แววตาลู่เจียวดุดัน หากไม่ใช่นางมีห้วงอากาศ วันนี้พวกนางคงได้ตายอย่างไม่ต้องสงสัย เห็นได้ว่าคนบงการเบื้องหลังโหดเหี้ยมอำมหิต เจ้าหมอนี่จะให้ดีก็อย่าได้ตกมาอยู่ในมือพวกนางอย่างเด็ดขาด
ลู่เจียวคิดแล้วก็พาเซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้าห้วงอากาศ
ในห้วงอากาศได้สูดกลิ่นอายวิเศษเข้าเต็มปอด แสงสว่างราวกับกลางวัน ลู่เจียวพาเซี่ยอวิ๋นจิ่นมานอนบนเตียงในห้องไม้ไผ่
เพื่อป้องกันเซี่ยอวิ๋นจิ่นตื่น ลู่เจียวจึงฉีดยาระงับประสาทให้เขาอีกเข็ม ให้เขาได้หลับลึก
นางรีบถึงลูกธนูให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นแล้วก็พันแผล
ในห้วงอากาศ ลู่เจียวยุ่งอยู่กับการพันแผลให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น แต่ยามนี้บนภูเขาเฮยเฟิงวุ่นวายกันไปหมด
เอ้อร์เป่าเห็นกับตาว่าท่านพ่อท่านแม่ตกลงไปในช่องทางลับแล้วก็หายตัวไป เขากลัวจนแผดเสียงร้องไห้ดังลั่น
หร่วนจู๋เห็นเจ้านายหายไป ก็เหมือนเทพสังหารเข้าสิง เปิดศึกสังหารราบคาบ
หลี่หนานเทียนกับโจวเส้ากงเองก็ลงมือสังหารคนชุดดำพวกนั้น
คนชุดดำเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับภรรยาตกลงไปในช่องทางลับแล้วก็ไม่คิดอยู่ต่อ พากันสลายตัวทันที
แม้ว่าสังหารได้ส่วนหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่ก็หนีไปได้
หลี่หนานเทียนให้โจวเส้ากงรีบกลับไปอำเภอชิงเหอรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ทั้งหมดให้นายอำเภอหูรู้ จากนั้นเขาก็พาหร่วนไคหร่วนจู๋สองคนเริ่มค้นหาบนเขา หวังว่าจะหาปุ่มเปิดช่องทางลับช่วยเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวออกมาได้
พอนายอำเภอหูได้รับรายงานก็รีบแจ้งสวี่เซี่ยนเว่ยและมือปราบจ้าว สามคนหารือกันแล้วก็พาคนที่จวนมา ตัดสินใจไม่พามือปราบที่ว่าการอำเภอมา
พวกมือปราบล้วนถูกซื้อตัวไปหมดแล้ว หากพวกเขาขึ้นเขามา ไม่แน่อาจทำให้เสียการ
สุดท้ายนายอำเภอหู สวี่เซี่ยนเว่ยและมือปราบจ้าวก็พาคนงานและผู้คุ้มกันจวนตนขึ้นเขามา
พอตระกูลจ้าวกับตระกูลหันได้รับข่าว ก็พาคนของตนขึ้นภูเขาเฮยเฟิงมาช่วยค้นหาด้วย
จ้าวหลิงเฟิงได้ยินว่าลู่เจียวหายตัวไป ร้อนใจยิ่งกว่าผู้ใด สามโรงผลิตพวกเขาตอนนี้สร้างได้พอสมควรแล้ว หากลู่เจียวเกิดเรื่องแล้วเป็นอะไรไป โรงผลิตเขาจะทำเช่นไร เงินทองเขาเล่า
บนภูเขาเฮยเฟิง ทุกคนค้นหาปุ่มกลไกทั่วภูเขา
ในช่องทางลับ ลู่เจียวเห็นว่าได้เวลาพอสมควรแล้วก็รีบพาเซี่ยอวิ๋นจิ่นออกจากห้วงอากาศลงมาในช่องทางลับ
ในช่องทางลับแม้ว่าไม่ได้มืดเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ยังคงมืดสลัวอับแสง ลู่เจียวต้องรอสักพักกว่าจะปรับสายตาเข้ากับแสงได้
ยามนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นฟื้นแล้ว พอเขาลืมตาขึ้นมาเห็นคนข้างกายก็คิดถึงที่ลู่เจียวพูดก่อนที่ตนเองจะสลบไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสงสัยว่าจะเป็นภาพที่ตนเพ้อพกไปเองหรือไม่ ดังนั้นจึงคิดหาพิสูจน์หลักฐานด้วยสัญชาตญาณทันที เขายื่นมือออกไปกุมมือลู่เจียว
“ลู่เจียว ข้าจำได้ว่าเจ้ารับปากข้า จะให้เวลาพวกเราอยู่ร่วมกันปีครึ่ง เรื่องนี้เจ้าห้ามไม่ยอมรับนะ”
ลู่เจียวหันหน้าไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น เจ้าหมอนี่ไม่เชื่อนางหรือ นางเป็นคนพูดจาไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นหรือ
“เจ้าว่าข้าเป็นคนประเภทที่พูดแล้วไม่ทำหรือ”
นางกล่าวจบก็คิดได้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ จึงกล่าวต่อว่า “เซี่ยอวิ๋นจิ่น ข้าบอกเจ้าไปแล้วย่อมไม่กลับคำ พวกเราลองอยู่ร่วมกันดูก่อน ดูว่าเหมาะหรือไม่ เจ้าควรรู้ว่าข้าไม่ใช่คนในยุคสมัยนี้ ความคิดฝันมากมายของข้าและการกระทำล้วนไม่เหมือนผู้หญิงในยุคสมัยนี้ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะยอมรับข้าที่ไม่เหมือนกับผู้หญิงในยุคนี้ได้หรือไม่ หรือยอมรับได้ขนาดไหน…”
ลู่เจียวยังกล่าวไม่จบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็รับคำ กล่าวว่า “ข้าได้ ข้าได้”
ลู่เจียวยิ้มขัดขึ้น “ได้หรือไม่ได้ ต้องรออยู่ร่วมกันแล้วค่อยว่ากัน”
นางให้เวลาเขาอยู่ร่วมกับนางปีครึ่ง นอกจากเพราะในนิยายเซี่ยอวิ๋นจิ่นมีภรรยาที่ชะตากำหนดไว้แล้ว ยังต้องดูว่านางและเขาเหมาะที่จะอยู่ร่วมกันหรือไม่ อย่างไรระหว่างนางและเขาก็ต่างกันมาก
อย่าได้ถึงตอนนั้น เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่อาจยอมรับสิ่งที่นางทำได้ เทียบกับวันหน้า หากนางและเขาต้องทะเลาะกัน ไม่สู้เริ่มแรกก็อย่าได้อยู่ด้วยกันเลยดีกว่า
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็รู้ว่านางเป็นคนพูดจริงทำจริง
แม้ว่าเขาแทบจะอยากให้นางรีบรับปากเขาว่าจะอยู่ต่อ แต่นางให้เวลาอยู่ร่วมกันปีครึ่ง เขาก็พอใจมากแล้ว ในเวลาปีครึ่งนี้เพียงพอจะที่ทำให้เขาและนางเข้าใจและยอมรับกันและกันแล้ว
“ได้ ทำตามเจียวเจียวว่า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเรียกชื่อเจียวเจียวออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก ทำเอาลู่เจียวแอบเขิน รู้สึกว่ายามที่เขาเรียกสองคำนี้ออกมาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ทำเอานางรู้สึกขัดเขินมาก
ลู่เจียวหันไปมองทางอื่นด้วยอาการเก้กัง กล่าวว่า “ตอนนี้พวกเรายังอยู่ในช่องทางลับ ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายปล่อยควันพิษในช่องทางลับ ข้าถอนพิษให้เจ้าแล้ว ตอนนี้ควันพิษสลายไปแล้ว ใช่แล้ว พวกเราไม่เป็นอะไรแล้ว พวกเราลองสำรวจกันก่อนดีกว่าว่าที่นี่คือที่ไหน คนข้างบนหาพวกเราไม่เจอจะต้องวุ่นวายแน่ หากลูกๆ รู้พวกเราหายตัวไป เกรงว่าคงร้อนใจตายแล้ว พวกเรารีบหาทางออกไปกันเถอะ”
ลู่เจียวไม่ได้พูดถึงห้วงอากาศของตนเองให้เขารู้ในตอนนี้ หากนางภายหลังอยู่กับเซี่ยอวิ๋นจิ่นต่อไปได้จริง ถึงตอนนั้นบอกเขาก็ไม่สาย หากทั้งสองคนอยู่ด้วยกันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรอีก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบพยักหน้ารับคำ “ตกลง”
เขากล่าวจบก็ยื่นมือออกไปประคองแขนลู่เจียวลุกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ลู่เจียวประคองเขา ทั้งสองคนเดินไปตามช่องทางลับ
“ที่นี่น่าจะเป็นที่ที่พวกโจรที่ยึดครองภูเขาขุดไว้ ไม่รู้ว่าทำไมพวกคนสี่ตระกูลใหญ่จึงได้รู้ได้ ถึงกับเอามาจัดการพวกเรา”
ลู่เจียวกล่าวจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็กล่าวต่อว่า “พวกเราออกไปแล้ว เรื่องแรกที่ต้องจัดการก็คือกวาดล้างเงินทองตระกูลหยางกับตระกูลเผิง จากนั้นก็จับตัวคนทั้งสองไว้”
“เชื่อว่าสี่ตระกูลใหญ่และพ่อค้าอำเภอชิงเหอที่อยู่เบื้องหลังคงไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรอีก”
แววตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นเย็นเยียบดุดัน รอบกายเปล่งรัศมีเยียบเย็น เขาต้องกวาดล้างแมลงศัตรูพืชพวกนี้ให้ราบคาบ
ลู่เจียวพยักหน้า ทั้งสองคนเดินไปตามช่องทางลับได้ครู่หนึ่ง ก็พบว่าด้านหน้ามีทางแยกสามทาง ทั้งสองคนอึ้งไปทันที พวกเขาไม่กล้าเดินต่อไป
“สามเส้นทาง หากไม่เหนือความคาดหมาย น่าจะมีสองเส้นทางคือค่ายกลในช่องทางลับ มีเพียงเส้นทางเดียวที่เป็นทางจริง”
ลู่เจียวกำลังเสนอตัวว่าจะไปสำรวจดูเอง นางมีห้วงอากาศ นางเข้าไปได้ หากพบเหตุผิดปกติก็รีบเข้าไปหลบในห้วงอากาศ เช่นนี้ก็จะหาเส้นทางออกที่แท้จริงได้
แต่นางไม่ทันได้เอ่ยอะไร เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เดินไปสำรวจดูสามเส้นทางตรงหน้า ไม่นานเขาก็ชี้ไปยังเส้นทางทางซ้าย กล่าวว่า “นี่น่าจะเป็นเส้นทางปกติ อีกสองเส้นทางน่าจะมีค่ายกล”
ลู่เจียวเดินเข้าไปมองสำรวจอย่างละเอียด พบว่าปากทางเส้นทางซ้ายสุดดินอัดแน่น เห็นชัดว่ามีคนเดินผ่านไปมาจนทำให้ดินอัดแน่น กลับกัน อีกสองเส้นทางดินค่อนข้างร่วนซุย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ในเมื่อคนพวกนั้นใช้ช่องทางลับปล่อยควันพิษ ก็แสดงว่าพวกเขารู้ช่องทางลับใต้ดินนี่ ปกติไม่แน่ว่าพวกเขาใช้ช่องทางลับนี่เดินทางไปมา ช่องลับที่เดินทางไปมากับไม่ใช้นั้นแตกต่างกันลิบลับ”
ลู่เจียวยิ้มชม “เซี่ยอวิ๋นจิ่น เจ้าร้ายกาจจริงๆ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียว ในใจก็อดดีใจไม่ได้ แต่ลู่เจียวเรียกเขาทั้งชื่อและแซ่ แลดูห่างเหิน เซี่ยอวิ๋นจิ่นทนไม่ไหว ต้องออกมาแสดงการต่อต้านว่า “เจียวเจียว เจ้าดูสิ ข้าเรียกเจ้าว่าเจียวเจียวแล้ว เจ้าก็ไม่ควรเอาแต่เรียกข้าว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่น เจ้าเรียกข้าว่าอวิ๋นจิ่นได้แล้ว หรือท่านพี่ก็ได้”