Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ตอนที่ 165 ความเคืองแค้น

ตอนที่ 165 ความเคืองแค้น

เรดมูนและโลนวูล์ฟรับออเดอร์แข่งขันของชีซิง!

อาจเป็นเพราะแวดวงดนตรีของฉีโจวเงียบเหงามานาน ข่าวใหญ่พบเห็นได้น้อยนัก เพราะฉะนั้นเมื่อทั้งสองบริษัทต่างคนต่างระดมกำลัง ผู้คนในวงการไม่น้อยจึงอดไม่ได้ที่จะพุ่งความสนใจมา

‘เรดมูนกับโลนวูล์ฟ?’

‘สู้กันอีกแล้วเหรอ’

ผู้คนมากมายลอบยกยิ้มอยู่ในใจ

ตามหลักแล้ว แม้เรดมูนกับโลนวูล์ฟจะยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่อาจนับได้ว่าเป็นบริษัทผลิตเพลงระดับท็อป ไม่ถึงขั้นดึงดูดความสนใจได้ถึงขนาดนั้น สิ่งที่ทุกคนจะให้ความสนใจคงจะเป็นศึกระหว่างบริษัทระดับเทพเซียนในสิบอันดับแรก

แต่ปัญหาก็คือ…

เรดมูนกับโลนวูล์ฟเคยมีความเคืองแค้นกันมาก่อน!

ส่วนรายละเอียดเป็นอย่างไรนั้น เป็นเรื่องเมื่อหลายปีก่อน หลายคนต่างก็หลงลืมกันไปหมดแล้ว จำได้แค่ว่าในตอนนั้นโลนวูล์ฟฉกออเดอร์ราคาห้าล้านหยวนจากเรดมูนไปต่อหน้าต่อตา ถึงขั้นที่สมาคมดนตรีของฉีโจวต้องยื่นมือเข้ามาแทรกแซง ท้ายที่สุดแล้วก็กลายเป็นคดีความกันใหญ่โต

นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น

ในปีเดียวกับที่โลนวูล์ฟปาดหน้าออเดอร์ของเรดมูนไป เรดมูนก็ได้ฉกฉวยออเดอร์ราคาสามล้านหยวนของโลนวูล์ฟไปด้วยวิธีเดียวกัน

ขณะที่ผู้ว่าจ้างกำลังจะเซ็นสัญญากับโลนวูล์ฟ จู่ๆ เรดมูนก็ปราฏตัวออกมาและชิงออเดอร์ไปในราคาห้าแสน หนำซ้ำยังทำสำเร็จด้วยคุณภาพสูงซะด้วย

ทั้งสองฝ่ายงัดข้อกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

แต่ท้ายที่สุดแล้วบริษัทก็เห็นแก่ผลประโยชน์มาก่อน ภายหลังทั้งสองฝ่ายก็บรรลุข้อตกลงกัน

รายละเอียดของเรื่องนี้คนนอกไม่กระจ่างมากนัก สรุปแล้วทั้งสองบริษัทไม่แย่งงานไม่ดึงคนกันไปมาอีกต่อไป คลื่นลมจึงสงบไปได้สักระยะหนึ่ง

แต่นึกไม่ถึงว่าชีซิงเอนเตอร์เทนเมนต์จะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ถึงกับเซ็นสัญญาออเดอร์แข่งขันกับเรดมูนและโลนวูล์ฟพร้อมกัน

นี่ก็คือการจับเรดมูนกับโลนวูล์ฟขึ้นมาบนสังเวียนเดียวกันเลยไม่ใช่หรือไง

ทั้งสองบริษัทบอกว่าสะสางความขัดแย้งระหว่างกันแล้ว แต่ที่ตกลงรับออเดอร์แข่งขันพร้อมกันแบบนี้ มีหรือว่าในใจจะไร้ซึ่งเจตนาแอบแฝง

ต้องเป็นเพราะอยากกำจัดอีกฝ่ายอย่างแน่นอน!

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสามารถของทั้งสองบริษัท ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างกันมากอยู่เป็นทุนเดิม

นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกคนสนอกสนใจ ธรรมชาติของมนุษย์เรามีความอยากรู้อยากเห็นอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับเรื่องออเดอร์แข่งขันของเรดมูนกับโลนวูล์ฟ อยากรู้เหลือเกินว่าจะยังมีความเคืองแค้นกันอยู่เท่าไหร่

‘ชีซิงเอาเรื่องอยู่นะเนี่ย’

‘มุกนี้น่าสนใจใช้ได้เลย’

‘ประเด็นคือจะบอกชีซิงมีเส้นสนกลในก็ไม่ได้ ถึงยังไงตอนนั้นเรดมูนกับโลนวูล์ฟก็ดีกันแล้ว ในเมื่อดีกันแล้ว พวกเราจะบอกว่าออเดอร์แข่งขันนี้ของชีซิงมีเจตนาร้ายก็คงไม่ได้’

‘บริษัทใหญ่แบบนี้ทำเรื่องอะไรจะปล่อยให้เป็นขี้ปากคนได้เหรอ’

‘ชีซิงเอนเตอร์เทนเมนต์ไม่ได้บังคับให้พวกเขาเซ็นสัญญา โลนวูล์ฟกับเรดมูนถ้าเกิดมีสักบริษัทไม่อยากเซ็น ออเดอร์นี้ก็ไม่ต้องแข่งกับใครแล้ว’

‘ถึงยังไงอันดับก็ใกล้เคียงกัน ต้องมีผลัดกันขึ้นผลัดกันลงบ้างแหละ’

‘…’

ในวงการถกเถียงกันอย่างคึกคัก

เมื่อเทียบกับเรื่องนี้แล้ว เรื่องเล็กน้อยอย่างการที่สตาร์ไลท์มิวสิกทะยานขึ้นหนึ่งร้อยอันดับแรกอย่างเป็นประวัติการณ์นั้นแทบไม่มีค่าให้เอ่ยถึงเลย

แม้จะมีคนเอ่ยถึง ว่าชีซิงเอนเตอร์เทนเมนต์ไม่ได้ติดต่อไปเพียงเรดมูนกับโลนวูล์ฟ ที่จริงแล้วพวกเขาเรียกมาทั้งหมดห้าบริษัท

‘อีกสามบริษัทก็เป็นแค่ตัวประกอบนั่นแหละ’

‘สามบริษัทนี้ก็แค่มาแสวงโชคล่ะมั้ง’

‘ในบรรดาสามบริษัทที่เหลือ เหมือนจะมีสตาร์ไลท์มิวสิกอยู่ด้วยนะ พวกนายคงรู้จักเซี่ยนอวี๋จากสตาร์ไลท์มิวสิกใช่มั้ยล่ะ คนคนนี้จะมองข้ามไม่ได้เลยนะ’

‘รู้จัก ช่วงนี้เพลงชอบเธอของเขาดังมาก’

‘นั่นเป็นออเดอร์ราคาสามล้านของธันเดอร์เชียวนะ เขาทำสำเร็จ และนั่นก็หมายความว่าเป็นไปได้ที่เขาจะทำออเดอร์นี้ของชีซิงสำเร็จเหมือนกัน’

‘เป็นไปได้อยู่หรอก แต่ก็ยากอะ’

‘ศักยภาพโดยรวมของบริษัทพวกเขาด้อยกว่ามาก’

‘ผมคิดว่าจะเข้าใจว่าชีซิงกำลังหลอกทุกคนอยู่ก็คงได้ ชีซิงบอกทุกคนว่า พวกเราไม่ได้จงใจปั่น ดูสิบริษัทเราไม่ได้เรียกมาแค่เรดมูนกับโลนวูล์ฟนะ พวกเราเรียกมาทั้งหมดห้าบริษัทเชียวนะ เป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นเอง พวกเราเลือกผู้ร่วมงานจากความสามารถ’

‘จริงสุดๆ ไปเลยจ้า เชื่อก็ได้’

‘แต่ออเดอร์นี้ระดับความยากสูงพอตัวเลยนะ ได้ยินว่าเป็นเพลงที่ทำขึ้นมาเพื่อสุ่ยอวิ๋น ใครไม่รู้บ้างว่าสุ่ยอวิ๋นจากชีซิงมีมาตรฐานเรื่องเพลงสูงขนาดไหน’

‘ถ้าถามฉันละก็ ชีซิงให้ราคาต่ำไปหน่อย’

‘ชีซิงเลือกเรดมูนกับโลนวูล์ฟมา ไม่ใช่เพื่อกดราคาหรือไง ไม่งั้นพวกเขาก็คงไปเลือกบริษัทที่อยู่ท็อปเท็นแล้ว หรือไม่ก็ไปสั่งทำที่ฉินโจวก็ยังได้ แต่ถ้าราคาไม่เหยียบถึงสี่ล้านขึ้นไป นักแต่งเพลงมือทองของทางฉินโจวไม่ยอมรับออเดอร์แน่’

‘…’

นี่เป็นเรื่องจริง

คนทำดนตรีของฉีโจวเคยชินกับการทำเพลงให้ผู้ว่าจ้าง ส่วนคนทำดนตรีของทางฉินโจวจะแสวงหาอิสระในการสร้างสรรค์ผลงานมากกว่า

……

หลังจากที่ข่าวเกี่ยวกับออเดอร์แข่งขันของชีซิงแพร่สะพัดออกไป บริษัทอันดับเก้าสิบกว่าทั้งหลายก็พร้อมใจกันพรูลมหายใจด้วยความโล่งอก

ที่แท้สตาร์ไลท์มิวสิกก็รับออเดอร์แข่งขันมา!

อยู่รอดปลอดภัยไปสักระยะ

เรื่องนี้วิเคราะห์ได้ไม่ยาก

ในบรรดานักแต่งเพลงของสตาร์ไลท์มิวสิก คนเดียวที่มีคุณสมบัติพอจะรับออเดอร์นี้ได้มีเพียงเซี่ยนอวี๋!

ยอดฝีมืออย่างเซี่ยนอวี๋ ต้องมีความคิดที่จะคว้าออเดอร์แข่งขันนี้ของชีซิงอย่างแน่นอน

ต่อให้เป็นการวัดดวง อย่างน้อยในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ เซี่ยนอวี๋ไม่มีทางรับออเดอร์อื่น

และความเป็นไปได้ที่เซี่ยนอวี๋จะทำออเดอร์นี้สำเร็จก็…

ต่ำเหลือเกิน!

เพราะถ้าเขาอยากทำออเดอร์นี้ให้สำเร็จ ก็ต้องโค่นขุนเขาสูงตระหง่านสองลูกอย่างโลนวูล์ฟกับเรดมูนให้สำเร็จ!

‘ทางที่ดีช่วงนี้เซี่ยนอวี๋อย่าเพิ่งรับออเดอร์เลย สู้กับโลนวูล์ฟแล้วก็เรดมูนไปก่อน’

‘ออเดอร์นี้ผูกมัดเซี่ยนอวี๋ไว้ คนอื่นๆ ในสตาร์ไลท์มิวสิกทำไม่ไหวหรอก’

‘เซี่ยนอวี๋หัวเดียวกระเทียมลีบของจริงแล้ว’

‘ขอแค่เซี่ยนอวี๋ยังทำออเดอร์ออกมาไม่สำเร็จ อย่างมากก็สองเดือน หั่วเยี่ยนก็จะสามารถเตะสตาร์ไลท์มิวสิกลงไป และก้าวขึ้นมาอยู่ในหนึ่งร้อยอันดับแรกอีกครั้ง’

‘…’

นี่เป็นความรู้สึกที่มีร่วมกันของบริษัทซึ่งสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามจากสตาร์ไลท์

และในกลุ่มแช็ตใหญ่ของบริษัทหนึ่ง จู่ๆ ก็มีคนเอ่ยขึ้นด้วยความกังวล ‘ถ้าเกิดเซี่ยนอวี๋ทำออเดอร์นี้สำเร็จจะทำยังไงดีล่ะครับ’

คำพูดนี้ทำให้ทั้งกลุ่มแช็ตเงียบกริบไป หลังจากนั้นในกลุ่มก็คึกคักขึ้นมา

‘นายหมายถึงเรดมูนกับโลนวูล์ฟจะพลาดท่า?’

‘ถ้าเซี่ยนอวี๋ทำออเดอร์นี้สำเร็จจริงๆ คนที่ควรกังวลไม่ใช่พวกเราอีกต่อไป นายคิดว่าบริษัทอันดับที่แปดสิบจะยังนั่งตำแหน่งนั้นได้มั่นคงอยู่ไหมล่ะ’

‘ก็ตายกันหมดนั่นแหละ’

‘แต่ว่า เรื่องนี้เป็นไปได้เหรอ’

จู่ๆ หัวหน้าแผนกก็ส่งข้อความมาว่า ‘ถ้าเกิดเซี่ยนอวี๋ฉลาดสักหน่อย ไม่แน่ว่าอาจยอมปล่อยออเดอร์ของชีซิง แล้วไปลุยออเดอร์อื่น พอถึงตอนนั้นพวกเรานี่แหละที่จะนั่งไม่ติด’

ทันทีที่คำพูดนี้ส่งออกไป ในกลุ่มก็เงียบเป็นเป่าสากอีกครั้ง

แม้จะรู้สึกขายหน้าอยู่บ้างที่ถูกเซี่ยนอวี๋ไล่ตามมาเช่นนี้ แต่ทุกคนก็ยอมรับว่าคำพูดของหัวหน้านั้นมีเหตุผล

จะคาดหวังว่าเซี่ยนอวี๋จะคว้าออเดอร์ของชีซิงไว้อยู่หมัดเพียงอย่างเดียวไม่ได้

คนเขาอาจอยากแสวงโชค เป็นไปได้มากว่าอีกสามวันให้หลังก็จะยอมแพ้

ฉะนั้นสตาร์ไลท์มิวสิกก็ยังคงเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่

ถ้าหากทุกคนไม่สามารถคว้าโอกาสทำออเดอร์สำเร็จ ถูกเขี่ยหล่นไปอีกหนึ่งอันดับก็เป็นเรื่องของเวลาแล้ว

และการที่อันดับของบริษัทลดลง ต่อให้เป็นอันดับเดียว ก็ส่งผลกระทบต่อจำนวนและราคาของออเดอร์ ไม่อย่างนั้นทำไมทุกคนจะต้องสนใจการจัดอันดับด้วยล่ะ

……

ทางสตาร์ไลท์มิวสิกย่อมรับรู้ถึงการถกเถียงกันของคนในวงการ

บริษัทกระจอกอยู่สักหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับตัดขาดจากวงการเพลงในฉีโจว

ทุกคนคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเห็นตรงกันเรื่องตัวประกอบ

กู้เฉียงอวิ้นเองก็ยอมรับว่าออเดอร์นี้เป็นการเสี่ยงดวง

เรื่องนี้ไม่ได้ทำลายขวัญกำลังใจของสตาร์ไลท์มิวสิก ช่วงนี้ทุกคนกลับรู้สึกปลาบปลื้มกระหยิ่มใจ

เพราะบริษัทได้เข้าไปอยู่ในหนึ่งร้อยอันดับแรกของการจัดอันดับผู้รับงานในฉีโจวแล้ว!

ผลของหนึ่งร้อยอันดับแรกนั้นเห็นได้ทันตา

สตาร์ไลท์มิวสิกเบียดเข้าไปอยู่ในหนึ่งร้อยอันดับแรกได้ไม่เท่าไหร่ ก็มีบริษัทมากมายติดต่อมาหาแล้ว

ผู้ว่าจ้างเหล่านี้ได้ยินข่าวคราว ก็พากันมายื่นข้อเสนอร่วมงาน

กู้เฉียงอวิ้นย่อมต้อนรับขับสู้อย่างกระตือรือร้น

สตาร์ไลท์มิวสิกยังคงไม่เข้าที่เข้าทางอยู่แบบนี้ ไม่เพียงเพราะบริษัทอ่อนแอ ยังมีเหตุผลที่สำคัญก็คือไม่มีโอกาส!

เมื่อก่อนผู้ว่าจ้างหลายรายไม่ให้โอกาสในการร่วมงาน

ทว่าในตอนนี้ หลังจากที่ออเดอร์เพิ่มจำนวนมากขึ้น กู้เฉียงอวิ้นจึงมีพื้นที่ในการเลือกสรร

นักประพันธ์เพลงหลายคนซึ่งความสามารถไม่เลวในบริษัท ล้วนได้รับออเดอร์ใหม่หลังจากร้างลาไปนาน

แต่ถึงอย่างนั้นก็มีข้อเสนอออเดอร์จำนวนหนึ่ง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็เจรจาไม่เป็นผล เช่นเดียวกับเมื่อก่อน

มีผู้ว่าจ้างจำนวนหนึ่งที่มาเพื่อเซี่ยนอวี๋โดยเฉพาะ

เมื่อเซี่ยนอวี๋ไม่รับ อีกฝ่ายก็ไม่ยอมร่วมงานด้วย

ด้วยเหตุนี้กู้เฉียงอวิ้นจึงเปิดประชุมซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก ประเด็นหลักเห็นจะเป็น ทุกคนต้องคว้าโอกาสในครั้งนี้มาให้ได้!

นี่เป็นโอกาสที่ตัวแทนหลินนำพามาให้แก่บริษัท!

ถ้าหากไม่ได้ตัวแทนหลินลากบริษัทเบียดเข้าหนึ่งร้อยอันดับแรก บริษัทก็ไม่มีทางได้รับออเดอร์มากมายเช่นนี้หรอก

หลินเยวียนไม่ได้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้

ตอนนี้เขายังมีเรียนอยู่เลย

และคลาสเรียนในทุกวันนี้ หลินเยวียนแทบจะไม่ต้องเรียนอะไรแล้ว

เพราะการสอนจากการ์ดตัวละครของหยางจงหมิง ก็ทำให้หลินเยวียนร่ำเรียนความรู้พื้นฐานของภาคเรียนนี้ครบถ้วนแล้ว

ถ้าหากให้เขาสอบในตอนนี้ หลินเยวียนคิดว่าจะให้เขาสอบได้ห้าอันดับแรกของชั้นเรียนก็คงไม่ใช่ปัญหา

ฉะนั้นแล้วไม่ว่าจะอยู่ระหว่างการเรียนหรือในวันหยุด ช่วงนี้เขาขบคิดเรื่องออเดอร์อยู่ตลอดเวลา

สรุปแล้วเพลงแบบไหนที่จะตรงกับมาตรฐานของสุ่ยอวิ๋นกันนะ

ต้องสอดคล้องกับสไตล์ของตัวสุ่ยอวิ๋น ขณะเดียวกันยังต้องไม่ผิดแปลกแหวกแนวไปจากผลงานก่อนหน้านี้ของเธอ

หลินเยวียนตัดสินใจพูดคุยกับใครสักคน

คนแรกที่เขานึกถึงก็คือกู้ตง จึงส่งข้อความหากู้ตง จะบอกว่าขอความคิดเห็นก็คงพูดไม่ได้เต็มปาก เรียกว่าพูดคุยสัพเพเหระเห็นจะเหมาะกว่า “คุณคิดว่าเพลงของสุ่ยอวิ๋นเป็นยังไงบ้างครับ”

“ฟังเพลงของสุ่ยอวิ๋นแล้วเหมือนฟังเรื่องเล่าค่ะ”

ทันทีที่กู้ตงได้ฟังก็รู้ทันทีว่าหลินเยวียนกำลังขบคิดเรื่องออเดอร์อยู่ ฉะนั้นเมื่อเธอพูดประโยคนี้จบ ก็รีบเอ่ยเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค “ออเดอร์นี้ตัวแทนหลินไม่ต้องใส่ใจมากก็ได้นะคะ ทำไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร ช่วงนี้บริษัทได้รับออเดอร์ใหม่มาเรื่อยๆ ถ้ามีชิ้นไหนที่เหมาะสมเราจะแจ้งคุณนะคะ”

เห็นได้ชัดว่ากู้ตงกลัวว่าหลินเยวียนจะฝืนทำออเดอร์นี้

หลินเยวียนไม่ได้ตอบ คำประเมินของกู้ตงไม่ได้สำหลักสำคัญอะไร

ช่วงเย็นกลับถึงบ้าน

หลินเยวียนรีบหาวีดิโอการขับร้องสดของสุ่ยอวิ๋นทันที แต่เพราะมือไวเกินไป จึงเผลอไปกดเร่งความเร็วสามเท่า

ยามที่ฟังเพลงไม่ได้เร่งความเร็ว

แต่เมื่อดูวีดิโอกลับเร่งความเร็ว

หลินเยวียนกดปรับความเร็วกลับมาเป็นดังเดิมตามสัญชาตญาณ แต่เม้าส์กลับขยับไปได้เพียงครึ่งทาง มือของเขาก็หยุดชะงัก

การขับขานบทเพลงความเร็วระดับสามเท่าดังก้องอยู่ข้างหู

เมื่อฟังดูแล้วแปลกพิกลอยู่บ้าง

ถึงอย่างไรเพลงของสุ่ยอวิ๋นล้วนเป็นแนวบัลลาด เป็นการขับร้องที่ค่อนข้างช้า และเมื่อเพิ่มความเร็วให้เพลงบัลลาดเนิบช้าประเภทนี้ ก็จะเกิดความรู้สึกฝืนอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่านักร้องฝึกบริหารปากอย่างไรอย่างนั้น

เพียงแต่ว่า

เมื่อความรู้สึกฝืนนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สมองของหลินเยวียนก็พลันสว่างวาบ เขารู้สึกว่าสุ่ยอวิ๋นต้องการบทเพลงที่ไม่ได้ค่อนไปทางบัลลาด ทางที่ดีอาจเพิ่มความเร็วในการงับคำกว่าเดิมสักหน่อย

“ระบบ”

หลินเยวียนเอ่ยขึ้น “สั่งทำเพลง ‘พรมจูบ[1]’”

……………………………………


[1] พรมจูบ (《处处吻》) บทเพลงภาษากวางตุ้งซึ่งขับร้องโดยหยางเชียนหวา (Mariam Yeung) นักร้องและนักแสดงชาวฮ่องกง

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Status: Ongoing

‘เขา’ ทะลุมิติมายังจักรวาลคู่ขนานซึ่งมีชื่อว่า ‘บลูสตาร์’

ดินแดนซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรม ศาสตร์ทุกแขนงซึ่งเกี่ยวข้องกับศิลปะ

ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดนตรี จิตรกรรม วรรณกรรม หรือการเขียนพู่กันก็ล้วนเฟื่องฟูอย่างยิ่ง

ร่างที่เขามาสิงอยู่คือ ‘หลินเยวียน’ นักศึกษาปีสองที่กำลังจะเดบิวต์

แต่โชคชะตากลับเล่นตลกให้หลินเยวียนป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ทำให้ร้องเพลงไม่ได้ และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ครอบครัวก็หมดเงินไปกับค่ารักษาจนอยู่ในภาวะการเงินขัดสน

เป็นเหตุให้หลินเยวียนตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวต่อไป

แต่ ‘เขา’ ไม่คิดจะปลิดชีพตัวเองเหมือนหลินเยวียน

ถึงแม้ร่างนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ยังพอเหลือเวลาให้ทำอะไรอยู่บ้าง

และแม้จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองไม่ได้ ก็ยังพอจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของครอบครัวได้

เขาจะเขียนเพลง เขียนหนังสือ ถ่ายทอดความรู้ หารายได้ให้ครอบครัว!

ทันใดนั้น…

[กำลังตรวจเลือด…กำลังตรวจยีน…กำลังตรวจม่านตา…

ระดับความเข้ากันได้ร้อยละ 99.36…ตรงตามมาตรฐาน…

เลือกจากฐานข้อมูล…โลกในระบบสุริยจักรวาล…ระบบกำลังเชื่อมต่อ…]

[ดาวน์โหลดสำเร็จ เชื่อมต่อระบบศิลปะเสร็จสมบูรณ์!]

[สวัสดีโฮสต์ ยินดีสำหรับการเชื่อมต่อกับระบบศิลปะ

ระบบของเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อให้ท่านได้เป็นศิลปินของบลูสตาร์!]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท