เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 194 ฟื้นแล้ว ร้ายกลายเป็นดี (3)

ตอนที่ 194 ฟื้นแล้ว ร้ายกลายเป็นดี (3)

หมอประหลาดมา ฟ้าก็ใกล้จะสางแล้ว เขายืดตัวขึ้นมา หนิงเซ่าชิงดึงมั่วเชียนเสวี่ยเข้ามานั่งที่ริมเตียง ทั้งสองสบตากันโดยมิกล่าวสิ่งใด แต่กลับเหมือนมีคำพูดมากมายหลายพันคำ

“เจ้า…” สบตากันอยู่เป็นเวลานาน ทั้งสองคนจึงพูดขึ้นมาพร้อมๆ กัน แต่กลับหยุดพูดไปพร้อมๆ กัน

“เจ้าพูดก่อน…” พูดขึ้นมาพร้อมกันอีกครั้ง และหยุดพร้อมกันอีก จากนั้นทั้งสองก็สบตากันแล้วหัวเราะออกมา

 วันนี้ช่างเป็นวันที่ดี ในที่สุดพายุก็ได้พ้นไปเสียที

 อาซานและอาอู่หันหน้าไปทางอื่นนานแล้ว

 ในห้องร้อนเกินไป เหงื่อออกที่ตัวและผมของมั่วเชียนเสวี่ยนานแล้ว หนิงเซ่าชิงยื่นมือออกไปแตะที่หน้าผากและเส้นผมที่งดงามของนาง และกล่าวอย่างซึ้งใจ “ลำบากเจ้าแล้วนะ”

 นางที่บาดเจ็บ กลับอดหลับอดนอนทั้งคืนเพื่อเฝ้าอยู่ข้างกายเขา เขารู้ว่าหากพิษในตัวเขายังถูกขจัดออกไปไม่ได้ นางจะไม่ยอมไปไหนอย่างแน่นอน ดังนั้นก็ไม่ต้องไล่นางไปอีก

 อยากจะโอบกอดนางเอาไว้ แต่กลับกลัวว่าความเย็นบนตัวเขาจะทำให้นางเหน็บหนาวไปด้วย

 “ใจร้าย! มีทางออกก็ไม่บอกข้า ทำให้ข้าต้องเป็นห่วง”

 “จะใจร้ายได้อย่างไร ข้าก็แค่ไม่อยากให้เจ้าเป็นกังวลจึงไม่ได้พูดอะไรมาก”

 พอได้ยินที่หนิงเซ่าชิงพูดว่ายังมีตัวยานำพาเสริมเพิ่มประสิทธิภาพ นำกลับมาได้ก่อนรุ่งสาง ใจของมั่วเชียนเสวี่ยก็สงบลง ต่อไปนางยังสามารถให้กำเนิดบุตรได้อยู่ ทั้งยังสามารถได้ยินลูกน้อยเรียกนางว่าท่านแม่ เรียกเขาว่าท่านพ่อ…ดีจริงๆ!

ทว่า นางกลับไม่อยากได้ยินใครพูดถึงเรื่องไม่มีแม่สื่อแม่ชักอะไรทำนองนั้นอีก “หากไม่ใจร้าย ต่อไปจะต้องชดเชยให้ข้าโดยการจัดงานแต่งที่ยิ่งใหญ่นะ”

แทบจะเอาชีวิตไม่รอดแล้ว จัดงานแต่งให้ยิ่งใหญ่ก็ไม่ถือว่ามากเกินไป

หนิงเซ่าชิงจ้องมองไปที่มั่วเชียนเสวี่ย

สายตาอันลุ่มลึกราวกับแอ่งน้ำลึกที่จะดูดกลืนสายตาของนางเข้าไปพันธนาการ และตรึงร่างของนางเอาไว้

เมื่อเห็นมั่วเชียนเสวี่ยมองมาที่เขาอย่างเหม่อลอย หนิงเซ่าชิงจึงโน้มตัวไปข้างหน้า กระซิบข้างหูนางอย่างเอาอกเอาใจและทะนุถนอม “ได้ ต่อไปข้าจะใช้เกี้ยวแปดคนหามรับเจ้าแต่งเข้าเรือนมาใหม่อีกครั้งแน่นอน”

คนทั้งสองที่มีเสน่ห์พูดคุยอยู่ได้ไม่กี่คำ ก็มีคนชุดดำกระโจนเข้ามาจากด้านนอก พอเข้ามาในประตูแล้วก็คุกเข่าลง “บ่าวนำยามาช้า”

 ผู้ช่วยชีวิตมาแล้ว! อาซานและอาอู่ตัวสั่น แทบจะหลั่งน้ำตาออกมา การช่วยชีวิตนี้ใช่การช่วยผู้อื่นเสียที่ไหน! หากพวกเขาทั้งสองคนอยู่ที่นี่ต่อไป จำต้องถูกเจ้านายทั้งสองไม่สนใจ ไม่สนใจสถานการณ์ พลอดรักกันจนเขาสองคนทำตัวไม่ถูกแน่นอน

พอเห็นว่ามีคนมา มั่วเชียนเสวี่ยก็เหยียดหลังขึ้นตรง

สีหน้าของหนิงเซ่าชิงแลดูอ่อนโยน พลางกล่าวให้ลูกน้องคลายความตึงเครียด “ไม่ช้า! มาได้ทันเวลาพอดี” เขายื่นมือที่อ่อนแรงออกไป ให้คนชุดดำลุกขึ้น “ลำบากเจ้าแล้ว!”

คนชุดดำเงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นรอยบาดแผลอันน่ากลัวใบหน้าของเขา ซึ่งเขาก็คืออิ่งซา

ทันทีที่เจอหมอหวัง หนิงเซ่าชิงก็รู้ว่าตัวยาเสริมเพิ่มประสิทธิภาพของยาแก้พิษในกายเขาคืออะไร

การที่หมอหวังไปเอายา เป็นเพียงหมอกควันที่ใช้ปกปิด

เป้าหมายของเขายิ่งใหญ่ และชัดเจนเกินไป ดังนั้นหนิงเซ่าชิงจึงไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แต่เขาก็ได้ส่งคนกลุ่มหนึ่งไปคอยปกป้องยาที่หมอหวังไปเอายามา เพื่อที่จะตบตาคนผู้นั้น ให้เขาคิดว่าตนเองไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

ความจริงเขาแอบไปสืบจนรู้ว่าที่อื่นก็มียานี้มานานแล้ว ดังนั้นจึงได้ส่งคนไปคอยเฝ้าสังเกตุการณ์ ภารกิจลับอีกอย่างที่ให้องครักษ์ลับไปทำก็คือไปเอายา

เพื่อให้แน่ใจว่าจะนำยามาจากที่นั่นได้อย่างราบรื่น ส่งกลับมาได้โดยไว ดังนั้นอิ่งซาถึงได้ล่วงหน้าไปก่อน

ในเมื่อเขาเคยบอกว่าจะปกป้องดูแลนาง เขาก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป

เมื่ออยากมีชีวิตอยู่! เขาไม่มีทางที่จะผูกความหวังเอาไว้กับคนๆ เดียว แม้แต่ยาที่อยู่กับอิ่งซาทางนี้ก็ยังเกิดข้อผิดพลาดเล็กน้อย เขายังมีของอื่นมาแทนซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเดินทาง

เพียงแต่พิษมันกำเริบก่อนเวลาสองสามวัน ทำให้สถานการณ์ของเขายุ่งเหยิง

โชคดีที่ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนที่โง่เขลา ไม่ตัดสินใจอะไรเอาเอง โดยให้หมอประหลาดใช้ยาหู่หลางกับเขา มิเช่นนั้น แม้แต่พื้นที่ที่จะร้องไห้เขาก็ยังไม่มี

อิ่งซายื่นมือไปหยิบรากไม้สีทองจากในอกออกมา หมอประหลาดที่นอนกรนอยู่ตรงนั้นเมื่อครู่นี้ก็ลุกขึ้นมา กระโจนเข้าไปฉกตัวยาเสริมประสิทธิภาพนั้นมาไว้ในมือ “มีตัวยาเสริม ก็ไม่รีบบอก จริงๆ เลย!”

คนอื่นก็บอกตั้งนานแล้ว แต่เขาไม่เชื่อเอง ผล็อยหลับไปที่ด้านข้าง มั่วเชียนเสวี่ยได้แต่ส่ายหัว แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก กลัวจะไปทำให้เฒ่าประหลาดผู้นี้ขุ่นเคืองใจ ตอนนี้ก็ถึงช่วงวิกฤติแล้วด้วย

“ใช่แล้ว นี่คือรากดอกไม้ประหลาดจริงๆ” หมอประหลาดพินิจพิเคราะห์รากสีทองอันบอบบางที่อยู่ในมืออย่างระมัดระวัง แล้วก็พยักหน้า “สมบูรณ์ดีมาก ยังคงสดดังเดิม ประสิทธิภาพของยาจะต้องไม่ด้อยลงอย่างแน่นอน”

เมื่อได้ยินคำชื่นชมยินดีของหมอประหลาด อิ่งซาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก อาซานและอาอู่ต่างก็ยิ้มออกมาเช่นกัน

หนิงเซ่าชิงกำมือไว้แน่นพลางยิ้มเบาๆ และมั่วเชียนเสวี่ยก็ควบคุมจิตใจให้สงบลงได้ดังเดิม

หลังจากที่หมอประหลาดได้ดูรากดอกไม้ประหลาดอย่างละเอียดแล้ว ก็โยนมันให้อิ่งซา

อิ่งซารีบรับมันมาอย่างทุลักทุเล

มั่วเชียนเสวี่ยเหงื่อออกที่แผ่นหลัง กลัวว่าอิ่งซาจะรับไม่ทันจนมันร่วงหล่นลงไป

ล้อเล่นน่า นี่คือยาที่ใช้ช่วยชีวิตหนิงเซ่าชิง รากประหลาดที่โยนไป หมอประหลาดหยิบแจกันออกมาจากในอก ไม่มีการเตือนแม้แต่น้อย โยนออกไปเหมือนกัน

เพียงแต่ ครั้งนี้ทิศทางที่โยนไปก็คือหนิงเซ่าชิง

หนิงเซ่าชิงยื่นมือไปรับขวดนั้นมาไว้ในมือ ทว่าใจของมั่วเชียนเสวี่ยกลับแทบจะหลุดออกมา

อยากจะก้าวไปข้างหน้าแล้วกระโดดถีบสองขา มันไม่ได้ไกลมากเสียหน่อย ส่งให้ผู้อื่นดีๆ ก็ได้ มือของเขาจะหักหรืออย่างไร

หากเปลี่ยนเป็นคนที่แขนขาไม่กระฉับกระเฉงว่องไว พอยาหล่นแล้ว เขาก็จะสะบัดแขนเสื้อแล้วจากไปใช่หรือไม่ แล้วก็หัวเราะสามครั้งพลางบอกว่าสมควรแล้ว!

หนิงเซ่าชิงเห็นว่ามั่วเชียนเสวี่ยจ้องมองอย่างโกรธเคือง ในใจก็รู้ขำ หากขนาดขวดยทเล็กๆ เขายังรับไม่ได้ เช่นนั้นเขาก็คงจะตายมาหลายครั้งแล้ว

เพียงแค่รู้สึกตลกก็แค่นั้น จริงๆ แล้วก็รู้สึกประทับใจอยู่

ดังนั้นจึงตบแผ่นหลังของมั่วเชียนเสวี่ย นางจึงได้ดึงสายตาอันเคืองโกรธกลับมา ส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอแล้วก้มน้า

 อย่างที่ทุกคนรู้ ปฏิสัมพันธ์ที่ไม่น่ามองนี้อยู่ในสายตาของเฒ่าประหลาด ทั้งเจ็บปวดทั้งยากที่จะเข้าใจ นึกถึงตอนนั้น คนที่อยู่ในใจผู้นั้นก็เคยจ้องมองเขาอย่างโกรธเคืองเช่นนี้เหมือนกัน

ได้แต่โทษตนเองเมื่อครั้งวัยเยาว์ที่ไม่รู้จักรักและทะนุถนอม ใจเคยเจ็บปวดมาก่อน น้ำเสียงจึงอ่อนลง ขณะกล่าวกับหนิงเซ่าชิง “นี่คือยาลูกกลอนแก้พิษที่ข้าเตรียมเอาไว้นานแล้ว เจ้ากินเข้าไปก่อน จากนั้นข้าจะเริ่มฝังเข็มให้”

พูดจบก็หันหน้ามองไปที่อิ่งซา “เจ้าลงไปบดรากดอกไม้ประหลาดนี่ให้เป็นผง โรยในน้ำไร้รากที่เตรียมเอาไว้ หลังจากที่ข้าฝังเข็มเสร็จแล้ว ค่อยยกมาให้เจ้านายของเจ้าดื่ม พิษนี้ก็จะถูกขจัดไปเจ็ดถึงแปดส่วน”

ขจัดออกไปเพียงเจ็ดถึงแปดส่วนเองหรือ แล้วพิษที่ตกค้างอยู่เล่าจะทำอย่างไร มั่วเชียนเสวี่ยเป็นกังวลอย่างมาก จ้องมองไปที่เฒ่าประหลาดอย่างคาดหวัง กำลังจะเอ่ยถามข้อสงสัยที่อยู่ในใจออกมา

หมอหวังก็หันหน้าและชี้ไปที่ขวดยานั้นที่โยนไปให้หนิงเซ่าชิงเมื่อสักครู่นี้แล้วก็กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “รอให้พิษนั้นถูกขจัดออกไปเจ็ดถึงแปดส่วนก่อน ค่อยทานยาลูกกลอนที่อยู่ในขวดนี้ติดต่อกันเจ็ดวัน พิษที่เหลือตกค้างอยู่ก็จะสลายหายไปทั้งหมดเอง”

หนิงเซ่าชิงยกมือขึ้นประสานมือแสดงความขอบคุณ พลางกล่าวแผ่วเบา “เช่นนั้น ก็รบกวนท่านแล้ว”

เฒ่าประหลาดก็กล่าวอย่างยินดี “งั้นก็มาเริ่มกันเลย”

หนิงเซ่าชิงปล่อยมือของมั่วเชียนเสวี่ยพลางเหลือบมองนางเล็กน้อย จากนั้นก็กวาดสายตามองไปที่อาซานและอาอู่ “พวกเจ้าทั้งหมดจงถอยออกไป”

หลังจากที่อาซานกับอาอู่มองหน้ากัน ก็โค้งคำนับแล้วจึงถอยออกไป

“เชียนเสวี่ย เจ้าก็ออกไปด้วยเถิด” หนิงเซ่าชิงเห็นว่ามั่วเชียนเสวี่ยยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน ดังนั้นจึงเอ่ยปลอบ “มีท่านหมอหวังอยู่ ข้าไม่เป็นอะไรหรอก เจ้ากลับไปนอนที่ห้องสักหน่อยเถิด รอข้าที่นั่นก็พอ”

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท