ลู่เจียวพอได้ฟังรีบหันหน้าไปกล่าวกับสวีเหนียงจื่อว่า “ตอนนี้ข้ามีงาน ตอนเที่ยงนี้พวกเจ้าก็อยู่กินข้าวก่อน ตอนบ่ายพวกเราไปดูที่นาด้วยกัน”
สวีเหนียงจื่อเห็นลู่เจียวมีธุระ ก็ไม่อาจดึงดันจะไป ได้แต่เห็นด้วยทันที
“ได้ งั้นข้ากับจิ่นซิ่วไปห้องครัวช่วยฮวาเสิ่นเตรียมกับข้าวตอนเที่ยง”
“อืม รบกวนเจ้าแล้ว”
สวีเหนียงจื่อส่ายหน้าทันที “ไม่เป็นไร”
สองแม่ลูกลุกขึ้นเดินไปห้องครัวตระกูลเซี่ยช่วยฮวาเสิ่น
ลู่เจียวพาหร่วนจู๋ไปยังเรือนด้านหน้า
นางเพิ่งเดินถึงด้านนอกห้องเซี่ยอวิ๋นจิ่น ก็ได้ยินเสียงห่วงใยของเซี่ยเอ้อร์จู้พี่รองเซี่ยอวิ๋นจิ่นดังมาจากในห้อง
“เจ้าดูเจ้า อยู่ดีๆ ทำไมบาดเจ็บได้ ขานี้เพิ่งหาย ไหล่ก็มาเจ็บอีก น้องสาม ระยะนี้เจ้าดวงไม่ดีเลยจริงๆ รอไว้เจ้าหายดี เจ้าต้องรีบพาน้องสะใภ้สามไปวัดไหว้พระสักหน่อย”
ลู่เจียวเดินเข้ามาพอดี เซี่ยเอ้อร์จู้เห็นนางก็ลุกขึ้นทักทายทันที “น้องสะใภ้สาม เจ้ามาแล้ว ข้ากำลังบอกกับน้องสามว่าให้พวกเจ้าไปไหว้พระที่วัดหน่อย ปีนี้น้องสามดวงไม่ค่อยดีเลยจริงๆ”
ลู่เจียวรับคำ “ได้ ข้ารู้แล้ว”
นางกล่าวจบก็เชิญเซี่ยเอ้อร์จู้นั่ง พร้อมกับทักทายอีกสองคนในห้อง
ทั้งสองคนก็คือชาวบ้านในหมู่บ้านตระกูลเซี่ย คนหนึ่งคือสวี่ตัวจิน ยังมีอีกคนถึงกับเป็นตาเฒ่าเซียวที่ออกล่าสัตว์กับสวี่ตัวจิน คนในหมู่บ้านต่างเรียกเขาว่าท่านอาเซียว
“พี่สวี่กับท่านอาเซียวก็มาด้วย”
สวี่ตัวจินรีบลุกขึ้นยิ้มอธิบายว่า “ขอบคุณ พี่รองจะมาอำเภอชิงเหอ พวกผู้ใหญ่บ้านไม่วางใจ ดังนั้นจึงส่งข้ากับท่านอาเซียวพาเขามา”
เซี่ยเอ้อร์จู้ยิ้มกล่าวว่า “ความจริงข้ามาเองได้ พวกเขาก็เอาแต่ไม่วางใจ จะต้องพาข้ามาส่งให้ได้”
ในวาจามีความมั่นใจในตัวเองอยู่มาก
ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นสบตากัน ทั้งสองคนยิ้มขึ้นพร้อมกัน
ขอเพียงเซี่ยเอ้อร์จู้เบิกบานใจก็ดี หาเงินได้เท่าไรไม่สำคัญ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันหน้าไปขอบคุณสวี่ตัวจินกับท่านอาเซียว “ขอบคุณพี่สวี่กับท่านอาเซียวแล้ว”
สวี่ตัวจินกับตาเฒ่าเซียวส่ายหน้า สวี่ตัวจินกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ตอนนี้พี่รองคือคนมีชื่อของหมู่บ้านเรา พวกเราย่อมต้องปกป้องให้ดี”
เซี่ยเอ้อร์จู้ลูบศีรษะสีหน้าจนใจ แต่เขาก็คิดถึงเรื่องปลิงที่ตายได้ขึ้นมาทันที สีหน้าพลันเคร่งขรึมขึ้นมา เขามองลู่เจียวถามว่า
“สระเลี้ยงปลิงทุกอย่างยังปกติดี แต่สองสามวันนี้ข้าพบว่าปลิงตายไปจำนวนหนึ่ง แม้ว่าไม่มาก แต่ข้าเป็นห่วงว่าจะตายอีก ดังนั้นจึงอยากมาถามน้องสะใภ้หน่อยว่า ปลิงป่วยหรือไม่”
ลู่เจียวรีบถามเขาเรื่องรายละเอียดในการเลี้ยงปลิง ปรากฏพบว่าเซี่ยเอ้อร์จู้ทำได้ดีมากแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ปลิงก็ไม่ควรตายถึงจะถูก
ลู่เจียวถามเรื่องแสงแดดส่องต่อ สุดท้ายค้นพบว่าที่ปลิงตายเป็นเพราะเรื่องแสงแดดส่องจริงๆ
เดือนเก้า พระอาทิตย์ค่อนไปทางตะวันตก สระเลี้ยงปลิงแม้ว่าปลูกบัวสายและผักตบไว้แล้ว แต่รอบๆสระปลิง ยังไม่ได้ปลูกต้นไม้ พระอาทิตย์ค่อนเอียงไปแสงก็ส่องถึงสระเลี้ยงปลิง
ปลิงกลัวแสงแดด หากปีนขึ้นเกาะฝั่งแล้วแสงส่องก็จะทำให้พวกมันตายได้
ลู่เจียวตรวจสอบกระจ่างแล้วก็รีบกำชับเซี่ยเอ้อร์จู้ว่า “พี่รองกลับไปก็ปลูกต้นไม้รอบสระปลิง จำไว้ต้องทำให้ไม่มีแสงส่องสระปลิงแม้แต่น้อย ปลิงก็จะไม่ตาย”
พอนางบอก เซี่ยเอ้อร์จู้ก็เข้าใจ รีบพยักหน้าเต็มแรง “ข้าเข้าใจแล้ว กลับไปจะให้คนในหมู่บ้านปลูกต้นไม้รอบสระปลิง”
“อืม”
ลู่เจียวพยักหน้าแล้วก็สอบถามสภาพในหมู่บ้านอย่างห่วงใย หมู่บ้านตระกูลเซี่ยตอนนี้ดีมาก เพราะทุกคนรายได้ดีตามๆ กัน ดังนั้นเพื่อนบ้านจึงอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว
สวี่ตัวจินกับตาเฒ่าเซียวก็คุยบ้างสองสามประโยค ลู่เจียวให้พวกเขาคุยกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปก่อน ตนเองหันหลังจะเดินไปยังเรือนด้านหลังเตรียมอาหารกลางวัน
สวี่ตัวจินกับตาเฒ่าเซียวสองคนรีบยืนขึ้นกล่าวอย่างเกรงใจว่า “พวกเรากลับก่อนดีกว่า”
ลู่เจียวรีบยิ้มกล่าวว่า “คนบ้านเดียวกันมาเยือน ไม่ทันอยู่กินข้าวก็กลับคงไม่ได้กระมัง พี่สวี่กับท่านอาเซียวดูถูกพวกเราหรือ”
สวี่ตัวจินกับท่านอาเซียวรีบส่ายหน้ากล่าวว่า “รบกวนพวกเจ้าเกินไปแล้ว”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ไม่รบกวน พวกท่านก็อยู่กินข้าวด้วยกันเถอะ”
สวี่ตัวจินกับตาเฒ่าเซียวยังคิดจะพูดต่อ เซี่ยเอ้อร์จู้กลับยิ้มกล่าวกับทั้งสองคนว่า “พวกเจ้าไม่ต้องเกรงใจ น้องสามกับน้องสะใภ้สาม พวกเจ้าใช่ว่าไม่รู้ พวกเขาล้วนเป็นคนดี พวกเจ้าก็อยู่กินข้าวด้วยกันเถอะ”
สวี่ตัวจินกับท่านอาเซียวจึงไม่พูดอะไร ลู่เจียวบอกกับพวกเขาสามคนแล้วก็จะออกไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังกล่าวอย่างห่วงใยว่า “งั้นตอนบ่ายเจ้าค่อยไปดูที่นาแล้วกัน”
“ได้”
ลู่เจียวรับปากแล้วก็เดินออกไป เซี่ยเอ้อร์จู้ถามอย่างห่วงใยเซี่ยอวิ๋นจิ่นว่าที่นาอะไรกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ไม่ได้ปิดบังพี่รองตนเอง บอกเขาว่าลู่เจียวไปซื้อที่ดินละแวกอำเภอเตรียมปลูกสมุนไพร
แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้บอกว่าซื้อไว้เท่าไร ดังนั้นเซี่ยเอ้อร์จู้กับพวกสวี่ตัวจินก็คิดไปเองว่าซื้อร้อยสองร้อยหมู่
แต่แม้เป็นเช่นนี้ เซี่ยเอ้อร์จู้กับพวกสวี่ตัวจินก็ยังคิดว่าลู่เจียวร้ายกาจมาก
“น้องสะใภ้สามร้ายกาจจริง ไม่นานเท่าไรก็ซื้อที่นาร้อยสองร้อยหมู่ได้แล้ว”
สวี่ตัวจินข้างๆ พยักหน้าเห็นด้วย “แต่ไรมาภรรยาอวิ๋นจิ่นก็มีความสามารถ วันหน้าครอบครัวอวิ๋นจิ่นจะต้องดีวันดีคืนอย่างแน่นอน”
เซี่ยเอ้อร์จู้กับสวี่ตัวจินชมลู่เจียว เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกดีใจยิ่งกว่าชมเขา เขายิ้มมุมปากมองสองคนในห้องที่เอ่ยชมนางอย่างเบิกบานใจ
ตาเฒ่าเซียวพลันเอ่ยว่า “ที่นาพวกเจ้าต้องการคนจัดการดูแลไหม”
เขากล่าวจบ คนในห้องก็หันพรึ่บไปมองท่านอาเซียว
นี่ตาเฒ่าเซียวหมายความว่าอย่างไร
ตาเฒ่าเซียวเอ่ยเองว่า “หากที่นาพวกเจ้ายังไม่มีคนจัดการดูแล ข้าช่วยพวกเจ้าดูแลได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันไม่รู้ว่าจะกล่าวอย่างไรดี เพราะนั่นเป็นที่ของลู่เจียว แต่ไรมาเขาไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง กับเรื่องพวกนี้ของลู่เจียว ดังนั้นไม่รู้ว่านางจัดการอย่างไร อีกอย่าง ท่านอาเซียวอยู่ดีๆ จะมาช่วยเขาดูแลที่ทางทำไม
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองตาเฒ่าเซียวด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ตาเฒ่าเซียวสีหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ กล่าวว่า “ข้าไม่มีที่นา อายุก็มากแล้ว วันหน้าขึ้นเขาล่าสัตว์ก็ต้องใช้แรงมาก ดังนั้นข้าก็คิดมาตลอดว่าจะหาที่ที่เหมาะสมทำงานในวัยชรา หากที่นาพวกเจ้ายังไม่มีคนดูแล ข้าก็อยากจะช่วยพวกเจ้าเฝ้าที่นาพวกนั้น”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นตาเฒ่าเซียวสีหน้าจริงใจ เหมือนอยากจะช่วยพวกเขาดูแลที่นาจริงๆ
กล่าวตามตรง ตาเฒ่าเซียวเป็นคนหมู่บ้านตระกูลเซี่ย แม้ว่าย้ายมาทีหลัง แต่เป็นเพื่อนบ้านกันมาหลายปี คุณธรรมของเขา เซี่ยอวิ๋นจิ่นเชื่อใจได้ หากลู่เจียวต้องการคนดูแลที่นาจริงๆ ตาเฒ่าเซียวก็ไม่เลว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดกล่าวว่า “ที่นานี้ลู่เจียวเป็นคนจัดการมาตลอด ข้าไม่เคยถาม รอไว้ข้าถามนางดูก่อนค่อยว่ากัน”
ตาเฒ่าเซียวไม่พูดอีก ไว้รอพบภรรยาอวิ๋นจิ่นค่อยถามดู