ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 197 ความทุกข์ยาก(กลาง)

ตอนที่ 197 ความทุกข์ยาก(กลาง)

สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​แล้วก็​ถอนหายใจ​ออกมา​ด้วย​ความ​โล่งอก

หลิน​ปัว​ดีอกดีใจ​เสีย​ยิ่งกว่า​ ​เขา​รีบ​เบียด​พลาง​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ขอ​ข้า​ดู​หน่อย​ ​ขอ​ข้า​ดู​หน่อย​”

เก้าอี้​ไม้​ตัว​เดียว​ไม่พอ​ที่จะ​ยืน​สอง​คน​ ​จ้าว​อิ่ง​จึง​กระโดด​ลงมา

“ฮู​หยิน​ ​คุณชาย​น้อย​เฟิ​่ง​ชิง​กำลัง​นอนหลับ​อยู่​ขอรับ​…​”​ ​ใบหน้า​ของ​เขา​ท่วมท้น​ไป​ด้วย​รอยยิ้ม

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​เล็กน้อย​ ​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​รีบ​ไป​แจ้ง​พ่อบ้าน​ไป๋​สัก​คำ​ ​จะ​ได้​ไม่ต้อง​คอย​เป็นกังวล​ใจอยู่​ ​แล้วก็​ท่าน​โหวด​้วย​ ​จะ​ต้อง​ไป​เรียน​เรื่อง​นี้​ก่อน​ถึง​จะ​ถูก​”

จ้าว​อิ่ง​รีบ​พยักหน้า​ทันที​ ​“​บ่าว​จะ​ไป​เดี๋ยวนี้​ขอรับ​”

พ่อบ้าน​ไป๋​อยู่​ที่​เรือน​ชั้นใน​ ​ส่วน​สวี​ลิ่ง​อี๋​อยู่​ที่​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน

หลิน​ปัว​ได้ยิน​แล้วก็​รีบ​กระโดด​ลง​จาก​เก้าอี้​ไม้​ ​“​เช่นนั้น​บ่าว​ไป​เรียน​ท่าน​โหว​นะ​ขอรับ​”

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​ทั้ง​สาม​คน​ก็​พากัน​เดิน​ออกมา​จาก​หอนอน

ตง​ชิง​และ​ปินจ​วี​๋​รีบ​เข้ามา​ล้อมวง

เมื่อครู่นี้​พวก​นาง​ก็ได้​ยิน​มานิด​ๆ​ ​หน่อย​ๆ​ ​แต่​ก็​ไม่​มั่นใจ​เท่าไร​นัก​ ​สีหน้า​เต็มไปด้วย​ทั้ง​ความหวัง​และ​ความหวาดกลัว

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พยักหน้า​ให้​กับ​พวก​นาง​ ​“​หา​เด็ก​เจอ​แล้ว​ ​เขา​แอบ​นอนหลับ​อยู่​บน​หลังคา​ของ​เตียง​”

“​อมิตพุทธ​!​”​ ​ตง​ชิง​พนม​ทั้งสอง​หันไป​ยัง​ทิศตะวันตก​ ​ปินจ​วี​๋​เอง​ก็​พูด​ขึ้น​ตามหลัง​ว่า​ ​“​ดี​แล้ว​ ​ดี​แล้ว​”​ ​ทั้งสอง​ดีใจ​จน​น้ำตาไหล​พราก

“​พอแล้ว​ ​พอแล้ว​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ ​“​คน​ก็​หา​เจอ​แล้ว​ ​พวก​เจ้า​ก็​ไม่ต้อง​ร้องไห้​แล้ว​”

ทั้งสอง​รีบ​หยิบ​ผ้าเช็ดหน้า​ออกมา​เช็ดน้ำ​ตา

หลิน​ปัว​และ​จ้าว​อิ่ง​เห็น​แล้วก็​อด​หัวเราะ​ไม่ได้​ ​ทั้งสอง​หันมา​คารวะ​สือ​อี​เหนียง​ ​จากนั้น​คน​หนึ่ง​ก็​ไปหา​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ส่วน​อีก​คน​ก็​ไปหา​พ่อบ้าน​ไป๋

ปินจ​วี​๋​ก็ได้​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​เรา​พา​คุณชาย​น้อย​เฟิ​่ง​ชิง​ลงมา​ก่อน​ดี​หรือไม่​ ​ปล่อย​ให้​นอน​บน​หลังคา​เตียง​เช่นนี้​ ​เกิด​พลิกตัว​ตกลง​มา​เป็นเรื่อง​ใหญ่โต​อีก​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​คิด​ๆ​ ​ดูแล​้ว​ ​ก็​เป็นจริง​ดัง​ว่า​ ​เพิ่ง​ตื่นนอน​จะ​งัวเงีย​สะลึมสะลือ​ ​หากว่า​พลาด​ตกลง​มา​ ​เป็นเรื่องเป็นราว​อีก​แน่ๆ

“​รู้​อย่างนี้​ให้​หลิน​ปัว​กับ​จ้าว​อิ่ง​อยู่​ต่อ​อีกหน่อย​คงดี​”​ ​ตง​ชิง​พูด​ขึ้น​ ​“​เกรง​ว่า​เรา​สอง​คน​คงจะ​พา​เขา​ลงมา​ไม่ได้​”

ปินจ​วี​๋​รูด​แขน​เสื้อ​ขึ้น​ ​“​ไม่เป็นไร​กระมัง​ ​เพราะ​อย่างไร​เสีย​ก็​เป็น​เพียง​เด็ก​อายุ​สาม​ขวบ​”

ตง​ชิง​ถูก​เขา​กัด​ไป​แล้ว​ครั้งหนึ่ง​ ​ใน​ใจ​ยัง​รู้สึก​หวาดผวา​ ​จึง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ลังเลใจ

สือ​อี​เหนียง​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​“​ไม่ต้อง​เร่งรีบ​ขนาด​นั้น​ ​ดู​สถานการณ์​ก่อน​ค่อย​ว่า​กัน​”​ ​พูด​จบ​ก็​พาตง​ชิง​และ​ปินจ​วี​๋​เข้าไป​ใน​หอนอน​ ​ขึ้นไป​ยืน​บน​เก้าอี้​พร้อมกับ​แหงน​มอง​บน​หลังคา​ของ​เตียง

หลังคา​เตียง​ที่​มืดสนิท​ ​เฟิ​่ง​ชิง​นอนขด​ตัว​กลม​พร้อมกับ​กอด​จาน​อาหาร​ไว้​ ​กำลัง​นอนหลับ​สบาย

สือ​อี​เหนียง​ชะงัก​ไป​ชั่วขณะ​ ​จู่ๆ​ ​ก็​รู้สึก​บีบ​หัวใจ​ขึ้น​มา​อย่าง​บอก​ไม่​ถูก

เป็น​เพราะ​ถูก​ตี​จน​หวาดผวา​หรือ​หิวโหย​จน​หวาดกลัว​?​ ​ถึง​ได้​เคยชิน​กับ​การ​เอา​อาหาร​ไป​แอบ​กิน​คนเดียว​และ​นอนหลับ​เฉพาะ​ใน​ที่​ที่​ปลอดภัย​เท่านั้น​…

สือ​อี​เหนียง​จ้องมอง​เขา​อยู่​เนิ่นนาน​ ​แล้วจึง​ค่อยๆ​ ​ลง​จาก​เก้าอี้​อย่างเบามือ​เบา​เท้า​ ​“​ปล่อย​ให้​เขา​นอน​ต่อ​อีกหน่อย​!​ ​พวก​เจ้า​ก็​คอย​ระวัง​อย่า​ให้​เขา​นอน​พลิกตัว​จน​ตกลง​มา​เล่า​”

ปินจ​วี​๋​ตอบกลับ​ด้วย​ความ​ฉงนใจ​ ​“​เรา​จะ​ไม่เอา​เขา​ลงมา​หรือ​เจ้า​คะ​!​”

สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​ตอบ​อะไร

ตง​ชิง​รีบ​เข้าไป​ดึง​แขน​เสื้อ​ของ​ปินจ​วี​๋​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เป็น​เพราะ​พวก​บ่าว​ ​ทำฮู​หยิน​เหนื่อย​แล้ว​ ​ให้​ปินจ​วี​๋​พาท​่าน​ไป​พักผ่อน​ที่​เตียง​เตา​ของ​ห้อง​หนังสือ​สักหน่อย​ ​บ่าว​อยู่​เฝ้า​คุณชาย​น้อย​เฟิ​่ง​ชิง​คนเดียว​ก็​พอแล้ว​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​จึง​เพิ่ง​รู้สึกตัว​ว่า​แผ่น​หลัง​ของ​ตน​นั้น​ชุ่ม​ไป​ด้วย​เหงื่อ

“​เจ้า​อย่า​ไป​ทำให้​เขา​ตกใจ​ตื่น​”​ ​สือ​อี​เหนียง​มอง​ไป​ยัง​หลังคา​เตียง​ ​“​เฝ้าดู​อยู่​ตรงนี้​ก็​พอแล้ว​”

ตง​ชิง​พยักหน้า​รับรู้​ ​ปินจ​วี​๋​จึง​ค่อยๆ​ ​พาสื​ออี​เหนียง​ไป​ยัง​ห้อง​หนังสือ

หนังสือ​ตำรา​สะสม​ของ​ที่นี่​แตกต่าง​จาก​ห้อง​หนังสือ​ที่​เรือน​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​ไม่เพียงแต่​หลากหลาย​มากมาย​ ​แต่​ยัง​เต็มไปด้วย​ร้อย​ยุค​นักปราชญ์​หลาก​สำนัก​ ​รูปวาด​แผนที่​ของ​ราชอาณาจักร​ ​การวางแผน​และ​การ​เดินทัพ​ทหาร​ ​กลอน​โครง​กวีนิพนธ์​ ​มี​ครบ​เพียบพร้อม​ ​ที่มา​กก​ว่า​พวก​ก็​คือ​หนังสือ​ตำรา​เกี่ยวกับ​การวางแผน​และ​การ​เดินทัพ​ของ​ทหาร

ปินจ​วี​๋​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​ค่อนข้าง​ตกตะลึง​ ​“ฮู​หยิน​ ​หนังสือ​ตำรา​ใน​ห้อง​หนังสือ​ของ​ท่าน​โหว​ไม่ได้​น้อย​ไป​กว่า​ห้อง​หนังสือ​นายท่าน​ใหญ่​ของ​เรา​เลย​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ขึ้น​แต่​ไม่ได้​พูด​อะไร​ออกมา​ ​พลาง​เอื้อมมือ​ไป​หยิบ​หนังสือ​ ​‘​อภิปราย​คัมภีร์​อี้จิง​’​ ​ขึ้น​มาดู

พลิก​ดู​ได้​เพียง​ไม่​กี่​หน้า​ ​ก็​มีเสียง​ที่​ตื่นตระหนก​ของ​ตง​ชิง​ดัง​มาจาก​หอนอน​ ​“ฮู​หยิน​ ฮู​หยิน​ ​ท่าน​รีบ​มา​เร็ว​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​ก็​นึกถึง​เฟิ​่ง​ชิง​ที่อยู่​ใน​ห้อง​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​รีบ​วาง​หนังสือ​ลง​พลาง​ยก​กระโปรง​ขึ้น​วิ่ง​ตรง​ไป​ยัง​หอนอน​ทันที​ ​ก็​เห็น​ตง​ชิง​กำลัง​อ้าแขน​ขวาง​อยู่​ตรงหน้า​เตียง​ ​เมื่อ​ได้ยิน​ว่า​มีเสียง​ดัง​มาจาก​ข้างหลัง​ ​ก็​รีบ​พูด​ขึ้น​โดยที่​ไม่กล้า​หันกลับ​ไป​มองว่า​ ​“ฮู​หยิน​ ​คุณชาย​น้อย​เฟิ​่ง​ชิง​ตื่น​แล้ว​เจ้าค่ะ​ ​เมื่อครู่นี้​พลิกตัว​จน​เกือบจะ​ตกลง​มา​ ​บ่าว​เลย​เรียก​ไว้​ ​ตอนนี้​เขา​ขดตัว​กลับ​ไป​อีกแล้ว​เจ้าค่ะ​”

ปินจ​วี​๋​ที่​เดินตาม​หลัง​มา​ได้ยิน​แล้วก็​รีบ​ยก​กระโปรง​พลาง​ขึ้นไป​ยืน​บน​เก้าอี้​ไม้​ ​“​คุณชาย​น้อย​เฟิ​่ง​ชิง​ ​ให้​บ่าว​อุ้ม​ลงมา​นะ​เจ้า​คะ​”

เสียง​ฝีเท้า​วิ่ง​บน​กระดาน​ไม้​ดัง​ขึ้น​ ​ตึงตัง​ ​จน​ไป​หยุด​อยู่​ตรง​มุม​ข้างใน​สุด

สือ​อี​เหนียง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ส่ายหน้า​เบา​ๆ​ ​ด้วย​ความจน​ใจ

สำหรับ​เฟิ​่ง​ชิง​แล้ว​ ​พวก​นาง​ก็​เหมือน​กลุ่มคน​ที่​ลักพาตัว​เขา​มายัง​สถานที่​ที่​ไม่​คุ้นเคย​แห่ง​นี้​ ​คน​นิสัย​ไม่ดี​ที่จับ​เขา​ลง​ไป​ล้าง​ตัว​ใน​น้ำ​ ​เขา​จะ​ยอมให้​คน​เหล่านี้​อุ้ม​ลงมา​ได้​อย่างไร​กัน​เล่า

“​ช่างเถิด​ ​รอ​จ้าว​อิ่ง​พวกเขา​กลับมา​แล้ว​ค่อย​ว่า​กัน​อีกที​ ​พวกเขา​แขน​ใหญ่​แรง​เยอะ​ ​ทำ​สิ่งใด​ก็​สะดวก​กว่า​เรา​มาก​ ​เรา​แค่​อยู่​เฝ้า​ไม่​ให้​เขา​ตกลง​มาก​็​พอแล้ว​”

ตง​ชิง​และ​ปินจ​วี​๋​ ​คน​หนึ่ง​ยืน​อยู่​หน้า​เตียง​ ​ส่วน​อีก​คน​ยืน​อยู่​บน​เก้าอี้​ไม้​ ​คุมเชิง​กัน​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​พ่อบ้าน​ไป๋​และ​จ้าว​อิ่ง​ก็​วิ่ง​เข้ามา​ด้วย​ความรีบร้อน

“ฮู​หยิน​ ​ได้ยิน​ว่า​หา​ตัว​คุณชาย​น้อย​เฟิ​่ง​ชิง​เจอ​แล้ว​หรือ​ขอรับ​”​ ​สีหน้า​ของ​พ่อบ้าน​ไป๋​เต็มไปด้วย​ความดีใจ

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ขึ้น​พร้อมกับ​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​“​เฟิ​่ง​ชิง​ซุกซน​ ​ไป​แอบ​อยู่​บน​หลังคา​ของ​เตียง​ ​พลอย​ทำให้​พ่อบ้าน​ไป๋​ตื่นตกใจ​ไป​ยกใหญ่​”

“​คำพูด​ประโยค​นี้​ของฮู​หยิน​บ่าว​มิก​ล้า​รับ​ไว้​ขอรับ​”​ ​พ่อบ้าน​ไป๋​จ้องมอง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​แววตา​ที่​นับถือ​ ​เขา​พูด​ขึ้น​ด้วย​ความ​นอบน้อม​ ​“​ครั้งนี้​หาก​ไม่ใช่​เพราะฮู​หยิน​ ​ก็​ยัง​ไม่รู้​ว่า​จะ​จบเรื่อง​นี้​เช่นไร​”​ ​พูด​จบ​ก็​โค้ง​ตัว​ประสานมือ​คำนับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“ฮู​หยิน​ ​บ่าว​ขอก​ล่าว​ขอบคุณ​ที่ฮู​หยิน​ยื่นมือ​เข้ามา​ช่วย​อีกครั้ง​”​ ​จากนั้น​ ​ไม่​รอ​ให้​สือ​อี​เหนียง​ได้​ทัน​พูด​อะไร​ ​ก็ได้​ชี้​ไป​ยัง​ตง​ชิง​และ​ปินจ​วี​๋​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ด้วย​ความแปลกใจ​ ​“ฮู​หยิน​ ​นี่​เกิดเรื่อง​ขึ้น​หรือ​ขอรับ​”

ไม่​เสียแรง​ที่​ขึ้นชื่อว่า​เป็น​พ่อบ้าน​ใหญ่​ของ​จวน​หย่ง​ผิง​โหว​ ​บท​จะ​ประจบประแจง​ขึ้น​มาก​็​ชัดเจน​ไม่​คลุมเครือ​เลย​แม้แต่น้อย​ ​หาก​เปรียบเทียบ​กับ​ว่าน​ต้า​เสี่ยน​นั้น​ยัง​ห่าง​ชั้น​อีก​ไกล​ ​ส่วน​ที่​ต้อง​เรียนรู้​ยัง​มี​อีก​มาก​!

หาก​ไม่ใช่​เพราะ​เรื่อง​ของ​เฟิ​่ง​ชิง​กำลัง​เร่งด่วน​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​อยาก​จะ​ฉวยโอกาส​นี้​พูดคุย​แลกเปลี่ยน​ความคิด​กับ​พ่อบ้าน​ไป๋​ ​ตีสนิท​เสียหน่อย

สือ​อี​เหนียง​อธิบาย​เรื่อง​นี้​อย่าง​คร่าวๆ​ ​ไป​อีก​รอบ​ ​พ่อบ้าน​ไป๋​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​รีบ​พูด​ขึ้น​มาทัน​ที​ว่า​ ​“​นี่​เรื่อง​อัน​ใด​กัน​เนี่ย​ ​ควร​ให้ฮู​หยิน​มา​ลำบากลำบน​เป็นกังวล​ใจ​ด้วย​เสียที​่​ไหน​กัน​ ​สั่ง​บ่าว​มาคำ​เดียว​ก็​พอ​ขอรับ​”​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​เรียก​จ้าว​อิ่ง​ ​“​เจ้า​ไป​ยืน​ข้างล่าง​ ​เดี๋ยว​ข้า​ขึ้นไป​อุ้ม​คุณชาย​น้อย​เฟิ​่ง​ชิง​ลงมา​”

จ้าว​อิ่ง​เอง​เป็น​คน​เชื่อฟัง​ว่าง่าย​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​อยู่​ต่อหน้า​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ ​จึง​รีบ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ตรงนี้​มี​ข้า​ทั้งคน​ ​จะ​ให้ท่าน​ปีน​ขึ้นไป​บน​หลังคา​เตียง​ได้​อย่างไร​กัน​ ​ท่าน​รอ​อยู่​ข้างล่าง​ ​ข้า​จะ​ขึ้นไป​อุ้ม​คุณชาย​น้อย​เฟิ​่ง​ชิง​ลงมา​เอง​”​ ​พูด​จบ​ ​ไม่​รอ​ให้​พ่อบ้าน​ไป๋​ได้​ทันต​อบ​อะไร​ ​ก็​ตรง​ไป​ยัง​เก้าอี้​ไม้​ทันที

ปินจ​วี​๋​ไม่ได้​สนใจ​ว่า​ใคร​จะ​เป็น​คน​ขึ้นไป​ ​ขอ​เพียงแค่​สามารถ​อุ้ม​คุณชาย​น้อย​เฟิ​่ง​ชิง​ลงมา​ได้​ก็​เป็น​พอ​ ​นาง​จึง​รีบ​ลง​จาก​เก้าอี้​ไม้​แล้ว​ให้​จ้าว​อิ่ง​ขึ้นไป​แทน​ ​ยัง​พูดว่า​ ​“​เจ้า​ระวังตัว​ด้วย​”

พ่อบ้าน​ไป๋​เห็น​แล้วก็​ไม่ได้​ยื้อ​ต่อให้​เสียเวลา​ ​รีบ​ไป​ยืน​อยู่​ตรง​ด้านหน้า​ของ​เตียง​ ​ตง​ชิง​ขยับ​หลีก​ไป​ข้างๆ​ ​ยืน​อยู่​ตรง​ด้านหลัง​ของ​สือ​อี​เหนียง

“​พี่​ปินจ​วี​๋​วางใจ​เถิด​”​ ​เพียง​ครู่เดียว​จ้าว​อิ่ง​ก็​ปีน​ขึ้นไป​บน​หลังคา​ของ​เตียง​เรียบร้อย​ ​“​คุณชาย​น้อย​เฟิ​่ง​ชิง​…​คุณชาย​น้อย​เฟิ​่ง​ชิง​ ​บ่าว​คือ​จ้าว​อิ่ง​นะ​ขอรับ​!​ ​บ่าว​รับใช้​คนสนิท​ของ​ท่าน​โหว​ ​บ่าว​มาช​่ว​ยอุ​้ม​คุณชาย​น้อยลง​ไป​ ​จะ​ได้​ไม่ต้อง​หกล้ม​เจ็บตัว​เอา​”​ ​เขา​พูด​เกลี้ยกล่อม​พลาง​ค่อยๆ​ ​คลาน​ไป​ยัง​มุม​ของ​เตียง​ที่​เฟิ​่ง​ชิง​ขดตัว​อยู่

เรือ​ใหญ่​แข็งแรง​มั่นคง​ ​แต่​เรือน​เล็ก​นั้น​เปราะบาง​กว่า​มาก

เฟิ​่ง​ชิง​วิ่ง​ ​ตึงตัง​ ​ไป​อีก​ทาง

จ้าว​อิ่ง​จึง​จำใจต้อง​คลาน​ตาม​ไป​อีก​ทาง

เขา​ยื่นมือ​ออก​ไป​คว้า​ชาย​เสื้อ​ของ​เฟิ​่ง​ชิง​ ​แต่​เฟิ​่ง​ชิง​กลับ​วิ่ง​หลบ​ไป​อีก​ทาง

เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ​เฟิ​่ง​ชิง​เหมือน​เจอ​สิ่ง​ที่​น่าสนุก​สนาน​อย่างไร​อย่างนั้น​ ​ไม่เพียงแต่​เล่น​จน​ไม่รู้​จัก​เหน็ดเหนื่อย​ ​ยัง​หัวเราะ​ ​“​ฮ่า​ๆ​”​ ​เสียงดัง​ด้วย​ความชอบ​ใจ​อีกด้วย

คนที​่​อยู่​ด้านล่าง​ไม่รู้​ว่า​ด้านบน​นั้น​เกิด​อะไร​ขึ้น​ ​ได้ยิน​แต่​เสียง​ ​ตึงตัง​ ​ดัง​ไม่หยุดหย่อน​ ​จึง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ถาม​ขึ้น​ว่า​ ​“​เกิด​อะไร​ขึ้น​”

สือ​อี​เหนียง​และ​พ่อบ้าน​ไป๋​กำลัง​รอ​อยู่​ ​จ้าว​อิ่ง​จึง​รู้สึก​ร้อนใจ​ขึ้น​มา

“​เปล่า​ ​เปล่า​ขอรับ​”​ ​เขา​ตอบกลับ​พลาง​ค่อยๆ​ ​ขยับ​เข้าใกล้​เฟิ​่ง​ชิง​ ​จากนั้น​ก็​เอื้อมมือ​คว้า​ไป​ด้านหน้า​เต็มแรง​ ​จึง​ได้ตัว​เฟิ​่ง​ชิง​มา​ไว้​ใน​อ้อมแขน

การถูก​จับได้​ก็​หมายความว่า​เจ็บปวด​ ​ความคิด​เช่นนี้​ทำให้​เฟิ​่ง​ชิง​กรีดร้อง​เสียงดัง​ลั่น​ ​ทั้ง​ตี​ทั้ง​เตะ

จ้าว​อิ่ง​ไม่กล้า​ทำ​รุนแรง​ ​ถึงแม้ว่า​เขา​จะ​ไม่ยอม​ปล่อยมือ​ ​แต่​ก็​พยายาม​ที่จะ​หลบ​ตลอด​ ​“​คุณชาย​น้อย​เฟิ​่ง​ชิง​ ​บ่าว​จะ​ช่วย​อุ้ม​ท่าน​ลง​ไป​ขอรับ​”

ขณะที่​กำลัง​ยื้อแย่ง​กัน​อยู่​นั้น​ ​ก็​มีเสียง​ ​ครืน​ ​ดัง​ขึ้น​ ​บางอย่าง​ก็​ร่วงหล่น​จาก​กระดาน​หลังคา​ ​จ้าว​อิ่ง​และ​เฟิ​่ง​ชิง​ตกลง​มาจาก​ข้างบน

ทุกคน​ต่าง​อึ้ง​ไป​ตาม​ๆ​ ​กัน

เฟิ​่ง​ชิง​กลับ​ไม่​กะพริบตา​เลย​แม้แต่​นิดเดียว​ ​พลิกตัว​กลิ้ง​ออกมา​จาก​อ้อมแขน​จ้าว​อิ่ง​ ​จากนั้น​ก็​คลาน​พรวดพราด​ลงมา​จาก​เตียง​ ​วิ่ง​ ​ตึงตัง​ ​กำลัง​เตรียม​จะ​ออก​ไป​ข้างนอก

เวลานี้​เอง​ ​เหล่า​บรรดา​ผู้ใหญ่​จึง​เพิ่งจะ​ได้สติ​ขึ้น​มา

สือ​อี​เหนียง​ที่​ยืน​อยู่​นอก​สุด​ก็​รีบ​เดิน​เข้าไป​คว้า​ตัว​เฟิ​่ง​ชิง​ไว้

เฟิ​่ง​ชิง​ร้อง​กรีด​เสียงแหลม​ ​ทั้ง​เตะ​ทั้ง​ตีสื​ออี​เหนียง​ไม่​หยุด

สือ​อี​เหนียง​นึกไม่ถึง​เลย​ว่า​เขา​จะ​กล้า​ขนาด​นี้​ ​เมื่อ​รับมือ​ไม่ทัน​ ​เขา​ก็​ดิ้น​จน​หลุด​ไป​ได้

พ่อบ้าน​ไป๋​ได้สติ​ขึ้น​มา​ ​รีบ​สาวเท้า​ตรง​เข้าไป​จับตัว​เฟิ​่ง​ชิง​ไว้

เขา​ยังคง​กรีดร้อง​เสียงแหลม​และ​ทั้ง​เตะ​ทั้ง​ตี​พ่อบ้าน​ไป๋​ไม่​หยุด​ ​เหมือน​ตอนที่​ถูก​สือ​อี​เหนียง​จับตัว​ไว้

พ่อบ้าน​ไป๋​ไม่​เหมือน​สือ​อี​เหนียง​ ​เขา​จับ​แน่น​ไม่ยอม​ปล่อย

“ฮู​หยิน​…​”​ ​เขา​หันหน้า​มาหา​สือ​อี​เหนียง​ ​รอสื​ออี​เหนียง​ออกคำสั่ง

สือ​อี​เหนียง​หันไป​มอง​เฟิ​่ง​ชิง​ที่​เนื้อตัว​มอมแมม​และ​เต็มไปด้วย​เศษ​ฝุ่น​ ​ราวกับ​ถูก​ต้นหนาม​เกี่ยว​ทั้งตัว​อย่างไร​อย่างนั้น​ ​จึง​กัดฟัน​แน่น​ ​“​เอา​ตัว​มา​ให้​ข้า​”​ ​พูด​จบ​ก็​เดิน​เข้าไป​จับ​ไหล่​ทั้งสอง​ของ​เฟิ​่ง​ชิง​ไว้​ ​พลาง​หันไป​สั่ง​กับ​ตง​ชิง​ว่า​ ​“​ไป​ตัก​น้ำ​มา​ให้​เขา​เช็ดหน้า​เช็ด​ตา​เสียหน่อย​”​ ​จากนั้น​ก็​นั่งลง​บน​เก้าอี้​ไท่​ซือ​ ​ใช้​ขา​ทั้งสอง​หนีบ​ตัว​ของ​เฟิ​่ง​ชิง​เอาไว้​ ​ส่วน​มือ​ทั้งสอง​ก็​จับ​ไหล่​ของ​เขา​ไว้​ ​กอด​เขา​ไว้​ใน​อ้อมแขน​อย่าง​แน่นหนา

ตง​ชิง​อึ้ง​จน​พูด​อะไร​ไม่​ออก​ ​ผ่าน​ไป​ครู่ใหญ่​จึง​ค่อย​ดึง​สติก​ลับ​มา​ได้​ ​นาง​ขานรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​แล้วจึง​รีบ​วิ่ง​ออก​ไป​ตัก​น้ำ​ด้วย​ความ​ลุกลี้ลุกลน

พ่อบ้าน​ไป๋​และ​จ้าว​อิ่ง​นึกไม่ถึง​เลย​ว่า​สือ​อี​เหนียง​จะ​โหด​ถึง​เพียงนี้​ ​ทั้งคู่​หันมา​สบตา​กัน​และ​พากั​นก​้​มห​น้า​ลง​ต่ำ​โดย​ไม่ได้​นัดหมาย​ ​ราวกับว่า​ไม่เห็น​สิ่ง​ที่อยู่​ตรงหน้า​อย่างไร​อย่างนั้น

ปินจ​วี​๋​กลับ​เดิน​เข้าไป​ถาม​ด้วย​ความเป็นห่วง​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​ ​ท่าน​ไม่เป็นไร​ใช่ไหม​เจ้า​คะ​”

เฟิ​่ง​ชิง​แรง​ค่อนข้าง​เยอะ​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​ตัดสินใจ​จะ​ต้อง​ให้​บทเรียน​แก่​เขา​ ​ไม่ว่า​เขา​จะ​ดิ้นรน​หรือ​จะ​กรีดร้อง​อย่างไร​ ​สือ​อี​เหนียง​ยังคง​กอดรัด​เขา​ไว้​ใน​อ้อมแขน​แน่น​ไม่ยอม​ปล่อย​ ​เมื่อ​ได้ยิน​ปินจ​วี​๋​ถาม​ขึ้น​ด้วย​ความเป็นห่วง​ตน​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​“​ไม่เป็นไร​ ​ไม่ต้อง​สนใจ​เขา​ ​อีก​ประเดี๋ยว​เขา​ก็​จะ​ไม่​ร้อง​โวยวาย​แล้ว​”

ขณะที่​กำลัง​พูด​อยู่​นั้น​ ​ตง​ชิง​ก็​ตัก​น้ำ​เข้ามา​พอดี​ ​ปินจ​วี​๋​รีบ​นำ​ผ้า​มาชุ​บน​้ำ​แล้ว​บิด​ ​จากนั้น​ก็​ช่วย​เฟิ​่ง​ชิง​เช็ดหน้า​เช็ด​ตา

อย่างไร​เสีย​เฟิ​่ง​ชิง​ก็​เป็น​เพียงแค่​เด็ก​อายุ​สาม​ขวบ​ ​จะ​สู้​แรง​ของ​ผู้ใหญ่​ได้​อย่างไร​กัน​ ​เขา​ดิ้น​น้อยลง​ไป​เรื่อยๆ​ ​ยิ่ง​อยู่​ก็​ยิ่ง​อ่อนแรง​ ​ดวงตา​เริ่ม​เอ่อล้น​ไป​ด้วย​น้ำตา​ ​จ้อง​ปินจ​วี​๋​ที่​กำลัง​เช็ดมือ​ให้​เขา​ตาเขม​็​งด​้วย​ความไม่พอใจ

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ถึง​ความเปลี่ยนแปลง​ของ​เขา​ ​ใน​ใจ​ค่อยๆ​ ​รู้สึก​ตั้งมั่น​ ​จากนั้น​ก็​พูด​กับ​เขา​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​อ่อนโยน​ว่า​ ​“​เจ้า​เชื่อฟัง​แล้ว​นั่ง​บน​ตัก​ของ​ข้า​ดี​ๆ​ ​ข้า​ก็​จะ​ปล่อย​เจ้า​ ​หากว่า​เจ้า​เห็นด้วย​ ​ก็​พยักหน้า​เบา​ๆ​”

เฟิ​่ง​ชิง​ไม่ได้​พูด​อะไร​ออกมา​ ​ผ่าน​ไป​ครู่ใหญ่​ ​เขา​ก็​ยอม​พยักหน้า​เบา​ๆ

สือ​อี​เหนียง​จึง​ค่อยๆ​ ​ปล่อยมือ​จาก​เขา

เฟิ​่ง​ชิง​รับรู้​ได้​ถึง​แรง​จับ​บน​ตัว​ของ​เขา​ที่​ค่อยๆ​ ​คลาย​ลง​ ​เขา​ก็​รีบ​กระโดด​ลง​จาก​ตัก​ของ​สือ​อี​เหนียง​ดัง​ ​ตุ๊บ​ ​พลาง​วิ่ง​ออก​ไป​ข้างนอก​ทันที

แต่​ช่าง​น่าสงสาร​ก้าว​น้อย​ๆ​ ​ของ​เขา​ ​สือ​อี​เหนียง​เพียงแค่​โน้มตัว​ก็​สามารถ​คว้า​ตัว​เขา​ได้​แล้ว​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เคร่งขรึม​ว่า​ ​“​ในเมื่อ​เจ้า​ไม่​รักษาคำพูด​ ​เช่นนั้น​เรา​ก็​มาทำ​ตัว​เหมือนกัน​เถิด​”​ ​จากนั้น​สือ​อี​เหนียง​ก็​จับ​เขา​เข้ามา​กอดรัด​ใน​อ้อมแขน​จน​แน่น​เหมือนเดิม​อีกครั้ง

เฟิ​่ง​ชิง​เอง​ก็​เริ่ม​ออกแรง​ดิ้น​สู้​และ​กรีดร้อง​เสียงแหลม​อีกครั้ง

สือ​อี​เหนียง​ทำ​เหมือนว่า​ไม่ได้​ยิน​ ​หันไป​พูด​กับ​พ่อบ้าน​ไป๋​และ​จ้าว​อิ่ง​ว่า​ ​“​ทาง​นี้​ก็​ไม่มี​เรื่อง​อัน​ใด​แล้ว​ ​ทั้งสอง​มีธุระ​ก็​รีบ​ไป​ทำ​เถิด​!​”

พ่อบ้าน​ไป๋​เอง​เริ่ม​พอ​จะ​เดา​ได้​ ​นี่​ถือเป็น​การเปรียบ​เทียบ​ที่​ชัดเจน​ ​ว่า​ใคร​มี​ความสามารถ​ใน​การ​ดูแล​จัดการ​ผู้คน​ที่อยู่​ภายใต้​อำนาจ​ได้​ ​ทุกคน​มี​ความสามารถ​ไม่​ต่างกัน​เท่าไร​นัก​ ​แต่​สิ่ง​ที่จะ​นำมา​เปรียบเทียบ​ได้​ก็​คือ​ใคร​มีพลัง​ความสามารถ​ใน​การควบ​คุม​คน​และ​สถานการณ์​ได้​เท่านั้น

“​เช่นนั้น​ ​บ่าว​ก็​ขอตัว​ไป​เชิญ​หมอ​ใหญ่​มาดู​อาการ​ของ​คุณชาย​น้อย​เฟิ​่ง​ชิง​ก่อน​นะ​ขอรับ​”​ ​แล้วจึง​ถอย​ออก​ไป​ด้วย​ความเคารพ​นอบน้อม

จ้าว​อิ่ง​มองดู​แล้วก็​รีบ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ท่าน​โหว​สั่ง​ให้​บ่าว​ย้าย​ข้าวของเครื่องใช้​ประจำวัน​ไป​ที่​เรือน​หลัก​ ​เช่นนั้น​บ่าว​ไป​เก็บ​ข้าวของ​ก่อน​นะ​ขอรับ​”​ ​เขา​เอง​ก็ได้​ถอย​ออก​ไป​ด้วย

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท