ตอนที่ 140 กลับมา ปกป้องเทพขนนก!
ณ เมืองเทพขนนก ราชวงศ์เทพขนนก
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ขณะนี้ภายในเมืองเทพขนนก กลองศึกถูกลั่นอย่างบ้าคลั่ง และจังหวะทุ้มหนักนี้ก็ไม่ต่างจากเสียงฟ้าร้องโหมกระหน่ำ กองทัพทหารนับไม่ถ้วนกำลังยืนตั้งรับการต่อสู้ บรรยากาศขมุกขมัวเต็มไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรง
เหนือประตูเมือง จักรพรรดินีหลัวชิงเซียนถือกระบี่และสวมใส่ชุดเกราะอย่างเต็มรูปแบบ ดูสง่างามและน่าเกรงขามยิ่ง
ด้านหลังของนางคือกลุ่มเทพยุทธ์ นำโดยเหลียงอิ้นหยวน และยังมีเหล่าครึ่งก้าวสู่ขอบเขตเทพยุทธ์ ปราชญ์ยุทธ์ และผู้ทรงพลังอื่น ๆ อีกจำนวนมาก
ยามนี้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ด้านนอกของเมืองเทพขนนกอย่างเย็นชา
ด้านนอกมีผู้คนนับล้าน ในหมู่พวกเขานั้นมีสัตว์วิญญาณสี่ตัวยืนตระหง่าน สี่สัตว์เหล่านั้นประกอบด้วยมังกรฟ้า พยัคฆ์ขาว หงส์เพลิง และกิเลนยักษ์ในตำนาน
ด้านหน้ามีชายวัยกลางคนสี่คน แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหรา ใบหน้าสงบนิ่ง สง่าผ่าเผย ทั้งยังมีออร่าระดับเทพมนุษย์พลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย!
“สำนักเทพมังกรตะวันออก สำนักเทพพยัคฆ์ตะวันตก สำนักเทพสีชาดทิศใต้ สำนักเทพเร้นลับทิศเหนือ… ความแข็งแกร่งของสี่สำนักใหญ่ของพวกเจ้า ไม่อาจทำสิ่งใดต่อราชวงศ์เทพขนนกของพวกเราได้ ข้าขอแนะนำให้รีบถอยทัพกลับไปเสีย หากพวกเจ้าไม่คิดถอยและยื้อสถานการณ์ไว้จนสามีข้ากลับมา แม้อยากจะกลับเพียงใด ก็คงไร้ซึ่งโอกาสนั้นแล้ว!”
ในเวลานี้ จักรพรรดินีหลัวชิงเซียนคำรามอย่างเย็นชาใส่ชายวัยกลางคนทั้งสี่ที่อยู่ในจุดสูงสุดของระดับเทพมนุษย์ภายในกองทัพเทพเจ้าขนาดใหญ่ตรงหน้า
“หึ! สามีเจ้าเป็นคนเช่นไรกัน? ผู้ฝึกยุทธ์แห่งแคว้นรกร้างจะสามารถเผชิญหน้ากับแคว้นเอกภพได้อย่างไรเล่า!”
“ดูเหมือนว่าราชวงศ์เทพขนนกจะพกความมั่นใจมาเต็มร้อย ในหมู่พวกเจ้าไม่มีแม้แต่ระดับเทพปฐพีด้วยซ้ำ!”
“วันนี้สำนักใหญ่ทั้งสี่ของเราจะทำลายพวกเจ้าให้สิ้นซาก และแคว้นรกร้างนี้จะถูกควบคุมโดยสำนักใหญ่ทั้งสี่ของพวกเรา!”
เจ้าสำนักทั้งสี่เย้ยหยัน ก่อนจะเผยความละโมบออกมาผ่านแววตา
สำนักใหญ่ทั้งสี่นี้เดินทางมาจากแคว้นเอกภพ เมื่อไม่นานนี้พวกเขาบังเอิญได้ยินข่าวลือของพลังจิตวิญญาณระดับสุริยันในแคว้นรกร้างจากผู้ฝึกยุทธ์แห่งดินแดนรกร้าง
เมื่อมองเห็นโอกาสยิ่งใหญ่ สำนักใหญ่ทั้งสี่จึงรีบรุดมาที่นี่ ตั้งใจที่จะทำลายราชวงศ์เทพขนนกและยึดครองดินแดนรกร้าง
แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่า ราชวงศ์เทพขนนกได้ครอบครองสี่แคว้นรอบนอกสำเร็จแล้ว และพวกเขากำลังจะได้เผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมาน
วันนี้พวกเขาจึงมีความมั่นใจที่จะยึดครองดินแดนแห่งนี้ยิ่งนัก
หลังจากตระหนักได้เช่นนี้แล้ว เจ้าแห่งสำนักเทพทั้งสี่ก็ถอยกลับ ก่อนจะกล่าวด้วยความเคารพ “เรียนราชาอสรพิษ เราควรทำลายค่ายกลนี้เสีย!”
พรึ่บ!
สิ้นเสียง ชายชราในชุดคลุมสีดำเดินก็ออกมาจากฝูงชนด้วยแววตาเคร่งขรึม หลังของเขาค่อมลงเล็กน้อยและมีไม้เท้าศีรษะอสรพิษอยู่ในมือ
พลังระดับเทพปฐพีพลุ่งพล่านออกจากร่างกายของเขาอย่างเดือดดาล!
“หืม? ไม่ดีแล้ว! เทพยุทธ์ระดับเทพปฐพี!”
เมื่อเห็นชายชราในชุดคลุมสีดำปรากฏตัว จักรพรรดินีหลัวชิงเซียนถึงกับหน้าถอดสี
เหลียงอิ้นหยวนและคนอื่น ๆ ก็เผยความสิ้นหวังออกเช่นกัน
ค่ายกลของเทพปฐพีสามารถต่อต้านผู้ที่อยู่ภายใต้ระดับเทพปฐพีได้ แต่หากเผชิญหน้ากับผู้ที่แข็งแกร่งระดับเทพปฐพีขั้นสูงสุดแล้ว มันก็ไม่อาจต้านได้นานนัก
“ฮี่ ๆ!”
ทันทีที่ราชาอสรพิษปรากฏตัว เขาก็เปล่งเสียงหัวเราะอันประหลาดออกมา
สายตามองจักรพรรดินีหลัวชิงเซียนและคนอื่น ๆ ด้วยแววตาน่าสะพรึง ก่อนจะยกยิ้มชั่วร้าย “แม้ชายชราผู้นี้เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดา และไม่มีความคับแค้นใจหรือเป็นปฏิปักษ์กับพวกเจ้าราชวงศ์เทพขนนก การสังหารประชาชนบริสุทธิ์และสร้างภัยพิบัติให้กับผู้อื่นเป็นสิ่งที่ข้าไม่อยากกระทำ แต่ในเมื่อชายชราผู้นี้ยอมรับผลประโยชน์จากสี่สำนักเทพแล้ว ข้าจึงทำได้เพียงแสดงความเสียใจต่อราชวงศ์เทพขนนกเท่านั้น”
ตู้ม!
สิ้นเสียง พลังงานไร้ลักษณ์อันน่าพรั่นพรึงระดับเทพปฐพีก็พวยพุ่งออกจากร่างราชาอสรพิษ พลังงานรุนแรงนั้นปกคลุมท้องฟ้าบดบังดวงอาทิตย์ เปรียบกับอสรพิษนับหมื่นแสนที่กำลังเริงระบำอย่างเกรี้ยวกราด
ทันทีที่ผู้คนในเมืองเทพขนนกมองเห็นภาพตรงหน้า ในใจยิ่งหวาดหวั่น
“องค์จักรพรรดินี ค่ายกลเทพปฐพีไม่อาจหยุดยั้งราชาแห่งอสรพิษผู้นี้ได้ ถึงเวลาใช้ไพ่ตายที่จักรพรรดิหนิงทิ้งไว้ก่อนจะจากไปแล้ว!”
ในเวลานี้ เหลียงอิ้นหยวนและคนอื่น ๆ พลันรีบกล่าวแนะนำกับหลัวชิงเซียน
หลัวชิงเซียนขมวดคิ้วแน่น
ก่อนหนิงฝานจะจากไป เขาได้มอบวิญญาณปฐมภูมิให้แก่นาง ซึ่งนั่นก็คือทวารบาลขอบเขตเทพยุทธ์บนชั้นสามของถ้ำปีศาจบรรพกาล
เป็นเพราะหนิงฝานบอกกล่าวว่า ความรุนแรงของปีศาจบรรพกาลนั้นโหดร้ายยิ่ง และหากไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย ก็อย่าปล่อยให้ปีศาจภายในถ้ำนั้นออกมาเพ่นพ่านเด็ดขาด!
เวลานี้หลัวชิงเซียนจึงลังเลอย่างชัดเจน
ตู้ม!
ขณะที่กำลังสับสน ราชาอสรพิษในชุดคลุมสีดำเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพียงแค่กวัดแกว่งไม้เท้าในมือ พลังไร้ลักษณ์อันน่าสะพรึงที่พร้อมจะทำลายโลกใบนี้กระจัดกระจายออก ก่อนจะพุ่งโจมตีค่ายกลแห่งเทพปฐพีอย่างรุนแรง
ตู้ม!
เสียงกัมปนาทดังสะท้านพิภพ ค่ายกลเทพปฐพีแตกร้าวเป็นรอยใยแมงมุมทันที และเพียงชั่วอึดใจมันก็พังทลายลง กลายเป็นพลังงานกระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้า
ค่ายกลเทพปฐพีแตกสลายแล้ว!
“ฮ่า ๆ! ยอดเยี่ยม!”
“ราชาอาวุโสอสรพิษ! พลังศักดิ์สิทธิ์!”
“สี่สำนักเทพรับคำสั่ง เปิดศึกในเมืองเทพขนนกได้!”
เมื่อเห็นว่าค่ายกลเทพปฐพีแตกสลายจากการโจมตีของราชาอสรพิษ เหล่าปรมาจารย์จากสำนักเทพทั้งสี่ตื่นตระหนกปนยินดี พวกเขาเร่งรีบสั่งการโจมตีทันที
บึ้ม!
เพียงชั่วพริบตา ผู้ฝึกยุทธ์หลายล้านคนภายใต้สี่สำนักเทพก็ปลดปล่อยจิตสังหารอันน่าสะพรึง มันยิ่งใหญ่ไม่ต่างจากคลื่นยักษ์ถาโถมพัดเข้าโจมตีเมืองเทพขนนกอย่างไม่คิดปรานี
“องค์จักรพรรดินี อย่าได้ลังเล!”
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ใบหน้าของเหลียงอิ้นหยวนและคนอื่น ๆ ยิ่งบิดเบี้ยว
แม้ความแข็งแกร่งของราชวงศ์เทพขนนกจะเพิ่มขึ้นมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่สามารถเผชิญหน้ากับสี่สำนักเทพได้ จึงไม่ต้องกล่าวถึงราชาอสรพิษในชุดคลุมสีดำตรงหน้านี้เลย!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จักรพรรดินีหลัวชิงเซียนก็จำต้องตัดสินใจ นางพลิกฝ่ามือก่อนจะดึงเอาวิญญาณของทวารบาลถ้ำปีศาจบรรพกาลออกมา โดยตั้งใจว่าจะใช้วิธีการนี้เพื่อให้ทวารบาลออกมาต่อกรกับเหล่าศัตรู
เหลือเพียงหนทางนี้เท่านั้น
ทว่าในช่วงเวลาที่สำคัญนี้…
“ผู้ใดมันกล้าหาญบุกรุกราชวงศ์เทพขนนกของข้า!”
พลันเสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังขึ้น ร่างในชุดคลุมธรรมดาฉีกผ่านอากาศเหนือท้องฟ้าพุ่งตรงสู่ประตูเมืองอย่างรวดเร็ว
“อ๊ะ? สามี ท่านกลับมาแล้ว!!!”
เมื่อเห็นร่างคุ้นเคยในชุดคลุมธรรมดานี้ จักรพรรดินีก็เผยความยินดียิ่งออกมา นางรีบเก็บวิญญาณปฐมภูมิของทวารบาลถ้ำปีศาจบรรพกาลทันที
หนิงฝานกลับมาแล้ว ปัญหาทุกสิ่งย่อมถูกแก้ไข และแน่นอนว่าไม่ต้องให้ทวารบาลถ้ำปีศาจบรรพกาลออกมาอีกต่อไป
“ผู้พิทักษ์เทพ!”
“ผู้พิทักษ์เทพกลับมาแล้ว!”
“เคารพผู้พิทักษ์เทพ!”
ขณะนี้เมื่อเห็นร่างของหนิงฝานปรากฏตัว เมืองเทพขนนกก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง บรรดาเทพยุทธ์ที่อยู่ในการต่อสู้ กองทัพทหารหลายหมื่นพัน รวมถึงประชาชนกว่าร้อยล้านรีบทำความเคารพหนิงฝานทันที
“หืม?!”
ยามนี้ปรมาจารย์ทั้งสี่แห่งสำนักเทพและราชาอสรพิษพลันหยุดมือโดยไม่รู้ตัว
แต่ในชั่วอึดใจต่อมา แววตาเหยียดหยามก็ฉายชัดผ่านใบหน้า
แม้พวกเขาจะไม่สามารถมองเห็นขอบเขตการฝึกฝนของหนิงฝานได้ แต่พวกเขาก็คาดเดาผ่านอายุของหนิงฝานได้
ไม่ถึงร้อยปี!
ด้วยอายุเพียงเท่านี้ เกรงว่าจะไม่ใช่ขอบเขตเทพยุทธ์ด้วยซ้ำ
“ฮ่า ๆๆ!”
เจ้าสำนักเทพทั้งสี่เงยหน้าขึ้นฟ้าพร้อมระเบิดเสียงหัวเราะ “หลัวชิงเซียน นี่คือสามีที่เจ้ากล่าวถึงงั้นหรือ? ผู้พิทักษ์เทพของเมืองเทพขนนกหรือ?”
“เจ้าช่างเหิมเกริมยิ่งนัก! คิดเอามดปลวกมาต่อสู้กับเทพเจ้าเช่นพวกเราได้อย่างไร!”
“นี่อยากให้พวกเราต้องหัวเราะจนตายตกหรือ!”
เจ้าสำนักเทพทั้งสี่กล่าวอย่างเหยียดหยาม แม้ว่าราชาอสรพิษจะไม่กล่าวคำใด แต่แววตาของเขาก็เผยเจตจำนงชัดเจน
“อืม!”
ขณะเผชิญหน้ากับรอยยิ้มเย้ยหยันจากอีกฝ่าย หนิงฝานเพียงเหลือบมอง เขาคิดใช้กระบี่สับฟันคนเหล่านี้โดยไม่กล่าวคำ
ทว่าเขายังไม่ทันได้เคลื่อนไหว
เสียงคำรามกึกก้องก็ดังสนั่นมาจากพื้นที่ห่างไกล
“ข้า สำนักจวินเทียน สาบานว่าจะปกป้องราชวงศ์เทพขนนกด้วยชีวิต!”
ตู้ม!
สิ้นเสียง รองเจ้าสำนักทั้งสองคนจากสำนักจวินเทียนผู้อยู่ในระดับครึ่งก้าวเทพสวรรค์ นำพากลุ่มผู้ฝึกยุทธ์แข็งแกร่งจากสำนักจวินเทียนพุ่งทะยานไปด้านหน้า พลังอันน่าสะพรึงนี้แทบจะเขย่าโลกทั้งใบให้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
“หืม? สำนักจวินเทียน!!!”
“ช้าก่อน! นั่นไม่ใช่กองกำลังอันดับหนึ่งของสี่แคว้นรอบนอกหรือ!?”
เมื่อเห็นขุมพลังของสำนักจวินเทียนพุ่งทะยานมา ราชาอสรพิษและเจ้าสำนักเทพทั้งสี่ถึงกับเผยสีหน้าตื่นตระหนกทันที
แต่สิ่งที่พวกเขาต้องประหลาดใจยิ่งกว่ากลับปรากฏขึ้นอีกครั้ง…
“กองกำลังแห่งแคว้นโลกา พันธมิตรสวรรค์ขอสาบานว่าจะปกป้องราชวงศ์เทพขนนกด้วยชีวิต!”
“กองกำลังแห่งแคว้นโลกา พรรคเทพปีศาจขอสาบานว่าจะปกป้องราชวงศ์เทพขนนกด้วยชีวิต!”
“กองกำลังแห่งแคว้นโลกา ทัพอสูรโลหิตมังกรขอสาบานว่าจะปกป้องราชวงศ์เทพขนนกด้วยชีวิต!”
“กองกำลังแห่งแคว้นเอกภพ สำนักกระบี่สวรรค์ขอสาบานว่าจะปกป้องราชวงศ์เทพขนนกด้วยชีวิต!”
“กองกำลังแห่งแคว้นเอกภพ พรรคภูตผีขอสาบานว่าจะปกป้องราชวงศ์เทพขนนกด้วยชีวิต!”
…
เสียงตะโกนครั้งแล้วครั้งเล่าดังขึ้น กลุ่มเทพยุทธ์ทรงพลังพุ่งทะยานเข้ามาพร้อมจิตสังหารรุนแรง
ตู้ม!
โลกทั้งใบถูกเขย่าด้วยพลังงานอันน่าสะพรึง ทั้งราชาอสรพิษและเจ้าสำนักเทพทั้งสี่เผยความหวาดหวั่นจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว!