บทที่ 722 ปลายทางก็คือ ดาวพลูโต
ประชาชนสหพันธรัฐทุกคนตัวแข็งทื่อด้วยความกลัว ผู้ฝึกตนทุกคนบนดาวอังคารตกใจจนแทบสิ้นสติ ความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจเข้าเกาะกุมจิตใจอย่างไร้ความควบคุม แม้แต่ศิษย์จากสำนักวังเต๋าไพศาลก็ถูกจองจำด้วยความพรั่นพรึงจนหยุดนิ่งอยู่กับที่!
ทุกคนสูญสิ้นซึ่งแรงใจในการสู้ต่อ ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้สนใจผู้ฝึกตนและหุ่นเชิดจากตระกูลไม่รู้สิ้นแม้แต่น้อย แต่เมื่อเหตุการณ์ตรงหน้าเกิดขึ้น และเมื่อศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันประกาศว่าตนได้รวมเข้าเป็นหนึ่งกับเรือบินรบเต๋ามรณะเรียบร้อย ทุกคนก็ทำเป็นเพิกเฉยต่อสถานการณ์ร้ายแรงนี้ไม่ได้อีกต่อไป
นอกจากนี้…หากไม่ใช่เพราะหวังเป่าเล่อ ก็มีโอกาสสูงมากที่ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันจะดูดพลังของพวกเขาทั้งหมดจนไม่เหลือซาก ความรู้สึกมากมายไหลบ่าเข้ามาในดวงตาของผู้ฝึกตนจากสำนักวังเต๋าไพศาล พวกเขายืนนิ่งงันอยู่อย่างนั้น ตาก็จ้องมองไปยังอวกาศ
สิ่งที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของพวกเขา และดวงตาของผู้ฝึกตนจากดาวอังคารรวมถึงสหพันธรัฐ…คือร่างใหญ่ยักษ์น่าสะพรึงกลัวของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน พลังของร่างประหลาดที่ตระหง่านอยู่หน้าหวังเป่าเล่อนั้นยิ่งใหญ่พอที่จะทำให้อวกาศและโลกสั่นสะเทือน ไอพลังที่ชายชราปล่อยออกมาดูเหนือธรรมชาติจนน่าขนลุก…แตกต่างจากพลังของเขาก่อนหน้านี้ชนิดกลับตาลปัตร!
จื่อเยว่… หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง เขารู้ดีว่าศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันกลายร่างไปเป็นเช่นนี้ได้ด้วยพลังอำนาจของจื่อเยว่ เขาได้ยินน้ำเสียงที่แตกต่างไปจากโยวหรันคนเดิมด้วยเช่นกัน เสียงของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันฟังดูเหมือนเครื่องจักรที่แฝงไปด้วยเสียงเหล็กกระทบกันอยู่ภายใน ราวกับว่าตัวตนของอีกฝ่ายได้เปลี่ยนไปเป็นอื่นเรียบร้อยแล้ว
หวังเป่าเล่อไม่รู้ว่าศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันต้องจ่ายอะไรไปบ้างจึงได้ร่างทรงพลังน่ากลัวนี้มาครอบครอง แต่ก็รู้ดีว่าบัดนี้โยวหรันกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวกว่าเดิมมากนัก ต่อให้เขามีวัตถุเวทแห่งความมืดอยู่ในครอบครอง ก็ยังอดไม่ได้ที่จะสัมผัสได้ถึงอันตรายเบื้องหน้า!
ทันทีที่ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันรวมร่างเข้ากับเรือบินรบเต๋ามรณะ สถานการณ์ก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ!
ยังไม่ทันได้คิดหาทางหนีทีไล่ ขณะที่เสียงประกาศยังสะท้อนก้องไปในอวกาศเวิ้งว้าง อสูรกายตรงหน้าหวังเป่าเล่อก็ยกมือขวาขึ้นชี้มาที่ชายหนุ่มและเริ่มเปิดฉากโจมตีทันที!
การโจมตีนั้นไม่ได้มาพร้อมแสงสว่างเจิดจ้า แต่ก็ยังทำให้ชายหนุ่มตกใจ เขารีบโบกไม้พายตะเกียงข้างหน้าตน เปลวไฟสีดำกระจายออกแปรเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิงมืดมิด เรือสำปั้นแห่งความมืดไหลไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว ในวินาทีนั้นเอง อวกาศเบื้องหน้าเขาก็ยุบตัวลง เสียงระเบิดดังเหมือนสายฟ้าฟาด เถาวัลย์มากมายพุ่งออกจากบริเวณที่ทรุดลงทะยานเข้าหาหวังเป่าเล่อด้วยความเร็วสูง
เมื่อเถาวัลย์พาดผ่าน ห้วงอวกาศโดยรอบก็เหี่ยวย่นเหมือนดอกไม้ไร้ชีวิต ในที่สุดเถาวัลย์ก็ปะทะเข้ากับเปลวไฟสีดำของหวังเป่าเล่อ
เปลวไฟที่ดำที่เป็นจุดจบของทุกสิ่งในห้วงอวกาศ พบคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อเป็นครั้งแรก เปลวไฟเผาไหม้เถาวัลย์เหี้ยนเตียนไปมาก แต่ก็มีบ้างที่ถูกดับลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ภายในไม่กี่วินาที เปลวไฟสีดำก็ดับสิ้น เถาวัลย์ที่เหี่ยวย่นมอดไหม้ด้วยเปลวเพลิงพลันมีต้นอ่อนถือกำเกิดขึ้นจากเศษซากดำเมี่ยม ต่างพากันพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อเพื่อโจมตีเป็นครั้งที่สอง
ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันหรี่ตาลง มือขวาสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ เพื่อปล่อยเถาวัลย์ออกจากร่างให้พุ่งแหวกอวกาศออกไป เถาวัลย์นั้นดูเหมือนหมวดของหมึกมากมายที่ดิ้นเร่าอยู่ในอากาศ ทั้งหมดเหวี่ยงเข้าหาหวังเป่าเล่อ หมายล้อมชายหนุ่มเพื่อกักขังเอาไว้ภายใน!
แต่ยังไม่จบเพียงเท่านั้น ประกายสังหารอาบอยู่ในแววตาศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน ขณะที่เขาก้าวมาข้างหน้าพร้อมยกมือซ้ายขึ้น มือนั้นกำแน่น หมัดลุ่นๆ พุ่งตรงไปหาหวังเป่าเล่อด้วยพลังทำลายล้างรุนแรง ราวกับสามารถกำจัดทุกสิ่งที่ขวางทางให้หายไปจากโลกนี้ได้!
เถาวัลย์มากมายกระจายไปในอากาศด้วยความว่องไว พวกมันเข้าล้อมหวังเป่าเล่อเอาไว้จนแทบจะกักขังเขาได้มิด หมัดทรงพลังของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันใกล้จะถึงตัวชายหนุ่ม
สีหน้าของหวังเป่าเล่อเคร่งขรึมจริงจัง ขณะที่อันตรายใหญ่หลวงยืนทะมึนทาบทับอยู่บนกาย
เถาวัลย์แต่ละเส้นเต็มไปด้วยพลังต้านและความยืดหยุ่นทนทาน เปลวไฟสีดำของชายหนุ่มอาจเผามันให้มอดไหม้ได้ แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำลายให้เหี้ยนเตียนทั้งหมด
สิ่งที่แย่ที่สุดคือเถาวัลย์เหล่านี้จะงอกใหม่เรื่อยๆ ตราบใดที่ยังทำลายได้ไม่หมด ความสามารถในการเกิดใหม่อย่างไม่มีที่สิ้นสุดนี้ ทำให้หวังเปาเล่อหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม พลังที่โยวหรันแผ่ออกมายิ่งทำให้เขาเครียดมากขึ้น
สู้กันตรงนี้ต่อไปเห็นจะไม่ได้แล้ว… ความเคร่งขรึมจริงจังวาบเข้ามาในดวงตาของชายหนุ่ม เขารู้ดีว่าหากยังดึงดันขับเคี่ยวกันตรงนี้ต่อไป ดาวอังคารอาจเกิดความเสียหายร้ายแรงได้ การโจมตีของทั้งเขาและศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันอาจก่อภัยพิบัติทำลายล้างดาวเคราะห์สีแดงเสียหมดสิ้น และในขณะเดียวกัน…แม้ดาวอังคารจะจัดได้ว่าเป็นดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ แต่เมื่อเทียบกับระบบสุริยะทั้งหมดแล้ว… มันก็ไม่ใช่สถานที่ที่เขาจะปล่อยพลังทั้งหมดของตนเองออกมาได้เช่นกัน
ข้าต้องออกไปจากที่นี่! ชายหนุ่มไม่ลังเลแม้ต่อน้อย ดวงตาจ้องมองเถาวัลย์ที่พันเกี่ยวรอบตัวซึ่งกำลังตั้งท่าจะโถมเข้าใส่อีกครั้ง เขาวางไม้พายตะเกียงลงบนเรือสำปั้น เสียงกระทบกันของวัตถุเวททั้งสองดังกังวานในอากาศ จากนั้นหวังเป่าเล่อก็ร่ายเวทลึกลับของสำนักแห่งความมืด
ทันทีที่ร่ายเวทเสร็จสิ้น ใบหน้าของราชครูก็ปรากฏขึ้นบนชุดคลุมสีดำ พร้อมกับร่างของเด็กชายที่ลอยออกมาจากไม้พายตะเกียง ใบหน้าของเด็กชายเสี่ยวเป่ามืดมนน่ากลัว อัดแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยวอำมหิต เขากรีดร้องเสียงแหลม ไม้พายตะเกียงพลันเกิดรอยปริแตก!
เปลวไฟสีดำภายในตะเกียงพุ่งกระจาย กินวงกว้างกว่าเปลวไฟสีดำที่หวังเป่าเล่อมีอยู่ในกายมากนัก ชายหนุ่มยอมสละไม้พายตะเกียงเพื่อปลดปล่อยอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของเปลวไฟสีดำอีกครั้ง!
เพลิงมืดไหลบ่าออกจากตะเกียงที่แตกร้าวเข้าล้อมร่างของชายหนุ่มเอาไว้ ก่อนจะพุ่งพรวดไปข้างหน้าในพริบตาเดียว และเข้าปะทะกับหมู่เถาวัลย์ราวกับเป็นภูเขาไฟระเบิด
เสียงอึกทึกจากแรงปะทะกังวานไปทั่วในห้วงอวกาศ แม้เถาวัลย์จะแข็งแกร่งแน่นหนา แต่ราคาที่หวังเป่าเล่อต้องจ่ายไปกับการโจมตีครั้งที่สองนั้นมากเสียจนทำให้กองเถาวัลย์เองยังต้องมอดม้วยจนกลายเป็นตอตะโกไปเกือบหมด กระนั้นทะเลเพลิงของหวังเป่าเล่อก็ได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน จึงทำให้หมัดของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันที่ตามมาทำลายมันได้โดยง่าย เปลวไฟกระจัดกระจายตามแรงกระแทกจากหมัดของโยวหรัน ปลิวว่อนไปในห้วงอวกาศเหมือนใบไม้ที่ปลิดปลิวในฤดูใบไม้ร่วง หมัดอันทรงพลังของโยวหรันพุ่งทะลุเปลวไฟสีดำเหล่านั้น และมุ่งตรงมายังหวังเป่าเล่อ
ก่อนที่หมัดจะกระแทกตัวชายหนุ่ม ราชครูก็ร้องเสียงดังก้อง ชุดคลุมแห่งความมืดขยายขนาดพองออกจนใหญ่มหึมา ล้อมชายหนุ่มเอาไว้เหมือนเกราะป้องกันอันแข็งแกร่ง หมัดยักษ์เข้าปะทะชุดคลุมของราชครูในทันที
แรงระเบิดส่งให้ชุดคลุมแตกสลายเป็นชิ้นๆ ใบหน้าของราชครูพร่าเลือน ส่วนหวังเป่าเล่อกระอักเลือดออกมาชุดใหญ่ แรงจากหมัดซัดเข้าไปที่เรือสำปั้นใต้เท้าของเขา…ส่งให้เรือพุ่งออกจากทะเลเพลิงในบัดดล เรือสีดำพุ่งทะลุกำแพงเถาวัลย์ที่รายล้อม ไปปรากฏอีกครั้ง…บนท้องฟ้าระยิบระยับด้วยแสงดาวในระยะไกล
แต่มันก็ไม่หยุดเพียงเท่านั้น เรือยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ สู่หมู่ดาวอันไกลโพ้น
“จะหนีรึ” โยวหรันหรี่ตาลง เขาไม่ได้ถอนหมัดกลับ แต่มือนั้นกลับยืดยาวออกไปอย่างไม่น่าเป็นไปได้ หมายไล่ล่าชายหนุ่มบนเรือมืดที่กำลังทะยานไปไกล!
นิ้วของโยวหรันก็ยืดออกด้วยความเร็วเช่นกัน ภาพนั้นดูน่าขนลุกเป็นอันมาก แต่หวังเป่าเล่อที่ผ่านประสบการณ์การรบพุ่งมาอย่างโชกโชนตั้งแต่เริ่มเดินไปบนเส้นทางการฝึกตน ไม่แม้แต่จะหันไปมองเบื้องหลัง แววตาของเขาแน่วแน่ด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว
“เจ้าไม้พายตะเกียง ข้าขอสัญญาว่าจะสร้างเจ้าขึ้นมาใหม่ในอนาคตแน่นอน!” เด็กชายตัวน้อยที่ลอยอยู่เหนือซากไม้พายตะเกียงน้ำตาปริ่ม ทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับนายของตนเท่านั้น เด็กชายหันหลังไปเผชิญหน้ากับมือยักษ์ที่กำลังไล่ล่ามา แววกระหายเลือดเคียดแค้นปรากฏขึ้นในดวงตาคู่น้อย เขาเริ่มร่ายคำสาปตามคำสั่งของหวังเป่าเล่อ ตอนนั้นเอง ชายหนุ่มก็ปล่อยไม้พายตะเกียงของตนออกจากมือ เด็กชายเสี่ยวเป่ากลับเข้าวัตถุเวทประจำตัว ไม้พายหมุนรอบตัวและพุ่งเข้าใส่มือยักษ์ของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันในทันที!
คลื่นพลังงานทำลายตนเองระเบิดออกมาจากไม้พายตะเกียงสีดำ แรงต้านรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดของขีดความสามารถ พริบตาต่อมาไม้พายตะเกียงก็พลันระเบิด แรงระเบิดแปรเปลี่ยนเป็นเกราะคุ้มกันล่องหนที่หยุดมือยักษ์ของโยวหรันเอาไว้กับที่!
แม้ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันจะต้องการไล่ล่าหวังเป่าเล่อต่อ แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้น แม้ไม้พายตะเกียงจะได้รับความเสียหายรุนแรง แต่มันก็ยังเป็นถึงอาวุธเทพระดับสูง การทำลายตนเองที่ทันท่วงทีและถูกจังหวะ ทำให้การโจมตีที่แม้จะรุนแรงของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันยังต้องถอยหนีเพื่อลดความเสียหายจากแรงปะทะ!
เสียงระเบิดดังก้องอวกาศ ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันชะงักค้างอยู่กลางความเวิ้งว้างด้วยพลังการทำลายตนเองของไม้พายตะเกียง หวังเป่าเล่อกระอักเลือดเต็มปาก ขณะที่เรือสำปั้นแห่งความมืดปล่อยพลังเต็มที่ พุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงหายไปในห้วงอวกาศไกล ดวงตาของหวังเป่าเล่อเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง เขารู้ดีว่าตนเองสู้ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันไม่ได้ในตอนนี้ ทางเดียวที่จะพลิกกลับมาเอาชนะได้คือการเพิ่มขีดจำกัดพลังของตนจากดาวดวงสุดท้ายในระบบสุริยะ มีบางสิ่ง…กำลังร้องเรียกเขาจากดาวพลูโต!
ชายหนุ่มกำลังเดิมพันครั้งใหญ่ เขาเดิมพันความสำคัญของตนที่มีต่อจื่อเยว่ โดยคาดการณ์ว่าตัวเขามีความสำคัญต่อหญิงสาวมากกว่าสหพันธรัฐ แม้ไม่มั่นใจว่าตนเองจะเอาชนะนางได้ แต่หลังจากที่ดูดซึมพลังจากนิ้วของนางเข้าไปแล้ว หวังเป่าเล่อก็มั่นใจพอตัวว่าตนเองเดาพฤติกรรมของนางถูก
ชายหนุ่มหวังว่าตนจะเดานิสัยของนางได้ไม่ผิดเพี้ยน ผู้ที่เห็นแก่ตัวจนสนใจเพียงความต้องการของตนเองเช่นนาง คงไม่คิดเอาความอยู่รอดของอารยธรรมมาขู่เขา เพราะในสายตาของนาง มันจะดูเหมือนเด็กอมมือเล่นขายเกินไป