ตอนเที่ยงลู่เจียวจัดโต๊ะเลี้ยงที่ห้องโถงเรือนด้านหน้าโต๊ะหนึ่งต้อนรับเซี่ยเอ้อร์จู้ สวี่ตัวจินและตาเฒ่าเซียว
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นพวกเซี่ยเอ้อร์จู้ก็รู้สึกสนิทสนมอย่างมาก ดึงพวกเขามาถามเรื่องในหมู่บ้านไม่หยุด โก่วเซิ่งเป็นอย่างไรบ้าง พวกพี่สือโถวเป็นอย่างไรบ้าง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นถือโอกาสตอนที่ทุกคนไม่ทันได้สนใจกระซิบถามลู่เจียวเรื่องตาเฒ่าเซียว
ลู่เจียวก็มิได้ปฏิเสธ เพียงแค่กระซิบตอบว่า “ช่วยข้าดูแลที่นาก็ไม่มีปัญหา แต่ข้าวางแผนจะใช้คนนอก คนที่ดูแลที่นาน่าจะต้องลงนามในสัญญาขายตัว ท่านอาเซียวยอมลงนามหรือ”
ลู่เจียวเพิ่งกล่าวจบ ตาเฒ่าเซียวก็กล่าวว่า “ข้ายอม”
ลู่เจียวหันไปมองตาเฒ่าเซียว “ท่านอาเซียวแน่ใจหรือ”
ตาเฒ่าเซียวพยักหน้ายินยอมเต็มที่
“ข้าเซียวซานตัวคนเดียว ไม่มีญาติพี่น้อง ทำไมจะลงนามในสัญญาขายตัวไม่ได้”
ตาเฒ่าเซียวเพิ่งกล่าวจบ ลู่เจียวก็อาหารติดคอ ที่นางติดคอเพราะอยู่ๆ ได้ยินชื่อตาเฒ่าเซียว
หมู่บ้านตระกูลเซี่ยเรียกตาเฒ่าเซียวว่าท่านอาเซียวมาตลอด ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงชื่อเซียวซาน
นี่เป็นครั้งแรกที่ตาเฒ่าเซียวเรียกชื่อตนเอง
เทียบกับผู้อื่นที่นิ่งสงบแล้ว ลู่เจียวกลับตกใจมาก เพราะในนิยายเขียนว่าข้างกายเซี่ยอวิ๋นจิ่นมีพ่อบ้านที่มีความสามารถอย่างมากชื่อว่าเซียวซาน
พ่อบ้านผู้นี้ไม่เพียงแต่ซื่อสัตย์ภักดีและมีความสามารถ แต่ยังเป็นวิชายุทธ์ด้วย
หรือว่าคนผู้นี้ก็คือตาเฒ่าเซียว?
ลู่เจียวหันหน้าไปมองตาเฒ่าเซียวด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
ตาเฒ่าเซียวเห็นนางเอาแต่มองนิ่ง แววตาก็แอบสลดลงเล็กน้อย สุดท้ายก็ปรับสีหน้าเป็นปกติ “ภรรยาอวิ๋นจิ่น เจ้าว่าข้าพอจะอยู่ช่วยเจ้าดูแลที่นาได้หรือไม่”
ลู่เจียวไม่รู้ว่าควรกล่าวอย่างไรดี ท่านนี้คือพ่อบ้านใหญ่ของจวนว่าที่ใต้เท้าโส่วฝู่ นางเอาคนไปช่วยนางดูแลที่นาแล้ว นี่ไม่เรียกว่าเอาคนมีความสามารถไปดูแลเรื่องเล็กน้อยหรือ
แต่ตอนนี้พวกนางมีลู่กุ้ยช่วยดูแลแล้ว นางคงไม่อาจให้ลู่กุ้ยตกจากตำแหน่งพ่อบ้านในตอนนี้แล้วยกตำแหน่งให้ตาเฒ่าเซียวกระมัง
ลู่เจียวแววตาวูบไหว ตัดสินใจให้คนผู้นี้อยู่ วันหน้าค่อยหาทางให้ตาเฒ่าเซียวไปอยู่ช่วยเซี่ยอวิ๋นจิ่น หรือว่าหากสุดท้ายนางแยกจากเซี่ยอวิ๋นจิ่น นางก็จะมอบตาเฒ่าเซียวคืนให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น
ขณะที่ลู่เจียวตกในภวังค์ความคิดอยู่นั้น เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็กล่าวว่า “หากเจ้าจัดการอย่างอื่นไว้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องคิดมาก”
ตาเฒ่าเซียวได้ฟังก็สีหน้าหม่นหมองลงทันที แต่ก็กลับคืนสู่ปกติรวดเร็ว “หากภรรยาอวิ๋นจิ่นลำบากใจ ข้าก็กลับไปล่าสัตว์เหมือนเดิมแล้วกัน”
แม้กล่าวเช่นนี้ แต่สีหน้าท่าทางน่าสงสารมาก เหมือนกับชายชราที่ไร้วิญญาณไร้ที่พึ่ง
เซี่ยเอ้อร์จู้กับสวี่ตัวจินรู้สึกเห็นใจตาเฒ่าเซียวขึ้นมาทันที
ลู่เจียวแอบสบถในใจ ผู้มีความสามารถดังจิ้งจอกเฒ่าที่ผู้อื่นไม่รู้ แต่นางรู้ว่าตาเฒ่าเซียวผู้นี้มีวิชายุทธ์ ดังนั้นแม้ว่าเขาดูแก่ชรามาก แต่ความสามารถไม่ใช่น้อย
ถ้าเช่นนั้นตอนนี้ก็ได้แต่แสร้งทำท่าทางสงสารแล้ว ด้วยความสามารถตาเฒ่าเซียว ล่าสัตว์ย่อมไม่ใช่ปัญหา ทำไมเขาต้องขายตัวมาช่วยดูแลที่นาให้นางด้วย
เรื่องนี้ก็น่าแปลกจริง แต่ลู่เจียวกลับไม่สงสัยเจตนาของตาเฒ่าเซียว เพราะในนิยายตาเฒ่าเซียวภักดีกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นมาก
นับประสาอันใดกับบ้านพวกนางก็ไม่มีอะไรที่เขาน่าจะอยากได้
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็มองไปยังตาเฒ่าเซียว “ข้าก็ไม่ใช่ไม่อยากให้ท่านอาเซียวอยู่ ประเด็นก็คือข้ารู้สึกลำบากใจ เดิมข้าคิดจะซื้อคนมีความสามารถสักคนมาช่วยข้าดูแลที่นา ท่านอาเซียวมาช่วยข้าดูแลได้ก็ย่อมดีกว่าคนที่จะซื้อตัวมา แต่ให้ท่านอาเซียวลงนามในสัญญาขายตัว ในใจข้าก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร”
ตาเฒ่าเซียวรีบกล่าวว่า “นี่ไม่มีอะไรต้องรู้สึกไม่ดีเลย ตอนนี้ข้าตัวคนเดียว ลงนามในสัญญาขายตัว วันหน้าตายไป อย่างไรก็มีคนช่วยข้าปลงศพ”
ตาเฒ่าเซียวกล่าวจบก็คิดถึงว่าบนโต๊ะอาหารยังมีเด็กอยู่ จึงรีบยิ้มกล่าวว่า “สรุปก็คือข้ายินยอมลงนามในสัญญาขายตัว ภรรยาอวิ๋นจิ่นไม่จำเป็นต้องลำบากใจ”
ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้ากล่าวว่า “ในเมื่อท่านอาเซียวยอมมาช่วยเจ้าดูแลที่นา เจ้าก็รับเขาไว้ วันหน้าพวกเราก็จัดหาที่ทางให้เขาใช้ชีวิตวัยชราให้ดีก็พอ”
วาจานี้ทำเอาตาเฒ่าเซียวขอบตาแดง “ได้ฟังอวิ๋นจิ่นกล่าวเช่นนี้ ข้าก็วางใจแล้ว”
ลู่เจียวได้ฟังก็เห็นด้วย “ได้ เช่นนั้น+ก็ตกลงตามนี้”
เซี่ยเอ้อร์จู้กับสวี่ตัวจินไม่ได้กล่าวอะไรมากกับการตัดสินใจของตาเฒ่าเซียว แต่ละคนล้วนมีความคิดของตนเอง พวกเขามีบุตรชายบุตรสาว ตาเฒ่าเซียวไม่มี แม้แต่ญาติสักคนก็ไม่มี หากเขาลงนามในสัญญาขายตัวก็ไม่เลว อวิ๋นจิ่นบอกแล้วว่าวันหน้าจะดูแลเขายามชรา
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารพลันครึกครื้นขึ้นมา
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ใช้ตะเกียบกลางคืบอาหารให้เซี่ยเอ้อร์จู้กับสวี่ตัวจินและตาเฒ่าเซียวอยู่เรื่อยๆ ทุกคนยิ้มแย้มยินดีอย่างมาก ต่างชมว่าพวกหนูน้อยนับวันยิ่งรู้ความจริงๆ
ที่สำคัญที่สุดก็คือเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่ได้รังเกียจคนจนบ้านนอกอย่างพวกเขาเพราะตนเองร่ำรวยแล้ว
เรื่องนี้ทำให้เซี่ยเอ้อร์จู้กับสวี่ตัวจินและตาเฒ่าเซียวดีใจอย่างมาก
ตอนบ่าย เซี่ยเอ้อร์จู้กับสวี่ตัวจินนั่งรถม้าที่เช่ามากลับหมู่บ้านตระกูลเซี่ย
ตาเฒ่าเซียวก็อยู่ต่อลงนามในสัญญาขายตัว ก่อนจะตามลู่เจียวกับพวกสวีเหนียงจื่อไปหอยาเป่าเหอ
ครั้งนี้ลู่เจียวไม่ได้แต่งกายเป็นชาย ดังนั้นผู้ป่วยในหอยาเป่าเหอก็ไม่รู้ว่าหญิงหน้าตางดงามผู้นี้คือหมอเทวดาลู่ ผู้ป่วยก็รอรักษาอาการป่วยกันอย่างสงบ
ลู่เจียวพาสวีเหนียงจื่อ ตาเฒ่าเซียว เฝิงจือและหร่วนจู๋ไปเรือนด้านหลัง
จ้าวหลิงเฟิงได้รับรายงานจากคนงานแล้ว ก็ออกมาต้อนรับ
“นี่เจ้า?”
“เจ้าให้คนพาข้าไปดูที่นาที่ซื้อพวกนั้นหน่อย ข้าจะได้บอกแผนการของข้ากับชาวนาเช่าที่นาทำกินเหล่านั้นหน่อย”
ตอนนี้เดือนเก้า ข้าวในนาก็ควรจะเก็บเกี่ยวได้แล้ว รอให้ข้าวเก็บเกี่ยวเสร็จ นางก็จะได้เรียกที่นาคืนมาปลูกสมุนไพรตนเอง
จ้าวหลิงเฟิงได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็รีบกล่าวว่า “ข้าไปส่งเจ้าเอง”
ลู่เจียวยิ้มปฏิเสธว่า “เจ้าส่งคนมาพาข้าไปดีกว่า”
แม้ว่าลู่เจียวรู้สถานะในอนาคตของจ้าวหลิงเฟิงแล้ว รู้ว่าคนผู้นี้วันหน้าจะเป็นขุนนางคนสนิทฮ่องเต้ แต่นางก็ไม่ได้เปลี่ยนท่าทีต่อเขา เขาและนางตอนนี้คือผู้ร่วมงานกัน
จ้าวหลิงเฟิงได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็เลิกคิ้วกล่าวว่า “ดูที่นาเสร็จจะได้พาไปดูโรงผลิตด้วย ระยะนี้เพราะบ้านพวกเจ้าเกิดเรื่อง เจ้าก็เลยไม่ได้มาดูโรงผลิตเลย”
“โรงหีบน้ำมันสร้างเสร็จแล้ว ภาพเครื่องหีบน้ำมันที่เจ้าวาดก่อนหน้านี้ ข้าให้ช่างไม้ต่อขึ้นมาแล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีคนรู้ว่าเครื่องหีบน้ำมันใช้งานอย่างไร เรื่องนี้ต้องให้เจ้าไปชี้แนะด้วยตนเองสักหน่อย”
ลู่เจียวได้ฟังจ้าวหลิงเฟิงก็ดีใจอย่างมาก
“ได้สิ ไว้ดูที่นาเสร็จจะได้ไปดูเครื่องหีบน้ำมันเลย”
ภาพเครื่องหีบน้ำมันที่นางวาดก็คือเครื่องหีบแบบเก่า ไม่ได้เป็นเครื่องหีบน้ำมันล้ำสมัย เพราะเครื่องหีบน้ำมันล้ำสมัยนางไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร และสมัยนี้ก็ไม่มีไฟฟ้า เครื่องที่นางวาดก็ย่อมเป็นเครื่องกึ่งอัตโนมัติ ขั้นตอนคัดและฝัดเมล็ดถั่วก็ต้องใช้แรงงานคน ขั้นตอนช่วงกลางที่ต้มให้ความร้อนก็ต้องเลือกใช้แบบถ่านฟืน สุดท้ายขั้นตอนกดอัดหีบน้ำมันก็เลือกใช้วิธีเพลาหมุน
เครื่องจักรนี้แท้จริงเป็นอย่างไร ลู่เจียวก็ไม่ได้เห็นภาพชัดสักเท่าไร ความจริงนางรู้จักเครื่องหีบน้ำมันกึ่งอัตโนมัตินี้ก็เพราะตอนเด็กไปอาศัยบ้านญาติคนหนึ่งที่ใช้เครื่องหีบน้ำมันแบบนี้หีบน้ำมัน นางก็ไปช่วยทุกวัน ดูมากเข้าก็เข้าใจกระบวนการ จึงได้นำมาใช้การได้พอดี