ตอนที่ 135 ระดับเทพสวรรค์ สุดยอดงานประชัน
ผ่านมากว่าเก้าปีที่หนิงฝานพักอาศัยอยู่ในสำนักหลักจวินเทียน และลงชื่อเข้าใช้
อาศัยสิ่งสมบัติต่าง ๆ ที่ได้รับจากการลงชื่อเข้าใช้ภายในสำนักหลักจวินเทียน การฝึกฝนของหนิงฝานก็มาอยู่ในระดับครึ่งก้าวสู่ระดับเทพสวรรค์ และเหลือเพียงเส้นบาง ๆ เท่านั้นจึงจะข้ามผ่านไปได้!
ในช่วงเวลานี้ นอกจากการลงชื่อเข้าใช้แล้ว เขายังเข้าใจชัดเจนเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของสำนักจวินเทียนทั้งหมด
ในสำนักจวินเทียน มีปรมาจารย์หนึ่งคน กับอาวุโสอีกสองคนเป็นอารักขา และแบ่งออกเป็นสิบโถงหลัก
ปรมาจารย์คือกู่จวินเทียน ซึ่งเป็นเจ้าสำนักขอบเขตเทพยุทธ์ระดับเทพสวรรค์ เขาสั่งสมอำนาจและได้ขึ้นเป็นผู้นำแห่งสี่แคว้นรอบนอกมาเป็นเวลากว่าแปดพันปี!
ส่วนรองเจ้าสำนักอีกสองคนอยู่ในระดับครึ่งก้าวเทพสวรรค์!
มีห้องโถงทั้งหมดสิบห้อง คือ โถงทองคำ โถงไม้ โถงเหมันต์ โถงเพลิง โถงปฐพี โถงวายุ โถงอสนี โถงพิสุทธ์ โถงมืด โถงคุมกฎ และสิบผู้ปกครองโถงเหล่านี้ล้วนแต่อยู่ในระดับเทพปฐพี!
สำนักกว่าร้อยแห่งกระจัดกระจายอยู่ในแคว้นโลกา และมีสำนักจวินเทียนหลายร้อยแห่งในแคว้นเอกภพ ซึ่งแต่ละสำนักจะมีบุตรสวรรค์และผู้พิทักษ์เทพสองคนคอยปกครอง
นอกจากนี้ยังมีผู้ฝึกยุทธ์แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนที่อยู่ในระดับเทพมนุษย์!
โดยปกติแล้ว สำนักจวินเทียนสมควรแล้วที่ถูกยกย่องให้เป็นอันดับหนึ่งแห่งสี่แคว้นรอบนอก เพราะความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเขาล้วนน่าสะพรึงกลัวยิ่ง
หนิงฝานในเวลานี้ไม่คิดหวั่นเกรงเฉกเช่นคราวแรกที่มาเยือนอีกต่อไป
เพราะเขามั่นใจว่าหลังจากตนเองก้าวเข้าสู่ระดับเทพสวรรค์แล้ว สำนักจวินเทียนจะไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับเขาอีก
[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้สำนักหลักจวินเทียน และได้รับไข่มุกวิญญาณสามร้อยปี!]
นับตั้งแต่การลงชื่อเข้าใช้หนึ่งปีให้หลัง เขาก็เริ่มบุกทะลวงระดับเทพสวรรค์แล้ว!
ตู้ม!
หนึ่งปีถัดมา พลังพลุ่งพล่านในร่างกายของหนิงฝานปลดปล่อยกลิ่นอายระดับเทพสวรรค์ที่ผู้คนล้วนใฝ่ฝันถึงออกมา!
ทว่าเพราะการซ่อนเร้นของคัมภีร์เซียนธุลีสีชาด จึงไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเขา รวมถึงผู้พิทักษ์ขาวดำที่อยู่ใกล้ชิดด้วย
อีกทั้งในปีนี้
ตู้ม!
ออร่าระดับเทพสวรรค์แผ่ขยายออกครอบคลุมทั่วสำนักหลักจวินเทียน สร้างความตื่นตระหนกให้กับศิษยานุศิษย์นับไม่ถ้วน
“สวรรค์! พลังระดับเทพสวรรค์!”
“ต้องเป็นท่านเจ้าสำนักแน่ ๆ! เขาออกมาแล้ว!”
ผู้พิทักษ์ขาวดำอุทานออกมาอย่างพร้อมเพียง
แน่นอนว่าในชั่วอึดใจต่อมา เสียงทุ้มต่ำและมากด้วยอำนาจก็ดังกึกก้องไปทั่วสำนักจวินเทียน
“ขอเชิญกองกำลังจากทุกสารทิศ… ในอีกสามเดือนข้างหน้า สุดยอดงานประชันจักเริ่มขึ้น!”
ด้วยคำกล่าวของกู่จวินเทียน สำนักจวินเทียนที่เคยเงียบสงบพลันกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ท้ายที่สุดแล้ว สุดยอดงานประชันจวินเทียนไม่ใช่เพียงงานยิ่งใหญ่ในรอบหนึ่งพันปีสำหรับสำนักจวินเทียนเท่านั้น แต่ยังเป็นสุดยอดงานประชันสำหรับสี่แคว้นรอบนอกอีกด้วย
‘เชิญกองกำลังอื่น? สุดยอดงานประชัน?’
‘หึ ๆ ยอดเยี่ยมแล้ว ในอนาคตย่อมมีกองกำลังอื่น ๆ ที่คิดบุกโจมตีแคว้นรกร้างแน่นอน’
หนิงฝานเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับคิดแผนการบางอย่างในใจ
หลังจากนั้น
เวลาผ่านไป กองกำลังบางส่วนก็เริ่มทยอยมาถึง
สำนักกระบี่สวรรค์แห่งแคว้นเอกภพ ผู้ฝึกยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในขอบเขตเทพยุทธ์ระดับเทพปฐพี!
พรรคภูตผีแห่งแคว้นเอกภพ ผู้ฝึกยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในขอบเขตเทพยุทธ์ระดับเทพปฐพี!
วิหารเทพโอสถแห่งแคว้นเอกภพ ผู้ฝึกยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในขอบเขตเทพยุทธ์ระดับเทพปฐพี!
อาณาจักรปีศาจโบราณแห่งแคว้นเอกภพ ผู้ฝึกยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในขอบเขตเทพยุทธ์ระดับเทพปฐพี!
…
พันธมิตรสวรรค์แห่งแคว้นโลกา ผู้ฝึกยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในขอบเขตเทพยุทธ์ ครึ่งก้าวสู่ระดับเทพปฐพี!
พรรคเทพปีศาจแห่งแคว้นโลกา ผู้ฝึกยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในขอบเขตเทพยุทธ์ ครึ่งก้าวสู่ระดับเทพปฐพี!
สำนักวิถีตะวันม่วงแห่งแคว้นโลกา ผู้ฝึกยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในขอบเขตเทพยุทธ์ระดับเทพปฐพี!
ทัพอสูรโลหิตมังกรแห่งแคว้นโลกา ผู้ฝึกยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในขอบเขตเทพยุทธ์ระดับเทพปฐพี!
…
เวลานี้สุดยอดงานประชันจวินเทียนกำลังจะเริ่มต้นแล้ว แต่ละฝ่ายจึงเริ่มเข้าสู่สถานที่ก่อนเวลา
แน่นอนว่ามิใช่ทุกสำนักจะสามารถได้รับคำเชิญจากสำนักจวินเทียนได้
เพราะอย่างน้อยที่สุด สำนักที่เข้าแข่งขันจะต้องอยู่ในขอบเขตเทพยุทธ์ระดับเทพปฐพี!
ภายในเวลาสั้น ๆ สำนักจวินเทียนก็กลายเป็นศูนย์รวมผู้ทรงพลังนับไม่ถ้วน
สามเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“สุดยอดงานประชันจวินเทียนกำลังจะเริ่มต้น ขอให้ทุกท่านนั่งลงและรับชมโดยสงบ”
เวลานี้ รองเจ้าสำนักสองคนของสำนักจวินเทียนกล่าวขึ้นมา
สุดยอดงานประชันจวินเทียนเริ่มต้นแล้ว
การประชันยิ่งใหญ่จัดขึ้นในจตุรัสกว้างขวาง ซึ่งรองรับผู้ชมได้นับล้านภายในสำนักจวินเทียน
ยามนี้ ทั้งกองทัพจากแคว้นโลกาและแคว้นเอกภพต่างเดินเข้าสู่จตุรัสอย่างพร้อมเพรียง
สำหรับกองกำลังเช่นพวกเขา นับเป็นเกียรติยิ่งแล้วที่ได้รับคำเชิญจากสำนักจวินเทียนให้เข้าร่วมงาน
“ส่งผู้เข้าแข่งขันลงสู่สนาม!”
รองเจ้าสำนักทั้งสองกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ผู้คนมากมายพลันหลั่งไหลเข้าสู่จตุรัส และหนึ่งในนั้นคือบุตรสวรรค์เจี้ยนเหยี่ยน… ซึ่งเป็นหนิงฝานแปลงกาย!
เพราะสุดยอดการประชันจวินเทียนมีเพียงบุตรสวรรค์เท่านั้นที่จะสามารถเข้าร่วมได้
แม้ว่าจะมีเพียงร้อยคน ทว่าพวกเขาล้วนแต่เข้าสู่ขอบเขตเทพยุทธ์ก่อนอายุห้าร้อยปี เช่นนี้จึงถูกเรียกขานว่าเป็นความภาคภูมิแห่งสวรรค์!
แม้ฐานการฝึกฝนของบุตรสวรรค์จวินเทียนทั้งร้อยคนจะไม่ยอดเยี่ยม เทียบเท่ากับเจ้าแห่งกองกำลังทั้งหลาย ทว่าพวกเขาแต่ละคนก็เต็มไปด้วยพรสวรรค์และอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด ซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าแห่งกองกำลังเหล่านี้เลย ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดกล้าที่จะปรามาสบุตรสวรรค์ทั้งร้อยคนนี้ ทุกสายตาล้วนจับจ้องอย่างให้ความสนใจ
“การที่นายท่านหนิงฝานเข้าร่วมสุดยอดการประชันจวินเทียน นับว่าเป็นการกลั่นแกล้งเหล่าบุตรสวรรค์ที่เหลือแล้ว!”
“อืม เราสองคนยังไม่อาจต่อสู้กับนายท่านหนิงฝานได้ แล้วบุตรสวรรค์เหล่านั้นจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร!”
เมื่อเห็นหนิงฝานยืนอยู่บนเวที ผู้พิทักษ์ขาวดำก็ลอบส่ายศีรษะอย่างลับ ๆ รู้สึกเห็นอกเห็นใจเหล่าบุตรสวรรค์ที่เหลือ
“สุดยอดงานประชันจวินเทียนเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ คู่ต่อสู้จะถูกคัดเลือกโดยการจับฉลากแบ่งออกเป็น ห้าสิบอันดับแรก ยี่สิบอันดับแรก สิบอันดับแรก สามอันดับแรก และผู้ที่ได้รับชัยชนะอันดับหนึ่ง รางวัลจะเป็นไปตามลำดับการตัดสิน ยิ่งผลงานยอดเยี่ยมเท่าใด รางวัลก็ยิ่งล้ำค่ามากขึ้นเท่านั้น!”
เมื่อรองเจ้าสำนักเริ่มอธิบายกฎของงานประชันจวินเทียนจบ
เหล่าบุตรสวรรค์ก็เริ่มจับฉลาก!
หนิงฝานก้าวไปด้านหน้าเพื่อจับฉลาก และได้พบกับคู่ต่อสู้ของตนอย่างรวดเร็ว
เป็นชายหนุ่มในชุดเกราะสีแดงเพลิง ตัวสูงใหญ่กำยำ แววตาพยัคฆ์ร้ายกาจ ร่างกายปลดปล่อยออร่าในช่วงท้ายของขอบเขตเทพยุทธ์
บุตรสวรรค์ชื่อขุย!
หนิงฝานรู้จักบุคคลผู้นี้ผ่านความทรงจำของบุตรสวรรค์เจี้ยนเหยี่ยน
“เจี้ยนเหยี่ยน แม้เจ้าจะเข้าสู่ขอบเขตเทพยุทธ์ก่อนอายุสามร้อยปี แต่ข้าเข้าสู่ขอบเขตเทพยุทธ์เร็วกว่าเจ้าหนึ่งร้อยปี อย่างไรแล้วเจ้าก็หาใช่คู่ต่อสู้ของข้า หากเจ้ายังมีสมอง จงรีบยอมจำนนเสีย จะได้ไม่ต้องเสียเลือดโดยเปล่า!”
เมื่อเห็นใบหน้าของบุตรสวรรค์เจี้ยนเหยี่ยนที่หนิงฝานปลอมตัวอยู่ บุตรสวรรค์ชื่อขุยพลันกล่าวคำเย้ยหยันทันที
ในบรรดาบุตรสวรรค์ทั้งร้อยคน มักจะมีการจัดอันดับและแข่งขันกันอยู่เสมอ
บุตรสวรรค์เจี้ยนเหยี่ยนอยู่ในอันดับที่เจ็ดสิบถึงแปดสิบ ส่วนบุตรสวรรค์ชื่อขุยตรงหน้านี้อยู่ในอันดับที่ห้าสิบถึงหกสิบ ดังนั้นแล้วอีกฝ่ายจึงไม่คิดสนใจหนิงฝานผู้นี้นัก
ชิ้ง!
หนิงฝานเพียงชำเลืองมองบุตรสวรรค์ชื่อขุยผู้เย่อหยิ่ง ก่อนจะยกยิ้มแล้วปลดปล่อยปราณกระบี่ออกมา
“หึ! กล้าดีอย่างไรมาชักอาวุธต่อหน้าข้า!”
เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว บุตรสวรรค์ชื่อขุยจ้องเขม็งทันที แววตาสีชาดปรากฏจิตสังหารรุนแรงพวยพุ่งออกมา และพยายามจะโต้ตอบปราณกระบี่ที่กำลังพุ่งทะยานเข้าหา
ทว่าเพียงเสี้ยวลมหายใจต่อมา เขาพลันต้องตกตะลึงไป
เพราะปราณกระบี่นี้ไม่อาจต้านทานได้ มันทำลายลำแสงสีชาดตรงหน้าราวกับเศษขยะ ก่อนทุกสิ่งจะสูญสลายแล้วพุ่งเข้าหาร่างที่แท้จริงด้านหลัง
“อ๊าก!”
“เจี้ยนเหยี่ยน เจ้าแข็งแกร่งเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใด!?”
บุตรสวรรค์ชื่อขุยได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที และเขาก็กรีดร้องอย่างไม่เชื่อสายตา
หนิงฝานเงียบ ก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินลงจากสนามประลองไป
เรื่องเช่นนี้จำเป็นต้องอธิบายให้ฟังด้วยหรือ? นี่เขาใช้แค่พละกำลังออกไปไม่ถึงเสี้ยวในสิบด้วยซ้ำ!
หนิงฝานได้รับชัยชนะในรอบแรกอย่างง่ายดาย แต่เพราะมีการแข่งขันหลายรอบ จึงไม่มีผู้ใดให้ความสนใจกับเขานัก
ไม่นานนัก การแข่งขันรอบแรกก็จบลง และห้าสิบอันดับแรกก็ปรากฏขึ้น
ในการจับฉลากรอบที่สอง หนิงฝานได้เผชิญหน้ากับบุตรสวรรค์ไร้นามอีกครั้ง
ฐานการฝึกฝนของบุตรสวรรค์ไร้นามผู้นี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าบุตรสวรรค์ชื่อขุย เพราะฐานการฝึกฝนของเขาอยู่ในขอบเขตเทพยุทธ์ขั้นปลายแล้ว
อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายพ่ายแพ้กระบี่ของหนิงฝาน และต้องหลั่งโลหิตก่อนจะพ่ายแพ้ในที่สุด
รอบที่สองเขาก็ยังเอาชนะคู่ต่อสู้และเข้าสู่ยี่สิบอันดับแรกได้สำเร็จ
จากนั้น
รอบที่สาม เขาได้พบกับบุตรสวรรค์ซึ่งเป็นสตรี อีกฝ่ายอยู่ในระดับเทพมนุษย์ แต่อย่างไรก็ตามต่อให้อยู่ในระดับเทพมนุษย์ เขาก็ยังเอาชนะอีกฝ่ายได้ในกระบวนท่าเดียว และเข้าสู่สิบอันดับแรกอย่างง่ายดาย
ในเวลานี้ หนิงฝานที่เข้าสู่สิบอันดับแรกเริ่มดึงดูดความสนใจของผู้รับชมโดยรอบแล้ว
“หืม? นั่นคือบุตรสวรรค์แห่งสำนักจวินเทียนงั้นหรือ? เหตุใดข้าจึงมองไม่เห็นขอบเขตการฝึกฝนของเขา!”
“นั่นคือบุตรสวรรค์เจี้ยนเหยี่ยน! ปราณกระบี่ของเขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน!?”
“อืม! เป็นไปได้หรือไม่ว่าบุตรสวรรค์เจี้ยนเหยี่ยนผู้นี้ เพียงแค่เผยท่าทีเงอะงะเพื่อซุกซ่อนความแข็งแกร่ง?”
“ฮ่า ๆ! ยอดเยี่ยมแล้ว! นี่คือม้ามืดที่ข้ารอคอยได้รับชมในสุดยอดงานประชันจวินเทียน!”
“…”
ทั่วทั้งจตุรัสจวินเทียน ไม่ว่าจะเป็นคนภายในสำนักจวินเทียน หรือกองกำลังอื่น ๆ ที่เข้ารับชมสุดยอดงานประชัน ทั้งหมดต่างพูดคุยกันอย่างดุเดือด