ตอนที่ 939 อิสระ สบายๆ
ของขวัญชิ้นนี้ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เป็นเพียงพัดด้ามหนึ่งเท่านั้นเอง เพราะตอนนั้นฟ่านโยวก็นับเป็นผู้มีกิริยาท่าทางสง่างามและคล่องแคล่วฉับไว ดังนั้นนางจึงได้มอบของขวัญชิ้นนี้ให้
ตอนนั้นนางนับฟ่านโยวเป็นเหมือนพี่น้องแท้ๆ
ตอนนี้เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ต่อให้เป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่ง มอบให้เขาผู้นั้นก็สิ้นเปลืองเปล่าๆ
“บัดนี้ข้าเอาตัวสัตว์ป่าและปีศาจที่อยู่ในหอคอยฝึกฝนเทพไปหมดแล้ว เหลือไว้เพียงพวกที่พูดให้เข้าใจยากและวุ่นวายเหลือเกินเหล่านั้น ถึงอย่างไรข้าก็ขโมยไปจากตำหนักเทพเซียนได้หมดในคราวเดียว ไว้ข้าสั่งสอนเขาสักรอบ ก็จะกลับโลกปีศาจแล้ว” ซ่งอิงกล่าว
เหตุผลที่นางมาที่นี่ ก็เพียงเพราะปีศาจเหล่านั้นเท่านั้นเอง
แต่เทพเซียนจำนวนมากเพียงนี้ ใครบ้างไม่เลี้ยงสัตว์ปีศาจสักตัวสองตัวไว้เป็นสัตว์พาหนะ
นางนำตัวสัตว์พาหนะในตำหนักของพวกเทพระดับเทียนจุนและเสินจวินเหล่านั้นไปหมด ส่วนที่เหลือพวกนั้น ก็ทำได้เพียงลองวิธีการอื่นเพื่อเอากลับมา
วิธีนี้…ง่ายมาก ก็คือคำคำเดียวที่ว่า สงคราม
ต่อสู้เอากลับมาอย่างเปิดเผยด้วยความเป็นธรรม
โลกปีศาจจะปรากฏขึ้นมาอย่างเงียบๆ เพียงนี้ไม่ได้ ปีศาจเหล่านี้ถูกกดขี่โดยโลกเทพมาหลายปีแล้ว หากไม่เอาคืนสักครั้ง ต่อให้ในภายภาคหน้าแต่ละตนฝึกฝนเอาพลังกลับมาแล้ว ในร่างกายก็จะขาดความกล้าหาญ เมื่อเผชิญหน้ากับโลกเทพ ก็จะไม่มีทางเชิดหน้าขึ้นมาได้ตลอดไป!
ส่วนฟ่านโยว นางจะให้เขาชดใช้ แต่เขาไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของนางมาแต่ไหนแต่ไร
ซ่งอิงเดินออกไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
ฟ่านโยวมุ่นคิ้วเมื่อเห็นนางปรากฏตัว จับจ้องนางด้วยแววตาลุ่มลึก “เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงมีพลังเทพติดตัว”
ไม่เพียงแต่มีพลังเทพ อีกทั้งพลังเทพก็ไม่ถือว่าแย่ด้วยเช่นกัน
จักรพรรดิปีศาจจะมีพลังของเทพได้อย่างไร
ซ่งอิงแสยะยิ้มเยาะ “เจ้ามาถึงที่นี่แล้ว ไม่รู้แม้แต่ว่าข้าคือใครอย่างนั้นหรือ”
“จู๋อิ๋ง?” สีหน้าฟ่านโยวดูซีดเผือดเล็กน้อยในทันที “เรื่องสัตว์ปีศาจพวกนั้นเป็นฝีมือ…ของเจ้าจริงหรือ”
“แน่นอน ก็ปีศาจนี่นะ จะให้อยู่ในโลกเทพของพวกเจ้าได้อย่างไร ก็ควรกลับไปยังดินแดนของพวกเราเองสิ” ซ่งอิงสงบเยือกเย็นอย่างยิ่ง
ครั้นเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมา ก็ถือว่าเป็นการยอมรับตัวตนของตนเองแล้ว
มือทั้งสองข้างของฟ่านโยวสั่นเล็กน้อย จู่ๆ ในใจก็ลนลาน
“เจ้า…เจ้ายังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร เรื่องราวในตอนนั้นข้าเองก็ถูกบังคับเช่นกัน” ฟ่านโยวลดมือลง “ข้าจะขัดคำสั่งของจักรพรรดิสวรรค์ได้อย่างไร อีกทั้งแม้ว่าไม่ได้แยกโลกมนุษย์และเทพออกจากกันอย่างสิ้นเชิงอย่างที่เจ้าพูดไว้ แต่ก็เหลือเพียงแค่บันไดสวรรค์เอาไว้หนึ่งทางเท่านั้นเอง อีกทั้งเทพเซียนก็ลงมายังโลกมนุษย์น้อยมาก…”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งอิงก็แสยะยิ้มแล้วยกมือขึ้นกะทันหัน สะบัดคลื่นพลังปีศาจกระแทกเข้าหน้าของฟ่านโยวในชั่วพริบตา
หน้ากากของเขาแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในทันที
เผยให้เห็นใบหน้าอัปลักษณ์น่าพรั่นพรึง
ฟ่านโยวลนลานใช้แขนเสื้อปกปิดใบหน้าเพราะอับอายอยู่เล็กน้อย
“เจ้าเข้าใจพูดจาเข้าข้างตัวเองดีนี่ หากชางเวยไม่ลงมือ ทุกสิ่งที่ข้าทุ่มเทลงไปก็จะสูญเปล่า! โลกเทพของพวกเจ้านี่ก็ช่างคิดเหลือเกิน ร่วมมือกับข้าจัดการโลกปีศาจชั่วร้ายแล้ว จากนั้นไม่ทันไรก็หันมาแว้งกัดข้า ตอนนี้ข้ากลับมาแล้ว เจ้ายังกล้าบอกข้าว่าตัวเองถูกบังคับอีกหรือ”
ซ่งอิงมองฟ่านโยวอย่างเยาะเย้ย “ฟ่านโยว เจ้าทำให้ข้าสะอิดสะเอียนจริงๆ”
ในแววตาของฟ่านโยวมีความหดหู่เล็กน้อยปรากฏชั่ววูบ “แล้วอย่างไรล่ะ บัดนี้เจ้ากลับมาเพื่อชุบชีวิตโลกปีศาจอย่างนั้นหรือ”
“แน่นอน” ซ่งอิงเชิดหน้าขึ้น
“เหอะ” ฟ่านโยวส่งเสียงฮึดฮัด “เจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว โลกเทพเป็นฝ่ายเดียวที่ครองอำนาจยิ่งใหญ่เพียงนี้มาหลายปี ต่อให้เจ้าพาพวกปีศาจเหล่านั้นกลับไป ลำพังพวกเขา จะต่อกรกับโลกเทพได้อย่างไร”
ฟ่านโยววางมือลงขณะพูด เดินมาตรงหน้าซ่งอิงทีละก้าว “จู๋อิ๋ง ตอนนี้เจ้าเป็นเทพธิดาก็ดีแล้วมิใช่หรือ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้แล้วไปเถิด ข้าจะแต่งเจ้าเข้าตำหนัก เจ้ากับข้าอยู่ที่โลกเทพด้วยกันอย่างอิสระสบายๆ ไม่ดีตรงไหนหรือ”
“ปีศาจ พวกเขาสกปรก ความรู้ตื้นเขิน หยาบคายเสียยิ่งกว่าอะไร ให้พวกเขาอยู่ข้างกายเจ้า เป็นการเหยียดหยามเจ้า! เจ้าจิตใจดีงามเพียงนั้น เหตุใดต้องเป็นปีศาจด้วยเล่า”
ตอนที่ 940 พินาศไปด้วยกัน
ขณะฟ่านโยวพูด ไม่นึกเลยว่าเขายังคิดจะยื่นมือมาสัมผัสใบหน้าของซ่งอิงอีกด้วย
ซ่งอิงได้ยินถ้อยคำดังกล่าว รู้สึกขยะแขยงอย่างถึงที่สุดจริงๆ
นางยังไม่ทันได้ลงมือ ชางเวยก็ปรากฏตัวออกมากะทันหัน พลังเทพทำเอาฟ่านโยวถลาถอยไปสองสามก้าว
“ศิษย์พี่ฟื้นฟูพลังเทพได้ไม่เลวเลยนี่” ฟ่านโยวโซเซ “แต่ศิษย์พี่ เจ้านอนหลับอยู่ก้นแม่น้ำนานเกินไปแล้วจริงๆ ตอนนี้ข้าอ่อนข้อให้เจ้า ไม่ได้หมายความว่าข้าจะแพ้ให้เจ้าแต่อย่างใด”
ซ่งอิงพรูลมหายใจ “เจ้าหุบปากไปเสีย!”
“พูดอ้อมไปอ้อมมา เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าจักรพรรดิปีศาจอย่างข้าจะจัดการเจ้าไม่ได้” ซ่งอิงเย้ยหยัน
นางพลันขับเคลื่อนพลังปีศาจทั้งกายขึ้นมา
เห็นเพียงรอบกายท่วมท้นไปด้วยไอปีศาจขึ้นมาในทันที จากนั้นพลังสายหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ฟ่านโยว
ช่วงหลายปีที่อยู่บนโลกมนุษย์ นางใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝนร่างกายอยู่ในโลกปีศาจ มีต้นวัฏจักรและขวดหยกล้ำค่า จึงดูดซับพลังปีศาจรวดเร็วเป็นพิเศษ เทียบกับตอนที่อยู่ในยุคโบราณแล้วถือว่าร้ายกาจขึ้นมาก
อย่างไรเสียหลังจากต้นวัฏจักรนี้เติบใหญ่ขึ้น ก็กลั่นพลังชีวิตออกมาได้มหาศาล มิหนำซ้ำบนต้นยังมีผลของต้นวัฏจักรอีกด้วยหนึ่งผลช่วยให้ฝึกฝนบำเพ็ญเพียรได้รวดเร็วขึ้นอีกหลายเท่า
นอกจากนี้ยังมีดวงจันทร์สีเงินคลุมเครือในโลกปีศาจนั่น มันเคยถูกผนึกอยู่ท่ามกลางเศษเล็กเศษน้อย ภายหลังต่อมาโลกปีศาจค่อยๆ ฟื้นตัว แสงจันทร์ทรงกลดที่สะสมอยู่ในดวงจันทร์สีเงินก็สาดแสงออกมาอย่างต่อเนื่อง ธาตุของเหลวของจักรพรรดิจำนวนนับไม่ถ้วนไหลซึมเข้าไปสู่ท้องของปีศาจรุ่นเล็ก ฉะนั้นผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร แค่คิดก็พอจะรู้ได้
รอบกายซ่งอิงปรากฏสายลมดุจใบมีดลมเต็มไปหมด ใบมีดนั้นเย็นเฉียบราวกับเกล็ดน้ำแข็ง
ฟ่านโยวสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาก้าวถอยหลังในทันที “เป็นไปได้อย่างไร…”
เหตุใดพลังของจู๋อิ๋งจึงฟื้นฟูมาได้อย่างแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!
“ยามที่เล่นงานเจ้าในตอนนั้น ก็แค่ไม่กี่กระบวนท่า บัดนี้ดูท่าจะยากกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย ก็ต้องเพิ่มกระบวนท่ามากขึ้นหน่อยละ” ซ่งอิงหัวเราะเยาะ
ทันใดนั้น ใบมีดลมนั่นก็ม้วนตัวเข้าไปใส่อีกฝ่าย
ฟ่านโยวปล่อยพลังสกัดเอาไว้ในทันที
ที่ทำให้เขาตกใจระคนประหลาดใจก็คือ พลังปีศาจของซ่งอิงแข็งแกร่งอย่างมาก!
“จริงสิ สะเก็ดไฟที่หลงเหลือบนใบหน้าเจ้าตอนนั้น บัดนี้ก็สมควรเคลื่อนไหวสักหน่อยแล้ว” พูดจบ ซ่งอิงก็ปล่อยพลังปีศาจ ครั้นนางยื่นมือออกไปก็ปรากฏแสงสีแดงไหววูบขึ้นมาบนหน้าของฟ่านโยวอย่างกะทันหัน ในนั้นปะทุเปลวไฟประหลาดขึ้นมา อุณหภูมิของเพลิงนั้นสูงมาก เพียงชั่วพริบตา เปลวไฟนั่นก็ห่อหุ้มฟ่านโยวเอาไว้
ภายนอกร่างกายเย็นเฉียบกระทั่งแช่แข็งคนได้ แต่ในร่างกายมีแต่เพลิงกาฬ
รสชาติเช่นนี้ ซ่งอิงรู้สึกว่ามันน่าจะวิเศษมากทีเดียว
ฟ่านโยวตื่นตระหนก ระหว่างการต่อสู้ จู่ๆ ก็ตะโกนออกมาอย่างไม่ยอมรับ “จู๋อิ๋ง! เรื่องในตอนนั้นล้วนเป็นความผิดของเจ้า!”
“ข้าก็รู้สึกอย่างนั้นเช่นนั้น หากไม่ใช่เพราะรู้จักเจ้าที่ไม่มีศักดิ์ศรีและไร้จิตใจดีงาม ข้าก็คงไม่ต้องทุกข์ทรมานมาอีกตั้งหลายปี” ซ่งอิงไม่ได้หลงเชื่อเขา
“กรอด…” ฟ่านโยวกัดฟัน เสื้อผ้าบนตัวมองดูแปลกประหลาดไป
เห็นเขาลักษณะเช่นนี้ ซ่งอิงจึงสะบัดมือหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ปรากฏลั่วเจินตรงหน้า
เรือนร่างอรชรของนางคล่องแคล่วว่องไว รูปลักษณ์ที่เคยน่ารักมีเสน่ห์ในขณะนี้ดูดีเคร่งขรึมขึ้นหลายเท่าตัว ที่แห่งนี้กดพลังปีศาจไว้เพียงน้อยนิด อีกทั้งยังมีความช่วยเหลือของซ่งอิง ลั่วเจินคิดจะแก้แค้นย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
เมื่อฟ่านโยวเห็นลั่วเจิน สีหน้าก็เปลี่ยนไป
“ข้ารอเจ้ามาหลายปีแล้ว” ลั่วเจินกล่าวเสียงเย็นชา
จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่ฟ่านโยว!
นางรวบรวมพลังปีศาจทั้งร่าง ได้ยินเพียงเสียง ‘ปึง’ ระเบิดตนเองโดยไม่ลังเล พินาศไปพร้อมกับฟ่านโยว!
รูม่านซ่งอิงตาหดลงเล็กน้อย จากนั้นก็เปลี่ยนกลับไปสงบตามเดิม
หนี้แค้นที่ติดค้างไว้ได้รับการชำระทั้งหมดแล้ว
ถึงแม้ลั่วเจินเป็นปีศาจ แต่นางก็ละโมบในความรัก ถูกคนใช้เสน่ห์หลอกล่อให้กระทำเรื่องผิดๆ ความผิดนี้ก็สมควรได้รับการลงโทษ เพียงแต่ถึงอย่างไรซ่งอิงก็อยู่กับนางมาหลายปีขนาดนี้ จึงรู้สึกไม่ดีนักหากจะให้นางจากไปโดยที่ใจเต็มไปด้วยความพะวง บัดนี้จากไปพร้อมกับฟ่านโยว ก็ถือว่าเป็นการตายที่สมน้ำสมเนื้อแล้ว
ชางเวยขมวดคิ้ว “ข้าคิดว่าเจ้าจะไว้ชีวิตเขา แล้วค่อยๆ…ระบายความเกลียดชังเสียอีก”
“ท่านคิดว่าข้าโง่หรือ ฟ่านโยวมีสมบัติล้ำค่าอยู่เท่าไร อีกทั้งเคยเรียนรู้ทักษะมามากน้อยเท่าไร ต่อให้ข้าไม่รู้ชัดกระจ่างแจ้ง แต่หากเพียงแค่จับตัวเขาเอาไว้ ด้วยความสามารถของเขา การคิดจะหลบหนีออกมาก็เป็นแค่เรื่องช้าหรือเร็ว ข้าไม่อยากเสียอารมณ์เพราะเรื่องนั้น” ซ่งอิงกล่าวตามตรง