บทที่ 181 ชาเย็นเชื่อมต่อพลังหิมะเยือกแข็งแห่งสวรรค์และโลก!
มัจฉาสัตมายารู้สึกหวาดกลัว ทั้งตัวของมัจฉาดีดดิ้นอย่างสุดแรงเกิดแต่ช่างไร้ประโยชน์
มันไม่มีพลังเลย!
ฤทธิ์ของเหยื่อที่มันกินเข้าตอนนั้นยังคงมีผลอยู่ พลังทั้งหมดของมันจึงถูกยับยั้งเอาไว้
เมื่อมันคิดว่ามันกำลังจะตายและต้องถูกแมวสีขาวตัวน้อยกินทั้งเป็น ผู้ใดจะรู้ว่าแมวสีขาวตัวน้อยแค่ทำเป็นวางท่า ไม่ได้ตั้งใจจะกินมันเลย ซ้ำยังโยนมันกลับลงในโอ่งน้ำหลังจากวางท่า!
เหมียว!
ลั่วสุ่ยร้องพลางมองไปที่อันหลานเสวี่ยอย่างสื่อความนัยชัดเจน ดูเสียให้เต็มตา! ทั้งหมดนี้คืออาหารของข้า!
ไม่เลว
นางเพียงวางท่าจับปลา ไม่ได้คิดจะกินมันทั้งเป็นเสียหน่อย…
ท่านเซียนตุ๋นปลาให้นางกินทุกวัน อยู่กับท่านเซียนในที่แห่งนี้นับว่าดียิ่ง แต่นางก็ไม่รู้อีกว่าสายเลือดของนางพัฒนาไปไกลถึงเพียงใดแล้ว
แต่ถึงกระนั้น นางกลับมั่นใจว่าตัวนางมีสายเลือดที่เหนือกว่าพยัคฆ์ขาว!
ในอดีตนางไม่สามารถกินหรือกัดมัจฉาเหล่านี้ทั้งเป็นได้ด้วยซ้ำ
ทว่ายามนี้การกินมัจฉาเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังง่ายดายยิ่ง
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น นางก็ไม่อยากกินมันทั้งเป็น
ท่านเซียนทำปลาตุ๋นอร่อยเสียยิ่งกว่าอะไร ผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็นับว่าดีเยี่ยม แล้วนางจะกินปลาสดไปเพื่ออะไรกัน?
ปลาสดนั้นทานยาก มิหน้ำซ้ำ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ดีเท่าปลาตุ๋นของท่านเซียน!
นางไม่อยากกินปลาสด!
อันหลานเสวี่ยเห็นภาพตรหน้าแล้ว นางจะยังไม่เข้าใจความหมายของแมวสีขาวตัวน้อยได้อย่างไร แมวสีขาวตัวน้อยมาที่นี่เพราะหวงอาหารของมัน!
“วางใจเถิด พวกมันเป็นของเจ้า!”
นางรีบกล่าวทันที
ตรงกันข้ามกับในใจที่นึกขันแมวสีขาวตัวน้อย มันช่างน่ารักยิ่งนัก!
เป็นสัตว์เลี้ยงของท่านเซียนใช่หรือไม่?
ท่านเซียน…ช่างไม่อาจจินตนาการได้จริง ๆ คาดไม่ถึงจะเลี้ยงแมวด้วยมัจฉาสายเลือดน่าเกรงกลัวถึงเพียงนี้!
นางรู้สึกว่าเหมือนตนเองกำลังมองท้องนภาจากก้นบ่อน้ำ*[1] แต่ตอนนี้นางเพิ่งจะเห็นฟ้าดิน แท้จริงแล้วเป็นเช่นนี้นี่เอง!
เหมียว!
ลั่วสุ่ยส่งเสียงร้องอย่างพึงพอใจ ก่อนจะกระโดดลงจากโอ่งน้ำ
ถูกต้องแล้ว!
หัวแตกได้ เลือดไหลได้ แต่อาหารห้ามน้อยเด็ดขาด!
นี่ชีวิตคนอย่างนาง…อ๊ะ ไม่สิ ชีวิตแมวอย่างนาง อืม ชีวิตแมวไม่ค่อยถูกเท่าไร ต้องบอกว่าชีวิตพยัคฆ์ต่างหาก!
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่จิ่วเต้าก็เดินออกมาพร้อมกับชาเย็นสองถ้วย ก่อนจะยื่นถ้วยหนึ่งให้อันหลานเสวี่ย
“ลองจิบดูสิ นี่เป็นชาเย็นที่ข้าทำเอง” หลี่จิ่วเต้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
อันหลานเสวี่ยถือชาเย็นด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำอย่างตื่นเต้น “ขอบคุณเจ้าค่ะ!”
ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าข้าคือ ท่านเซียน!
ท่านเซียนทำชาเย็นเอง ซ้ำยังยกมาให้นางถึงมือ ผู้ใดบนปฐพีนี้จะไม่มีความสุขกันเล่า!
นางไม่คิดไม่ฝันว่าตนเองจะได้มีวันนี้เหมือนกัน!
ช่างโชคดีจริง ๆ!
“ไม่ต้องเกรงใจไป”
หลี่จิ่วเต้าคิดว่าการบ่มเพาะของผู้ฝึกตนนั้นเป็นสิ่งที่ดีจริง ๆ พวกเขาล้วนแต่เป็นคนสุภาพมีมารยาทยิ่ง
ชายหนุ่มจิบชาเย็น มันทั้งเย็นและสดชื่น เป็นรสชาติผ่อนคลายอย่างไม่ต้องสงสัย!
อันหลานเสวี่ยยกชาขึ้น ก่อนจะจิบชาเย็นไปหนึ่งจิบ
นี่มันดีเกินไปแล้ว!
กลิ่นหอมของใบชากับความเย็นของก้อนน้ำแข็งทั้งสอง เข้าคู่กันอย่างยอดเยี่ยม ช่างเป็นรสชาติที่กลมกล่อมยิ่งนัก!
‘นี่มันไม่ใช่รสชาติกลมกล่อมธรรมดาแล้ว!’
นางพลันตกใจอย่างอธิบายไม่ถูก เพราะรู้สึกว่าหลังจากดื่มชาเย็นเข้าไป ร่างกายของนางคล้ายกับมีพลังพิเศษก็มิปาน มันเคลื่อนไหวไปในร่างกายของนาง และอวัยวะทั้งหมดในร่างกายก็ได้รับประโยชน์อันยิ่งใหญ่ ซ้ำยังผ่อนคลายมากกว่าเดิมด้วย!
กระทั่งอันหลานเสวี่ยรู้สึกถึงพลังหิมะเยือกแข็งแห่งสวรรค์และโลกที่กำลังเชื่อมกับตัวเอง นางจึงได้รู้สึกถึงกฎของหิมะเยือกแข็งแห่งสวรรค์และโลก!
ไม่อยากจะเชื่อจริง ๆ!
ต้องรู้ว่า นางไม่เคยฝึกตนเกี่ยวกับเคล็ดวิชาหิมะเยือกแข็งอะไรนั่นมาก่อนเลย!
มาตอนนี้ นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตนเองสามารถหยิบยืมพลังหิมะเยือกแข็งแห่งสวรรค์ แล้วนำมาสร้างคุณประโยชน์ให้กับตนเองได้!
นี่ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!
ชาเย็นทำเองของท่านเซียนช่างร้ายกาจนัก!
“กลมกล่อมดีหรือไม่?” หลี่จิ่วเต้าถาม
“อร่อยมากเจ้าค่ะ อร่อยมาก ๆ เลยเจ้าค่ะ!”
อันหลานเสวี่ยพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก เอ่ยปากชมอย่างจริงใจ
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว”
ชายหนุ่มแย้มยิ้ม และเริ่มพูดคุยกิจธุระ “อ้ายฉานกับเด็ก ๆ คนอื่นเข้าพรรคจื่อเสีย ต่อไปต้องรบกวนแม่นางเสวี่ยดูแลแล้ว!”
ดูแล?
ท่านเซียนมีพลังร้ายกาจถึงเพียงนี้ ยังต้องให้นางดูแลอ้ายฉานกับเด็ก ๆ คนอื่นอีกหรือ?
หลังจากอันหลานเสวี่ยฟังจบ ในใจก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย
เข้าใจแล้ว!
ต้องเป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน!
ท่านเซียนกำลังท่องโลกมนุษย์ในฐานะปุถุชน ย่อมดูแลอ้ายฉานกับเด็กคนอื่นไม่สะดวกนัก!
นอกจากนี้ขอบเขตของท่านเซียนเองก็สูงมาก เรื่องที่คิดหรือเรื่องที่จะทำต้องเป็นเรื่องสำคัญแรงร้ายเทียบฟ้า ท่านเซียนจะยังมีเวลาคิดถึงอ้ายฉานกับเด็กคนอื่นตลอดได้อย่างไร!
นี่เปรียบเสมือนกษัตริย์ท่ามกลางปุถุชน คือคิดลงมือทำแค่เรื่องสำคัญเพื่ออาณาจักร
กษัตริย์ไม่อาจห่วงใยเด็กเพียงแค่ไม่กี่คนได้เสมอไป!
‘มิแปลกใจเลยว่าเหตุใดท่านเซียนถึงเชิญข้ามา ซ้ำยังชงชาเย็นให้ข้าด้วยตนเอง!’
อันหลานเสวี่ยกล่าวในใจ
ยามนี้นางเข้าใจทุกอย่างแล้ว
เดิมทียังสงสัยว่านางเป็นเพียงผู้ฝึกตนธรรมดาทั่วไป ไหนเลยจะไปมีความสามารถ ทำให้ท่านเซียนมาสนใจกันได้
ที่แท้ทั้งหมดนี้เป็นเพราะอ้ายฉานกับเด็ก ๆ คนอื่น!
“คุณชายวางใจเถิด อ้ายฉานกับเด็กคนอื่นอยู่พรรคจื่อเสียไม่มีทางได้รับความอยุติธรรมอย่างแน่นอน! ”
อันหลานเสวี่ยกล่าวอย่างรีบร้อน
“ฮ่า ๆ พวกเขายังเด็ก ย่อมซุกซนก่อความวุ่นวาย ถึงเวลานั้นขอแม่นางเสวี่ยโปรดดูแลพวกเขาด้วย”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ย
“แม้จะไม่ใช่ญาติของพวกเขา แต่ข้าก็ชอบเด็ก ๆ เหล่านี้มาก หากแม่นางเสวี่ยชื่นชอบดอกไม้ในสวน ก็หยิบไปสักต้นเถิด อ้อ แม่นางเสวี่ยชื่นชอบภาพวาดหรือไม่ หากไม่รังเกียจก็หยิบภาพวาดในร้านไปสักภาพเถิด นี่ถือของแสดงความขอบคุณต่อแม่นางเสวี่ย”
ชายหนุ่มกล่าวต่อพลางยิ้ม
ประเดี๋ยวนะ!
ท่านเซียนให้สมุนไพรจักรพรรดิหนึ่งต้นไม่พอ ยังให้เลือกภาพวาดที่ท่านเซียนวาดเองกลับไปด้วยอีกหรือ!?
นี่ ๆ…
อันหลานเสวี่ยตื่นเต้นมากจนอยากจะเป็นลม!
สมุนไพรจักรพรรดิ เหล่ามหาจักรพรรดิโบราณยังไม่อาจควบคุมได้สักต้น!
มิจำเป็นต้องพูดถึงภาพวาดของท่านเซียน มันล้ำค่าเสียยิ่งกว่าสมุนไพรจักรพรรดิด้วยซ้ำ!
ภาพวาดแต่ละภาพแฝงด้วยจังหวะแห่งเต๋าไร้สิ้นสุด เพียงพอให้นางฝึกตนไปตลอดชีวิต!
และหากนางสามารถเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ นางก็ไม่รู้แล้วว่าขอบเขตของนางจะทะลวงไปถึงระดับใด!
‘อ้ายฉานกับเด็กคนอื่นมีวาสนาจริง ๆ ที่ได้รับความโปรดปรานจากท่านเซียน!’
อันหลานเสวี่ยพูดในใจอย่างอิจฉา
“คุณชาย สิ่งของพวกนี้ล้ำค่าเกินไป! มิจำเป็นต้องใจกว้างกับข้าเลยเจ้าค่ะ! “
นางกล่าวอย่างนอบน้อม
ถึงแม้จะอยากได้ภาพวาดของท่านเซียนกับสมุนไพรจักรพรรดิมาก แต่…นางไม่กล้า!
ภาพวาดของท่านเซียนกับสมุนไพรจักรพรรดินั้นล้ำค่าเกินไปจริง ๆ!
“ล้ำค่าหรือ? ไม่หรอก ข้าปลูกต้นไม้ใบหญ้าด้วยตัวเอง ภาพวาดในร้านก็เป็นข้าทำด้วยตัวเอง มันหาได้ล้ำค่าเพียงนั้น แม่นางเสวี่ยรับไปเถิด”
หลี่จิ่วเต้ากล่าว ในใจคิดว่าอันหลานเสวี่ยชื่นชอบดอกไม้กับภาพวาดจริง ๆ
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นของปุถุชน กับผู้ฝึกตนแล้วไหนเลยจะล้ำค่าได้กัน!?
มีเพียงผู้ชื่นชอบแท้จริงเท่านั้น จึงจะคิดว่าพวกมันเป็นสิ่งของล้ำค่า!
ท่านเซียนกล่าวเช่นนี้ อันหลานเสวี่ยจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร?
หากยังยืนยันปฏิเสธอีกครั้ง นางก็ไม่รู้ดีชั่วแล้ว ซ้ำไม่รู้เป็นตายอีกด้วย…
“ขอบคุณคุณชายเจ้าค่ะ!” นางขอบคุณท่านเซียนอย่างสุภาพ
“เจ้าไปเลือกก่อนเถิด ประเดี๋ยวข้าจะไปเอากระถางดอกไม้มาให้”
หลี่จิ่วเต้าแย้มยิ้ม เขาเคยทำกระถางดอกไม้ไว้ไม่น้อย ในบ้านน่าจะเหลือสักกระถางสองกระถาง
ใครใช้ให้เขาชื่นชอบการปลูกต้นไม้ ดอกไม้ในบ้านกันเล่า ด้วยเหตุนี้ในบ้านจึงมักจะมีต้นไม้ดอกไม้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ
‘ว่าง ๆ ต้องหาเวลาทำกระถางดอกไม้จริง ๆ เสียแล้ว…’ หลี่จิ่วเต้าคิดในใจของเขา
[1] ท้องนภาจากก้นบ่อน้ำ เปรียบเหมือนการที่มีทัศนคติที่คับแคบ ตรงกับสำนวนไทย ‘กบในกะลา’