หลินเยวียนรู้สึกเสียดายจับใจ
เขานึกไม่ถึงว่าการรับลูกศิษย์จะมีข้อดีแบบนี้ด้วย
ถ้ารู้แต่แรกละก็ เขาน่าจะรับลูกศิษย์มากกว่านี้สักหน่อย ให้ลูกศิษย์ช่วยตนเพิ่มค่าความโด่งดัง
แบบนี้ต้องง่ายกว่าให้ตนลำบากตรากตรำหาค่าความโด่งดังคนเดียวแน่!
โชคดีที่ยังมีเซวียเหลียง
ถ้าหากก่อนหน้านี้หลินเยวียนสอนเซวียเหลียงเพียงเพื่อทำภารกิจของระบบให้สำเร็จ จากนั้นก็ได้รับการ์ดตัวละครหยางจงหมิงตลอดชีพละก็ เขาในตอนนี้ก็จะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจหล่อหลอมเซวียเหลียงให้กลายเป็นศิษย์เอกของตน จนกว่าเซวียเหลียงจะจบการศึกษาและยืนหยัดด้วยตัวเองอย่างเป็นทางการ!
ในสภาวการณ์ปกติ
เซวียเหลียงอยากสำเร็จการศึกษา แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อให้คนที่สอนเขาภายนอกจะเป็นหลินเยวียน แต่แท้จริงแล้วเป็นพ่อเพลงก็ตามแต่
หลิน-จงหมิง-หยาง-เยวียน
แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะหลินเยวียนมีเอฟเฟ็กต์อาจารย์ไงล่ะ
ของแบบนี้เป็นอาวุธวิเศษในการสอนลูกศิษย์ ต่อให้เป็นคนที่มีประสบการณ์มากมาย แต่ก็ไม่มีทางสู้เทียบกับเคล็ดวิชาได้
มิหนำซ้ำหลินเยวียนยังเท่ากับว่าใส่เอฟเฟ็กต์อาจารย์ให้กับพ่อเพลงด้วย
ไม่มีใครเชี่ยวชาญการสอนมากไปกว่าพ่อเพลงที่ใส่เอฟเฟ็กต์อาจารย์แล้ว!
ฉะนั้นแล้ว
ในวันต่อมา
หลินเยวียนสอนเซวียเหลียงเสร็จ จู่ๆ ก็ตัดสินใจว่า “ไม่ใช่แค่วันเสาร์อาทิตย์นะครับ หลังจากนี้คุณต้อง มาเรียนกับผมทุกวัน วันละสองชั่วโมง ผมจะส่งที่อยู่ของผมไปให้ หลังผมเลิกเรียน คุณมาที่บ้านผมได้เลยครับ”
เหมือนกับเมื่อวาน
เรียนแต่งเพลงกับหลินเยวียนสองชั่วโมง เซวียเหลียงก็รู้สึกว่าได้ความรู้มหาศาล!
แบบนี้มีประโยชน์มากกว่าไม่รู้กี่เท่า เมื่อเทียบกับบทเรียนประพันธ์เพลงของมหาวิทยาลัย หรือคอร์สเรียนออนไลน์ที่จ่ายเงินซื้อ
ปรากฏว่าเมื่อได้ยินที่ตัวแทนหลินบอกว่าหลังจากนี้ทุกวันจะต้องไปเรียนกับเขาสองชั่วโมง เซวียเหลียงก็พลันรู้สึกเต็มตื้นขึ้นมา!
“ขอบคุณครับอาจารย์หลิน! อาจารย์หลินครับ…”
“มีอะไรเหรอครับ…”
“หลังจากนี้ผมเรียกคุณว่าอาจารย์ได้มั้ย…”
“ตามสบายเลยครับ”
หลินเยวียนไม่ได้ใส่ใจคำเรียกขานเหล่านี้
ตอนนี้เขาเพียงรู้สึกปวดใจ เพราะการ์ดตัวละครของเขาใช้ได้ผลแค่วันละสองชั่วโมง
ใช้กับเซวียเหลียงไปแล้ว ตนก็ใช้อีกไม่ได้
แต่เพื่อที่จะบ่มเพาะลูกศิษย์ออกมาอย่างสุดความสามารถ เขาจำเป็นต้องตัดสินใจแบบนี้
ถึงอย่างไรหลังจากนี้ก็ยังมีเวลา การ์ดตัวละครเป็นของตนอยู่แล้ว ตนสามารถควบคุมได้ตามต้องการ
“อาจารย์!”
เซวียเหลียงเรียกออกมาอย่างดีอกดีใจ
หลินเยวียนพยักหน้า
ในตอนนั้นเอง
จู่ๆ ในสมองของหลินเยวียนก็มีเสียงของระบบดังขึ้น “ยินดีกับโฮสต์ด้วยที่ได้รับลูกศิษย์คนแรก สามารถตรวจสอบข้อมูลของลูกศิษย์ได้”
หลินเยวียนหัวใจกระตุกวาบ ก็เห็นข้อมูลของเซวียเหลียงอยู่ด้านล่างของประเภทดนตรี
[ชื่อสกุล: เซวียเหลียง]
[ความสามารถในการประพันธ์เพลง: 409]
[ความสัมพันธ์: อาจารย์/ลูกศิษย์]
[สถานะ: ยังไม่จบหลักสูตร]
[หมายเหตุ: คะแนนเต็มของค่าความสามารถคือ 1000 มาตรฐานความสามารถที่ต่ำที่สุดซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการของนักประพันธ์เพลงมือทองคือ 600 เมื่อค่าความสามารถของเซวียเหลียงเกินกว่า 600 จึงจะจบหลักสูตรอย่างเป็นทางการ]
เป็นแบบนี้นี่เอง
ขอเพียงพัฒนาค่าความสามารถด้านการประพันธ์เพลงของเซวียเหลียงจนเกิน 600 ได้ ก็จะนับว่าสั่งสอนลูกศิษย์ออกมาได้สำเร็จคนหนึ่งแล้ว
จริงสิ
ตนสามารถหาลูกศิษย์ด้านจิตรกรรมมาสักคนก็ได้นี่นา ถ้ามีเวลาละก็ ต้องไปลองสำรวจที่ชมรมจิตรกรรมในวิทยาลัยศิลปะฉีโจวสักหน่อย
ลองดูว่ามีต้นกล้าชั้นดีที่เหมาะกับการสอนหรือเปล่า
“เอาละ คุณกลับได้แล้วครับ” หลินเยวียนบอก
“ได้ครับ แล้วเจอกันครับอาจารย์!”
เซวียเหลียงค้อมหลังด้วยความจริงใจ ก่อนจะออกจากห้องทำงานของหลินเยวียนไป
……
เซวียเหลียงออกไปได้ไม่นาน กู้เฉียงอวิ้นก็เข้ามา ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ในมือถือเอกสารอยู่หลายชุด “ตัวแทนหลิน นี่เป็นข้อเสนอออเดอร์ที่บริษัทเราได้รับในช่วงนี้ครับ ทั้งหมดสี่ชิ้น คุณลองดูว่าสนใจไหม”
หลินเยวียนพยักหน้า
สองออเดอร์ในนั้น จัดเป็นออเดอร์ประเภทเพลงOST.เช่นเดียวกับเพลงชอบเธอ
สิ่งที่เรียกว่าOST.โดยทั่วไปแล้วหมายถึงเพลงประกอบซีรีส์หรือภาพยนตร์ และเป็นประเภทของออเดอร์ที่มีมากที่สุดในฉีโจว
ส่วนอีกสองชิ้น ชิ้นหนึ่งเป็นออเดอร์เกม อีกชิ้นหนึ่งเป็นออเดอร์ส่วนตัว
หลังจากพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง หลินเยวียนไม่ได้เลือกทันที เพราะราคาของออเดอร์เหล่านี้ไม่สูง ออเดอร์ที่ราคาสูงที่สุดก็มีมูลค่าเพียงสองล้านหยวน
“ตัวแทนหลิน”
กู้เฉียงอวิ้นเดาความคิดของหลินเยวียนได้ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “นี่เป็นแค่ข้อเสนอออเดอร์นะครับ รายละเอียดยังต้องเจรจากันอีก ถ้าคุณยังไม่เลือกตอนนี้ เดี๋ยวผมค่อยคัดดูอีกครั้ง”
หลินเยวียนพยักหน้า
ขณะที่กู้เฉียงอวิ้นกำลังจะถือเอกสารออกไป หลินเยวียนชี้ไปที่ออเดอร์ส่วนตัวฉบับนั้น “ทิ้งออเดอร์ส่วนตัวนั้นไว้ที่นี่ก่อนก็ได้ครับ”
กู้เฉียงอวิ้นรู้สึกประหลาดใจ
เพราะออเดอร์นี้เป็นงานส่วนตัว มูลค่าเพียงเจ็ดแสน เขาไม่คาดคิดว่าหลินเยวียนจะสนใจ
หลินเยวียนอธิบาย “ผมว่าจะเก็บไว้ให้เซวียเหลียง”
ลำพังการสอนอย่างเดียวไม่พอ ถ้าอยากให้ความสามารถของเซวียเหลียงรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ยังต้องลงมือปฏิบัติจริงด้วยถึงจะได้
ออเดอร์นี้สามารถนำมาให้เซวียเหลียงฝึกปรือฝีมือ นับเป็นหัวข้อการประเมินที่หลินเยวียนมอบหมายให้เซวียเหลียง
กู้เฉียงอวิ้นประหลาดใจ
เขาย่อมรู้เรื่องที่ช่วงนี้หลินเยวียนสอนการแต่งเพลงให้กับเซวียเหลียง
แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยความสามารถของเซวียเหลียง จะสามารถทำออเดอร์ระดับเจ็ดแสนหยวนได้จริงหรือ
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พยักหน้า “ได้ครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า
กู้เฉียงอวิ้นออกไป
วันต่อมา
หลินเยวียนก็กลับไปทำงานดังเดิม
เมื่อกลับถึงบ้านหลังจากเลิกเรียน หลินเยวียนก็ค้นพบว่า เจี่ยนอี้ทำอาหารอีกแล้ว
ทั้งสเต็กและหลัวซือเฝิ่นก่อนหน้านี้ล้วนสร้างปมอันมืดมนในใจให้กับหลินเยวียน ถึงแม้ว่าเขาจะยอมกล้ำกลืนฝืนกินลงไปก็เถอะ
เขาไม่แน่ใจว่าวันนี้เจี่ยนอี้จะทำสูตรเด็ดชวนขนลุกอะไรออกมาอีก
ในตอนนั้นเอง
ก็มีคนเคาะประตู
หลินเยวียนไปเปิดประตู ก็พบว่าเป็นเซวียเหลียง ลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเขา
“อาจารย์”
เซวียเหลียงเอ่ยเรียก
หลินเยวียนพยักหน้า “เชิญครับ”
หลังจากเซวียเหลียงเข้ามา ก็เห็นว่าในห้องยังมีคน จึงรีบเอ่ยทักทาย “สวัสดีครับ ผมชื่อเซวียเหลียง เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์”
“สวัสดีครับ เจี่ยนอี้ครับ…” เจี่ยนอี้กล่าวทักทายจบ ก็เหลือบมองหลินเยวียน
หลินเยวียนพูด “ฉันเป็นอาจารย์ของเขา”
เจี่ยนอี้ยิ้มร่า “สุดยอดไปเลยหลินเยวียน นายเริ่มรับลูกศิษย์แล้ว งั้นเพื่อนคนนี้ก็ต้องเรียกฉันว่าอาจารย์อาหรือเปล่าเนี่ย”
เซวียเหลียงเอ่ยอย่างจริงจัง “อาจารย์อา สวัสดีครับ”
เจี่ยนอี้ชะงักไป นึกไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะเถรตรงซะขนาดนี้ จึงรีบโบกไม้โบกมือ “ล้อเล่นครับ ล้อเล่น เซวียเหลียงใช่มั้ยครับ เรียกผมว่าเจี่ยนอี้ก็พอแล้ว”
เซวียเหลียงพูดอย่างจริงจัง “จะเสียมารยาทไม่ได้ครับ คุณเป็นเพื่อนของอาจารย์ ผมเรียกคุณว่าพี่ใหญ่เจี่ยนก็แล้วกัน”
เจี่ยนอี้โบกมือ “คุณน่าจะอายุมากกว่าผมหลายปี แล้วแต่เลยครับ จะเรียกอะไรก็ได้”
เซวียเหลียงคนนี้เป็นคนซื่อตรง และเป็นเพราะซื่อตรงเกินไปนี่แหละ จึงแลดูไม่ประสีประสาสักเท่าไหร่
หลังจากนั้นเจี่ยนอี้ก็รู้สึกว่าแปลกชอบกล เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นตนกับหลินเยวียนก็จะอยู่คนละรุ่นกันน่ะสิ?
เอาเถอะๆ ต่างคนต่างความเข้าใจ
“พวกเราสั่งเดลิเวอรีเถอะ”
หลินเยวียนปราศจากความเชื่อมั่นในเสน่ห์ปลายจวักของเจี่ยนอี้
เซวียเหลียงออกตัวเอ่ยว่า “กำลังทำอาหารเหรอครับ ผมช่วยได้นะ”
เจี่ยนอี้ถาม “คุณทำอาหารเป็นเหรอครับ”
เซวียเหลียงพยักหน้า “ใช่ครับ”
ยี่สิบนาทีให้หลัง เมื่อเห็นอาหารหอมกรุ่นสามจานบนโต๊ะ สายตาที่เจี่ยนอี้มองเซวียเหลียงก็เปลี่ยนไป “เชฟกระทะเหล็ก! พี่ชายช่วยสอนผมด้วยค้าบ!”
เซวียเหลียงพูด “ไม่มีปัญหาครับ พี่ใหญ่เจี่ยนชมเกินไปแล้ว”
หลินเยวียนลองชิมไปหนึ่งคำ ก็ตื่นตะลึงยกใหญ่ รสชาติของอาหารไม่ได้น้อยหน้าเชฟใหญ่ในโรงแรมเลย!
เซวียเหลียง คมในฝัก
อาหารมื้อนี้ เขากินไปสองชามเต็มๆ เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ถูกเจี่ยนอี้ทรมานมาหนักหนาสาหัสแค่ไหน
เมื่อกินอาหารเสร็จ หลินเยวียนก็พาเซวียเหลียงเข้าไปในห้องนอน
“เรามาเริ่มเรียนกันครับ”
การ์ดตัวละครเปิดใช้ เอฟเฟ็กต์อาจารย์เข้าปกคลุม สายตาของหลินเยวียนกลายเป็นจริงจังขึ้นมา
เซวียเหลียงเองก็ขึงขังสุดขีด ท่าทีที่เขามีต่ออาจารย์ รวมไปถึงบทเรียนของอาจารย์นั้นซื่อสัตย์จริงใจ
การเรียนการสอนในครั้งนี้ใช้เวลาสองชั่วโมงเหมือนเดิม
เมื่อเรียนจบ หลินเยวียนก็อุตส่าห์เข้าไปตรวจสอบค่าความสามารถของเซวียเหลียง
หลินเยวียนค้นพบว่า ค่าความสามารถของเซวียเหลียงได้เพิ่มขึ้นแล้ว!
ก่อนหน้านี้คือ 409
ตอนนี้คือ 415
ความเร็วที่เพิ่มขึ้นในครั้งนี้อยู่เหนือจินตนาการของหลินเยวียนเล็กน้อย
บางทีวันที่เซวียเหลียงจบหลักสูตรก็อาจไม่นานเกินรอ…
……………………………………………