสายรุ้งทอดยาว เคลื่อนที่ผ่านความเวิ้งว้างอันมืดมิดไปโผล่อยู่ตรงหน้าศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันทันที มันเลี่ยงแผนที่ดวงดาวแล้วพุ่งเข้าใส่โยวหรันโดยตรง

ตอนนั้นเอง ผลึกในดวงตาของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันก็หลุดออกมาได้ ดวงตาปีศาจของหวังเป่าเล่อสั่นสะท้าน ขณะที่ตัวชายหนุ่มเองก็บ้วนเอาเลือดออกมากองใหญ่ ผลึกนั้นปลดปล่อยพลังออกมาเต็มที่ได้อีกครา

ประสาทสัมผัสของหวังเป่าเล่อรู้สึกถึงอันตรายและความบ้าคลั่งที่ขยับเข้ามาพร้อมๆ กัน ชายหนุ่มไม่ได้ล่าถอย แต่กลับยืนปักหลักตั้งมั่นและส่งแรงฟันไปข้างหน้าต่อไป!

ฝ่ายโยวหรันเองก็เพิ่งขยับตัวได้อีกครั้ง ชายชราไม่ได้พยายามหลบการโจมตีของหวังเป่าเล่อแต่อย่างใด กลับกัน เขาประกบฝ่ามือสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ ด้วยจิตสังหารแรงกล้า แล้วเหวี่ยงแผนที่ดวงดาวเข้าไปสกัดกั้นการโจมตี แผนที่ดวงดาวและอาวุธเทพของหวังเป่าเล่อปะทะกันทันที!

“สลายไปเสีย!” หวังเป่าเล่อคำราม ก่อนจะฟาดอาวุธเวทลงไปอย่างแรง ฟาดฟันแผนที่ดวงดาวจนแหลกเป็นชิ้นๆ!

เสียงกัมปนาทดังสนั่นสะท้อนไปทั่วจักรวาล คลื่นพลังวิญญาณไหลบ่ากระจายออกไปราวกับเป็นคลื่นขนาดมโหฬาร แรงสะท้อนกลับกระแทกเข้าใส่ผู้ฝึกตนทั้งสองฝ่าย หลายต่อหลายคนถึงกับกระอักเลือดก่อนจะรีบซวนเซหลีกให้พ้นทาง

เลือดไหลซึมออกมาจากปากของหวังเป่าเล่อเช่นกัน พลังมหาศาลพวยพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มทันทีที่แผนที่ดวงดาวแหลกสลาย แม้จะมีการป้องกันของเกราะจักรพรรดิอยู่ก็ไม่อาจปกป้องเขาจากอาการบาดเจ็บได้ แรงสะท้อนกลับรุนแรงเสียจนเกราะจักรพรรดิแตกร้าวไปทั่ว หวังเป่าเล่อกระเด็นถอยหลังไป ประสาทสัมผัสของชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงอันตรายทันทีที่เห็นมือของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเอื้อมออกมาจากด้านหลังแผนที่ดวงดาวที่แหลกสลายนั้น

มือข้างนั้นเปี่ยมไปด้วยพลังประหลาด ผลึกที่อยู่ในดวงตาของชายชราบัดนี้มาปรากฏอยู่บนฝ่ามือที่ยื่นมา หมายมั่นจะจับตัวหวังเป่าเล่อเอาไว้ให้ได้!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากชายหนุ่มถูกจับได้ ทั้งร่างกายและวิญญาณคงถูกทำลายจนสิ้นซาก เขาไร้ซึ่งพลังจะตอบโต้ โชคยังดีที่หวังเป่าเล่อเป็นนักสู้มากประสบการณ์ ขณะที่เงื้อมมือมัจจุราชกำลังจะถึงตัว ชายหนุ่มก็รีบสลับที่กับร่างอวตารทันที

ร่างจริงของหวังเป่าเล่ออันตรธานหายไป มีร่างอวตารมาปรากฏอยู่แทนที่ ร่างนั้นระเบิดทันทีที่เงื้อมมือของโยวหรันคว้ามันไว้ได้ แรงระเบิดสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งจักรวาลและพุ่งเข้ากระแทกมือนั้นอย่างแรง

ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันส่งเสียงฮึ่มอยู่ในลำคอ ก่อนจะแปรสภาพเป็นสายรุ้งเส้นยาว และพุ่งทะลุเศษแผนที่ดาวที่แหลกสลายตรงไปยังร่างจริงของหวังเป่าเล่อซึ่งยืนอยู่บนไหล่ของราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีทันที

ชายชราเคลื่อนที่รวดเร็วจนร่างของเขากลายเป็นเพียงภาพพร่าเลือนที่พุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะจบการต่อสู้นี้ลงโดยเร็วที่สุด โดยไม่ยอมให้โอกาสหวังเป่าเล่อได้ตั้งตัวและตอบโต้ แต่ดูเหมือนชายชราจะดูถูกปฏิกิริยาตอบสนองอันว่องไวของหวังเป่าเล่อเกินไป ทันทีที่ชายหนุ่มสลับตำแหน่งกับร่างอวตาร เขาก็ทุบเมล็ดบัวอีกสิบเมล็ดอย่างแน่วแน่ ราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีที่อยู่ภายใต้การควบคุมของหวังเป่าเล่อคำรามและพุ่งตัวออกไปทันที ก่อนจะยกหมัดขวาขึ้นต่อยออกไปข้างหน้า!

ราวกับว่าหวังเป่าเล่อและศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันลงมือพร้อมกัน ทั้งคู่พุ่งเข้าใส่กันก่อนจะปะทะกันในที่สุด ราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีซวนเซถอยหลังจากการปะทะรุนแรง ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันก็กระดอนกลับไปหลายร้อยเมตร ก่อนจะหยั่งเท้าและหยุดตัวเองได้ ชายชราเงยใบหน้าถมึงทึงเปี่ยมด้วยโทสะขึ้นจ้องมองไปยังบ่าของราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีตรงที่หวังเป่าเล่อยืนอยู่

มีเลือดซึมออกมาจากมุมปากของชายหนุ่ม เขาเองก็เงยหน้าขึ้นมองโยวหรันเช่นกัน การต่อสู้ของทั้งคู่เพิ่งเริ่มมาได้ไม่กี่อึดใจ และเห็นได้ชัดว่าหวังเป่าเล่อเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ชายหนุ่มก็ยืนหยัดรับมือได้ด้วยไหวพริบและบรรดาเคล็ดวิชาเฉพาะตัว

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท