รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 191 เปิดแผลแล้วโรยเกลือซ้ำ เจ้ายังเป็นมนุษย์อยู่หรือ!

บทที่ 191 เปิดแผลแล้วโรยเกลือซ้ำ เจ้ายังเป็นมนุษย์อยู่หรือ!

บทที่ 191 เปิดแผลแล้วโรยเกลือซ้ำ เจ้ายังเป็นมนุษย์อยู่หรือ!

มีเจ้าตำหนักมากมายในแดนสังสารวัฏ

เจ้าตำหนักแต่ละคนต่างมีหน้าที่รับผิดชอบคนละเส้นทางสังสารวัฏ

เส้นทางสังสารวัฏเชื่อมต่อสวรรค์และโลก

อีกทั้งความแข็งแกร่งของเจ้าตำหนักนั้น เทียบเท่ากับความแข็งแกร่งของอาณาจักรที่เชื่อมต่อโดยเส้นทางสังสารวัฏที่จัดการ

ยิ่งอาณาจักรแข็งแกร่งมากเท่าไร เจ้าตำหนักก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

“เจ้าตำหนักที่ข้ารับใช้อยู่เป็นแค่ตี้หวง”

จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงหรี่ตาลง

เขาได้รับคำชี้แนะจากท่านเซียน ซึ่งเขาเพียงแค่ต้องทำความเข้าใจในข้อมูลเชิงลึกก่อนที่เขาจะสามารถพัฒนาได้ ถึงเวลานั้น เขาจะสามารถต่อสู้กับตี้หวงได้อย่างสมบูรณ์!

เจ้าตำหนักหาได้รู้ถึงสถานการณ์ด้านของเขา ดังนั้นอีกฝ่ายจึงไม่มีทางคิดป้องกันเขาแน่นอน เขาสามารถลอบโจมตีได้ และความเป็นไปได้ที่จะฆ่าเจ้าตำหนักก็มีมากขึ้นกว่าเดิม!

“ไม่มีใครเคยได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้าตำหนัก ดังนั้น ตราบเท่าที่ข้าฆ่าเขาได้ ข้าก็จะสามารถแทนที่เขาได้อย่างสมบูรณ์!”

จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงพึมพำ

เมื่อเขากลายเป็นเจ้าตำหนักแห่งเส้นทางนี้ มิใช่ว่าเขาจะกลายเป็นผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จในเส้นทางนี้หรอกหรือ?

แล้วปัญหาทั้งหมดก็จะได้รับการแก้ไขไปเอง

“ข้าจะไปฝึกเดี๋ยวนี้!”

เขาหาสถานที่เงียบสงบ หยิบกระดานหมากล้อมออกมาและเริ่มฝึกฝนการตระหนักรู้

ณ แดนสังสารวัฏ

ภายในตำหนักเก่าแก่

“ไฉนจึงยังไม่กลับมาอีก? เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับจ้าวสังสารวัฏด้วย?”

เจ้าตำหนักพึมพำเสียงเบา

เป็นเวลานานแล้วที่จ้าวสังสารวัฏยังไม่กลับมา เขาเป็นกังวลเล็กน้อย กลัวว่าจ้าวสังสารวัฏจะตายตกในอาณาจักรด้านล่างนั้นด้วย

“ข้าคิดอันใดอยู่กัน? มันจะเป็นไปได้อย่างไร!”

เขาส่ายหัวทันที รู้สึกว่าตัวเองกังวลมากเกินไป

ความแข็งแกร่งอย่างจ้าวสังสารวัฏจะเกิดเรื่องขึ้นในอาณาจักรที่ต่ำต้อยเช่นนี้ได้อย่างไร?

ในเส้นทางสังสารวัฏนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใหม่มานานแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับอาณาจักรเบื้องล่างซึ่งเชื่อมโยงกับเส้นทางสังสารวัฏ และความแข็งแกร่งของมันก็ไม่ดีเท่าในอดีต

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จ้าวสังสารวัฏจะต้องไม่เป็นอะไร

ภาคกลาง

ลัทธิเสวียนเหยียน

นี่คือลัทธิใหญ่ที่ซ่อนเร้นจากโลกภายนอก โดยตั้งอยู่ในภูเขาอันกว้างใหญ่ที่ถูกม่านพลังปกคลุม ซึ่งคนนอกไม่อาจมองเห็นและไม่สามารถเข้าไปได้

ยอดฝีมือคนแล้วคนเล่าพากันเหาะเหินเข้ามาจากระยะไกล

“สหายเต๋า เจ้าพาอัจฉริยะสะท้านฟ้ากลับมาแล้วใช่หรือไม่? ขอพวกเราดูหน่อยสิ”

“ใช่แล้ว สหายเต๋า!”

พวกเขายิ้มแย้มและมาที่ห้องโถงใหญ่เพื่อพบกับเจ้านิกายของลัทธิเสวียนเหยียน

ลัทธิเสวียนเหยียน

นี่คือลัทธิที่เอาชนะบรรดากองกำลังโลกที่ทรงพลังซึ่งซ่อนเร้นอยู่ และมีสิทธิ์ในการรับอัจฉริยะสะท้านฟ้า

ยอดฝีมือที่มาที่ลัทธิเสวียนเหยียนเหล่านี้ ต่างเป็นยอดฝีมือจากกองกำลังโลกแห่งอื่น ๆ

ในสมัยโบราณมีอัจฉริยะสะท้านฟ้าอยู่เพียงไม่กี่คน พวกเขาจึงอยากเห็นอัจฉริยะสะท้านฟ้าดังกล่าวกันจริง ๆ

ดูหรือ?

ดูกับผีน่ะสิ!

ไม่ต้องบอกว่าเจ้านิกายของลัทธิเสวียนเหยียนรู้สึกอึดอัดเพียงใด

อย่าว่าแต่อัจฉริยะสะท้านฟ้าไม่ได้ถูกนำกลับมา พวกเขายังสูญเสียยอดฝีมือชั้นแนวหน้า และแม้แต่อาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไป!

การสูญเสียครั้งนี้…เกินคณานับ!

เขาแทบจะอาเจียนเป็นเลือด!

แดนบูรพาทิศมีบ้าอะไรอยู่!

เขาไม่กล้าส่งคนไปที่นั่นอีก ด้วยกลัวอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นซ้ำรอย

“อย่าพูดถึงอีก มันน่ารำคาญ!”

เขาโพล่งขึ้นด้วยโทสะ

คนพวกนี้กาไหนไม่เดือดเลือกกานั้น*[1]จริง ๆ!

เหมือนเอาเกลือมาราดแผล!

หากเขาไม่แน่ใจว่ากองกำลังลับเหล่านี้ไม่ได้ทำ เขาคงสงสัยว่ายอดฝีมือเหล่านี้เจตนามาที่นี่เพื่อเยาะเย้ยให้เขาอับอาย!

“เกิดอันใดขึ้น?”

“เจ้าหงุดหงิดอะไรกัน?”

ยอดฝีมือเหล่านี้ต่างตกตะลึง

เป็นเรื่องดีที่สามารถสรรหาอัจฉริยะสะท้านฟ้าได้ เหตุใดเจ้าถึงหงุดหงิดกัน?

“ไม่มีอะไร พวกเราไม่ต้องการอัจฉริยะสะท้านฟ้าแล้ว!”

เจ้านิกายลัทธิเสวียนเหยียนพูดอย่างหมดความอดทน “ผู้ใดก็ตามที่ต้องการ เชิญเอาไปได้เลย!”

หลังจากพูดจบ เขาก็ออกจากที่นั่นทันที

“อะไรนะ!?”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร!?”

บรรดายอดฝีมือต่างสับสนกันมากยิ่งขึ้น

ในอีกด้านหนึ่ง ยอดฝีมือจำนวนมากได้ไปยังกองกำลังอีกเจ็ดแห่งที่ได้รับคุณสมบัติในการรับอัจฉริยะสะท้านฟ้า และพวกเขาก็ต้องการที่จะเห็นอัจฉริยะสะท้านฟ้าเหล่านี้

แต่ใครจะคิดว่าหัวหน้าของพรรคทั้งเจ็ดนี้กลับพากันหงุดหงิด ราวกับมีคนไปขุดหลุมฝังศพของบรรพบุรุษของพวกเขา

พวกเขาถึงกับตะโกนว่าไม่ต้องการอัจฉริยะสะท้านฟ้าอีกต่อไป ผู้ใดก็ตามที่ต้องการ เชิญเอาไปได้เลย!

“เกิดอะไรขึ้น?”

“อัจฉริยะสะท้านฟ้ากลายเป็นเผือกร้อนงั้นหรือ?”

ยอดฝีมือเร้นลับทั้งหมดที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ต่างตกตะลึง

สู้กันแทบตายเพื่อแย่งสิทธิ์นี้มา แต่หลังจากที่ได้รับสิทธิ์แล้วกลับปฏิเสธไม่เอาหรือ?

การกระทำเช่นนี้มันอะไรกัน?

พวกเขาทั้งหมดต่างไม่สามารถเข้าใจได้!

“เจ้าไม่ต้องการจริง ๆ หรือ? หากเจ้าไม่ต้องการมันจริง ๆ พวกเราจะรับไว้เองนะ!”

ยอดฝีมือผู้หนึ่งกล่าว

“ไม่ต้องการ!”

ทั้งแปดกองกำลังพูดเป็นเสียงเดียวกัน และทั้งหมดก็ประกาศว่าพวกเขาจะละทิ้งคุณสมบัติของตนในการรับอัจฉริยะสะท้านฟ้า

ต้องการกับผีน่ะสิ!

หากยังต้องการอีก พวกเขาคงได้สูญเสียกันจนหมดพรรคแน่!

สำหรับเหตุผลของการยอมแพ้ แม้ว่าทั้งแปดฝ่ายจะไม่ได้พูดถึง แต่พวกเขาต่างเข้าใจกันโดยปริยาย และไม่มีใครประกาศเหตุผลในการยอมแพ้นี้

ประกาศเพื่ออันใด?

ประกาศว่าพวกเขาแต่ละคนสูญเสียยอดฝีมือชั้นนำกับอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไปงั้นหรือ?

หยุดเลย…

ข่าวนี้ออกไปย่อมไม่เป็นประโยชน์อันใดต่อพวกเขา

กลับกัน พวกเขาจะถูกกองกำลังอื่นเยาะเย้ย และมีแนวโน้มที่จะตกเป็นเป้าหมายของกองกำลังอื่น!

พวกเขาจะไม่ปลอดภัยหากไร้ซึ่งอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์…

นอกเสียจากว่าพวกเขาจะโง่เขลา ตะโกนป่าวประกาศไปทั่วว่าพวกเขาสูญเสียอาวุธจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไป

หลังจากที่ทั้งแปดฝ่ายประกาศละทิ้ง ขุมพลังอื่น ๆ ที่ซ่อนอยู่ต่างก็ตื่นเต้นยินดี

หมายความว่าพวกเขาอาจมีโอกาสคว้าอัจฉริยะสะท้านฟ้าแล้ว!

เมื่ออัจฉริยะสะท้านฟ้าโตขึ้น ความสำเร็จที่อีกฝ่ายบรรลุนั้นย่อมเป็นสิ่งที่ไม่อาจจินตนาการได้!

พวกเขาทั้งหมดต้องการที่จะรับอัจฉริยะสะท้านฟ้า!

“ไม่สิ! มันต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่ ๆ !”

“พวกเขาจะยอมแพ้โดยไม่มีอุบายใด ๆ เลยได้อย่างไร? ข้าไม่เชื่อ!”

กองกำลังหลายฝ่ายสงบลง รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องไม่เรียบง่ายอย่างนั้นแน่

ผู้ใดเล่าจะยอมสละอัจฉริยะสะท้านฟ้าเช่นนี้ไป?

เป็นไปได้อย่างไร!

ต้องมีบางสิ่งที่พวกเขาไม่รู้อยู่เป็นแน่!

พวกเขาไปพบกองกำลังอีกแปดกองกำลัง และต้องการถามว่าเหตุใดพวกเขาถึงยอมแพ้

โดยไม่คาดคิด ทั้งแปดกองกำลังต่างก็ปิดประตูไม่รับแขก และไม่มีใครเห็นพวกเขาเลย!

“อย่ารีบร้อน!”

“ไปตรวจสอบกันก่อน!”

กองกำลังทั้งแปดไม่ได้บอกเหตุผลแก่พวกเขา พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะตรวจสอบพรรคจื่อเสียเอง

หลังจากนั้น พวกเขาแต่ละคนก็ส่งยอดฝีมือไปที่พรรคจื่อเสียเพื่อตรวจสอบ

ในอีกด้านหนึ่ง จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงได้แยกแยะความรู้สึกของเขาและค่อย ๆ ทำความเข้าใจกับมัน!

เขารู้สึกถึงการคลายตัวของคอขวดขอบเขต และเขาสามารถทะลวงผ่านคอขวดขอบเขตได้ในบัดดล!

ทว่าเขาไม่ได้เลือกที่จะทะลวงผ่านทันที

จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงก้าวไปข้างหน้าและตรงไปยังโลกภายนอก

การก้าวข้ามขั้นเหนือมหาจักรพรรดินี้ไม่ใช่การก้าวข้ามธรรมดา และจะต้องทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่

ท่านเซียนชอบอยู่อย่างสงบ

แล้วเขากล้าจะบุกทะลวงในแดนบูรพาทิศได้อย่างไร?

หากต้องการทะลวงที่แดนบูรพาทิศนี้จริง ๆ สายตาของคนทั้งโลกก็จะจับจ้องมาที่แดนบูรพาทิศ

ถึงเวลานั้นแดนบูรพาทิศย่อมมิอาจสงบได้อีก!

แม้มอบความกล้าร้อยเท่าให้ เขาก็ไม่กล้า!

“เริ่มกันเลย…”

ขณะนั่งขัดสมาธิบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เขาก็เริ่มทะลวงผ่านคอขวดขอบเขต!

ลำแสงเส้นแล้วเส้นเล่าของจักรพรรดิพุ่งออกมาจากผิวกายของเขา ร่างกายของเขาดูราวกับลุกเป็นไฟ เปล่งประกายและพร่างพราวยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์ในสวรรค์ชั้นเก้า!

ความเจิดจรัสของดวงดาวรอบทั้งหมดถูกเขาสะกดข่มไว้!

บารมีจักรพรรดิอันยิ่งใหญ่แผ่ขยายออกไปอย่างไม่มีสิ้นสุด ซึ่งหมายความว่าถ้าเขาบรรลุความก้าวหน้าในแดนบูรพาทิศ บารมีจักรพรรดิที่เล็ดลอดออกมาจากตัวจะสามารถครอบคลุมอาณาจักรทั้งหมดได้!

“ตี้หวง…ข้ามาแล้ว!”

เขามั่นใจมากในการเป็นตี้หวง!

[1] กาไหนไม่เดือดเลือกกานั้น หมายถึง เรื่องไหนไม่ควรพูดก็ยกมาพูด

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท