ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 186 ประทัด(ปลาย)

ตอนที่ 186 ประทัด(ปลาย)

“​ไม่เลย​เจ้าค่ะ​!​”​ ​ตง​ชิง​พูด​ขึ้น​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​หาก​เปรียบเทียบ​กับ​เมื่อก่อน​ ​ตอนนี้​บ่าว​สามารถ​กิน​ๆ​ ​นอน​ๆ​ ​เวลาว่าง​ก็​มานั​่ง​เย็บปักถักร้อย​ฆ่าเวลา​ ​ใช้ชีวิต​เหมือน​คุณหนู​ ​จะ​รู้สึก​เบื่อ​ได้​อย่างไรเล่า​เจ้า​คะ​!​”​ ​จากนั้น​นาง​ก็​ยิ้ม​พลาง​ไป​เปิด​ลิ้นชัก​บน​เตียง​เตา​ ​นำ​ห่อ​ผ้า​ห่อ​หนึ่ง​ออกมา​ ​“​บ่าว​ทำ​กระโปรง​ผ้าไหม​จับ​จีบ​ให้ฮู​หยิน​สอง​ชุด​ ​ท่าน​ลองดู​ว่า​ชอบ​หรือไม่​”​ ​พูด​จบ​นาง​ก็​เปิด​ห่อ​ผ้า​ออก​ ​เผย​ให้​เห็น​ผ้า​ดิ้น​สีแดง​กุหลาบ​และ​สีแดง​สด

“​ทำให้​ข้า​อีกแล้ว​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​คลี่​กระโปรง​ออกมา​ดู

ผืน​สีแดง​กุหลาบ​ปัก​ลาย​ไผ่​สีฟ้า​เข้ม​ ​ผืน​สีแดง​สด​ปัก​ลาย​ดอก​เหมย​สีเขียว

“​สวย​ทั้งหมด​เลย​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ข้า​ชอบ​สีแดง​กุหลาบ​มากกว่า​”

ตง​ชิง​ยิ้ม​พร้อมกับ​ค่อยๆ​ ​พับ​เก็บ​ ​“​ไท่ฮู​หยิน​อายุ​มาก​แล้ว​ ​ชอบ​สี​ที่​สด​และ​ฉูดฉาด​มากกว่า​ ​บางครั้ง​ท่าน​ควรจะ​หา​โอกาสดี​ๆ​ ​บ้าง​ถึง​จะ​ถูก​”​ ​คำพูดคำจา​ราวกับ​เป็น​พี่สาว​อย่างไร​อย่างนั้น

ใบหน้า​ของ​สือ​อี​เหนียง​ปรากฏ​รอยยิ้ม​ขึ้น​ ​หวนนึก​ถึง​ก่อนหน้านี้​ ​นาง​มักจะ​คอย​เตือน​คอย​บ่น​ตน​อยู่​เสมอ​ ​สือ​อี​เหนียง​หันไป​มอง​ลี่ว​์​อวิ​๋น​ ​ส่งสายตา​ให้​พวก​นาง​ถอย​ออก​ไป​ก่อน​ ​จากนั้น​ก็​พูดคุย​เรื่องส่วนตัว​กับ​ตง​ชิง

“​ลอง​นับ​ดูแล​้ว​ ​น้อง​หญิง​คนเล​็​กสุด​ของ​เจ้า​ก็​คง​ใกล้​จะ​แต่งงาน​ออกเรือน​แล้ว​กระมัง​”

นายท่าน​ใหญ่​กลับ​อวี​๋​หัง​เมื่อคราว​ที่แล้ว​ ​ป้า​เจียง​บ่าว​รับใช้​คนสนิท​ของ​นาย​หญิง​ใหญ่​ ​ก็ได้​ติดตาม​ไป​ด้วย​ ​หู่​พั่ว​ ​ตง​ชิง​ ​และ​คนอื่นๆ​ ​จึง​ฝาก​จดหมาย​ป้า​เจียง​กลับ​ไป​ด้วย​ ​ป้า​เจียง​ยัง​ได้​เอา​น้ำจิ้ม​ถั่วเหลือง​ที่มา​รดา​ของ​ตง​ชิง​ทำ​เอง​มาด​้วย​ ​ตอนนั้น​สือ​อี​เหนียง​นำ​ไป​คลุก​ข้าว​ทาน​ ​ทาน​ไป​ตั้ง​สอง​ถ้วย​พูน​ ​แม้แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​เอง​ก็​ยัง​ชม​ว่า​อร่อย​ ​ตอนแรก​ตั้งใจ​จะ​มอบให้​คนอื่น​ ​สุดท้าย​ก็​ตัดสินใจ​เก็บ​ไว้​ทาน​เอง

ตง​ชิง​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​“​แต่งงาน​กับ​คนดี​คน​หนึ่ง​”​ ​ตอนที่​ป้า​เจียง​กลับมา​แล้วก็​ได้​เล่า​เหตุการณ์​ให้​นาง​ฟัง​ ​“​น้องเขย​เป็น​บุตรชาย​คนเดียว​ ​ที่​บ้าน​มีที​่​ดิน​ราว​ห้าสิบ​หมู่​ ​ครอบครัว​เปิดร้าน​สกัด​น้ำมัน​เจ้าค่ะ​”​ ​พูด​จบ​ก็​ยิ้ม​ขึ้น​ ​“​จะ​ว่า​ไป​แล้ว​ ​ก็​เพราะ​ได้​บารมี​ของฮู​หยิน​…​เดิมที​ก่อนหน้านี้​ฝั่ง​นั้น​ออกจะ​รังเกียจ​ครอบครัว​ของ​บ่าว​เสียด​้วย​ซ้ำ​ ​ต่อมา​ก็ได้​รู้​ว่า​บ่าว​เป็นสาว​ใช้​คนสนิท​ของฮู​หยิน​ ​สุดท้าย​จึง​ได้​ตอบ​ตกลง​งานแต่ง​นี้​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​ด้วย​รอยยิ้ม

ขอ​เพียงแค่​ไม่ได้​นำไปใช้​ใน​ทาง​ที่​ผิด​ ​บารมี​และ​ชื่อเสียง​นี้​นาง​ก็​ยินดี​ที่จะ​ให้​ผู้อื่น​หยิบยืม​ไป​ใช้

“​เวลา​ผ่าน​ไป​เร็ว​ยิ่งนัก​ ​พริบตาเดียว​ ​ปีใหม่​ที่จะ​ถึง​นี้​เจ้า​ก็​จะ​อายุ​ครบ​ยี่สิบ​ปี​แล้ว​”

ตง​ชิง​ได้ยิน​แล้ว​ดวงตา​ก็​แดงก่ำ​ขึ้น​มา​ ​นาง​ค่อยๆ​ ​ก้มหน้า​ลง​เล็กน้อย​ ​ลูบ​ปลอก​นิ้ว​ทองแดง​ใน​มือเบา​ๆ

“​เรื่อง​ของ​เจ้าข้า​เก็บ​ไว้​ใน​ใจ​เสมอ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เห็นท่า​ที​ของ​นาง​แล้วก็​พูด​ขึ้น​ด้วย​เสียง​ที่​ทุ้ม​ต่ำ​ว่า​ ​“​เจ้า​ว่า​ ​ว่าน​ต้า​เสี่ยน​เป็น​อย่างไรบ้าง​”

“ฮู​หยิน​พูด​อะไร​กัน​…​บ่าว​ไม่เข้าใจ​เลย​เจ้าค่ะ​!​”​ ​จากนั้น​ก็​ก้มหน้า​ลง​ต่อ

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ว่า​สีหน้า​ท่าที​ของ​ตง​ชิง​ค่อนข้าง​แปลก​ ​ไม่​เขินอาย​เหมือน​คนที​่​ได้ยิน​คนอื่น​พูดถึง​เรื่อง​แต่งงาน​ของ​ตน​ ​กลับ​ดู​หวาดกลัว​และ​ตกใจ​เสียมา​กก​ว่า

สือ​อี​เหนียง​จำได้​ว่า​ก่อนหน้านี้​ตน​เคย​ให้​ตง​ชิง​ไป​ที่​ตรอก​จิน​อวี​๋​โดยเฉพาะ​ ​ก็​เพื่อ​อยาก​ให้​นาง​ไป​เห็น​ว่าน​ต้า​เสี่ยน​ด้วย​ตา​ตัวเอง​ ​หรือว่า​ตน​นั้น​มอง​คน​ผิด​ไป​ ​ว่าน​ต้า​เสี่ยน​ไม่ดี​ตรงไหน​อย่างนั้น​หรือ

“​ข้า​รู้สึก​ว่า​ลักษณะ​หน้าตา​ของ​เขา​ไม่เลว​ทีเดียว​ ​อายุ​ของ​พวก​เจ้า​ทั้งสอง​ก็​ไล่เลี่ยกัน​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​พลาง​สังเกต​สีหน้า​ของ​ตง​ชิง​อย่างละเอียดถี่ถ้วน​ ​“​เพียงแต่​ไม่ได้​มีสมบัติ​มากมาย​เท่าไร​นัก​ ​แต่​บุรุษ​ที่​ดี​จะ​ไม่​แบ่ง​สมบัติ​เก่า​ของ​บิดา​มารดา​ ​และ​สตรีที​่​ดี​จะ​ไม่​เรียกร้อง​สินสอดทองหมั้น​และ​ยังคง​สวม​เสื้อผ้า​ที่​เป็น​สินเดิม​ ​ข้า​ตั้งใจ​ย้าย​เขา​มาที​่​ห้อง​บัญชี​โดยเฉพาะ​ ​ตาม​อุปนิสัย​ของ​เขา​ ​ไม่​เกิน​สาม​ถึง​ห้า​ปีก​็​สามารถ​ทำ​เอง​ด้วย​ตัว​คนเดียว​ได้​หมด​แล้ว​ ​ไม่รู้​ว่า​ใคร​จะ​เป็น​คนที​่​วาสนา​ดี​ได้​แต่งงาน​กับ​เขา​กัน​นะ​…​”

สีหน้า​ของ​ตง​ชิง​สับสนวุ่นวาย​ไม่​ค่อย​มั่นคง​เท่าไร​นัก​…

ตอนนี้​สือ​อี​เหนียง​มั่นใจ​เป็นอย่างมาก​ ​ว่า​ตง​ชิง​นั้น​ไม่มี​ความดีใจ​กับ​เรื่อง​นี้​เลย​แม้แต่น้อย

สือ​อี​เหนียง​ถอนหายใจ​ออกมา​เบา​ๆ​ ​เปลี่ยนไป​คุย​เรื่อง​อื่น​แทน​ ​“​ตอนที่​ข้า​ป่วย​ ​มี​แค่​เจ้า​กับ​ปินจ​วี​๋​ที่​คอย​ดูแล​ข้า​อย่างสุดความสามารถ​ ​ความสัมพันธ์​ระหว่าง​เรา​ไม่​เหมือน​คนอื่น​เขา​ ​หาก​เจ้า​มีเรื่อง​ใน​ใจ​ ​ก็​บอก​กับ​ข้ามา​ตรงๆ​ ​ก็ได้​ ​ไม่ว่า​อย่างไร​ ​ข้า​ก็​ยัง​ยืน​อยู่​ฝั่ง​เดียวกัน​กับ​เจ้า​เสมอ​…​”

ตง​ชิง​เริ่ม​มีสี​หน้า​เขินอาย​ขึ้น​มา​เล็กน้อย

หรือว่า​ ​นาง​ชอบ​ใคร​ไป​แล้ว​…

ใน​ใจ​ของ​สือ​อี​เหนียง​สั่น​ไหว​เล็กน้อย​ ​นาง​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​อ่อนโยน​ว่า​ ​“​หาก​เจ้า​ไม่​สะดวก​ใจ​จะ​บอก​ข้า​ ​ก็​ไป​บอก​กับ​หู่​พั่ว​หรือ​ปินจ​วี​๋​ก็ได้​”

ตง​ชิง​ไม่ได้​พูด​อะไร​ออกมา​ ​นาง​ค่อยๆ​ ​หันหน้า​ไป​ด้าน​ข้าง​ ​ใบหน้า​แดงก่ำ​ยิ่งกว่า​เดิม

สือ​อี​เหนียง​เพียงแค่​รู้สึก​เสียดาย

เพราะ​นาง​รู้สึก​ว่าว​่าน​ต้า​เสี่ยน​ถือว่า​เป็น​คนดี​คน​หนึ่ง

ทั้งสอง​พูดคุย​กัน​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​สือ​อี​เหนียง​ก็​ลุกขึ้น​กลับ​ไป​ยัง​เรือน​ของ​ตน​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​เรียก​หู่​พั่ว​มา​ ​“​ไป​คุย​กับ​ตง​ชิง​หน่อย​ ​ไป​ฟัง​ว่านา​งมี​ความคิดเห็น​อย่างไรบ้าง​”

หู่​พั่ว​ยิ้ม​พร้อมกับ​ริน​ชา​ให้​สือ​อี​เหนียง​ ​“​วกไปวนมา​ ​พวก​บ่าว​ก็​หมุน​อยู่​ใน​วง​แคบ​ๆ​ ​เท่านั้น​ ​จะ​ไป​สู้​สายตา​ของฮู​หยิน​ได้​อย่างไร​กัน​ ​แน่นอน​ว่า​จะ​ต้อง​ฟังฮู​หยิน​อยู่​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

“​จะ​พูด​แบบนี้​ไม่ได้​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​หาก​ทุกอย่าง​สามารถ​ใช้​แค่​เงื่อนไข​ได้​ ​ใต้​หล้า​นี้​ก็​จะ​ไม่มี​ชาย​หญิง​ที่​ไม่​สมหวัง​ใน​รัก​มากมาย​ถึง​เพียงนี้​ ​เข้า​หวัง​เสมอ​ว่า​พวก​เจ้า​จะ​สามารถ​เลือก​ได้​อย่างใจ​หวัง​ ​มีชีวิต​ที่​ดี​”​ ​ทำเอา​หู่​พั่ว​ดวงตา​แดงก่ำ​ขึ้น​มา

“​ค่ำ​ๆ​ ​หน่อย​บ่าว​จะ​ไป​พูดคุย​กับ​พี่​ตง​ชิง​ ​อายุ​ของ​นาง​รอต​่อ​ไป​ไม่ได้​แล้ว​ ​มิเช่นนั้น​ ​คำครหา​นินทา​ต่างๆ​ ​ใน​จวน​ก็​จะ​เพิ่มพูน​มากขึ้น​”

“​คำครหา​นินทา​?​”​ ​สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​งุนงง​เป็นอย่างมาก

หู่​พั่ว​พูด​ขึ้น​อย่าง​อ้ำอึ้ง​ว่า​ ​“​ก็​ไม่มี​อะไร​หรอก​เจ้าค่ะ​!​ ​เพียงแต่​ถาม​ว่า​พี่​ตง​ชิง​กับ​พี่​ปินจ​วี​๋​อายุ​ก็​ไม่น้อย​แล้ว​ ​เหตุใด​ถึง​ยัง​ไม่มี​คู่ครอง​เสียที​ ​บ่าว​เพียงแต่​ตอบ​ไป​ว่ายัง​ไม่​เจอ​คนที​่​เหมาะ​ควร​เจ้าค่ะ​”

“​มี​คน​มาถาม​เจ้า​?​”

หู่​พั่ว​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​“​ป้า​สือ​ ​บ่าว​รับใช้​คนสนิท​ของฮู​หยิน​ห้า​เจ้าค่ะ​”

“​ก็​ยัง​ไม่​เจอ​คนที​่​เหมาะ​จริงๆ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ถอนหายใจ​ออกมา​เบา​ๆ​ ​“​ข้า​เอาแต่​รู้สึก​ว่า​ใคร​ก็​ไม่คู่ควร​กับ​พวก​เจ้า​”

“​อะไร​คู่ควร​ไม่คู่ควร​กัน​”​ ​จู่ๆ​ ​ก็​มีเสียง​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ดัง​ขึ้น​อย่าง​ไม่มี​ปี่​ไม่มี​ขลุ่ย

หู่​พั่ว​รีบ​ช่วย​ประคองฮู​หยิน​ลง​จาก​เตียง​เตา​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​หันไป​มอง​ม่าน​เตียง​ที่​ถูก​เปลี่ยน​ชุด​ใหม่​ ​เป็น​ม่าน​ผ้า​เก๋​อปู​้​เนื้อ​ละเอียด​สีเหลือง​แก่​ ​“​เปลี่ยน​เสร็จ​เร็ว​ขนาด​นี้​เชียว​หรือ​”

สือ​อี​เหนียง​และ​หู่​พั่ว​ย่อ​ตัว​ทำความเคารพ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​จากนั้น​ก็​หลีกทาง​ให้​เขา​เข้าไป​นั่ง​ที่​เตียง​เตา​ ​แล้วจึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ท่าน​โหว​สั่ง​ไว้​แล้ว​ ​พวกเรา​จะ​กล้า​ชักช้า​ได้​อย่างไร​ล่ะ​เจ้า​คะ​”​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​รับ​ถ้วย​น้ำชา​จาก​สาวใช้​ส่งมอบ​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วยตัวเอง

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยังคง​พูดถึง​เรื่อง​เมื่อครู่นี้​ ​“​กำลัง​คุย​อะไร​กัน​อยู่​”

หู่​พั่ว​ก้มหน้าก้มตา​ด้วย​ความ​เขินอาย​ ​จากนั้น​ก็​ถอย​ออกจาก​ห้อง​ไป

สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​แล้วก็​อด​รู้สึก​แปลกใจ​ไม่ได้

สือ​อี​เหนียง​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​กำลัง​พูดถึง​เรื่อง​ตง​ชิง​กับ​ปินจ​วี​๋​เจ้าค่ะ​ ​ทั้งคู่​อายุ​ไม่น้อย​แล้ว​ ​ก็​เลย​อยาก​จะ​หาคู่​ครอง​ให้​ ​แต่​ก็​ยัง​ไม่​เจอ​คนที​่​คู่ควร​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า​เล็กน้อย​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ขึ้น​อย่าง​ไม่เห็นด้วย​ว่า​ ​“​ไป​บอก​กับ​พ่อบ้าน​ไป๋​สัก​คำ​ก็​สิ้นเรื่อง​แล้ว​นี่​นา​ ​ใน​เรือน​น่าจะ​มี​คนที​่​อายุ​ไล่เลี่ย​กับ​พวก​นาง​ ​คนที​่​นิสัยใจคอ​ดี​รวมไปถึง​มีพฤ​ติกร​รม​ที่​เหมาะสม​”

หาก​เรื่อง​แต่งงาน​ง่ายดาย​ถึง​เพียงนี้​ก็​คงจะ​ดี​ไม่น้อย​กระมัง​!

สือ​อี​เหนียง​เอง​ไม่​อยาก​ที่จะ​ยื่นมือ​ไป​ยุ่มย่าม​เรื่อง​นี้​ ​จู่ๆ​ ​ก็​ไป​จับ​คน​สอง​คน​มา​แต่งงาน​อย่างง่ายดาย​ ​นาง​จึง​ยิ้ม​ขึ้น​พร้อมกับ​เปลี่ยน​เรื่อง​คุย​ ​“​นานๆ​ ​ครั้ง​ที่​ท่าน​โหว​จะ​มา​เช้า​ขนาด​นี้​ ​ถือโอกาส​นี้​เรียก​จุน​เกอ​กับ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​และ​คนอื่นๆ​ ​มาด​้ว​ยดี​หรือไม่​เจ้า​คะ​ ​จะ​ได้​ไปหา​ท่าน​แม่​เร็ว​กว่า​เดิม​หน่อย​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ครุ่นคิด​อยู่​คู่​หนึ่ง​ ​“​ก็ดี​ ​ไป​เร็ว​กว่า​เดิม​หน่อย​ ​ถือโอกาส​นี้​พูด​เรื่อง​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ไป​ที่​เขา​ซี​ซาน​กับ​ท่าน​แม่​ด้วย​”

สือ​อี​เหนียง​จึง​ฝาก​ให้​สาวใช้​ไป​บอก​เรื่อง​นี้​กับ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​จากนั้น​ก็​นั่ง​คุย​เรื่อง​ชีวิตประจำวัน​ทั่วๆ​ ​ไป​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ต่อ​ ​เมื่อ​สวี​ซื่อ​อวี​้​และ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​มาถึง​แล้ว​ ​ทุกคน​จึง​พากัน​ไปหา​ไท่ฮู​หยิน​พร้อม​ๆ​ ​กัน

ไท่ฮู​หยิน​เห็น​ว่าวั​นนี​้​ทุกคน​มาค​่อ​นข​้าง​เร็ว​ ​จึง​รู้สึก​ดีใจ​เป็นอย่างมาก​ ​รอ​ให้​จุน​เกอ​คารวะ​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สือ​อี​เหนียง​เรียบร้อย​แล้ว​ ​ก็​รีบ​ดึง​พวกเขา​มาคุย​ ​“​…​สวี​ลิ่ง​ควน​ขน​ประทัด​ชุด​ใหญ่​มาส​อง​สาม​ชุด​ ​ใหญ่​ขนาด​นี้​เห็นจะ​ได้​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​ยกมือ​ขึ้น​มาบ​อก​ขนาด​ความ​ใหญ่​ของ​ประทัด​ ​“​เอาไว้​จุด​ที่​ศาล​บรรพชน​ตอน​เซ่นไหว้​บรรพชน​วัน​ส่งท้าย​ปี​เก่า​…​”

สือ​อี​เหนียง​นึกในใจ​ ​อีก​ประเดี๋ยว​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​พูด​เรื่อง​ของ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​กับ​ไท่ฮู​หยิน​ ​ตน​อยู่​ตรงนี้​ด้วย​ ​แม่​ลูก​คุย​กัน​คงจะ​ไม่​สะดวก​เท่าไร​นัก​ ​จึง​หันไป​ส่งสายตา​ให้​กับ​สวี​ซื่อ​อวี​้​และ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​จากนั้น​ก็​หา​โอกาส​เข้าไป​จูงมือ​ของ​จุน​เกอ​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ข้า​พา​จุน​เกอ​ไป​เดาะ​ลูกขนไก่​ที่​ห้องโถง​นะ​เจ้า​คะ​”

ไท่ฮู​หยิน​ยิ้ม​พร้อมกับ​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​“​ไป​เถิด​ ​ไป​เถิด​!​”​ ​มอง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​สายตา​ที่​อ่อนโยน​และ​รักใคร่​เอ็นดู

แน่นอน​ว่า​สวี​ซื่อ​อวี​้​และ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​จะ​ต้องตาม​ไป​ด้วย​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​ได้​พา​เด็ก​ๆ​ ​ทั้ง​สาม​ออกจาก​ประตู​ไป

“​สายสัมพันธ์​ทาง​เลือด​แน่นแฟ้น​เสมอ​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​มอง​ไป​ยัง​ม่าน​ที่​กำลัง​สั่น​ไหว​เล็กน้อย​ ​นาง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​จุน​เกอ​ออกจะ​กลัว​คนแปลกหน้า​ขนาด​นั้น​ ​นี่​ยัง​ไม่ทัน​พ้น​เดือน​ที่สาม​ ​เดือน​ที่สี่​ ​ก็​สนิทสนม​กับ​สือ​อี​เหนียง​ขนาด​นี้​แล้ว​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​แล้วก็​ชะงัก​ไป

ตน​นั้น​ก็​ไม่ได้​เป็น​คนที​่​จะ​ให้​คนอื่น​เข้ามา​สนิทสนม​ได้​โดยง่าย​ ​แต่ทว่า​เพิ่งจะ​สามสี​่​เดือน​ ​กลับ​รู้สึก​เหมือนว่า​ตน​นั้น​เคยชิน​กับ​การ​ที่​มีสื​ออี​เหนียง​อยู่​ข้างๆ​ ​ไป​เสีย​แล้ว​…​อีกทั้ง​ยัง​ชอบ​แกล้ง​ชอบ​หยอกล้อ​นาง​โดยที่​ไม่รู้​สึก​เบื่อหน่าย​เลย​แม้แต่น้อย​…

เมื่อ​นึกถึง​ตรงนี้​ ​เขา​ก็​ตอบกลับ​อย่าง​ไม่​ค่อย​เป็นธรรมชาติ​ว่า​ ​“​ขอรับ​”

ไท่ฮู​หยิน​จ้องมอง​ไป​ยัง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​จิตใจ​ไม่​ค่อย​อยู่​กับ​เนื้อ​กับ​ตัว​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​มอง​ผ้าม่าน​ที่​นิ่ง​สงบ​ ​หัวเราะ​ออกมา​เบา​ๆ

*****

สือ​อี​เหนียง​พา​เด็ก​ๆ​ ​ทั้ง​สาม​ไป​ยัง​ห้องโถง​ ​จากนั้น​ก็​ยืน​ดู​จุน​เกอ​เดาะ​ลูกขนไก่​อยู่​ข้างๆ

จุน​เกอ​ดีใจ​เป็นอย่างมาก​ ​เปลี่ยน​ท่า​เดาะ​ลูกขนไก่​ไม่​ซ้ำ

เรียก​ตน​ออกมา​เพื่อ​จะ​ให้​ดู​จุน​เกอ​เดาะ​ลูกขนไก่​?

สวี​ซื่อ​อวี​้​ฉงน​สงสัย

ส่วน​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​นั้น​ค่อนข้าง​เป็นกังวล​ใจ

ไม่รู้​ว่า​ท่าน​พ่อ​ของ​ตน​จะ​คุย​เรื่อง​นี้​กับ​ท่าน​ย่า​อย่างไร​ ​หาก​ท่าน​ย่า​รู้​ว่า​แม่เลี้ยง​เป็น​คน​ช่วย​ตน​พูด​เรื่อง​นี้​ ​ไม่รู้​ว่า​จะ​กล่าวโทษ​แม่เลี้ยง​อย่างไรบ้าง​ ​ตอนแรก​เพราะ​เห็น​ว่า​ใน​บ้าน​ครึกครื้น​เป็นอย่างมาก​ ​จึง​เอาแต่​เป็นห่วง​ท่าน​ป้า​สะใภ้​รอง​ ​แต่กลับ​ไม่​นึกถึง​สถานการณ์​และ​จุดยืน​ของ​แม่เลี้ยง​เลย​…​รอยยิ้ม​ของ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​จึง​ค่อยๆ​ ​เจื่อน​ลง

จุน​เกอ​ค่อยๆ​ ​รับรู้​ถึง​ความ​ไม่​ปกติ​ของ​พี่ชาย​และ​พี่สาว​ของ​ตน​ ​จึง​หยุด​เดาะ​ลูกขนไก่​ลง​ ​สีหน้า​เต็มไปด้วย​ความ​งุนงง​ ​เอียง​คอ​ถาม​ด้วย​ความแปลกใจ​ว่า​ ​“​พวก​ท่าน​เป็น​อะไร​ไป​ ​ข้า​เดาะ​ไม่ดี​หรือ​อย่างไร​กัน​”

เมื่อ​ได้ยิน​จุน​เกอ​ถาม​พวกเขา​ ​สีหน้า​ของ​ทั้งสอง​ยังคง​หลงเหลือ​ความ​งุนงง​เล็กน้อย

สือ​อี​เหนียง​รีบ​เข้าไป​ลูบ​หัว​จุน​เกอ​เบา​ๆ​ ​พร้อมกับ​ปลอบโยน​เขา​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ ​“​ไม่ใช่​ ​ไม่ใช่​เสียหน่อย​ ​เพราะ​พวกเขา​เห็น​ว่า​เจ้า​เดาะ​ได้ดี​เกินไป​ต่างหาก​ ​ก็​เลย​ค่อนข้าง​แปลกใจ​”

“​จริง​หรือ​ขอรับ​”​ ​ใบหน้า​ของ​จุน​เกอ​ก็​ปรากฏ​รอยยิ้ม​ขึ้น​มาทัน​ที

“​จริง​สิ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พร้อมกับ​จูงมือ​ของ​จุน​เกอ​ ​“​เดาะ​นาน​ขนาด​นี้​แล้ว​ ​เจ้า​เหนื่อย​บ้าง​หรือไม่​ ​เรา​ไป​พักผ่อน​ที่​ห้อง​ปีก​ทิศตะวันออก​ดี​หรือไม่​ ​ประเดี๋ยว​ค่อย​มา​เดาะ​ต่อ​”

“​ข้า​ไม่​เหนื่อย​”​ ​จุน​เกอ​พูด​ขึ้น​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​ข้า​ยัง​อยาก​จะ​เดาะ​ต่อ​ขอรับ​”​ ​สีหน้าท่าทาง​ดูกระ​ตือ​รือ​ร้น​เป็นอย่างมาก

สือ​อี​เหนียง​มอง​ไป​ยัง​ใบหน้า​ที่​แดง​ระเรื่อ​ของ​เขา​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​หน้าผาก​ยัง​ไม่มี​เหงื่อ​ซึม​ ​จึง​รู้​ว่า​เขา​ยัง​ไม่​เหนื่อย​จริงๆ​ ​เลย​คลาย​มือ​ออก​ ​ขยับ​ไป​ยืน​ดู​เขา​ด้วย​รอยยิ้ม​อยู่​ข้างๆ​ ​แทน

จุน​เกอ​รีบ​พยักหน้า​ ​จากนั้น​ก็​เริ่ม​เดาะ​ลูกขนไก่​อีกครั้ง

จู่ๆ​ ​ก็​มีเสียง​ปรบมือ​ดัง​ขึ้น

ทุกคน​พากัน​หันไป​มองตาม​ต้นเสียง​ด้วย​ความแปลกใจ​ ​ก็​เห็น​คุณชาย​ห้า​สวี​ลิ่ง​ควน​ที่​พา​คุณชาย​น้อย​สาม​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​ยืน​ปรบมือ​อยู่​ข้าง​ม่าน​ประตู

“​จุน​เกอ​ ​ดู​ไม่​ออก​เลย​ว่า​ฝีมือ​การ​เดาะ​ลูกขนไก่​ของ​เจ้า​จะ​ดี​ขนาด​นี้​!​”​ ​คุณชาย​ห้า​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่จริง​ใจ​ ​แค่​ฟัง​ก็​รับรู้​ได้​ว่า​เป็น​คำพูด​ที่มา​จาก​ใจจริง​ๆ

จุน​เกอ​ยิ้ม​พร้อมกับ​รีบ​วิ่ง​ตรง​ไปหา​คุณชาย​ห้า​ทันที​ ​“​ท่าน​อา​ห้า​ ​ท่าน​อา​ห้า​ ​เตรียม​ประทัด​ใหญ่​เสร็จ​แล้ว​หรือ​ขอรับ​”

คุณชาย​ห้า​อุ้ม​จุน​เกอ​ขึ้น​มา​ ​บีบ​จมูก​ของ​จุน​เกอ​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​วาง​จุน​เกอ​ลง​แล้วจึง​หันไป​คารวะ​สือ​อี​เหนียง

สือ​อี​เหนียง​ย่อ​ตัว​ทำความเคารพ​กลับ​ ​กล่าว​ทักทาย​เขา​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ ​“​คุณชาย​ห้าวั​นนี​้​ไป​ซื้อ​ประทัด​หรือ​”

คุณชาย​ห้า​ตอบกลับ​อย่าง​สุภาพ​ ​“​ใช่​แล้ว​ ​เมื่อครู่นี้​ข้า​เพิ่งจะ​นำ​ประทัด​ทั้งหมด​ไป​เก็บ​ไว้​ที่​ห้องเก็บของ​กับ​เจี่ยน​เกอ​ ​เพราะ​กลัว​ว่า​พวก​บ่าว​รับใช้​จะ​ไม่​ระวัง​ไป​จุด​โดน​เข้า​ ​แล้ว​จะ​เกิด​เป็นเรื่อง​ขึ้น​”

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็ได้​อธิบาย​ถึง​สาเหตุ​ที่​ตน​ออกมา​ด้านนอก​ ​“​ท่าน​โหว​และ​ท่าน​แม่​กำลัง​คุย​กัน​อยู่​ใน​ห้อง​ชั้นใน​”

เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ​คุณชาย​ห้า​ก็​ไม่​สะดวก​จะเข้า​ไป​ ​จึง​พากัน​ยืน​อยู่​กับ​สือ​อี​เหนียง​คนละทิศคนละทาง​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​และ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ก็ได้​เข้าไป​ทำความเคารพ​สวี​ลิ่ง​ควน​ ​จากนั้น​เจี่ยน​เกอ​ก็​เข้าไป​คารวะ​สือ​อี​เหนียง​ ​แล้วก็​หันไป​ดึง​แขน​สวี​ซื่อ​อวี​้​พร้อมกับ​ถาม​ขึ้น​ว่า​ ​“​พี่​สอง​ ​ท่าน​เห็น​พี่ใหญ่​ของ​ข้า​บ้าง​หรือไม่​ ​วันนี้​ข้า​ออกจาก​บ้าน​ไป​จัดซื้อ​ประทัด​กับ​ท่าน​อา​ห้า​แต่เช้า​ ​กลับมา​ก็​ไม่เห็น​แม้แต่​เงา​ของ​เขา​ ​แม้แต่​บ่าว​รับใช้​คนสนิท​ของ​พี่ใหญ่​ก็​หาย​ไป​ด้วย​ ​ท่าน​แม่​และ​ชิว​หลิง​ก็​ไม่อยู่​ใน​เรือน​ ​พอ​ถาม​คนอื่นๆ​ ​ก็​เอาแต่​ตอบ​ว่า​ไม่รู้​…​”

สวี​ซื่อ​อวี​้​เผย​รอยยิ้ม​ที่​เต็มไปด้วย​สีหน้า​หยอกล้อ​ ​“​อ๋อ​ ​ตอนบ่าย​จวน​จง​ฉินปั​๋ว​มาส​่​งม​อบ​ของขวัญ​ ​ ​ท่าน​ป้าบ​่า​วรับ​ใช้​เข้ามา​น้อม​ทักทาย​ท่าน​ย่า​ ​พูดถึง​เรื่อง​คุณหนู​ของ​พวก​นาง​ ​ว่า​หลาย​วัน​มานี​้​คุณหนู​ใหญ่​ของ​พวกเขา​เอาแต่​กราบไหว้​แต่​พระ​แม่​ฝีดาษ​ ​ท่าน​ป้า​สะใภ้​สาม​จึง​รู้สึก​เป็นห่วง​ ​ก็​เลย​พา​พี่ใหญ่​กลับบ้าน​สกุล​เดิม​ ​ไม่รู้​ว่า​จะ​อยู่​ทาน​มื้อ​ค่ำ​ที่​จวน​จง​ฉินปั​๋ว​หรือไม่​!​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท