เฮ่อเหลียนเวยเวยก้มหน้าลง “ถ้าเช่นนั้น เราควรจะใช้ไม้มนต์ดำนี้เมื่อใดหรือ”
“น้องสาวไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้” ดวงตาของเสิ่นเวินหว่านเผยประกายวาบอย่างรวดเร็ว “เมื่อพวกเราเดินทางถึงวัดหลิงอิ่นแล้ว ก็จะมีคนจัดเตรียมให้ลูกศิษย์ทั้งหลายไปพักผ่อน และตอนที่เหล่าคุณหนูไปพักผ่อน ก่อนที่พวกนางจะไปเดินเล่น น้องสาวก็แค่อาศัยจังหวะตอนที่อดีตฮ่องเต้จุดธูป แล้วซ่อนสิ่งนี้ไว้กับตัวของคนๆ นั้น ก็เพียงพอแล้ว”
เฮ่อเหลียนเวยเวยขมวดคิ้วเล็กน้อย “แล้วถ้าหากข้าถูกจับได้ ข้าควรทำเช่นไรหรือ”
“น้องสาวไม่ต้องกังวล ข้าจะคอยดูต้นทางให้เอง และจะไม่มีใครเห็นอย่างแน่นอน” เสิ่นเวินหว่านพูดด้วยความซื่อสัตย์และเสียสละ น้ำเสียงของนางเผยให้เห็นถึงความกระตือรือร้นเล็กน้อย
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มอย่างครุ่นคิด “ตกลง ถ้าเช่นนั้นก็ลองทำตามวิธีของพี่สาวกันเถอะ” ในเมื่อมีคนขุดหลุมให้นางกระโดดลงไป หากนางไม่ได้ไปสำรวจ ก็คงจะน่าเสียดายยิ่งนัก
เพียงแต่ว่าเมื่อถึงเวลาที่จับเต่าในไห[1] นางกลัวว่าจะมีคนอื่น…
…
รถม้าออกเดินทางไปได้ประมาณเกือบสี่ชั่วยามแล้ว และในที่สุด ก็ถึงเวลาหยุดพักกลางทาง
ทุกคนยังคงนั่งประจำที่ของตน เหล่าบุตรชายของตระกูลผู้สูงศักดิ์นั่งอยู่ด้านหน้าและดื่มน้ำ พร้อมกับพูดคุยกัน ท่าทีและรูปลักษณ์ที่สง่างามของพวกเขา ทำให้หญิงสาวหลายคนที่สวมใส่ชุดกระโปรงยาวต่างหัวเราะคิกคักไปตามๆ กัน
เมื่อเทียบกับเหล่าชายหนุ่มที่กำลังสนุกสนานกันแล้ว เหล่าหญิงสาวกลับแบ่งพรรคแบ่งพวกอย่างชัดเจน
ไม่มีใครอยากนั่งกับเฮ่อเหลียนเวยเวย แม้ว่านางจะเป็นผู้ชนะในสาขาอาวุธต่อหน้าสาธารณชน แต่ในใจของหญิงสาวทั้งหลาย คนที่ไม่มีอำนาจ ไร้ซึ่งอิทธิพล และยังมีรูปลักษณ์ที่ไม่ดีนั้น ไม่สมควรที่จะมานั่งดื่มชาร่วมกับพวกนาง
สาวใช้คอยบริการพวกนางด้วยความพิถีพิถันอย่างมาก พวกนางนำขนมกุ้ยฮวาและซุปเมล็ดบัวออกจากกล่องไม้ที่เตรียมเอาไว้ล่วงหน้า จากนั้นก็ค่อยๆ เทใส่ถ้วย ก่อนหน้านี้มันถูกแช่เย็นไว้ และเหมาะที่จะดื่มระหว่างการเดินทางอย่างมาก
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์รับถ้วยมาหนึ่งใบ และสั่งสาวใช้ว่า “นำไปให้พี่สาวอีกสองคนได้ชิมด้วยสิ แม้ว่ามันจะไม่ใช่ของราคาแพง แต่ก็ช่วยดับกระหายได้ดี”
“ความเย็นสดชื่นแบบนี้ ช่างเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ” คุณหนูจากตระกูลเหลียงดื่มมันเข้าไปเต็มคำ ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้ามาซับตรงมุมปากของตนเอง หลังจากเห็นเฮ่อเหลียนเวยเวยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของพวกเขากำลังกินซาลาเปา นางก็เบะริมฝีปากอย่างดูถูก “คนบางคนก็ช่างล้าสมัยยิ่งนัก นี่มันคือที่ใดกัน ทำไมนางยังกินซาลาเปากับเนื้อตุ๋นอยู่ได้ ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับแม่นางสกุลเสิ่นกันหรือ ทำไมนางถึงไปอยู่กับนังบ้านนอกคนนั้นได้เล่า”
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์หันหน้าไปมองทางเฮ่อเหลียนเวยเวยแล้วหัวเราะ
ชายหนุ่มที่อยู่อีกฝั่งก็สังเกตเห็นเหตุการณ์ตรงนี้ด้วยเช่นกัน
หลังจากที่พวกเขาดื่มชาหลงจิ่งชั้นดีที่ได้รับจากข้ารับใช้ของตนเองเสร็จ พวกเขาก็มองไปทางเฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นครั้งคราว สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความรังเกียจอย่างชัดเจน
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนขี้เหร่อย่างนางถึงไม่สามารถเข้าร่วมสังคมที่สง่างามได้ ไม่ว่านางจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่นางก็ยังเป็นแค่หญิงสาวป่าเถื่อนคนหนึ่งเท่านั้น”
หลายคนหัวเราะลั่น และบางคนก็ยังพูดติดตลกต่ออีกด้วย “แค่ดูจากหน้าตาของนางแล้ว หากส่งนางไปอยู่ต่อหน้าท่านปู่ ท่านปู่ก็ยังต้องครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“ฮ่าๆๆๆ”
เสียงของชายหนุ่มกลุ่มนั้นเบามาก จนคนที่อยู่รอบข้างแทบไม่ได้ยิน
แต่ถ้าเฮ่อเหลียนเวยเวยได้ยิน คนที่พูดก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่เกินสัปดาห์หน้าอย่างแน่นอน
ยิ่งกว่านั้น พวกเขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่ง คนที่พวกเขาบอกว่าน่ารังเกียจเกินกว่าที่จะแตะต้อง จะกลายเป็นสาวงามในเมืองหลวงที่สะกดลมหายใจของผู้คนได้อย่างน่าทึ่ง แต่เหตุการณ์เหล่านี้ก็เป็นเรื่องของอนาคต ในตอนนี้ เฮ่อเหลียนเวยเวยยังคงมีใบหน้าดำคล้ำ และกัดซาลาเปาในมืออย่างสุขุม อันที่จริงแล้ว นางมีมารยาทบนโต๊ะอาหารที่ดีมาก นางมีท่าทีที่สง่างามราวกับผู้ดีก็ไม่ปาน นอกจากนี้ นางยังเผยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนรอยยิ้มอีกด้วย รวมถึงท่วงท่าในตอนที่นางใช้ตะเกียบไม้ตักเนื้อเข้าปาก กล่องอาหารกลางวันของนางนั้นดูดีมากทีเดียว มันทำมาจากไม้ธรรมดาแต่เก็บความร้อนได้ดีมาก และด้านข้างยังมีพื้นที่เก็บผักผลไม้อีกด้วย ทำให้ดูน่ารับประทานอย่างมาก
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมันดูน่ารับประทานเกินไปหรือไม่
ทันใดนั้น ก็มีคำพูดหนึ่งดังขึ้นมาใกล้ๆ หูของนาง “นี่ แม่นาง เจ้ากินอะไรอยู่หรือ ข้าอยากจะแลกเปลี่ยนกับเจ้า”
เสิ่นเวินหว่านที่นั่งอยู่ข้างๆ ชะงักมือที่กำลังจะดื่มชา
เมื่อเงาของต้นไม้ขยับไปมา ในที่สุด นางก็เห็นใบหน้าของคนที่พูดขึ้นเมื่อครู่อย่างชัดเจน ดวงตาคู่งามของนางเบิกกว้าง และริมฝีปากสีชมพูของนางก็เม้มแน่น มือที่กำผ้าเช็ดหน้าอยู่นั้น ไม่รู้ว่ามันแข็งทื่อไปตั้งแต่ตอนไหน เล็บของนางที่กำลังจิกผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นก็ได้ทิ้งรอยแดงไว้ในฝ่ามือของนางอีกด้วย หัวใจของนางเต้นระรัวอย่างรุนแรง
“คุณหนู…” สาวใช้ส่วนตัวของนางดึงแขนเสื้อของนางไว้ เพื่อย้ำเตือนให้อีกฝ่ายจดจ่ออยู่กับสถานการณ์ตรงหน้า
ในที่สุด เสิ่นเวินหว่านก็ดูเหมือนจะกลับมาได้สติอีกครั้ง และสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นนางก็ใช้แขนเสื้อบังฝ่ามือของตนเองอย่างเรียบเฉย เมื่อนางเงยหน้าขึ้น นางก็ดูอ่อนโยนอย่างหาที่เปรียบมิได้ “คุณชายเฮย...”
เฮยเจ๋อส่งเสียง ‘อืม’ หนึ่งครั้ง ท่าทีเอาแต่ใจของเขานั้นยากเกินกว่าที่จะปกปิดได้ ขณะเดียวกัน เขาก็เดินก้าวเท้ายาวๆ ผ่านนางไป และลดสายตาลงมองเฮ่อเหลียนเวยเวย “แม่นาง เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ”
“เจ้าจะเอาอะไรมาแลกกับข้าเล่า” เฮ่อเหลียนเวยเวยวางตะเกียบในมือลงอย่างใจเย็น โดยไม่คิดที่จะใส่ใจคุณชายเฮยนัก ระหว่างการแข่งขันในครั้งก่อน เขายังฉวยโอกาสจากนาง เพื่อทดสอบคู่รักสมัยเด็กหรืออะไรทำนองนั้น นางจึงหมดความอดทนกับเขาแล้ว
เฮยเจ๋อเหลือบมองเนื้อตุ๋นที่เขาเห็นในกล่องอาหารกลางวันของนาง “ข้าจะให้ซุปรังนกนางแอ่นที่ข้ารับใช้ของข้าเป็นคนทำให้ และตอนนี้ มันก็ยังเย็นอยู่ ข้าจะยกให้เจ้าทั้งหมด”
“รังนกนางแอ่นเช่นนั้นหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยยักไหล่อย่างไม่สนใจ “น้ำลายของนกนางแอ่นเช่นนั้น เชิญเจ้าเก็บไว้กินเองให้อร่อยเถอะ”
เฮยเจ๋อมองนางเล็กน้อย เดิมที เขาตั้งใจที่จะพูดเพื่อช่วยนางให้รอดพ้นจากสถานการณ์ที่น่าอับอายนี้ ทำไมหญิงสาวผู้โง่เง่าคนนี้ถึงออกจากบ้านมาพร้อมกับอาหารที่น่าอับอายเช่นนี้เล่า แต่หลังจากที่เขาดูกล่องอาหารของนางอีกครั้ง เขาก็ต้องกลืนน้ำลายทันที หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในวัด ก็จะไม่มีเนื้อสัตว์ให้กินอีกแล้ว และตอนนี้ เขาก็อยากจะกินเนื้อตุ๋นให้หนำใจ “ถ้าเช่นนั้น เจ้าอยากได้อะไรเพื่อแลกกับกล่องอาหารของเจ้าหรือ”
“ข้ากินไปแล้วครึ่งหนึ่ง เจ้ายังต้องการมันอีกหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยกวาดสายตามองเฮยเจ๋อ และรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการกินเนื้อในกล่องอาหารของนาง หญิงสาวรู้ว่าหุ้นส่วนของนางคนนี้คือคุณชายที่ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้โดยปราศจากเนื้อสัตว์ จากนั้น นางก็หัวเราะออกมาทันที “ข้ายกมันให้เจ้าได้ในราคาหนึ่งพันตำลึง”
เฮยเจ๋อยังไม่ทันได้พูดอะไร แต่ข้ารับใช้ตัวน้อยที่อยู่ด้านข้างเขากลับสะดุ้งโหยง “หนึ่งพันตำลึง เจ้าตั้งใจจะปล้นพวกเราชัดๆ”
ในช่วงเวลาอันสั้นที่เขาไม่ได้ติดตามนายน้อยของเขา นายน้อยของเขาไปรู้จักสหายประเภทนี้ได้อย่างไรกัน และทำไมเขาถึงปฏิบัติกับเฮ่อเหลียนเวยเวยดีเช่นนี้
“คิดว่ามันแพงไปหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดจาหยอกล้อ หลังจากที่เห็นแววตาเหยียดหยามของข้ารับใช้ตัวน้อย รอยยิ้มของนางก็กว้างขึ้นไปอีก ดวงตาของนางเผยให้เห็นถึงความเย็นชา “คุณชายเฮยไม่ต้องซื้อก็ได้”
เมื่อเห็นท่าทีของนาง เฮยเจ๋อก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังหงุดหงิด โดยปกติแล้ว พวกเขาทั้งสองคนมักจะพูดจาหยอกล้อกันเสมอ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับเงิน แต่เมื่อมีคนอื่นเข้ามาวุ่นวาย บรรยากาศกลับแตกต่างออกไปจากเดิม
“ข้ายังไม่ได้พูดอะไร แล้วเจ้ามาพูดแทรกทำไมกัน” เฮยเจ๋อพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ไปเตรียมเงินหนึ่งพันตำลึงมาให้คุณหนูเฮ่อเหลียน”
การกระทำของเขาเช่นนี้ ไม่เพียงแค่บอกให้ข้ารับใช้ตัวน้อยรับรู้ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยแตกต่างออกไป แต่ยังทำให้เหล่าคุณชายทั้งหลายรู้ว่าไม่ควรพูดเรื่องตลกบางอย่างอย่างไม่ระมัดระวังอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ตัวตนของเฮยเจ๋อก็เป็นที่รู้จักกันอย่างชัดเจน เมื่อทุกคนเห็นว่าเขากินเนื้อตุ๋นด้วยเช่นกัน ก็ไม่มีใครพูดอะไรได้อีก ก่อนจะละสายตาออกไปอย่างกระอักกระอ่วนใจ และเงียบเสียงลง
เฮ่อเหลียนเวยเวยเข้าใจเจตนาของเฮยเจ๋อดี ก่อนจะยิ้มตอบให้อย่างอ่อนโยน “ไม่จำเป็นหรอก มันจะมีราคาหนึ่งพันตำลึงได้อย่างไรกันเล่า หากเจ้าชอบก็เอาไปกินเถอะ นอกจากนี้ ข้ายังเอาเหล้ามาด้วย สนใจไหมเล่า”
—————
[1] จับเต่าในไห อุปมาถึง สิ่งที่จะจับมานั้นอยู่ในกำมือ และได้มาอย่างง่ายดาย