ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 191 ลับลมคมใน(กลาง)

ตอนที่ 191 ลับลมคมใน(กลาง)

ไม่ว่า​จะ​เป็น​ผู้ใด​ ​หาก​มา​เจอ​กับ​สถานการณ์​เช่นนี้​ก็​คงจะ​สับสนวุ่นวาย​อย่างแน่นอน

ใน​ใจ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​กำลัง​ว้าวุ่น​ ​จึง​ไม่ได้​สังเกตเห็น​สีหน้า​ท่าที​ที่​ไม่​ปกติ​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​เขา​พูด​ขึ้น​อย่าง​เย็นชา​ว่า​ ​“​เจ้า​อย่า​พึ่ง​ถาม​อะไร​มาก​ ​ไปหา​ป้า​รับใช้​ที่​สงบปากสงบคำ​ไม่​พูดมาก​มาดู​แล​เขา​สัก​สอง​สาม​คน​ตามที่​ข้า​ได้​กำชับ​ไป​ก็​พอ​!​”

สือ​อี​เหนียง​นิ่ง​สงบ​ใน​ทันใด

ตอนนี้​ถาม​ไป​จะ​มีประโยชน์​อัน​ใด​เล่า

ที่​สำคัญ​คือ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ต้องการ​จะ​ทำ​สิ่งใด​ต่างหาก

“​จะ​เลี้ยงดู​ที่ไหน​ดีเจ​้า​คะ​”​ ​นาง​ได้ยิน​เสียง​ที่​หนักแน่น​แต่​ไม่​ลุกลี้ลุกลน​ ​มีเหตุผล​และ​สุขุม​ใจเย็น​ของ​ตัวเอง​ ​“​เรือน​ของ​ข้า​คน​เยอะ​มาก​เรื่อง​ ​เกรง​ว่า​คงจะ​ไม่​สะดวก​เท่าไร​นัก​ ​มิเช่นนั้น​ ​หา​ที่พัก​ใน​สวนดอกไม้​ดี​หรือไม่​ ​เรือน​ทาง​ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ​นั้นฮู​หยิน​ห้า​พักอาศัย​อยู่​ ​ทาง​ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ​เป็น​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​ ​ส่วน​ทาง​ฝั่งฮู​หยิน​ห้า​คน​เข้าออก​ค่อนข้าง​เยอะ​…​”

สือ​อี​เหนียง​พูดเป็นนัย​ว่า​ทาง​ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ​นั้น​เงียบสงบ​และ​ความเสี่ยง​น้อยที่สุด

“​เจ้า​จัดการ​ไป​ตามสมควร​ก็​พอ​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​สีหน้า​เคร่งขรึม​ ​“​ปิดบัง​คนใน​จวน​ก่อน​ชั่วคราว​”

‘​ปิด​บางคน​ใน​จวน​ก่อน​ชั่วคราว​…​’​ ​นี่​ก็​หมายความว่า​ ​คนอื่นๆ​ ​ใน​จวน​ยัง​ไม่มี​ผู้ใด​ล่วงรู้​ ​และ​เมื่อ​นึกย้อน​ไป​ถึง​ตอน​เขา​ใช้​ห่อ​ผ้า​ห่อ​ตัว​เด็ก​หิ้ว​เหมือน​หิ้ว​ของ​เข้ามา​มอบหมาย​ให้​ตน​ ​ก็​สามารถ​อธิบาย​ได้​แล้ว​ว่า​ตอนนี้​สวี​ลิ่ง​อี๋​เชื่อมั่น​และ​ไว้ใจ​ตน​เป็นอย่างมาก​!

ดูแล​้​วก​่อน​หน้า​นี้​ตน​คงจะ​ตี​ตน​ไป​ก่อน​ไข้​ ​เป็นห่วง​เสียแรง​เปล่าๆ​ ​กระมัง​!

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​โล่งใจ​ขึ้น​มา​แล้วก็​นึก​ไป​ถึงว่า​ ​ใต้​หล้า​นี้​มี​ความลับ​ได้ที่​ไหน​กัน​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ยัง​เป็น​คน​ทั้งคน​ ​อีกทั้ง​ยัง​เป็น​เด็กน้อย​ที่​ไม่​ประสีประสา​รู้ความ​ ​ร้องไห้​โหวกเหวก​โวยวาย​ก็​เป็นเรื่อง​ปกติ​…​แต่​นี่​เป็น​ภาระหน้าที่​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​มอบหมาย​ให้​ตน​ดูแล

นาง​จึง​ตอบกลับ​ไป​ด้วย​สีหน้า​ที่จริง​จัง​ว่า​ ​“​ข้า​จะ​พยายาม​อย่างสุดความสามารถ​เจ้าค่ะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​แล้วก็​อึ้ง​ไป​เล็กน้อย​ ​เขา​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ให้​ข้า​ใหม่​ ​ข้า​จะ​ออก​ไป​ข้างนอก​ประเดี๋ยวเดียว​”

เกี่ยวกับ​เรื่อง​ของ​เด็ก​คน​นี้​น่ะ​หรือ

สือ​อี​เหนียง​คาดเดา​ใน​ใจ​ ​จากนั้น​ก็​พูด​เตือน​เขา​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​ท่าน​โหว​ ​โรค​ข้อเท้า​อักเสบ​ของ​ท่าน​…​”

“​ข้า​รู้อยู่แก่ใจ​ดี​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ขึ้นเสียง​ขรึม​ ​“​เจ้า​ดูแล​เด็ก​คน​นี้​ให้​ดี​ก็​พอแล้ว​!​”

สีหน้าท่าทาง​ของ​เขา​ชัดเจน​อย่างมาก​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​ไม่ได้​พูด​อะไร​ต่อ​ ​ใน​ใจ​ก็​นึก​เป็นห่วง​ว่า​หาก​ตน​และ​เขา​ไป​ที่​ห้อง​ชำระ​ด้วยกัน​ ​แล้ว​เด็ก​คน​นี้​จะ​วิ่ง​วุ่น​ไป​ทั่ว

“​เรียก​ใคร​สัก​คน​เข้ามา​ดูแล​เด็กดี​หรือไม่​เจ้า​คะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เดิน​เข้าไป​ช่วย​สวี​ลิ่ง​อี๋​ปลด​เสื้อ​ตัว​นอก​ออก

สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​“​เจ้า​ดู​ว่า​ใคร​ที่สามา​รถ​ไว้วางใจ​ที่สุด​ ​ก็​เรียก​มา​เถิด​!​”

สือ​อี​เหนียง​ขานรับ​เสียง​เบา​ ​จากนั้น​ก็​ให้​คน​ไป​เรียก​ตง​ชิง​มา

สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​รู้สึก​ว่า​คนอื่น​ไม่น่า​ไว้วางใจ​ ​เพียงแต่ว่า​ครอบครัว​ของ​ตง​ชิง​มีพี​่​น้อง​มากมาย​ ​นาง​มีประสบการณ์​ใน​การ​เลี้ยงเด็ก​ ​ตง​ชิง​เดิน​เข้า​ประตู​เรือน​มา​ ​เมื่อ​เห็น​เด็ก​ที่​ตา​ชั้นเดียว​และ​เหมือน​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่มี​ผิด​ ​ก็​ตกใจ​ไป​ชั่วขณะ

สือ​อี​เหนียง​เอง​ก็​ยัง​ไม่เข้าใจ​ใน​สถานการณ์​ ​ก็​อย่า​ไป​พูดถึง​เรื่อง​อธิบาย​ให้​ตง​ชิง​ฟัง​เลย​ ​ทำได้​เพียงแค่​กำชับ​นาง​ไป​ว่า​ ​“​เจ้า​ดูแล​เด็ก​ให้​ดี​ ​อย่า​ให้​ร้องไห้​โวยวาย​เสียงดัง​ ​และ​ห้าม​ให้​ออก​ไป​วิ่งเล่น​ข้างนอก​รบกวน​ผู้อื่น​โดย​เด็ดขาด​”

ตง​ชิง​จ้องมอง​สือ​อี​เหนียง​พร้อมกับ​พยักหน้า​รับรู้​ ​สีหน้า​ของ​นาง​ราวกับว่า​ยัง​ไม่ได้​สติ​แต่อย่างใด​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​ค่อนข้าง​เป็นกังวล​ใจ​ ​กลัว​ว่านาง​จะ​ควบคุมสถานการณ์​ไม่ได้​ ​แต่​ก็​เห็น​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​นั้น​เดิน​เข้า​ห้อง​ชำระ​ไป​ครู่ใหญ่​แล้ว​ ​คง​ไม่ดี​ที่จะ​เสียเวลา​อีก​ ​ทำได้​เพียง​เน้นย้ำ​อีกครั้ง​ว่า​ ​“​อย่า​ให้​ผู้อื่น​รู้​ว่า​ใน​เรือน​มี​เด็ก​เป็นอันขาด​”​ ​จากนั้น​ก็​รีบ​เดินตาม​เขา​เข้า​ห้อง​ชำระ​ไป

เวลา​นั้น​เอง​ ​นาง​ก็ได้​หยั่งเชิง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​เด็กน้อย​มีนาม​ว่า​อะไร​หรือ​เจ้า​คะ​ ​เรา​จะ​เรียกชื่อ​เขา​ว่า​อย่างไร​ดี​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ขบ​กราม​จน​ใบหน้า​ตึง​ ​ผ่าน​ไป​ครู่ใหญ่​จึง​ค่อย​เอ่ยปาก​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เห็น​ว่า​ชื่อ​เฟิ​่ง​ชิง​!​”

เฟิ​่ง​ชิง​…​เด็กหญิง​?​ ​แต่​เหมือน​จะ​ไม่​ค่อย​ใช่​ ​หรือว่า​เป็น​เด็กชาย​ ​ก็​ดูเหมือน​จะ​ไม่​ค่อย​หนักแน่น​สัก​เท่าไร​นัก

นาง​ถาม​ออก​ไป​อย่างใจ​กล้า​ว่า​ ​“​เด็ก​อายุ​เท่าไร​แล้ว​ ​เป็น​เด็กหญิง​หรือว่า​เด็กชาย​ ​เหตุใด​ถึง​ไม่มี​แม่นม​ตามมา​ด้วย​เจ้า​คะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​เม้มปาก​แน่น​ ​แววตา​เย็นยะเยือก​ ​ก้มหน้าก้มตา​ล้างหน้า​ต่อ

สือ​อี​เหนียง​รับรู้​ได้​ถึง​บรรยากาศ​ ​จึง​ไม่ได้​ถาม​ต่อ​ ​ช่วย​เขา​เปลี่ยนเป็น​ชุด​คลุม​เผา​จื่อ​ลาย​ดอก​เป่า​เซียง​สีน้ำเงิน​ ​จากนั้น​ก็​ส่ง​เขา​ออกจาก​ห้อง​ชำระ

ริม​เตียง​เตา​ ​สีหน้าท่าทาง​ของ​ตง​ชิง​และ​เด็กน้อย​ยังคง​เหมือนก่อน​ที่​สือ​อี​เหนียง​จะเข้า​ห้อง​ชำระ​ไม่มี​ผิด​ ​ทั้งคู่​ยังคง​จ้องมอง​ตาค้าง​และ​คุมเชิง​กัน​อยู่

เมื่อ​เห็น​ทั้ง​นาง​และ​เขา​ออกมา​ ​ตง​ชิง​ก็ได้​ถอนหายใจ​ออกมา​อย่าง​โล่งอก​ ​จากนั้น​ก็​รีบ​อธิบาย​ขึ้น​ว่า​ ​“​เขา​ไม่ยอม​ให้​บ่าว​แตะต้อง​ ​บ่าว​เอง​ก็​กลัว​ว่า​เขา​จะ​ตะโกน​ร้อง​เสียงดัง​ ​จึง​ทำได้​เพียง​ยืน​ดู​อยู่​ข้างๆ​ ​เท่านั้น​เจ้าค่ะ​”​ ​ตง​ชิง​อธิบาย​ว่า​เหตุใด​ตน​นั้น​ถึง​เอาแต่​ยืน​อยู่​ข้างๆ​ ​เตียง​เตา

สือ​อี​เหนียง​กลับ​สังเกตเห็น​ว่า​เด็ก​คน​นี้​เมื่อ​เห็น​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ดู​แววตา​ลุกโชน​ขึ้น​มา​ ​เผย​ให้​เห็น​ถึง​สีหน้า​แววตา​ดีอกดีใจ

นาง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​เรียบ​เฉย​ว่า​ ​“​เขา​เพิ่ง​มา​ ​ย่อม​กลัว​คนแปลกหน้า​เป็นธรรมดา​ ​ขอ​แค่​ไม่ต้อง​โวยวาย​เสียงดัง​ก็​เป็น​พอ​”​ ​ถือโอกาส​นี้​ได้​อธิบาย​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ฟัง​ไป​ใน​ตัว​ ​วันข้างหน้า​หาก​เกิดเรื่อง​อัน​ใด​ขึ้น​ ​ก็​ไม่ได้​หมายความว่า​จะ​เป็นความ​ผิด​ของ​นาง​เพียง​คนเดียว

สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​แล้วก็​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​ถือเป็น​การรับรู้​ใน​คำอธิบาย​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​จากนั้น​ก็ได้​กำชับ​นาง​ว่า​ ​“​เจ้า​ไม่ต้อง​ออก​ไป​ส่ง​ข้า​ ​ดูแล​เด็ก​ให้​ดี​ก็​พอ​ ​หากว่า​เที่ยง​แล้ว​ข้า​ยัง​ไม่​กลับมา​ ​ก็​เรียน​ท่าน​แม่​ว่า​ข้า​ออก​ไปหา​หวัง​ลี่​ที่​จวน​ใต้เท้า​หวัง​ตั้งแต่​เช้าตรู่​ ​ค่ำ​หน่อย​ถึง​จะ​กลับมา​”

สือ​อี​เหนียง​ขานรับ​พร้อมกับ​เดิน​ไป​ส่ง​เขา​ออกจาก​ห้อง​ชั้นใน​ ​พอ​หันกลับ​มาก​็​เห็น​เด็กน้อย​น้ำตา​คลอ​เบ้า​ ​จ้องมอง​ม่าน​ที่​ยัง​สั่น​ไหว​ดวงตา​ใส​แป๋ว

ใน​ใจ​ก็​รู้สึก​สั่น​ไหว​ขึ้น​มา​ ​นาง​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​อ่อนโยน​ว่า​ ​“​ท่าน​โหว​บอกว่า​เจ้า​ชื่อ​เฟิ​่ง​ชิง​ ​ปกติ​แล้ว​ท่าน​แม่​ของ​เจ้า​เรียก​เจ้า​ว่า​อย่างไร​ ​เรียกว่า​เฟิ​่ง​ชิง​เลย​ ​หรือว่า​ยัง​มีชื่อ​อื่น​อีก​”

แต่​แววตา​ของ​เด็กน้อย​กลับ​เต็มไปด้วย​ความ​ตื่นตระหนก​และ​หวาดกลัว​ ​หันไป​มอง​นอก​หน้าต่าง​ด้วย​อาการ​หวาดผวา​ ​ราวกับว่า​นาง​นั้น​เป็นผู้ใหญ่​นิสัย​ไม่ดี​ที่​กำลังจะ​รังแก​เขา​อย่างไร​อย่างนั้น

“​เช่นนั้น​ข้า​เรียก​เจ้า​ว่า​เฟิ​่ง​ชิงดี​หรือไม่​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ขึ้น​อย่าง​อ่อนโยน​พลาง​นั่งลง​ริม​เตียง​เตา​ข้างๆ​ ​เขา

เด็กน้อย​กลับ​รีบ​คว้า​หมอน​มาก​อด​ไว้​แน่น​ ​พร้อมกับ​แสดงท่าที​เตรียม​ป้องกันตัว​ทันที

“ฮู​หยิน​ ​ถาม​ไป​ก็​เสียเวลา​เปล่า​เจ้าค่ะ​”​ ​ตง​ชิง​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​ไม่​ค่อย​พอใจ​เท่าไร​นัก​ ​“​เมื่อครู่นี้​บ่าว​ถาม​เขา​ไป​ครึ่ง​ค่อนวัน​เห็นจะ​ได้​ ​แต่​เขา​ไม่ยอม​ตอบ​เลย​แม้แต่​คำ​เดียว​เจ้าค่ะ​”

“​ไม่ยอม​ตอบ​เลย​แม้แต่​คำ​เดียว​?​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​ด้วย​ความแปลกใจ

ตง​ชิง​พยักหน้า​ ​“​ไม่ยอม​ตอบ​เลย​แม้แต่​คำ​เดียว​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​ตง​ชิง​ก็​แสดง​สีหน้า​ตื่นตระหนก​ขึ้น​มา​ ​“ฮู​หยิน​ ​ท่าน​ว่า​คงจะ​ไม่ได้​เป็น​ใบ้​หรอก​กระมัง​เจ้า​คะ​”

สือ​อี​เหนียง​นึกถึง​ตอนที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ห่อ​เขา​ด้วย​ผ้า​แล้วก็​หิ้ว​เข้ามา​ ​ตอน​อยู่​ใน​ห่อ​ผ้า​รู้สึก​ว่า​เขา​ไม่ได้​เคลื่อนไหว​อะไร​เลย

เด็ก​คน​หนึ่ง​ที่​อายุ​สอง​ ​สาม​ขวบ​ ​ถูก​คนอื่น​ห่อ​ด้วย​ผ้า​แล้ว​ถูก​หิ้ว​ไป​ที่ไหน​ก็​ไม่รู้​ ​กลับ​ไม่​ส่งเสียง​ร้อง​ออกมา​เลย​…​นี่​มัน​น่าแปลก​เกินไป​แล้ว​ ​หรือว่า​เด็ก​คน​นี้​จะ​มีปัญหา​จริงๆ​ ​แต่​สายตา​ของ​เขา​ดูป​ราด​เปรียว​ฉลาด​หัวไว​ ​ไม่​เหมือนกับ​เด็ก​ที่​มีปัญหา​เสียหน่อย

ขณะที่​สือ​อี​เหนียง​กำลัง​ครุ่นคิด​อยู่​นั้น​ ​ก็​เห็น​ตง​ชิง​เอื้อมมือ​ไป​ดึง​เด็กน้อย​ ​“ฮู​หยิน​กำลัง​ถาม​เจ้า​น่ะ​!​ ​หาก​เจ้า​ไม่ยอม​ตอบ​ดี​ๆ​ ​ประเดี๋ยว​จะ​ไม่​ให้​กิน​ลูกกวาด​นะ​”​ ​แต่​ท่าทาง​ของ​ตง​ชิง​ดู​จริงจัง​ไป​เสียหน่อย

เด็กน้อย​จึง​ร้องไห้​เสียงดัง​ขึ้น​มา​พร้อมกับ​ทั้ง​ถีบ​ทั้ง​ตี​ตง​ชิง

ทั้งสอง​ตกใจ​เป็นอย่างมาก

ทันใดนั้น​ก็​มีสาว​ใช้​ถาม​ผ่าน​ม่าน​เข้ามา​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​ ​จะ​ให้​บ่าว​เข้าไป​ช่วย​อะไร​หรือไม่​เจ้า​คะ​”

ตง​ชิง​ไม่ทัน​จะ​ได้​สนใจ​อะไร​ ​รีบ​เข้าไป​ปิดปาก​ของ​เด็กน้อย​ทันที​ ​เสียง​ที่​ทั้ง​แหลม​ทั้ง​ดัง​ก็​เปลี่ยนเป็น​เสียง​อู้อี้​แทน

สือ​อี​เหนียง​เอง​ก็​กลัว​ว่า​ผู้อื่น​จะ​ได้ยิน​ ​จึง​ไม่ได้​ห้าม​ ​เพียงแต่​หันไป​ตอบ​สาวใช้​ว่า​ ​“​ข้ามี​เรื่อง​นิดหน่อย​ ​เจ้า​ไป​ตาม​หู่​พั่ว​มา​ให้​ข้า​ที​”

สาวใช้​ขานรับ​และ​รีบ​ไป​ทันที

จู่ๆ​ ​ตง​ชิง​ก็​ร้อง​ ​“​ไอ​๊​หยา​!​”​ ​เสียงหลง​พร้อมกับ​รีบ​ปล่อยมือ​ออก

สือ​อี​เหนียง​หันไป​มอง​ ​ก็​เห็น​ว่า​เด็กน้อย​กัด​มือ​ของ​ตง​ชิง​จน​เลือด​ออก

เด็ก​คน​นี้​ร้ายกาจ​ไม่เบา​!

สือ​อี​เหนียง​งุนงง​ไป​ชั่วขณะ​ ​รีบ​นำ​ผ้าเช็ดหน้า​ออกมา​พัน​รอบ​มือ​ของ​ตง​ชิง​ไว้​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​มอง​เด็ก​ที่​ชื่อ​เฟิ​่ง​ชิง

เขา​ใน​ตอนนี้​ดูเหมือน​สัตว์ร้าย​ตัว​น้อย​ที่​ตกลง​ไป​ใน​หลุม​กับดัก​ ​จ้องมอง​นาง​ด้วย​สายตา​ที่​ทั้ง​หวาดกลัว​และ​ดุร้าย

“ฮู​หยิน​ ​เด็ก​คน​นี้​จะ​ต้อง​อบรมสั่งสอน​ดี​ๆ​ ​ถึง​จะ​ได้​เจ้าค่ะ​!​”​ ​ใบหน้า​ของ​ตง​ชิง​ขาวซีด​ราวกับ​กระดาษ​ก็​ไม่​ปาน​ ​“​พี่น้อง​ของ​บ่าว​มีตั​้ง​เจ็ด​แปด​คน​ ​แต่​ก็​ไม่มี​สัก​คนที​่​กัด​คนอื่น​เช่นนี้​…​”

ขณะที่​กำลัง​พูด​อยู่​นั้น​ ​หู่​พั่ว​ก็​เข้ามา​พอดี

เมื่อ​เห็น​สถานการณ์​ใน​ห้อง​ ​ก็​อึ้ง​จน​ตาค้าง​ ​“ฮู​หยิน​ ​นี่​…​นี่​มัน​เกิดเรื่อง​อัน​ใด​ขึ้น​กัน​แน่​เจ้า​คะ​”

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​เจื่อน​พลาง​อธิบาย​เหตุการณ์​ให้​ฟัง​อีก​รอบ​ ​เวลานี้​เฟิ​่ง​ชิง​ขดตัว​กลม​อยู่​ริม​หน้าต่าง​พร้อมกับ​กอด​หมอน​ใบ​ใหญ่​ไว้​แน่น​พลาง​จ้องมอง​มาที​่​พวก​นาง

“​คง​ไม่ใช่​บุตร​ของ​ท่าน​โหว​หรอก​กระมัง​”​ ​หู่​พั่ว​สังเกต​ใบหน้า​ของ​เด็กน้อย​อย่างละเอียดถี่ถ้วน

“​แล้ว​นี่​จะ​ทำ​อย่างไร​ดีเจ​้า​คะ​”​ ​ตง​ชิง​เริ่ม​เป็นกังวล​ใจ​ขึ้น​มา​ ​“​เด็ก​คน​นี้​คงจะ​อายุ​เพียงแค่​สอง​สาม​ขวบ​เท่านั้น​ ​ตาม​อายุ​นี้​ ​ก็​พอดี​กับ​ตอนที่​คุณหนู​ใหญ่​กำลัง​ป่วย​อาการสาหัส​…​มิน่าเล่า​ ​ท่าน​โหว​ถึง​ไม่​สะดวก​จะ​พา​เด็ก​กลับ​จวน​!​”

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ปวดหัว​ขึ้น​มา

นาง​ไม่ได้​กลัว​ว่า​เด็ก​คน​นี้​จะ​เป็น​บุตร​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ถึงแม้ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​พา​เด็ก​กลับมา​แต่​ไม่ได้​พามา​รดา​ของ​เด็ก​กลับมา​ด้วย​ ​แม้แต่​คนที​่​ดูแล​ข้าง​กาย​ของ​เด็ก​ก็​ยัง​ไม่ได้​พามา​ด้วย​เลย​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​มารดา​ของ​เด็ก​คน​นี้​คงจะ​ไม่​สามารถ​เปิดเผย​ตัวตน​ได้​ ​เกรง​ว่า​ภูมิหลัง​คง​เทียบ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ไม่ได้​เสียด​้วย​ซ้ำ​ ​อีกทั้ง​ยัง​ไม่ใช่​บุตรชายคนโต​ ​ไม่​สามารถ​สร้าง​ความ​อันตราย​ให้​จุน​เกอ​ได้​เลย​แม้แต่​นิด​ ​สิ่ง​ที่นาง​เป็นกังวล​ใจ​ก็​คือ​กลัว​ว่า​ตน​นั้น​จะ​ไม่​สามารถ​เรียน​สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้​ ​ในเมื่อ​เขา​ตั้งใจ​จะ​ปิดบัง​ทุกคน​ไว้​ก่อน​ชั่วคราว​ ​อีกทั้ง​ยัง​พา​เด็ก​คน​นี้​กลับมา​แล้วด้วย​ ​เช่นนั้น​ก็​หมายความว่า​เขา​คงจะ​ตั้งใจ​รับ​เด็ก​คน​นี้​ไว้​ ​แต่​ก็​ยัง​ปกปิด​ไว้​ก่อน​ ​เวลานี้​ยัง​ไม่​สามารถ​เปิดเผย​ได้​ว่า​เขา​นั้น​นำ​เด็กน้อย​คน​นี้​เข้ามา​ใน​ตระกูล​ ​แล้วยัง​ออก​ไป​ข้างนอก​โดยที่​ไม่สน​ใจ​อะไร​ ​ทั้งๆ​ ​ที่​ตน​เป็นโรค​ข้อเท้า​อักเสบ​อยู่​ ​และ​ก็​คงจะ​ออก​ไป​วิ่งเต้น​จัดการ​เรื่อง​ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​เด็กน้อย​คน​นี้​อย่างแน่นอน​ ​ไม่แน่​บางที​อาจจะ​สร้างตัว​ตน​ปลอม​ให้​เด็ก​คน​นี้​ขึ้น​มา​ใหม่​เสียด​้วย​ซ้ำ​ ​แต่ก่อน​ที่​เรื่อง​นี้​จะ​ถูก​จัดการ​จน​เรียบร้อย​ ​แน่นอน​ว่าการ​มีตัว​ตน​ของ​เด็ก​คน​นี้​ ​คน​รู้​ยิ่ง​น้อย​เท่าไร​ก็​จะ​ยิ่ง​ดี.​..

สือ​อี​เหนียง​คิด​ฟุ้งซ่าน​ไป​ต่างๆ​ ​นานา

แต่​ปิดบัง​คนใน​จวน​…​จะ​ปิดบัง​อย่างไรเล่า​ ​อย่า​พูดถึง​เรื่อง​อื่น​เลย​ ​แค่​จะ​พา​เด็ก​คน​นี้​ไป​ยัง​สวนดอกไม้​ก็​เป็นปัญหา​ใหญ่​แล้ว​ ​ตน​ไม่ได้​มี​แรง​เช่น​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ที่สามา​รถ​หิ้ว​เด็ก​คน​นี้​เข้ามา​ได้​ด้วยมือ​เดียว​ ​และ​ถึงแม้ว่า​ตน​จะ​มี​แรง​พอ​ ​แต่​จะ​อธิบาย​กับ​ผู้อื่น​อย่างไร​…​เมื่อ​คิด​เช่นนี้​ ​ก็​เหมือน​จะ​คิด​อะไร​ออก​ ​สู้​เลียนแบบ​วิธี​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ใช้​ภาชนะ​ย้าย​เด็ก​คน​นี้​ไป​ยัง​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​?

เมื่อ​นึกถึง​เรือน​ที่​ออกจะ​ขลัง​อย่าง​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​จู่ๆ​ ​ก็​มี​เด็ก​ที่ไหน​ไม่รู้​โผล่​มาสั​กคน​ ​นาง​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ฉีก​ยิ้ม​ขึ้น​ที่​มุม​ปาก​ ​เผย​รอยยิ้ม​ที่​ร้ายกาจ​ออกมา​อย่าง​มีความสุข

ใช่​แล้ว​ ​ทำตาม​นี้​เลย​ก็แล้วกัน​!

อย่างไร​เสีย​ตน​ก็​เคย​พูด​ไป​แล้ว​ ​ว่า​ทาง​ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ​เงียบสงบ​ที่สุด​…

สือ​อี​เหนียง​ไม่สน​ใจ​ตง​ชิง​ที่​เอาแต่​พูด​ไม่หยุดหย่อน​ ​หันไป​ปรึกษา​กับ​หู่​พั่ว​ว่า​ ​“​มี​ของ​จำพวก​ตะกร้า​หวาย​หรือไม่​ ​เรา​ใส่​เด็ก​เข้าไป​ใน​ตะกร้า​หวาย​ ​จากนั้น​ก็​ให้​ป้า​รับใช้​ที่ทำงาน​ใช้​แรง​เป็น​คน​ยก​ไป​ที่​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​ ​บอกว่า​เป็น​ของใช้​ประจำวัน​ที่​ท่าน​โหว​สั่ง​ให้​นำ​ไป​ไว้​ ​จากนั้น​ก็​หา​คนที​่​ซื่อสัตย์​ไว้ใจได้​อยู่​ดูแล​ที่​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​ ​รอท่าน​โหวก​ลับ​มา​แล้ว​ค่อย​ว่า​กัน​!​”

“​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​?​”​ ​ตง​ชิง​สีหน้า​ซีดเผือด​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​“​นั่น​เป็น​ห้อง​หนังสือ​ของ​ท่าน​โหว​นะ​เจ้า​คะ​ ​คนที​่​ไม่มี​ตำแหน่ง​ประจำ​จะ​ไม่ได้​รับ​อนุญาต​ให้​เข้าไป​ ​ถ้าหาก​ท่าน​โหว​รู้​เข้า​ ​เกรง​ว่า​จะ​โมโห​เป็นการใหญ่​ ​อีก​อย่าง​ ​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​ห่าง​จาก​เรา​ใช้เวลา​สอง​เค​่อ​เห็นจะ​ได้​ ​ให้​ป้า​รับใช้​ปรนนิบัติ​ดูแล​อยู่​ที่นั่น​ไม่ยาก​ ​แต่​เรื่อง​อาหารการกิน​เล่า​ ​การ​ซักล้าง​แบบ​ลงแป้ง​ใน​แต่ละวัน​อีก​จะ​ทำ​อย่างไร​ ​จู่ๆ​ ​ก็​มี​เสื้อผ้า​ของ​เด็ก​โผล่​มา​เช่นนี้​ ​จะ​ไป​อธิบาย​อย่างไร​เจ้า​คะ​”

หู่​พั่ว​พูด​ขึ้นเสียง​ขรึม​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​ ​ความคิด​นี้​บ่าว​รู้สึก​ว่า​ไม่เลว​ทีเดียว​ ​ปกติ​ที่​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​ก็​ไม่มี​คน​กล้า​ไป​อยู่​แล้ว​ ​หาก​มี​อะไร​เคลื่อนไหว​ ​ทุกคน​ก็​ไม่กล้า​จะเข้า​ไป​ตามอำเภอใจ​ ​ส่วน​เรื่อง​อาหาร​ ​ตอน​บ่าว​ไปหา​ท่าน​โหว​ครั้ง​ที่แล้ว​ ​ก็​เห็น​ว่าที่​นั่น​มี​ครัว​เล็ก​ๆ​ ​อยู่​ด้วย​ ​ประตู​ทาง​ทิศตะวันออก​สามารถ​เชื่อมตรง​ไป​ยัง​ซอก​ทางเดิน​ของ​เรือน​นอก​ได้​ ​ส่วน​การ​ซักล้าง​แบบ​ลงแป้ง​ประจำวัน​ ​ก็​คิด​หาวิ​ธี​ไป​ตาก​หลัง​เรือน​ ​อย่างไร​เสีย​ก็​จะ​ต้องหา​ที่​กำบัง​ได้​อย่างแน่นอน​เจ้าค่ะ​”

“​ไม่ได้​ ​ไม่ได้​!​”​ ​ตง​ชิง​ยังคง​รู้สึก​ว่า​ไม่​เหมาะ​ควร​ ​“​นั่น​เป็น​ห้อง​หนังสือ​ของ​ท่าน​โหว​…​”

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ขึ้น​พร้อมกับ​พูดว่า​ ​“​เขา​สามารถ​ทิ้ง​เด็ก​คน​หนึ่ง​ให้​เรา​เช่นนี้​ได้​ ​แล้ว​เหตุใด​เรา​ถึง​ไม่​สามารถ​ใช้​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​ของ​เขา​เล่า​…​จะ​ให้​เรา​มา​แบกรับ​ความผิด​แทน​เขา​หรือ​อย่างไร​กัน​”

หู่​พั่ว​เห็น​สือ​อี​เหนียง​เผย​แววตา​ยิ้ม​กรุ้มกริ่ม​ออกมา​ ​ก็​อด​ที่จะ​ยิ้ม​ตาม​ไม่ได้​ ​แต่​ก็​ยัง​รู้สึก​เป็นกังวล​อยู่​บ้าง​ ​“ฮู​หยิน​ ​ท่าน​ควร​ปรึกษา​ท่าน​โหว​เสียหน่อย​ดี​หรือไม่​เจ้า​คะ​”

สำหรับ​บุรุษ​แล้ว​ ​นี่​คือ​หนี้สิน​ของ​ความ​เจ้าชู้​…​แต่​ถ้าหาก​ทำได้​ดี​ ​ไม่แน่​บางที​อาจจะ​ถูก​เล่า​ไป​ใน​ทิศทาง​ที่​ดี​ก็​เป็นได้​ ​สือ​อี​เหนียง​ไม่​เหลือ​ช่องว่าง​ให้​ได้​พูด​อะไร​เลย​แม้แต่น้อย

แต่​นาง​สามารถ​ตัด​รู​บน​ชุด​จิ​่น​เผา​ได้​ ​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้​ปวดหัว​เสียหน่อย​จะ​เป็นไร​ไป​!

เมื่อ​นึกถึง​ตรงนี้​ ​จู่ๆ​ ​นาง​ก็​ดู​มีชีวิตชีวา​ขึ้น​มา​เป็น​ร้อย​เท่า​ ​“​หู่​พั่ว​ ​ไป​…​ไปหา​ตะกร้า​หวาย​มาสัก​ใบ​!​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท