ตาของอีอูยอนหรี่ลง แววตาของกรรมการผู้จัดการคิมเองก็หมองลงด้วยเช่นกัน เขารู้สึกผิดที่ดูเหมือนว่าตัวเองจะเป็นคนลากน้องภรรยาลงมาในโคลนนี้ด้วยเหตุผลที่ว่าปิดปากได้ง่าย
“…คังอูเป็นคนดีนะ”
หัวหน้าทีมชามองอีอูยอนก่อนจะพึมพำด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพราะแบบนั้นเขาถึงไม่กล้าพูดคำว่าห้ามฆ่าต่อหน้าคิมคังอู
“เมื่อกี้ผมก็เพิ่งพูดไปนี่ครับ ใครเขาว่าอะไรล่ะครับ”
“โอ๊ย ชมกันเกินไปแล้วครับ”
คิมคังอูหัวเราะพร้อมกับปิ้งเนื้อไปด้วย ทันทีที่เนื้อสุกเขาก็แบ่งเนื้อให้ทุกคนอย่างเหมาะสม
“ฮยองนิมไม่กินเหรอครับ”
คิมคังอูเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเนื้อที่กองอยู่ตรงหน้าอินซอบไม่ลดลงไปสักชิ้น
“เอ่อ คือผม…”
อินซอบพยายามนึกคำพูดที่เหมาะสมขณะที่กำตะเกียบเอาไว้
เวลาที่เขาบอกว่าไม่ชอบเนื้อ ปฏิกิริยาที่ได้กลับมามักจะเหมือนกันเป็นส่วนใหญ่ ‘ทำไมถึงไม่ชอบของดีๆ แบบนี้ล่ะ เป็นไปได้เหรอที่จะไม่ชอบเนื้อ ไม่ชอบเพราะไม่เคยลองกินเนื้อที่อร่อยจริงๆ หรือเปล่า’
เขาหลีกเลี่ยงอาหารมันๆ เพราะสุขภาพ แล้วรสนิยมในเรื่องอาหารของเขาก็เปลี่ยนไปโดยไม่ทันได้รู้ตัว แต่นี่เป็นเรื่องที่อินซอบไม่อยากบอก เพราะถ้าจะให้อธิบายเรื่องทั้งหมด เขาต้องเริ่มพูดตั้งแต่ปัญหาเรื่องหัวใจ
“คุณอินซอบไม่ชอบเนื้อน่ะครับ”
อีอูยอนพูดแทนอินซอบ
“ครับ? ไม่ชอบเนื้อเหรอครับ เป็นพวกมังสวิรัติหรืออะไรแบบนั้นเหรอครับ”
“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นหรอก…ก็กินได้นะ”
พอเห็นอินซอบวางเนื้อลงบนผักกาดหอมที่ซ้อนกันถึงสามชั้น อีอูยอนก็ดึงมือของอินซอบมา และเอาผักห่อเนื้อนั้นเข้าปากตัวเอง อินซอบมึนงงและนิ่งไปทันที แม้ก่อนหน้านี้จะเคยเจอประสบการณ์ที่คล้ายกันนี้มาแล้ว แต่เขากลับไม่คุ้นเสียที
“ห่อกินเองสิ จะปล่อยมือที่มีครบถ้วนเอาไว้ทำอะไรล่ะ”
ถึงจะปิดปากคิมคังอูได้ แต่กรรมการผู้จัดการก็ยังเบิกตาโพลงให้กับพฤติกรรมน่ารังเกียจของอีอูยอนที่แสดงความรักออกมาอย่างหน้าตาเฉย
“ไม่รู้เหรอครับว่าของที่คนอื่นห่อให้น่ะอร่อยที่สุด”
อีอูยอนยิ้มพร้อมกับโต้กลับ
“คราวนี้ให้ผมห่อให้ไหมครับคุณนักแสดง”
พอคิมคังอูวางเนื้อบนผักกาดหอมและเอ่ยถามโดยไม่ทันได้สังเกตสถานการณ์ รอยยิ้มของอีอูยอนก็จางลง หัวหน้าทีมชาที่อยู่ข้างๆ หน้าซีดก่อนจะอ้าปากค้างเหมือนนกนางแอ่นที่อดยาก
“ฉัน! ฉัน! ให้ฉัน!”
“ใช่! ให้ฮยอนคยูเถอะ ฮยอนคยูของเรา”
กรรมการผู้จัดการคิมยัดผักห่อเนื้อที่อยู่ในมือของคิมคังอูใส่ปากของหัวหน้าทีมชา
“ห่อให้พี่เขยอีกคนด้วยสิครับ เขาจะน้อยใจเอานะ”
“อ๋อ ได้เลยครับ”
คราวนี้คิมคังอูผักห่อเนื้อและยื่นให้กรรมการผู้จัดการคิม กรรมการผู้จัดการคิมคิดว่าวันนี้อีอูยอนดูชั่วร้ายเป็นพิเศษพลางเคี้ยวผักห่อเนื้อกร้วมๆ
“สั่งอย่างอื่นเพิ่มไหมครับ”
อีอูยอนกางเมนูและยื่นให้อินซอบ
“ไม่เป็นไรครับ”
“คุณไม่ค่อยกินอาหารเย็นเลยนะครับ แล้วช่วงนี้คุณก็ไม่กินเลยด้วย ผมควรทำยังไงดีครับ”
คิมคังอูตาเป็นประกาย เพราะเขาประทับใจจริงๆ กับน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเป็นห่วงของอีอูยอน
“พอได้เห็นคุณนักแสดงแล้ว ผมรู้สึกว่าพระเจ้าลำเอียงมากๆ เลยครับ คุณหล่อขนาดนั้นแล้ว ทำไมถึงยังนิสัยดีอีกล่ะครับ นี่มันไม่ยุติธรรมสุดๆ ไปเลยไม่ใช่เหรอครับ”
“…ยุติธรรมมากแล้วล่ะ”
หัวหน้าทีมชาเคี้ยวแตงกวาพลางพึมพำ
“ไม่นะครับ ผมรู้มาว่าดาราคนอื่นขึ้นเสียงใส่ผู้จัดการส่วนตัวด้วย ผมเจอมาหลายครั้งแล้วล่ะครับ วันนี้ก็…”
คิมคังอูเผลอพูดออกมา เขาหุบปากลงพร้อมทำสีหน้าคล้ายจะบอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ อีอูยอนที่ดื่มเหล้าอยู่เบนสายตาไปทางคิมคังอู
“ผมขอตัวไปห้องน้ำสักครู่นะครับ”
อินซอบลุกขึ้น ดังนั้นบทสนทนาจึงถูกตัดไป ทันทีที่อินซอบออกไป บทสนทนาก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องอื่นอย่างเป็นธรรมชาติ
“แล้วฮียอนยังคบกับไอ้นั่นอยู่เหรอ”
“โอ๊ย พี่เขาเลิกกับพี่คนนั้นไปตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ พี่เขาคบกับคนอื่นอยู่”
“มีแฟนไม่ขาดเลยสินะ”
“น่าแปลกที่พวกผู้ชายคอยตามพี่แล้วก็ผูกติดอยู่กับเธอเหมือนเป็นคนบ้า ผมไม่เข้าใจจริงๆ เลยครับ อ๊ะ ขอโทษครับ ไม่ได้หมายถึงคุณทั้งสองคนนะ”
“เอาเถอะ ตอนนั้นพวกเราก็เป็นคนบ้าจริงๆ นี่”
“ใช่แล้ว เป็นคนบ้า”
กรรมการผู้จัดการคิมและหัวหน้าทีมชาเติมโซจูในแก้วของกันและกัน คนทั้งคู่ที่รู้ถึงความรู้สึกของคนที่มีหัวอกเดียวกันดีกว่าใครสบตากันก่อนจะดื่มจนหมดแก้ว
“คังอู นายไม่มีคนที่คบอยู่เหรอ”
“เพิ่งเลิกกันไปไม่นานนี้เองครับ ช่วยแนะนำคนดีๆ ให้ผมทีนะครับ เป็นไอดอลก็ได้ครับ”
“อย่าเดทกับดาราเลย คบกับพวกดาราน่ะไม่ดีหรอก”
หัวหน้าทีมชาทำหน้าเข้มงวดเหมือนสั่งสอนเด็ก
“คุณทำให้ดาราที่ได้ยินเสียใจนะครับ”
อีอูยอนพูดล้อเล่น
“ว่าแต่ดาราเขาคบกับดาราด้วยกันเองใช่ไหมครับ เหมือนอย่างที่คุณนักแสดงคบกับคุณแชยอนซอ พอมาคิดๆ ดูแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อนผมเห็นคุณแชยอนซอเดินผ่านที่สถานีโทรทัศน์ด้วยครับ เธอสวยมากจริงๆ เลยนะครับ เหมือนเป็นเทพธิดาเลย”
“อย่างนั้นเหรอครับ”
อีอูยอนตอบรับด้วยสีหน้าไม่สนใจไยดีเหมือนได้ยินเรื่องการจับคู่ของยีราฟที่อาศัยอยู่ในแอฟริกาซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของโลก
“พวกคุณทั้งคู่เหมาะสมกันจริงๆ นะครับ หนุ่มหล่อสาวสวย”
คิมคังอูยกนิ้วพลางเอ่ย
“ผมก็ต้องเหมาะกับคนรักของผมอยู่แล้วสิครับ”
สีหน้าของกรรมการผู้จัดการคิมและหัวหน้าทีมชาหม่นหมองเพราะคำพูดของอีอูยอน
“อินซอบที่น่าสงสาร”
คิมคังอูหูตั้ง เพราะคำพูดที่หัวหน้าทีมชาพูดราวกับเป็นการถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัวก่อนจะเอ่ยถาม
“ฮยองนิมทำไมนะครับ”
“อ๋อ คือ คือว่า…อินซอบเขาเหมือนจะทุกข์ใจนิดหน่อย เพราะคนที่คบอยู่น่ะ”
หัวหน้าทีมชารีบพูดต่อด้วยความรู้สึกที่ว่า ‘ไหนพวกนายลองถูกทำให้ทุกข์ใจดูบ้างสิ’
“ก็น่าจะรีบเลิกไปนะ”
“เลิกเหรอครับ ผมได้ยินว่าเขากำลังคบกันแฟนสาวอย่างจริงจังอยู่นี่ครับ”
กรรมการผู้จัดการคิมถึงกับสำลักเหล้าเพราะคำพูดของคิมคังอู และเริ่มไอโขลกๆ
“ว่าไงนะ ฟะ แฟนสาวเหรอ”
หัวหน้าทีมชาช่วยตบหลังของกรรมการผู้จัดการคิมก่อนจะถามซ้ำ คิมคังอูลังเลพร้อมกับตอบว่า ‘ครับ’ เขากลัวว่าตัวเองอาจจะพูดอะไรผิดไปขึ้นมาทันที
“เหอๆ…ใช่แล้ว ดูเหมือนจะคบกับคนรักมานานแล้วนะ”
กรรมการผู้จัดการคิมสังเกตอีอูยอนก่อนจะรีบแก้สิ่งที่คิมคังอูพูดออกมา
“คบกันมานานแล้วเหรอครับ นานแค่ไหนเหรอครับ”
“แค่ไหนน้า”
กรรมการผู้จัดการคิมไม่รู้ระยะเวลาที่แน่นอน เขาจึงพูดเสียงเบาลงก่อนจะเหลือบมองอีอูยอน
“สามปีครับ”
อีอูยอนตอบทันควัน
“งั้นก็คงจะแต่งงานกับแฟนสาวคนนั้นแหละครับ คงจะดีมากเลยที่ได้แต่งงานกับคนอย่างฮยองนิม ยิ่งรู้จักก็ยิ่งเป็นคนที่ใช้ได้เลยนะครับ เขาคงไม่ละเลยหรือทำให้ทุกข์ใจด้วยใช่ไหมครับ”
อีอูยอนพูดว่า ‘ก็ไม่รู้สิครับ’ ก่อนจะหลุบตาลง
“ก็บังเอิญทำให้ทุกข์ใจมากได้เหมือนกันนะครับ”
คำพูดที่มีความหมายลึกซึ้งของอีอูยอนทำให้กรรมการผู้จัดการคิมกับหัวหน้าทีมชามองหน้ากันอย่างทำตัวไม่ถูก
“โอ๊ย ไม่มีทางหรอกครับ ผมไม่เคยเจอคนที่มีจิตใจดีอย่างฮยองนิมมาก่อนเลย ผมว่าเขาเป็นคนดีจริงๆ นะครับ”
อีอูยอนหัวเราะสั้นๆ โดยไม่ตอบอะไร ตอนนั้นเองอินซอบที่ไปห้องน้ำก็เดินเข้ามา อินซอบสังเกตเห็นบรรยากาศที่น่าอึดอัดขึ้นแปลกๆ เขากะพริบตาพลางเอ่ยถาม
“กำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอครับ”
อีอูยอนเอนตัวไปด้านหลังเพื่อให้อินซอบสามารถเดินเข้าไปด้านในได้พลางเอ่ยตอบ
“นินทาคุณอินซอบอยู่ครับ”
“…ขอโทษครับ”
อินซอบยืนเหม่อก่อนจะขอโทษทันที
“ขอโทษอะไรล่ะครับ”
“ก็คุณน่าจะพูดแบบนั้นกันเพราะผมทำอะไรผิดไปไงครับ”
ทุกคนมองอินซอบที่ขอโทษคนที่ด่าตัวเองด้วยสีหน้าลุกลี้ลุกลน อีอูยอนกลั้นหัวเราะอย่างเนือยๆ
“ล้อเล่นครับ นั่งเถอะครับ”
อีอูยอนจับข้อมือของอินซอบที่ยืนในลักษณะกึ่งนั่งกึ่งยืนและดึงให้นั่งลงข้างๆ ตัวเอง
“ในโลกนี้มีคนที่น่าด่าอยู่เยอะมากแท้ๆ กลับไม่ด่า แต่มาด่าคุณอินซอบ”
หัวหน้าทีมชาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะคนที่เขาอยากด่ามากที่สุดนั่งอยู่ตรงข้ามนี่เอง อีอูยอนยิ้มก่อนจะกดกริ่งที่ติดอยู่ด้านข้างของโต๊ะ
“ผมไม่หิวครับ”
อินซอบรีบส่ายหัว
“ผมไม่ได้จะสั่งกับแกล้มครับ แต่ผมจะสั่งเหล้า”
“เหล้าเหรอ ยังเหลืออยู่เลยไม่ใช่หรือไง”
กรรมการผู้จัดการคิมชี้ไปที่โซจูที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่อีอูยอนกลับไม่แม้แต่จะแกล้งทำเป็นมอง
“เรียกเหรอคะ”
พนักงานของร้านเปิดประตูก่อนจะเอ่ยถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ขอแบบนี้สิบขวดครับ”
อีอูยอนชี้ไปที่โซจูที่วางอยู่บนโต๊ะพลางเอ่ย
“สั่งอะไรรวดเดียวขนาดนั้น มันจะไม่เย็นนะ”
“ดื่มแบบไม่เย็นก็ได้นี่ครับ”
พออีอูยอนยิ้มให้พนักงานของร้านพร้อมกับบอกว่า ‘รบกวนด้วยครับ’ พนักงานของร้านก็รีบไปเอาเหล้ามาให้ทันที ผ่านไปไม่นานพนักงานของร้านก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับถาดที่มีขวดเหล้าวางอยู่
กรรมการผู้จัดการคิมและหัวหน้าทีมชามองขวดเหล้าที่วางอย่างแน่นขนัดอยู่ข้างโต๊ะด้วยสายตาไม่สบายใจ ทันทีที่พนักงานของร้านออกไป อีอูยอนก็หยิบขวดเหล้าขึ้นมาเปิดฝา และหยิบแก้วที่วางคว่ำอยู่บนโต๊ะขึ้นมาก่อนจะเริ่มรินโซจูลงไป
“คุณคังอู”
“ครับ?”
“นี่เป็นการมาดื่มด้วยกันครั้งแรกหลังจากที่ทำงานกับพวกเราสินะครับ”
“ครับ ใช่ครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
ตาของอีอูยอนยิ้มมากเกินกว่าปกติ ใจของกรรมการผู้จัดการคิมและหัวหน้าทีมชาตกไปที่ตาตุ่ม เพราะรอยยิ้มชั่วร้ายที่ดูเหมือนจะอ่อนโยนนั้น อีอูยอนยื่นแก้วที่รินโซจูไว้จนเต็มให้คิมคังอู
“เฮ้ย ให้เหล้าเด็กมันอะไรขนาดนั้น…”
แม้หัวหน้าทีมชาจะพยายามห้าม แต่คิมคังอูกลับบอกว่าไม่เป็นไรก่อนจะรับแก้วเหล้ามาอย่างรวดเร็ว
“พี่เขยนี่นะ ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ เพราะแค่นี้ผมไม่เมาหรอก”
“ไม่ใช่อย่างนั้น…”
คราวนี้อีอูยอนยื่นแก้วให้อินซอบในระหว่างที่กรรมการผู้จัดการคิมกำลังห้ามคิมคังอู
“พอมาคิดๆ ดูแล้ว นี่เป็นครั้งแรกเลยนะครับที่ผมได้มาดื่มเหล้าอย่างเป็นทางการกับคุณอินซอบ”
“อย่างนั้นเหรอครับ”
อินซอบรับแก้วเหล้ามาอย่างสุภาพเรียบร้อย อีอูยอนเทเหล้าจนเต็ม อย่างน้อยที่สุดแก้วที่เขาให้อินซอบก็เป็นแก้วโซจู เพราะเขายังมีจิตสำนึกอยู่
“รินให้ผมด้วยสิครับ”
อีอูยอนยื่นแก้วเบียร์ให้ คิมคังอูเทโซจูจนเต็มแก้วด้วยความดีใจ
“ทำไมทุกคนถึงเป็นแบบนี้ล่ะ พรุ่งนี้มีตารางงานนะ ตั้งสติกันหน่อย”
แม้กรรมการผู้จัดการคิมจะทำหน้าเคร่งขรึม แต่อีอูยอนกลับไม่แม้แต่จะทำเป็นได้ยินด้วยซ้ำ
“แก้วแรกหมดแก้วเลยนะครับ”
อีอูยอนตะโกนด้วยน้ำเสียงที่สดใสและร่าเริงถึงขนาดที่ถ้าสปอนเซอร์มาเห็นคงจะเกาะขากางเกงและขอให้ทำสัญญาด้วยทันที แต่หัวหน้าทีมชาและกรรมการผู้จัดการคิมกลับเห็นความชั่วช้าที่ปรากฏอยู่ในตาของอีอูยอน
***
“ดื่มอีกแก้วได้ไหมครับ”
“ม่ายหวายแล้ว…”
คิมคังอูพูดพึมพำอย่างคนพูดไม่ชัดก่อนจะทิ่มหน้าผากลงกับโต๊ะดัง ปัก
“คังอู เป็นอะไรหรือเปล่า”
กรรมการผู้จัดการคิมพยุงคิมคังอูขึ้นมา แต่คิมคังอูที่เมาอย่างเต็มที่กลับไม่สามารถลืมตาขึ้นมาดีๆ ได้ และทำเสียงแจ๊บๆ เท่านั้น
“กลับไหมครับ”
อีอูยอนที่ดื่มเหล้าด้วยกัน แต่สายตาไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดเอ่ยถาม
“ได้! กลับ เพี้ยนไปหมดแล้วนี่ พอใจหรือยังล่ะ”
หัวหน้าทีมชาตะโกนพลางตบแก้มของคิมคังอู อีอูยอนทำเสียง ชู่ว์ และทำเป็นสั่งให้ลดเสียง อินซอบที่ตาจะปิดตั้งแต่เมื่อกี้เอาหัวพิงไหล่ของอีอูยอนและหลับไปโดยไม่ทันได้รู้ตัว
“อย่าทำให้เขาตื่นนะครับ กว่าผมจะกล่อมให้เขานอนหลับลงได้”
อีอูยอนขู่หัวหน้าทีมชาเสียงต่ำ
“กล่อมเด็กนั่นให้หลับเพื่ออะไรล่ะ”
“จะเพื่ออะไรล่ะครับ ก็ต้อง…”
อินซอบลืมตาขึ้นมาก่อนที่อีอูยอนจะทันได้เปิดเผยความในใจที่ดำมืดของตัวเอง อินซอบมองไปรอบๆ และเจอกรรมการผู้จัดการคิมกับหัวหน้าทีมชาที่นั่งอยู่ตรงข้าม จึงรีบก้มหัวให้ทันที
“ขอโทษครับ”
อินซอบขอโทษคนทั้งคู่ด้วยการออกเสียงที่ไม่ชัดเจน
“หา? พูดเรื่องอะไรน่ะ”
“คุณอินซอบ ขอโทษเรื่องอะไรน่ะ”
“คุณอุตส่าห์เชื่อใจผมที่ไม่สมบูรณ์แบบ และมอบหมายงานให้อีกครั้ง แต่ผมกลับทำงานได้ไม่ดี…”
“พูดอะไรของนายเนี่ย อินซอบนายทำงานได้ดีมากเลยนะ”
“เป็นความผิดของผมทั้งหมดเลยครับ ผมดูแลแมวก็ไม่ดี ขับรถก็ไม่เก่ง…แถมยังเป็นไอ้เด็กที่พ่อแม่ไม่สั่งสอนอีก”
พออีกฝ่ายพูดแม้กระทั่งคำด่าที่ไม่เคยได้ยินเพิ่มไปในคำพูดที่ฟังไม่รู้เรื่อง คนทั้งคู่ก็ตื่นตระหนก แล้วน้ำตาที่ดูเหมือนลูกแก้วของอินซอบก็เริ่มไหล ความตื่นตระหนกของพวกเขาจึงเพิ่มเป็นสองเท่า