ตอนที่ 953 พูดดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลัง
เป็นเหมือนเมื่อครั้งก่อนหรือ
หลังจากได้ยินดังกล่าว ซ่งอิงก็ยิ่งสงสัย
“ท่าน…คิดว่าชางเวยกำลังหลอมเหล็กหมาดทะลวงฟ้าแทนจักรพรรดิสวรรค์อย่างนั้นหรือ” ซ่งอิงถามอย่างตรงไปตรงมา
“…” เทพชีมู่เกือบจะเผ่นหนี
อย่างน้อยก็พูดอ้อมๆ หน่อยสิ!
ยังมีปีศาจอื่นอยู่ตรงนี้ด้วย หากผู้อื่นได้ยินจะไม่ดีเพียงใด!
“หรือว่าท่านไม่ได้หมายความเช่นนั้น” ซ่งอิงถามอีกครั้ง
“ไม่รู้ เจ้าเดาเอาเองเถิด เอาเป็นว่าที่ควรบอกข้าก็พูดไปหมดแล้ว ก็ถือว่าได้เห็นแก่มิตรภาพของเราแล้ว เมื่อถึงวันศึกใหญ่ ข้าเองก็คงต้องออกโรงด้วย ถึงตอนนั้นหากเจ้าตกอยู่ในอันตราย อย่าหาว่าข้าใจร้ายไม่ช่วยเจ้าล่ะ…ข้าน่ะ ข้าเองก็มีลูกศิษย์มากมาย เจ้าน่าจะเข้าใจ” เทพชีมู่กล่าวอีกครั้ง
หากเขากลายเป็นคนทรยศต่อเทพ เช่นนั้นเหล่าลูกศิษย์ของเขาจะทำเช่นไรเล่า
ส่วนศึกใหญ่วันนั้น…
เหตุผลที่เขาอยากไป เป็นเพราะ…จะอย่างไรก็ต้องส่งนางในวาระสุดท้ายสักหน่อยกระมัง
ซ่งอิงสับสนเล็กน้อยจากคำพูดของเทพชีมู่ เห็นเขาท่าทางเช่นนี้ เหมือนกับว่ามั่นใจมากว่านางต้องตายและมองดูมีความสงสารเป็นพิเศษ นี่เลยทำให้นางงุนงงสับสนไปหมดแล้ว
ดูท่า จักรพรรดิสวรรค์ผู้นี้จะหลอมเหล็กหมาดทะลวงฟ้าสำเร็จแล้วอย่างนั้นหรือ
แต่คงไม่ง่ายเช่นนั้นกระมัง ทั้งโลกใบนี้ นอกจากเทพเซียนแห่งขุนเขาผูอิ่ง เทพเซียนผู้อื่นล้วนไร้ประสบการณ์!
ความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จน่าจะน้อยนิดสิ?
เพียงแต่ว่าคำพูดของเทพชีมู่ ถึงอย่างไรก็เป็นเจตนาดี ซ่งอิงนึกถึงม้วนภาพกลุ่มดวงดาวที่นางทำพังก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ จากนั้นจึงให้คนนำของมามอบให้เขาหนึ่งกองโตๆ
ล้วนเป็นผลิตผลพิเศษจากโลกปีศาจในหลายปีมานี้ทั้งสิ้น
แร่วิญญาณสีชาดก็มีสิบกว่าก้อน นอกจากนี้ยังมีพวกสมุนไพรเพิ่มพลังอีกเล็กน้อย
“มอบให้เจ้า” ซ่งอิงสีหน้าจริงจัง
“…” เทพชีมู่ยิ่งละอายใจ “ข้าไม่ต้องการ ข้าเองก็ไม่ได้พูดอันใด เจ้ายกของให้ข้าเป็นการส่วนตัวเช่นนี้ กลายเป็นดูเหมือนข้ามาที่นี่เพื่อขายข่าวพอดี”
ซ่งอิงเลิกคิ้ว “ก็จริงอย่างว่า ไม่อย่างนั้น…ข้าเชิญเจ้าไปเดินดูโลกปีศาจของข้าดีหรือไม่”
“เอ่อ…ก็พอได้อยู่” เทพชีมู่เองไม่ปฏิเสธเช่นกัน
เขาเองก็อยากดูหน่อยว่าโลกปีศาจตอนนี้ฟื้นฟูแล้วเป็นอย่างไร
จะรุ่งเรืองเหมือนแต่ก่อนหรือไม่
ซ่งอิงเชิญสืออิ๋งมาเป็นผู้นำทาง
ทันทีที่เทพชีมู่เห็นสืออิ๋ง เขาก็เบิกตาโตทันที “ข้าไม่ไปดูถ้ำงูโดยเด็ดขาดนะ”
“ท่านวางใจเถิด ข้าสุภาพกับคนกันเองมาก” สืออิ๋งยิ้มมุมปาก แต่กลับมีความอ่อนโยนเล็กน้อย
เทพชีมู่รู้สึกว่าสืออิ๋งเปลี่ยนไปมาก “เจ้า…ตอนนั้นเจ้าไม่ได้เป็นเช่นนี้นี่ ตอนแรกที่เห็นข้ายังโวยวายจะต่อสู้จะสังหารข้าอยู่เลย นอกจากนั้นยังจับข้าทรมานไม่น้อยอีกด้วย”
สืออิ๋งเบ้ปาก “ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว ข้าจะเปลี่ยนไปหน่อยไม่ได้เลยหรือ!”
เฮอะ
พูดดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลัง เสียสติไปแล้วสินะ
นางเองก็ไม่อยากเปลี่ยน ประเด็นคือ…หลังจากกู้หมิงเป่าชะตาชีวิตสิ้นสุดแล้ว จิตวิญญาณของนางก็รวมเป็นหนึ่งโดยสมบูรณ์
กู้หมิงเป่าเป็นคนที่มีบุตรแล้วในโลกมนุษย์ ย่อมมีบุคลิกอ่อนโยน มีน้ำใจ น่ารักและจิตใจดีเป็นธรรมดา จึงส่งผลให้นางในตอนนี้ละเอียดอ่อนขึ้นเล็กน้อย ทั้งยังนึกถึงเด็กน้อยหน้าขาวคนนั้นเป็นครั้งคราว
แต่เด็กน้อยหน้าขาวไปเกิดใหม่แล้ว
ลูกพี่บอกว่ามีความตั้งใจทำให้ซ่งสวินฝึกตนเป็นเซียน ดังนั้นจึงทำสัญลักษณ์ไว้กับดวงจิตวิญญาณของเขาแล้ว รอให้ในอนาคตจัดการเรื่องของโลกปีศาจแล้ว ก็จะไปหาซ่งสวินแล้วชี้นำสั่งสอนให้เขาบำเพ็ญตนเป็นเซียนได้
แต่ว่า…
นางสับสนมาก
ตอนนี้นางไม่ใช่กู้หมิงเป่าอย่างแน่นอน!
เด็กคนนั้นมักจะมีอิทธิพลต่ออารมณ์ของนางเสมอ นางจึงรู้สึกอึดอัดมาก
แล้วเทพชีมู่ผู้ไม่รู้ความกลับเยาะเย้ยว่านางเปลี่ยนไป! ตอนนี้ลองไปถามคนทั้งโลกปีศาจดู ใครจะกล้าบอกว่านางเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนบ้าง! นั่นเป็นรนหาที่ตายชัดๆ!
เทพชีมู่ไม่รู้เช่นกันว่าตนทำให้สืออิ่งขุ่นเคืองตรงไหนแล้ว จึงทำให้นางเผยสีหน้าบูดบึ้ง
เขาทำได้เพียงฝืนหัวเราะแห้งๆ
จักรพรรดิปีศาจน่ารักกว่าสืออิ๋งเป็นไหนๆ…
ตอนที่ 954 คนโปรด
หลังจากเทพชีมู่เดินดูรอบหนึ่ง เขารู้สึกประหลาดใจมาก เดิมทียังคิดอยู่ว่าโลกปีศาจจากที่มองดูน่าจะเต็มไปด้วยพวกโง่เขลาและป่าเถื่อน กลับคิดไม่ถึงว่าปีศาจของที่นี่แข็งแกร่งและถึงขั้นไม่ถือว่าแย่เกินไปด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้นมีสัตว์ปีศาจที่แปลงร่างไม่น้อยเลย
เห็นได้ว่าจักรพรรดิปีศาจผู้นี้เหน็ดเหนื่อยยากลำบากไม่น้อย
เทพชีมู่มองดูโลกปีศาจที่เจริญรุ่งเรือง ในใจรู้สึกปลงอนิจจังเล็กน้อย จักรพรรดิปีศาจหวงแหนดินแดนนี้จริงๆ ดูโลกปีศาจนี้ ไปที่ไหนก็มีแต่ท้องทุ่งเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต ในนั้นมีพืชพันธุ์อาหารมากมาย มีทั้งผักผลไม้ อีกทั้งยังมีสมุนไพรรักษาสารพัดโรค ส่วนปีศาจรุ่นเล็กเหล่านั้นก็ไม่นึกเลยว่าจะไถพรวนเพื่อการเพาะปลูกด้วยความยากลำบากเหมือนเหล่ามนุษย์
ภาพฉากเช่นนี้ ให้ความรู้สึกสงบและมีความสุขยิ่ง
“ข้ายังมีเรื่องต้องคุยกับจักรพรรดิปีศาจอีก” จู่ๆ เทพชีมู่ก็กล่าวออกมา
เขากลับไปอีกครั้ง เมื่อพบซ่งอิง เทพชีมู่เผยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง “ก่อนหน้านี้เทพเป่าที่อยู่ข้างกายจักรพรรดิสวรรค์มาขอของสองสิ่งกับข้า ล้วนเป็นของที่นำมาหลอมเหล็กหมาดทะลวงฟ้า แต่เหล็กหมาดทะลวงฟ้าในตอนนี้มีเพียงชางเวยที่หลอมได้…ข้าคิดว่าเขาอยู่ข้างกายเจ้า ก็เพียงเพื่อเป็นเหมือนฟ่านโยวในตอนนั้น…”
“…” ซ่งอิงตกตะลึง
ดังนั้นเมื่อครู่เทพชีมู่จึงบอกให้นางระวังชางเวยไว้หน่อย ก็เพราะชางเวยจะทรยศนางหรือ
ซ่งอิงขมวดคิ้วนิ่วหน้า “เกรงว่าท่านจะเข้าใจผิดแล้ว ช่วงนี้ชางเวยล้วนอยู่กับข้า ไม่ได้ไปที่โลกเทพเลย อีกทั้งก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่รู้เรื่องเหล็กหมาดทะลวงฟ้า หากเขาต้องการวัตถุดิบก็หาที่โลกปีศาจได้ ไม่จำเป็นต้องไปขอจากเจ้า”
เมื่อได้ยินดังกล่าว เทพชีมู่ก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ
จักรพรรดิปีศาจผู้นี้ถูกความรักเล่นงานจนโง่เขลาไปแล้วกระมัง
“แต่ฟ่านโยวตายไปแล้ว นอกจากเขายังมีใครที่หลอมเหล็กหมาดทะลวงฟ้าได้อีกเล่า! จักรพรรดิสวรรค์ถึงแม้เก่งกาจ แต่เขายุ่งกับราชกิจ อีกทั้งยังไม่เก่งเรื่องหลอมอาวุธ จะเป็นเขาไปไม่ได้หรอก อีกอย่างเทพเทียนเจ๋อเป่าก็เป็นลูกน้องของจักรพรรดิสวรรค์ มิหนำซ้ำยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชาวสายเลือดจากขุนเขาผูอิ่ง หากไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร” เทพชีมู่กล่าวทันที
“ท่านบอกว่าเทพเป่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชาวขุนเขาผูอิ่งหรือ ทว่าชางเวยเป็นคนเย็นชา ยังจะมีคนที่มีความสัมพันธ์อันดีงามกับเขาด้วยหรือ” ซ่งอิงรู้สึกว่าถ้อยคำเมื่อครู่นี้ฟังดูมีปัญหาชอบกล
เทพชีมู่ผงะไป จากนั้นก็รีบแก้คำพูด “ไม่ใช่เขา เป็นฟ่านโยว...เมื่อก่อนฟ่านโยวก็เคยฝึกฝนที่ขุนเขาผูอิ่ง เทพเป่าผู้นี้ได้รับการชี้แนะจากฟ่านโยวสองสามครั้ง ครึ่งหนึ่งก็ถือว่าเป็นลูกศิษย์ของฟ่านโยว”
“เช่นนั้นเป็นไปได้หรือไม่ว่าคนผู้นี้จะหลอมของล้ำค่าของขุนเขาผูอิ่งได้”
“เป็นไปไม่ได้ เหล็กหมาดทะลวงฟ้านี้มีเพียงผู้บำเพ็ญถึงขั้นเสินจวินขึ้นไปเท่านั้นจึงจะหลอมได้ นอกจากนี้วิธีหลอมก็ยังพิเศษมาก นอกจากชางเวยก็ไม่มีคนอื่นแล้ว” ชีมู่กล่าวอีกครั้ง
ชีมู่ผู้นี้รู้จักจักรพรรดิสวรรค์ดีกว่าชางเวย
ขนาดเขายังคิดว่าจักรพรรดิสวรรค์ทำไม่ได้ เช่นนั้นก็เกรงว่า…
ซ่งอิงรู้สึกเหมือนตนพลาดอะไรไปแล้ว
“ฟ่านโยว...เขามีลูกศิษย์อยู่เท่าไร ตอนนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง คนที่สนิทกับเขามากที่สุดคือใครกัน” ซ่งอิงถามขึ้นมาอีกครั้งอย่างกะทันหัน
“เจ้าสงสัยว่าเป็นฝีมือลูกศิษย์ของเขาหรือ ข้าบอกแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ เหตุใดเจ้าจึงไม่เชื่อกัน” ชีมู่จนปัญญาเล็กน้อย “ฟ่านโยวเองก็ไม่ค่อยชอบพบปะใครนักหรอก ดังนั้นคนสนิทข้างกายก็มีไม่มาก ยิ่งลูกศิษย์ยิ่งน้อยไปใหญ่ รวมๆ แล้วมีเพียงสามคนเห็นจะได้ โดยเฉพาะลูกศิษย์ที่เด็กที่สุด ถือว่าเป็นคนโปรดของเขาแล้ว”
“คนโปรดหรือ” ซ่งอิงประหลาดใจมาก
“ใช่ ลูกศิษย์ผู้นี้…มีร่างเป็นมังกร มีชีวิตชีวากระฉับกระเฉง เขาโปรดปรานเป็นอย่างมาก ฟ่านโยวไม่ชอบออกไปข้างนอก ดังนั้นอาจารย์และศิษย์สองคนนี้จึงได้ใช้เวลาร่วมกันอยู่นานเป็นพิเศษ ตั้งแต่รับศิษย์ผู้นี้เข้ามา ศิษย์อีกสองคนก็ย้ายออกจากถ้ำไป” เทพชีมู่กล่าว
จากระดับของความโปรดปราน พอจะทำให้เห็นทั้งหมดได้แม้มองจากหนึ่งจุดเล็กๆ
ซ่งอิงเม้มปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม “ปัจจุบันนี้ลูกศิษย์ผู้นี้ทำอะไรอยู่หรือ”