หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 744 ออกตัว!

บทที่ 744 ออกตัว!

บทที่ 744 ออกตัว!
หวังเป่าเล่อคาดหวังว่าจะมีความโกลาหลครั้งใหญ่ตามมาหลังจากการปล้นเรือบินรบของสำนักใหญ่ แต่ ชายหนุ่มก็ประมาทผลพวงจากการกระทำของเขาเกินไป เพราะอย่างไรเสีย เขาก็ไม่ใช่คนจากอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์จริงๆ

ดาวเคราะห์ทั้งดวงวุ่นวายไม่หยุดหย่อนตลอดสามวันต่อมา มีการสืบสวนเกิดขึ้นรอบดาวภายใต้การนำของผู้ฝึกขั้นเชื่อมวิญญาณทั้งหกของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ ผู้ฝึกตนจำนวนมากเข้ารื้อค้นแนวภูเขาที่ห้าถึงแปดอย่างรวดเร็ว สำนักที่มักสงบเสงี่ยมเมื่ออยู่ในอารยธรรมบ้านเกิด แต่จะปลดปล่อยความป่าเถื่อนออกมาเมื่อไปรุกรานอารยธรรมอื่น บรรดาผู้คนมือเปื้อนเลือดทั้งหลายต่างก็ถูกพายุบ้าคลั่งนี้กวาดรื้อจนสิ้น

ไม่สำคัญเลยว่าสำนักนั้นจะดูน่าสงสัยหรือไม่ สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำบุกเข้าไปในทุกสำนักและตรวจค้นโดยไม่ขออนุญาตก่อน ทั้งสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์และสำนักผนึกผังดาวหกแฉกก็เห็นด้วยกับสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำและต่างกุลีกุจอพากันช่วยสืบสวนด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการรักษาสถานะสำนักใหญ่ของพวกเขา และเพื่อป้องกันไม่ให้สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำพาลมาสงสัยสำนักใหญ่อีกสองแห่งโดยไม่จำเป็น!

ราชวงศ์เองยังออกกฤษฎีกาในวันที่สองและออกแถลงการประนามผู้ก่อการอย่างรุนแรง กฤษฎีกานั้นทำให้เรื่องนี้ไม่จบอยู่แค่ในดาวเอกอีกต่อไป ดาวทุกดวงในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ต่างก็ได้รับผลกระทบจากการปล้นด้วยกันทั้งสิ้น!

ทุกสำนักบนดาวเอกดวงเนตรสวรรค์ถูกสอบสวนกันทั้งสิ้น แน่นอนว่า สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ก็ไม่อาจจะหลุดรอดไปได้ พวกเขาถูกกลุ่มที่นำโดยผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณจากสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำตรวจค้นอย่างละเอียด สำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ก็ยื่นมือเข้าช่วยในการตรวจค้นเช่นกัน

เรือบินรบของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ ที่แม้จะอยู่ระหว่างการซ่อมแซมและจอดอยู่ภายในเขตหวงห้ามก็ยังถูกรื้อค้นอย่างละเอียด กระเป๋าคลังเก็บทุกใบถูกเปิด และผู้ฝึกตนที่มีระดับปราณต่ำถูกค้นวิญญาณ ผู้อาวุโสเช่นหวังเป่าเล่อและผู้อาวุโสสูงสุดไม่ถูกกระทำเช่นนั้นเพราะสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์คอยควบคุมอยู่ แต่พวกเขาก็ยังถูกตรวจสอบด้วยศิลาหยั่งรู้!

การตรวจสอบด้วยศิลาหยั่งรู้นั้นไม่ลึกซึ้งเท่าการถูกค้นวิญญาณ แต่หากระดับพลังปราณของผู้ถูกตรวจสอบไม่ได้สูงกว่าผู้ถือศิลา คำโกหกใดๆ ที่กล่าวออกมาจะถูกจับได้ทั้งสิ้น แม้ว่าระดับปราณของหวังเป่าเล่อจะอยู่ในขั้นกำเนิดแก่นในชั้นสมบูรณ์ แต่วิญญาณจุติดวงดาราของเขาก็แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งเขายังมีกระบวนท่าสารัตถะด้วย ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้เปิดเผยอะไรออกมาระหว่างที่ถูกตรวจสอบ

พวกเขาไม่พบอะไรระหว่างการรื้อค้นกระเป๋าคลังเก็บของหวังเป่าเล่อเช่นกัน เพราะชายหนุ่มเก็บหลักฐานทุกอย่างไว้กับร่างจริงของเขา จิตเชื่อมโยงที่ร่างอวตารมีต่อร่างจริงทำให้เขาสามารถส่งของกลับไปกลับมาระหว่างสองร่างได้อย่างอิสระ แน่นอนว่าต่อให้เขาถูกจับค้นวิญญาณ ชายหนุ่มก็ไม่กังวลแม้แต่น้อย ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้ส่งผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะมา หวังเป่าเล่อก็มั่นใจว่าจะผ่านการทดสอบแน่นอน

สามวันผ่านไป การปล้นและการสืบสวนที่ก่อให้เกิดความโกลาหลไปทั้งอารยธรรมก็ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณทั้งหกต่างก็ร้อนรนไปด้วยความวิตกกังวล พวกเขาตัดสินใจจะค้นวิญญาณผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณและขั้นเชื่อมวิญญาณ และตอนนั้นเองพวกเขาก็พบอะไรบางอย่าง!

สำนักหลอมวารีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล้น!

สำนักพันวิญญาณก็เช่นกัน!

เบาะแสเหล่านั้นเป็นดั่งน้ำเย็นที่หล่อเลี้ยงวันอันร้อนระอุ ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณทั้งหกจากสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำกระโจนเข้าใส่เบาะแสราวกับมันเป็นทุ่นลอยท่ามกลางสายน้ำเชี่ยว พวกเขาบุกเข้าไปในสำนักทั้งสองก่อนจะรื้อค้นอย่างไม่ลดละ ความลับถูกเปิดโปงออกมาสู่โลก สำนักทั้งสองร่วมมือกันและวางแผนการปล้นที่มุ่งเป้าไปยังเรือบินรบของสำนักที่อยู่ในแนวภูเขาที่หก

ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณทั้งหกถึงกับเงียบงันเมื่อค้นพบเรื่องนี้ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาพูดคุยเรื่องอะไรกันระหว่างที่ลอบไปเจรจากันเอง แต่ในวันที่สามและเป็นวันสุดท้ายของเส้นตาย ก็มีข่าวใหญ่แพร่กระจายออกไป ข่าวนั้นเผยว่าสำนักหลอมวารีและสำนักพันวิญญาณเป็นตัวการอยู่เบื้องหลังการปล้นต่อเนื่องที่เกิดขึ้น แถมยังกล่าวอีกว่าสำนักทั้งสองเสียสติไปแล้วจึงได้ปล้นเรือบินรบของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ! ข่าวนั้นแพร่ไปไกลราวกับไฟลามทุ่ง

คงไม่มีใครเชื่อข่าวนั้นได้ลง ทุกคนอาจจะเชื่อในส่วนแรก แต่ไม่มีใครเชื่อส่วนที่สองแน่นอน สำนักหลอมวารีและสำนักพันวิญญาณคงต้องเสียสติไปจริงๆ หากตัดสินใจปล้นสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ แต่หลักฐานที่ปล่อยออกมาบ่งชี้ว่าทั้งสองสำนักมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล้นหลายต่อหลายครั้งที่ผ่านมา

สำนักทั้งหลายของดาวเอกดวงเนตรสวรรค์เงียบกริบเมื่อได้ยินข่าวดังกล่าว จากนั้นไม่นาน พวกเขาก็พากันแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมาอย่างปุบปับ ไม่ใช่เรื่องสำคัญว่าที่จริงแล้วพวกเขาโกรธจริงหรือแค่เสแสร้งแกล้งทำ แต่ทุกคนก็ต่างพยายามส่งเสียงของตัวเองออกมาให้คนอื่นได้ยิน

ราชวงศ์ก็ปล่อยกฤษฎีกาออกมาอีกหนึ่งฉบับในวันเดียวกันนั้น ซึ่งเป็นการสนับสนุนข่าวที่เพิ่งจะปล่อยออกมา หลังจากที่เงียบอยู่พักใหญ่ สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำก็ออกประกาศผลการสืบสวนของตนเอง ความยุ่งเหยิงที่ทำเอาทั้งอารยธรรมวุ่นวายมาหลายวันก็จบลงในที่สุด!

สำนักหลอมวารีและสำนักพันวิญญาณไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะปกป้องตัวเองได้ พวกเขาถูกกระทำเหมือนเป็นสิ่งของและถูกส่งไปให้สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำเป็นค่าชดเชย ทรัพยากรส่วนมากของทั้งสองสำนักก็ถูกส่งมอบให้สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำเช่นกัน

ทรัพยากรที่เหลือ เช่นสิ่งก่อสร้างของสำนักและพื้นที่ถูกประมูลขายออกไป ผลกำไรที่ได้มานำไปจ่ายชดเชยให้สำนักอื่นๆ ที่ถูกปล้น ถือเป็นจุดจบของเรื่องวุ่นวายทั้งหมด สุดท้ายแล้ว สถานการณ์การเมืองในแนวภูเขาที่ห้าก็แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

แม้ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างสงบสุข แต่หลายคนก็ยังรู้สึกว่ามีบางสิ่งแปลกๆ เกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกคนรู้ดีว่าสำนักหลอมวารีและสำนักพันวิญญาณเป็นแพะรับบาป แม้ว่าพวกเขาจะมีส่วนผิดอยู่บ้าง เพราะอย่างไรก็มีส่วนในการปล้นหลายต่อหลายครั้ง

แน่นอนว่า ตัวแปรสำคัญในการตัดสินเรื่องทั้งหมดนี้คือราชวงศ์…

หากปราศจากกฤษฎีกาทั้งสองฉบับ เรื่องก็คงไม่จบลงง่ายดายเพียงนี้ สิ่งที่ความวุ่นวายในครั้งนี้ขับเน้นให้ชัดเจนขึ้นมาคือการปะทะกันเล็กๆ ระหว่างราชวงศ์กับสำนักใหญ่ทั้งสาม!

แม้จะไม่มีการแทรกแซงจากราชวงศ์เพื่อคลี่คลายเรื่องนี้ หวังเป่าเล่อก็ไม่กังวลแม้แต่น้อย ชายหนุ่มสามารถขโมยตัวตนของใครอื่นได้ เพียงเท่านั้นปัญหาทั้งหมดของเขาก็จะแก้ได้อย่างง่ายดาย หวังเป่าเล่อได้เลือกเป้าหมายถัดไปเอาไว้แล้วด้วยซ้ำ และหากสิ่งนั้นไม่ได้ผลเขาก็ยังมีไพ่ตายอยู่ นั่นคือการกลับไปยังโลงศพ โลงศพนั้นทรงพลังเสียจนต่อให้มีผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะออกค้นหาเขาก็ไม่หวั่น

อันที่จริงแล้ว แม้การแทรกแซงของราชวงศ์จะดูเหมือนช่วยคลี่คลายปัญหาลงได้ แต่แท้จริงกลับทำให้ปัญหาซับซ้อนขึ้นไปอีก

สำนักใหญ่ทั้งสามปิดเขตแดนอวกาศรอบดาวเอกดวงเนตรสวรรค์เอาไว้ทั้งหมด เรือบินรบทุกลำที่ผ่านเข้าออกถูกตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ดูเหมือนพวกเขายังคงควานหาตัวคนร้ายตัวจริงต่อไป ทั้งยังเป็นการส่งคำเตือนไปให้ราชวงศ์ในคราวเดียวกัน

ช่างน่าปวดหัวเสียจริง…หวังเป่าเล่อถอนใจพลางละสายตาออกจากพระจันทร์สีซีด ชายหนุ่มไม่ได้กังวลเรื่องการหลอมเรือบินรบของตนแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้วัตถุดิบที่ต้องการมีครบหมดแล้ว ขณะนี้เขาแค่ต้องประกอบพวกมันเข้าด้วยกันเท่านั้น แต่ตอนนี้ดาวเคราะห์กำลังตื่นตัวสุดขีด และบรรยากาศก็ยังอ่อนไหวเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่ใคร่ครวญอยู่ครู่ใหญ่ หวังเป่าเล่อก็ตัดสินใจเปลี่ยนสถานที่หลอมเรือบินรบของเขา ขณะนี้ชายหนุ่มกำลังครุ่นคิดอย่างหนักถึงวิธีที่จะออกจากดาวเคราะห์นี้ไปให้ได้

การจะออกจากดาวโดยไม่เป็นจุดสนใจต้องยากมากแน่ๆ หวังเป่าเล่อทอดถอนใจอีกครั้ง การลอบสังเกตของเขาเองและคำพูดของผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ต่างก็ชี้ไปในทางเดียวกัน นั่นคือการปิดล้อมดาวเคราะห์ครั้งนี้รัดกุมยิ่ง สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำทำกระทั่งส่งผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะกลับมายังดาวเอกเพื่อการนี้เลยทีเดียว!

ผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะยืนเฝ้ายามอยู่ในอวกาศ ตัวตนของเขาช่วยเสริมการปิดกั้นดวงดาวรวมถึงกระตุ้นความกลัวและความยำเกรงของสำนักต่างๆ หวังเป่าเล่อไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถหลบหนีออกจากดาวได้โดยที่ไม่ตกเป็นเป้าของผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะคนนี้

นอกเสียจากว่า…หลังจากที่นิ่งเงียบไปนาน สายตาของหวังเป่าเล่อก็หันไปจับจ้องเรือบินรบของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ มันได้รับการซ่อมแซมจนเกือบสำเร็จเรียบร้อย และน่าจะสมบูรณ์ในไม่ช้านี้ ชายหนุ่มนั่งครุ่นคิดอยู่นาน จากนั้นประกายแสงก็สะท้อนวาบขึ้นมาในดวงตาของเขา วันต่อๆ มาหวังเป่าเล่อก็เลิกคิดที่จะหนี ชายหนุ่มหันมามุ่งมั่นตั้งใจช่วยเหลือผู้อาวุโสคนอื่นๆ ในสำนักซ่อมแซมเรือบินรบช่วงสุดท้าย

วันเวลาผ่านไป จนสองเดือนถัดมา…การปิดกั้นดวงดาวยังคงอยู่ แต่เรือบินรบของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ที่ซ่อมแซมมานานปีก็เสร็จสมบูรณ์หลังจากหมดทรัพยากรไปมากมาย!

หลังการซ่อมแซมเสร็จสมบูรณ์หนึ่งวัน ผู้อาวุโสสูงสุดก็เรียกทุกคนมารวมกันเพื่อออกคำสั่ง!

“จงกลับไปเตรียมตัว ในเวลาหนึ่งสัปดาห์…เราจะออกเดินทางไปยังระบบดาวเคราะห์ต่างดาว และออกล่าทรัพยากรกันอีกครั้งหนึ่ง!”

นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อลุกโชนเมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ตื่นเต้นพอๆ กัน สำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ลำบากกันมาทั้งปี บรรดาศิษย์ทุกคนต้องอยู่กันอย่างอดอยาก ทำได้เพียงเฝ้ามองสำนักใช้ทรัพยากรทั้งหมดไป และคอยเฝ้ารอให้ถึงวันที่จะได้ออกล่าเสียที

คำสั่งนั้นได้รับการตอบรับอย่างกระตือรือร้นจากหวังเป่าเล่อและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ทั้งสำนักต่างก็เต็มตื้นไปด้วยความตื่นเต้นยินดีเมื่อข่าวดีนี้แพร่กระจายออกไป หวังเป่าเล่อเฝ้ารอโอกาสนี้มานานแล้ว!

ชายหนุ่มวิเคราะห์สถานการณ์เอาไว้เรียบร้อย ตอนนี้ดาวทั้งดวงอยู่ภายใต้การปิดกั้นควบคุมแน่นหนา โดยมีผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะเฝ้ามองการเข้าออกของเรือบินรบตาไม่กะพริบ เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะออกจากดาวเคราะห์นี้ได้โดยไม่ถูกพบ หวังเป่าเล่อต้องการเหตุผลที่สมควรและและวิธีการที่จะออกไป ไม่มีเหตุผลอื่นใดเหมาะไปกว่าการที่สำนักจะเดินทางไปปล้นสะดมตามปกติแล้ว

เขาไม่ได้เลือกจะย้ายไปสวามิพักตร์สำนักอื่นเช่นกัน หลังจากที่วิเคราะห์สถานการณ์แล้ว หวังเป่าเล่อก็รู้ว่าตอนนี้การอยู่เฉยๆ นั้นดีกว่าการเคลื่อนที่ไปมา นอกจากนั้น ชายหนุ่มก็เริ่มคุ้นเคยกับสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์แล้ว การใช้สำนักเป็นข้ออ้างในการออกจากดาวเคราะห์น่าจะเป็นทางออกที่ปลอดภัยที่สุด

หลังจากที่หลุดออกจากขอบเขตสัมผัสสวรรค์ของผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะ ข้าก็จะแยกตัวออกไปทันที ข้าจะไปหาที่หลอมเรือบินรบ จากนั้น…ก็มุ่งหน้ากลับสหพันธรัฐ เพื่อขึ้นเป็นผู้นำสหพันธรัฐเสียที!

เจ็ดวันต่อมา หวังเป่าเล่อก็ก้าวขึ้นเรือบินรบของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์พร้อมฝูงศิษย์ ผู้อาวุโสคนอื่นๆ รวมถึงผู้อาวุโสสูงสุด ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความสั่นไหวเมื่อเรือบินรบปล่อยพลังออกมา เมื่อยืนอยู่บนเรือบินรบและเพ่งมองออกไปยังโลกภายนอกผ่านหน้าต่าง หวังเป่าเล่อก็เต็มตื้นไปด้วยความกังวลและความตื่นเต้น!

ข้าจะได้กลับบ้านสักที!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท