บทที่ 194 ดาบมารอมตะ ดาบมารที่ก่อกำเนิดญาณมาร!
ณ ชิงโจว
ขุนเขาล้อมรอบ พฤกษาเขียวขจีประดับประดา สัตว์มงคลวิ่งพล่านอยู่ตามเทือกเขา
บนเขาสูงลูกหนึ่ง มีสิ่งปลูกสร้างโบราณตั้งตระหง่านอยู่มากมาย ท่ามกลางความยิ่งใหญ่โอ่อ่า ผสานไปด้วยกลิ่นอายแห่งกาลเวลา
“นี่มันดาบมารอมตะ! ทลายผนึกออกมาแล้วหรือนี่!?”
ภายในตำหนักโบราณแห่งหนึ่ง ผู้เฒ่าผมขาวซึ่งเคราขาวจนแทบลากพื้นคนหนึ่งเบิกตาโพลงฉับพลัน หน้าตาเปี่ยมไปด้วยความอึ้งตะลึงงัน!
เขาพุ่งออกจากตำหนักโบราณ ก่อนจะเคาะระฆังจนเสียงกังวานดังก้องไปทั่วดินแดนตระกูล
นี่คือระฆังที่จะมีการเคาะก็ต่อเมื่อเกิดเรื่องใหญ่เท่านั้น
ในประวัติศาสตร์ของตระกูลพวกเขา ระฆังนี้เคยถูกเคาะเพียงสามครั้ง
และที่ผู้เฒ่าผมขาวเคราขาวเคาะระฆังโดยไม่ลังเล สะท้อนให้เห็นว่าผู้เฒ่าผมขาวเคราขาวให้ความสำคัญกับดาบมารอมตะเพียงใด!
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
เพียงอึดใจเดียวเท่านั้น ร่างแล้วร่างเล่าก็รุดหน้ามาอยู่ที่นี่อย่างรวดเร็ว
เสียงระฆังดัง บ่งบอกว่าเกิดเรื่องใหญ่มหันต์!
คนในตระกูลไม่ว่าผู้ใด ต่างก็รีบเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้รับการยกเว้น
“ท่านบรรพจารย์ เกิดเรื่องใดขึ้นหรือ!?”
ยอดฝีมือวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งมีดวงหน้าองอาจ เป็นสันเป็นคมประดุจใช้มีดสลักก็ไม่ปาน ลมปราณหนักแน่นดั่งตะวันจันทรา สายตาวาวโรจน์เป็นพิเศษ
“พวกเจ้าเข้ามา!”
ผู้เฒ่าหนวดขาวมีสีหน้าอึมครึม เขาเดินเข้าไปในห้องโถงหลักแห่งหนึ่ง
จากนั้นยอดฝีมือวัยกลางคนรวมถึงผู้เฒ่าอีกนับคณาเดินตามเข้าไป
ยอดฝีมือวัยกลางคนคือผู้นำตระกูลของตระกูลนี้ ส่วนผู้เฒ่าทั้งหลายคือผู้อาวุโสซึ่งมีตำแหน่งสูงสุดในตระกูลนี้
“ดาบมารอมตะปรากฏตัวในยุคนี้แล้ว!”
หลังจากผู้นำตระกูลและผู้อาวุโสทั้งหลายเดินเข้ามาแล้ว ผู้เฒ่าหนวดขาวหรือก็คือบรรพจารย์เอ่ยขึ้นทันที
“อะไรนะ!”
“ดาบมารอมตะยังไม่ถูกกำจัดอีกหรือ!?”
ผู้อาวุโสทั้งหลายตกตะลึงอย่างที่สุด
“ท่านบรรพจารย์ ท่านหมายความว่าแสงมารทะลุนภาที่ปรากฏก่อนหน้านี้ มาจากดาบมารอมตะอย่างนั้นหรือ!?”
สีหน้าผู้นำตระกูลเปลี่ยนไปเช่นกัน
“นอกจากดาบมารอมตะ ผู้ใดในยุคนี้สามารถเปล่งแสงมารระดับนั้นได้บ้าง!”
บรรพจารย์กล่าว “ท่านปฐมาจารย์ทุ่มเทกายใจขจัดญาณมารของดาบมารอมตะ ผู้ใดจะรู้ว่ากลับไม่สำเร็จ!”
ได้ยินคำกล่าวของบรรพจารย์แล้ว ผู้นำตระกูลรวมถึงผู้อาวุโสทั้งหลายรู้ทันทีว่าเหตุใดท่านบรรพจารย์ถึงเคาะระฆัง!
ดาบมารอมตะทลายผนึก นับเป็นเรื่องใหญ่มหันต์!
ดาบมารอมตะ
สิ่งมีชีวิตในยุคนี้อาจไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับมัน
ทว่าในยุคโบราณ สิ่งมีชีวิตทั้งปวงหลังได้ยินชื่อของดาบมารอมตะแล้วต้องมีสีหน้าเปลี่ยนไปทั้งหมด ต่างหวาดกลัวดาบมารอมตะกันถ้วนหน้า!
นี่คือดาบมารอย่างแท้จริง ไม่รู้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ทว่าเคยก่อให้เกิดการนองเลือดอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในยุคโบราณ สิ่งมีชีวิตที่ตายเพราะดาบเล่มนี้ไม่รู้ว่าเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่!
นับแต่โบราณกาล ยากจะมีศาสตราที่หล่อเลี้ยงญาณศัสตราออกมาได้
ทว่าดาบมารเล่มนี้เป็นหนึ่งในศาสตราที่ทำเช่นนั้นได้!
ภายในดาบมารมีญาณศัสตรา!
เพียงแต่ญาณศัสตรานี้มิใช่ญาณดี กลับชั่วร้ายสามานย์ ทั้งยังเชี่ยวชาญด้านหลอกล่อจิตใจมนุษย์ ด้วยการหลอกล่อของมัน จักรพรรดิอสูรโลหิตอัสนีเข่นฆ่าห้ำหั่นสิ่งมีชีวิตไปมากเกินคณานับ โลหิตไหลนองรวมกันเป็นมหาสมุทร ศพเกลื่อนกลาดไปทั่วทุกมุมในยุคโบราณ!
ท้ายที่สุด มหาจักรพรรดิในตระกูลและเผ่าต่างๆ ปลิดชีพจักรพรรดิอสูรโลหิตอัสนี ทำร้ายดาบมารอมตะจนบาดเจ็บสาหัส ถึงยุติเหตุวินาศสันตะโรครานั้นได้
ทว่ามหาจักรพรรดิจากตระกูลและเผ่าต่าง ๆ ก็จ่ายราคาด้วยเลือดเนื้อของตัวเอง ตายกันไปกว่าครึ่ง
ปฐมาจารย์ของพวกเขา จักรพรรดิหยวน ใช้ตัวเองเป็นผนึก สะกดดาบมารอมตะไว้ในสถานที่แห่งหนึ่ง ยืมพลังบริสุทธิ์จากสุริยันจันทราเพื่อขจัดญาณมารของดาบมารอมตะ
ครานั้นเพื่อความปลอดภัย จักรพรรดิหยวนออกเดินทางผนึกตามลำพัง มิได้บอกสถานที่ผนึกแก่ผู้ใด
จักรพรรดิหยวนกลัวว่าหากมีใครรู้เข้า อาจจะลอบวางแผนปล่อยดาบมารอมตะออกมาอีกครั้ง
แม้กระทั่งลูกหลานของจักรพรรดิหยวนเองก็ไม่รู้ว่าสถานที่ผนึกอยู่ที่ใด
ญาณมารของดาบมารอมตะขจัดได้ยากยิ่ง จักรพรรดิหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้ดี มิฉะนั้นเขาคงไม่ใช้ตัวเองเป็นผนึก
ที่จักรพรรดิหยวนไม่ได้บอกลูกหลานคนรุ่นหลัง เพราะกลัวว่าลูกหลานคนรุ่นหลังของตนจะถูกญาณมารของดาบมารอมตะหลอกล่อเอา
วันเวลาผ่านมาอย่างยาวนาน ยุคโบราณถึงคราวอวสาน ยุคสมัยต่อมาก็ถึงคราวจบสิ้น ผู้ใดจะรู้ว่าญาณมารของดาบมารอมตะยังไม่ถูกขจัด ซ้ำร้ายยังทลายผนึกออกมาในยุคนี้!
“ผ่านมาเนิ่นนานปานนี้แล้ว ต่อให้ดาบมารอมตะทลายผนึกออกมาก็ไม่มีทางที่จะไม่เป็นอะไร ยามนี้คงเป็นช่วงที่มันอ่อนแรงที่สุด!”
ท่านบรรพจารย์กล่าวอย่างเคร่งเครียด “พวกเราจำต้องหามันให้พบก่อนมันฟื้นพลัง แล้วผนึกมันอย่างสมบูรณ์ มิฉะนั้น ไม่ต้องพูดถึงว่าสิ่งมีชีวิตในโลกนี้จักวายวอดทั้งหมด พวกเราคงเป็นกลุ่มแรกที่ดาบมารอมตะสังหาร!”
จักรพรรดิหยวนผนึกดาบมารอมตะ ด้วยนิสัยของญาณมารในดาบมารอมตะ มันย่อมไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ อย่างแน่นอน
ทันทีที่ดาบมารอมตะฟื้นพลังกลับมาได้ ย่อมต้องบุกมาหาพวกเขาเป็นที่แรก!
ถึงเวลานั้น พวกเขาต้องตายกันทั้งหมด!
“ท่านบรรพจารย์พูดถูก!”
ผู้นำตระกูลพยักหน้า “ข้าจะไปแจ้งตระกูลจักรพรรดิอื่น ๆ เดี๋ยวนี้ ให้พวกเขาช่วยกันหา เรื่องนี้ใหญ่หลวงนัก ทุกคนต้องออกโรงกันถ้วนหน้า!”
“อืม นำแท่นค่ายกลผนึกที่ท่านปฐมาจารย์ทิ้งไว้ให้ไปด้วย หากพบตัวมันแล้ว ต้องผนึกมันในทันที!”
บรรพจารย์พยักหน้าพลางกล่าว
ครานั้น จักรพรรดิหยวนกลัวว่าท้ายสุดแล้วยังขจัดญาณมารของดาบมารอมตะไม่ได้ จึงได้สลักแท่นค่ายกลผนึกทิ้งไว้ในตระกูลด้วยตนเอง เพื่อป้องกันเรื่องไม่คาดคิด!
“ได้!”
ผู้นำตระกูลรู้ดีว่าเรื่องนี้ร้ายแรงเพียงใด เขาไม่กล้ามัวลังเลอยู่ ลงมือปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว ส่งคนไปแจ้งข่าวต่อตระกูลจักรพรรดิอื่น ๆ
…
ณ ชิงโจว
ภายในหุบเขาที่ทั้งแคบและอันตรายเต็มไปด้วยหมอกพิษ ซึ่งตั้งอยู่ในสถานที่รกร้างว่างเปล่าปราศจากพืชพรรณแห่งหนึ่ง
“ดาบมารอมตะ…ดาบมารอมตะ…นี่มันดาบมารอมตะ!”
สิ่งมีชีวิตผ่ายผอมหนังติดกระดูก หน้าตาประหลาด ผิวหนังแดงฉาน ซ้ำยังเต็มไปด้วยอักขระอัสนีตนหนึ่งตะโกนด้วยความตื้นตัน
“ฮ่า ๆ ดาบมารอมตะปรากฏตัวอีกครั้ง เผ่าโลหิตอัสนีของเราไม่ต้องเอาแต่หลบซ่อนอยู่ในสถานที่รกร้างว่างเปล่าเช่นนี้อีกแล้ว!”
เขาเอ่ยพลางหัวเราะลั่น
ถูกต้อง!
เขาก็คือหัวหน้าเผ่าคนปัจจุบันของเผ่าอสูรโลหิตอัสนี!
ในยุคโบราณ จักรพรรดิอสูรโลหิตอัสนีล้างบางตระกูลและเผ่าต่าง ๆ หลังเรื่องจบ จักรพรรดิอสูรโลหิตอัสนีถูกสังหาร เผ่าอสูรโลหิตอัสนีของพวกเขาก็ถูกฆ่าล้างเผ่า
ยังดีที่สายเลือดแขนงหนึ่งของพวกเขาหนีออกมาได้ และสืบทอดต่อมาตั้งแต่ยุคโบราณ
ทว่าการนองเลือดที่เกิดจากฝีมือของเผ่าอสูรโลหิตอัสนีหนักหนาเกินไป จวบจนบัดนี้เผ่าอสูรโลหิตอัสนีของพวกเขายังมิกล้าเปิดเผยตัวตนสุ่มสี่สุ่มห้า ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ตลอด เพราะกลัวจะถูกตระกูลและเผ่าอื่นสังหาร
บัดนี้ดาบมารอมตะปรากฏตัวอีกครั้ง มันทำให้เขาได้เห็นความหวังครั้งใหม่!
“รอจนพวกเราได้ดาบมารอมตะมาไว้ในครอบครอง ข้าขอฆ่าพวกเจ้าให้หมด!”
เขาพูดอย่างอำมหิต และส่งยอดฝีมือในเผ่าอสูรโลหิตอัสนีออกไปตามหาดาบมารอมตะ
เผ่าของพวกเขาเคยมีปฏิสัมพันธ์กับดาบมารอมตะ พวกเขามีเคล็ดวิชาโบราณอยู่หนึ่ง สามารถจับตำแหน่งของดาบมารอมตะได้!
…
“เวรเอ๊ย! เอิกเกริกกันเกินไปแล้ว ทุกคนตามหาข้ากันให้ควั่ก! ไม่ได้การ ข้าต้องหนีไปให้ไกลกว่านี้!”
ดาบมารอมตะเอ่ย พร้อมหนีให้พ้นจากที่แห่งนี้
…
บนเส้นทางสังสารวัฏแสนยาวเหยียดไร้ที่สิ้นสุด จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงก้าวเดินต่อไป สุดท้าย เขาก็เดินมาถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทางสังสารวัฏ และมาอยู่ในแดนสังสารวัฏ
“ข้ามีท่านเซียนหนุนหลังแล้วยังจะต้องกลัวสิ่งใดอีก!”
เขาให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปในตำหนักโบราณ