เฉินตันจูนั่งอยู่ในหุยชุนถัง ด้านหน้ามีชาวางเอาไว้ เหล่าเด็กในร้านหลบอยู่หลังตู้ ไม่กล้าคุยเล่นกับนางอีก
หลิวจั่งกุ้ยนั่งอยู่ด้านข้าง ท่าทางระมัดระวัง
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เฉินตันจูเดินทางมา หลังจากเปิดเผยตัวตนต่อหน้าหลิวเวย
หลังจากกระอักกระอ่วนชั่วครู่ หลิวจั่งกุ้ยถามความต้องการของนางตามเคย เฉินตันจูขอบคุณที่เขาเคยมอบตำราให้ หลิวจั่งกุ้ยบอกว่าเวยเวยไม่อยู่ ไปตระกูลฉางกับท่านแม่ของนางแล้ว เฉินตันจูบอกว่าไม่เป็นไร ข้าแค่มาดู…
ดูสิ่งใด หญิงสาวนี้นั่งมองซ้ายมองขวา มองหน้ามองหลังอยู่ตรงนี้ตามที่กล่าว
“หลิวจั่งกุ้ย” เฉินตันจูถาม “ท่านมีญาติแค่ตระกูลฉางหรือ ท่านยังมีมิตรสหายอื่นอีกหรือไม่ พวกเขามักไปมาหาสู่เป็นประจำหรือไม่”
ถึงแม้ถูกถามอย่างฉงน แต่หลิวจั่งกุ้ยยังคงตอบ “ไม่มี ข้าเป็นคนต่างถิ่น จากบ้านเกิดมาแต่เด็ก ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มิตรสหายกระจัดกระจายไปทุกที่ เวลานี้ไม่มีการไปมาหาสู่แล้ว”
มีคนหนึ่งกำลังจะมาไม่ใช่หรือ เฮ้อ เหตุใดจึงไม่พูด เฉินตันจูตอบรับ ไม่ถามสิ่งอื่นอีก ก่อนจะถามหลิวจั่งกุ้ยว่าในจวนมีคนอยู่หรือไม่ หากมีคนป่วยไปหาที่จวน…
“ในจวนมีบ่าวรับใช้” หลิวจั่งกุ้ยตอบ “หากมีคนมาหา พวกเขาจะนำมาที่หุยชุนถัง”
หากจางเหยาเดินทางมาถึง เหล่าบ่าวรับใช้ต้องมารายงานอย่างแน่นอน เฉินตันจูพยักหน้า ก่อนจะมองบรรยากาศอึดอัดของหุยชุนถัง คนที่มาหาหมอในเดิมที กำลังชะโงกหน้าอยู่ด้านนอกประตู เมื่อเห็นบรรยากาศด้านในผิดปกติจึงไม่กล้าเข้ามา
“ข้าไม่เป็นอันใด เพียงแค่ผ่านมาจึงแวะเข้ามา” เฉินตันจูลุกขึ้นขอตัว
หลิวจั่งกุ้ยตอบรับก่อนจะส่งนางออกไป
เฉินตันจูขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนจะให้จู๋หลินวนหนึ่งรอบ จากนั้นกลับไปบนถนนนี้อีกครั้ง จากนั้นเข้าไปยังโรงน้ำชาตรงข้ามหุยชุนถังอย่างเงียบๆ ขับไล่แขกที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างชั้นสองออกไป…แต่ให้เงิน ทว่าแขกหวาดกลัวเกินไป นางยังพูดไม่จบก็หนีไปเสียก่อน
เฉินตันจูนั่งอยู่ริมหน้าต่างจ้องมองหุยชุนถังที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างไม่ขยับเขยื้อน จู๋หลินกระแอมไอเสียงเบาหนึ่งที
เฉินตันจูราวกับเพิ่งเห็นเขา “ไม่มีอะไรแล้วจู๋หลิน เจ้าไปพักเถิด” ก่อนจะพูดขึ้น “ข้าจะดูทิวทัศน์อยู่ตรงนี้”
ดูทิวทัศน์อะไรกัน จู๋หลินคิดในใจ ไม่รู้ว่ามีแผนการอันใดอีก แม้แต่อาเถียนก็คงลืมไปแล้วกระมัง
อาเถียนพาคนดูจวนเสร็จ กลับไปยังโรงเหล้าทางนั้น หากนางไม่เห็นคน คงต้องตกใจจนร้องไห้
อีกทั้งค่าอาหารในโรงเหล้านั้นยังไม่จ่าย เอาเถิด คงต้องเป็นเขาอีกแล้ว
เขาหันหลังไปกำชับองครักษ์คนอื่นให้ไปหาอาเถียนและจ่ายเงิน
อาเถียนให้ความสำคัญต่อจวนตระกูลเฉินอย่างมาก ใช้เวลาดูจวนทั้งวัน ตอนที่ถูกองครักษ์พามาหาเฉินตันจูนั้น ฟ้าก็มืดสลัวลงแล้ว
เฉินตันจูนั่งอยู่ริมหน้าต่าง มองไต้ฟูชราของหุยชุนถังนั่งรถจากไป เด็กในร้านทั้งสองคนปิดประตู
หลิวจั่งกุ้ยเดินออกมาเป็นคนสุดท้าย หลังจากแน่ใจว่าประตูและหน้าต่างปิดสนิทแล้ว เขาจึงเดินจากไปอย่างเชื่องช้า
จางเหยาไม่ได้มาหุยชุนถัง จวนของหลิวจั่งกุ้ยก็ไม่มีแขกมาเยือน
แปลกเสียจริง นางไม่มีทางดูผิด แต่ทันใดนั้นก็คิดบางอย่างได้ ไม่น่าแปลกแม้แต่น้อย! ใช่ จางเหยาเจ้าคนรักเกีรยติคนนี้ เมื่ออดีตชาติเขาก็ไม่ได้ไปหาหลิวจั่งกุ้ยโดยตรงเช่นเดียวกัน
ชาตินี้เขายังป่วยอยู่หรือไม่ อาการไอยังรุนแรงอยู่หรือไม่? ดังนั้นเพื่อความเหมาะสม เขาจึงไม่ยอมมาหาหลิวจั่งกุ้ยโดยตรง หากแต่หาหมอรักษาโรค?
เมื่ออดีตชาติหญิงชราขายชารั้งเขาไว้ที่เชิงเขา ชาตินี้เขาเข้าเมืองมาโดยไม่พบกับหญิงชราขายชา? เหตุใดจึงไม่พบกัน ต้องโทษหญิงชราขายชาที่กิจการดีเกินไป ราคาชาแพงขึ้น จางเหยาไม่มีเงิน เวลานี้เขาไม่อาจดื่มได้
เฮ้อ โทษตัวเองที่ไม่ได้จับจ้องเชิงเขาอยู่ตลอดเวลา แต่ผู้ใดจะไปคิดว่าเขาจะเข้าเมืองหลวงล่วงหน้า เฉินตันจูน้อยใจแล้วน้อยใจอีก
“คุณหนู” อาเถียนอดไม่ได้ที่จะถาม “เป็นอันใดไปเจ้าคะ”
ได้ยินจู๋หลินบอกว่าคุณหนูกำลังจะก่อเรื่องอีกแล้ว…คำพูดอะไรกัน คุณหนูก่อเรื่องเมื่อใดกัน นางเดินเข้ามาเห็นท่าทางของคุณหนู นางก็รู้แล้วว่าคุณหนูกำลังคิดบางอย่างอยู่เท่านั้น
เฉินตันจูดึงสติกลับมา มีเรื่องก็ไม่เป็นอันใดถึงแม้ไม่ได้พบจางเหยาที่เชิงเขาภูเขาดอกท้อ แต่นางก็ยังคงได้พบกับเขา เขาเดินทางมาแล้ว เขาอยู่ในเมืองหลวง เขาจะไปหาหลิวจั่งกุ้ย นางย่อมได้พบกับเขา
แต่ว่า…จดหมายแนะนำของจางเหยาฉบับนั้นเป็นกุญแจสำคัญในชีวิตของเขา เขาทำหายในตระกูลหลิว นางต้องตักเตือนเขาไว้ก่อน
แน่นอน ถึงแม้เวลานี้จะไม่มีจดหมายฉบับนี้แล้ว แต่นางก็มีวิธีทำให้เขาเข้ากั๋วจื่อเจี้ยนได้ เพราะนางยังมีองค์ชายสาม มีองค์หญิงจินเหยา มีแม่ทัพหน้ากากเหล็ก หากยังไม่ได้อีก นางจะไปหาฮ่องเต้! อย่างไรก็ตาม ชาตินี้นางจะไม่ปล่อยให้คนทั่วแผ่นดินเพิ่งยอมรับความสามารถของเขาหลังจากที่เขาตายไปอย่างแน่นอน
“ไม่เป็นอันใด” นางลุกขึ้นยืนอย่างร่าเริง “ไปกันเถิด!”
พูดจบก็หันหลังเดินจากไป
อาเถียนเหลือบมองจู๋หลิน ตำหนิเสียงเบา “เจ้าพูดเหลวไหลอันใดกัน คุณหนูดีๆ อยู่ไม่ใช่หรือ”
จู๋หลินแหงนหน้ามองฟ้า ท่าทางนี้ดีตรงไหนกัน ตรงไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น สมกับที่เป็นนายบ่าว
เฉินตันจูไม่ได้ปิดบังสาวรับใช้อาเถียน หลังจากกลับไปถึงภูเขาดอกท้อ นางก็บอกเรื่องนี้กับอีกฝ่าย
อาเถียนทั้งตะลึงทั้งดีใจจนแทบกระโดดขึ้นมา “คนเก่าท่านนั้น หาเจอแล้วจริงๆ ?”
เฉินตันจูที่ปล่อยผมสวมชุดบางนั่งอยู่บนเตียงรีบบอกให้นางเบาเสียง
อาเถียนยื่นมือปิดปาก ก่อนจะเบาเสียงลง นางขึ้นเตียงนั่งเบียดอยู่ข้างตัวเฉินตันจู ถามเสียงเบา “คนเล่าเจ้าคะ คนอยู่ที่ใด”
“คน ข้าทำหายอีกแล้ว” เฉินตันจูพูด ครุ่นคิดไปถึงภาพที่เห็นจากบนโรงเหล้า ทั้งดีใจทั้งเศร้าโศก “หลังจากที่เห็นเขาข้าก็วิ่งลงมา สุดท้ายก็หาเขาไม่เจอแล้ว”
อาเถียนกระจ่าง คนเก่านี้เป็นญาติของหลิวจั่งกุ้ย ดังนั้นคุณหนูจึงเฝ้ารออยู่ด้านนอกของหุยชุนถัง แต่ดูแล้ว...“คนผู้นั้นไม่ได้มาหาหลิวจั่งกุ้ยหรือ”
ตั้งแต่ถนนเส้นนั้นจนกระทั่งร้านของหลิวจั่งกุ้ย ถึงแม้ระยะจะห่างไกล แต่เวลาครึ่งวัน แม้จะใช้คลานก็ควรจะคลานถึงแล้ว
เฉินตันจูถอนหายใจเสียงเบา “เขา ไม่มีทางไปหาหลิวจั่งกุ้ยโดยตรง”
ช่างเป็นคนแปลกเสียจริง อาเถียนสงสัย “คุณหนูจะทำอย่างไรเจ้าคะ รออยู่อย่างนี้หรือ”
รอไม่ได้ จางเหยาทั้งไม่มีเงินทั้งป่วย อีกทั้งยังไม่ยอมไปหาหลิวจั่งกุ้ยเพราะความเหมาะสม อาการไอของเขารุนแรงมาก หากหาไต้ฟูไปทั่ว ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลารักษานานเพียงใด ทรมานเพียงใด!
“ไม่รอ ข้าจะตามหาเขา” เฉินตันจูพูด “เมืองหลวงใหญ่แค่นี้ ถึงแม้จะพลิกแผ่นดินก็ต้องตามหาเขาให้เจอ”
อาเถียนพยักหน้า “ได้เจ้าค่ะ คุณหนู ท่านตามหาคน ส่วนเรื่องจวนมอบหมายให้ข้า”
วันรุ่งขึ้นเช้าตรู่ เฉินตันจูเดินทางเข้าเมืองอีกครั้ง
“จู๋หลิน” นางแสร้งกำชับอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าติดตามอาเถียนไป ให้คนอื่นเคลื่อนรถให้ข้า ข้ายุ่งเรื่องรักษาโรคให้องค์ชายสาม”
คราก่อนเขาเคยถูกหลอกแล้ว ไม่มีทางถูกหลอกเป็นครั้งที่สองอีก จู๋หลินหัวเราะแห้งสองที ไม่ยอมตามอาเถียนไป อาเถียนทำได้เพียงพาองครักษ์อีกสองคนไปจวนตระกูลเฉินอย่างโกรธเคือง นางนัดเหล่าพ่อค้าดูจวนต่อ
เฉินตันจูมองจู๋หลินด้วยรอยยิ้ม “เจ้ายังไม่เชื่อข้า”
จู๋หลินสีหน้าเรียบเฉย “เพื่อความปลอดภัยของคุณหนู ข้าติดตามคุณหนูดีกว่า”
เขาอยากตามก็ให้เขาตามเถิด เฉินตันจูไม่บังคับ นางไม่คิดจะซ่อนจางเหยาไว้ตลอดไป อย่างไรต้องผลักเขาออกมาให้คนเห็นในไม่ช้า ดังนั้นจึงให้จู๋หลินเคลื่อนรถ ดูร้านยาทีละร้านเหมือนดั่งตอนนั้น…
“พวกเจ้าได้รักษาคนป่วยที่มีอาการไอหรือไม่”
“รูปร่างสูงประมาณนี้…คิ้วเช่นนี้ ตาเช่นนี้…”
“สำเนียงคนต่างถิ่น ใกล้เคียงสำเนียงทางเหนือ”
นอกจากร้านยา นางยังตามหาโรงเตี๊ยมทีละเจ้า…อีกทั้งยังไปร้านที่ถูกที่สุดโดยเฉพาะ
แต่ต่อเนื่องหลายวัน จางเหยาราวกับไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน ไร้ซึ่งร่องรอย
…
โจวเสวียนนั่งอยู่ในโรงเหล้า ห้องอาหารขนาดใหญ่มีผู้คนยืนอยู่ไม่น้อย แต่คนที่ควรมากลับไม่ปรากฏตัว
โจวเสวียนมองดูสาวใช้ที่ยืนอยู่ตรงข้าม ส่งเสียงหัวเราะเย็นชาออกมา “เฉินตันจูหมายความอย่างไร คิดกลับคำไม่ขายจวนแล้ว?”
อาเถียนพูด “ไม่ใช่เจ้าค่ะ คุณชายโจว คุณหนูของพวกข้าตั้งใจจะขายเจ้าค่ะ” นางชี้ไปยังพ่อค้าหลายคนด้านหลัง ก่อนจะคลี่ภาพวาดจวนออกมา บนภาพวาดเหล่านี้วาดห้องและสวนแยกออกจากกัน ละเอียดอย่างมาก “ท่านดู พวกเรายังเชิญเหล่าพ่อค้าที่ดีที่สุดในเมือง ใช้เวลาหลายวันในการตีราคา”
โจวเสวียนกวาดสายตาไปยังพ่อค้าเหล่านี้ เหยินซินแซที่ยืนอยู่ด้านหลังเขารีบกระซิบ คนเหล่านี้เป็นพ่อค้าจริง
แต่สีหน้าโจวเสวียนไม่ดีขึ้นแม้แต่น้อย หากแต่ยิ่งแย่ลง เขาโยนถ้วยชาลงไปบนโต๊ะ “เฉินตันจูดูถูกข้าหรือ เหตุใดนางไม่มาเอง”