เซี่ยอวิ๋นจิ่นพูดจนสุดท้ายเริ่มเขินอายเอง
เขาเงียบไปเป็นนานก่อนจะเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “เจียวเจียว เจ้าอาจไม่รู้ว่าเจ้าสำคัญกับข้า กับลูกทั้งสี่ขนาดไหน เจ้าคือแสงสว่างของพวกเรา คือแหล่งกำเนิดความสุขของพวกเรา”
“บางครั้งข้าเคยคิดว่าหากไม่มีเจ้า พวกเราจะเป็นเช่นไร ย่อมไม่ได้มองโลกแง่ดีและเปิดเผยเช่นตอนนี้ พวกเราน่าจะจิตใจดำมืด โหดเหี้ยมอำมหิต เห็นทุกสิ่งสวยงามบนโลกนี้ก็ล้วนขัดตา สุดท้ายพวกเราก็จะทำลายผู้อื่น และก็จะทำลายตัวเองด้วย”
ลู่เจียวตกใจมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น ในนิยายพวกเขาพ่อลูกแต่ละคนสุดท้ายไม่ใช่ว่ากลายเป็นคนเช่นนี้หรือ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นลู่เจียวนิ่งอึ้งไป ก็คิดว่าเขาทำนางตกใจ เขาก้มลงหอมแก้มลู่เจียวพลางกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะเอาชนะอุปสรรคทุกอย่างเพื่ออยู่ร่วมกับเจ้า”
ลู่เจียวถูกเขาหอมแก้มเข้าทีหนึ่ง พอได้สติก็ถลึงตาใส่เขาทันที
เจ้าหมอนี่ช่างได้คืบเอาศอกเสียจริง
“นอน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มดึงมือนางมากุมหลับตานอน
ลู่เจียวหลับเร็วมาก เซี่ยอวิ๋นจิ่นรอนางหลับแล้วก็หันหน้าไปจ้องมองนางอย่ารักใคร่เอ็นดู เขายื่นมือไปลูบใบหน้าลู่เจียวเบาๆ ขนตา จมูก ปาก ทำอย่างไรดี เจียวเจียว ข้าชอบเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ดังนั้นเจ้าอย่าคิดจากไป ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าจากไปอย่างแน่นอน
มีนางอยู่ข้างกาย เขาจึงจะรู้สึกว่าจิตใจเขาสงบและมีความสุข
จ้าวหงบุตรชายมือปราบจ้าวสอบซิ่วไฉได้ มือปราบจ้าวดีใจมาก เชิญบรรดาเพื่อนบ้านมากินข้าว
แม้ว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นบาดเจ็บยังไม่หายดี แต่ก็พาลู่เจียวกับเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปร่วมงานเลี้ยงที่ตระกูลจ้าว ตระกูลจ้าวทั้งครอบครัวดีใจมาก เพื่อนบ้านก็พากันมาแสดงความยินดีกับพวกเขา ท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวเอาแต่เอ่ยชมลู่เจียวต่างๆ นานา
บอกลู่เจียวเป็นคนดี วิชาการแพทย์ร้ายกาจ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็อบรมเลี้ยงดูได้ดี สรุปชมลู่เจียวเสียกลายเป็นภรรยาที่ดีที่สุดในใต้หล้า
ท่านปู่หลิวกับท่านย่าหลิวพักอยู่ในตรอกนี้มาหลายปีแล้ว แม้ว่าพวกเขาไม่ค่อยออกจากบ้าน แต่เพื่อนบ้านก็เชื่อคำพูดพวกเขา
ดังนั้นเพื่อนบ้านที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยรู้จักเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว ก็สนิทสนมและมีมารยาทให้กันอย่างมาก
งานเลี้ยงตระกูลจ้าวทั้งครึกครื้นทั้งเต็มไปด้วยความสนิทสนมระหว่างเพื่อนบ้าน
งานเลี้ยงตระกูลหันจัดได้มีระดับกว่าตระกูลจ้าวมาก ประการแรก เพราะตระกูลหันเป็นตระกูลพ่อค้ามีเงิน ประการที่สอง เพราะตระกูลหันเกิดเรื่องมากมาย บิดามารดาหันถงก็คิดจะชะล้างความโชคร้าย ดังนั้นจึงอาศัยเรื่องที่หันถงสอบซิ่วไฉได้ จัดงานเลี้ยงใหญ่โตเป็นพิเศษ อีกเรื่องก็คือนายอำเภอหูแอบมาขอให้หันถงเชิญพ่อค้าที่มีความสัมพันธ์กับพวกเขามาร่วมงาน
นายอำเภอหูคิดจัดตั้งสมาคมการค้าอำเภอชิงเหอ คิดจัดการราคาสินค้าในอำเภอชิงเหอ แต่ก็ไม่อยากมีคำสั่งโดยตรง เพราะทำเช่นนี้จะทำให้พ่อค้าอำเภอชิงเหอรวมตัวกันต่อต้านได้ง่าย ดังนั้นเขาคิดว่าจะคุยกับพ่อค้าเหล่านี้ก่อน ดูว่าพวกเขาคิดอย่างไร
เพราะนายอำเภอหูมีความคิดเช่นนี้ ดังนั้นงานเลี้ยงตระกูลหันครั้งนี้จึงยิ่งใหญ่มาก ไม่เพียงแต่เชิญมิตรสหายที่สนิทกัน ยังเชิญพ่อค้าที่มีการค้าร่วมกัน และนายอำเภอหูยังมาด้วยตนเอง
คนสี่ตระกูลใหญ่ได้รับข่าวนี้ก็พากันมา พริบตาคฤหาสน์ตระกูลหันใหญ่โตก็เต็มไปด้วยแขกเหรื่อ ครึกครื้นอย่างยิ่ง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสนิทกับหันถง หันถงจัดงานเลี้ยง เขาย่อมต้องมาร่วม
ลู่เจียวกำชับเขาเป็นพิเศษว่า “ในงานเลี้ยงห้ามดื่มสุรา แม้ว่าบาดแผลที่ไหล่เจ้าเกือบหายดีแล้ว แต่ก็ยังห้ามดื่ม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสีหน้ายิ้มแย้ม มองลู่เจียวกล่าวว่า “ข้าจดจำคำพูดเจียวเจียวได้แล้ว รับรองไม่ดื่มสุรา”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็คิดถึงก่อนหน้านี้ที่ลู่เจียวไปร่วมงานเลี้ยงแล้วมีคนมาหาเรื่องลู่เจียว เขามองลู่เจียวอย่างเป็นห่วง “วันนี้เจ้าระวังหน่อย หากมีคนหาเรื่องเจ้า เจ้าก็ให้เฝิงจือมาตามข้า ข้าไปจัดการเอง”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ข้าจัดการได้ เจ้าวางใจ”
ตั้งแต่รับปากให้โอกาสเซี่ยอวิ๋นจิ่น ลู่เจียวก็ตัดสินใจว่าจะร่วมงานเลี้ยงพวกนี้ เพราะหากสุดท้ายนางกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้อยู่ร่วมกัน ย่อมต้องมีงานเลี้ยงเช่นนี้ไม่น้อย ดังนั้นนางจะต้องค่อยๆ ทำตัวให้ชินกับเรื่องพวกนี้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยื่นมือไปกุมมือลู่เจียว “ไม่ต้องกังวล ตระกูลหันไม่ใช่ตระกูลหลู”
ความหมายของเขาก็คือ ตระกูลหันไม่มีคนทำสีหน้าไม่ดีใส่ลู่เจียว
และก็เป็นดังที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นคาดเดา ตระกูลหันไม่มีคนทำสีหน้าไม่ดีใส่ลู่เจียว ท่านพ่อท่านแม่หันถงต้อนรับลู่เจียวอย่างดีมาก
ลู่เจียวพาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปด้วย พอท่านพ่อท่านแม่หันถงเห็นก็เอาแต่ขอบคุณนางกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่ให้ความช่วยเหลือต่างๆ นานา ท่านแม่หันถงพาลู่เจียวไปส่งยังสถานที่จัดงานของแขกฝ่ายหญิง แต่นางกลัวว่าลู่เจียวจะรู้สึกเสียงดังไป จึงได้จัดให้ลู่เจียวไปอยู่ห้องข้างๆ โถงงานเลี้ยง ให้น้องสะใภ้หันถงมาคุยเป็นเพื่อนลู่เจียว
เหนียงจื่อผู้นี้เป็นคนรู้จักพูดจาเอาใจ ทุกคนเรียกนางว่าเฉียนเหนียงจื่อ
“ลู่เหนียงจื่อ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่บ้านเจ้าหน้าตาดีจริงๆ”
เฉียนเหนียงจื่ออิจฉาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ของครอบครัวลู่เจียวอย่างมาก และยิ่งดูก็ยิ่งชอบ ยื่นมือไปลูบศีรษะเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เองก็ไม่ได้ปฏิเสธ พวกเขามองออกว่าเฉียนเหนียงจื่อชอบพวกเขามาก ดังนั้นจึงยืนนิ่ง
เฉียนเหนียงจื่อเห็นท่าทางพวกเขาว่านอนสอนง่ายน่ารักน่าเอ็นดูก็ยิ่งชอบ แทบอยากจะอุ้มกลับบ้านไปสักคน
“โอย สวรรค์ ข้าแทบอยากจะอุ้มกลับบ้านไปสักคนจริงๆ ลู่เหนียงจื่อ เจ้ารีบสอนข้าหน่อยทำอย่างไรจึงจะอบรมลูกๆ ได้รู้ความมีมารยาทอย่างนี้ได้”
เฉียนเหนียงจื่อมีลูกสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง บุตรชายราวกับเจ้านายตัวน้อยเอาแต่ใจจนนางปวดหัวมาก ตอนนี้เห็นเด็กๆ บ้านลู่เจียวก็รู้สึกอิจฉา
เฉียนเหนียงจื่อเพิ่งกล่าวจบ หันตงเซิ่งก็รับคำต่อว่า “ท่านอาสะใภ้ ท่านว่าว่าเจ้าหนูอ้วนไม่รู้ความรู้มารยาทหรือ”
คนที่ตามมาด้านหลังหันตงเซิ่งก็คือบุตรชายเฉียนเหนียงจื่อ ชื่อเล่นว่า เจ้าหนูอ้วน
เจ้าหนูอ้วนได้ยินวาจาท่านแม่เขาก็โมโห เท้าเอวกำลังจะออกฤทธิ์
หันตงเซิ่งยื่นมือไปรั้งเขาไว้ กล่าวว่า “นี่ก็คือแฝดสี่ที่ข้าเล่าให้เจ้าฟังอย่างไร เป็นเช่นไรบ้าง เหมือนไม่เหมือน”
เจ้าหนูอ้วนหันไปสนใจเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ทันที ไม่สนใจท่านแม่เขาอีก
เขาหันไปมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เองก็มองเขาอย่างแปลกใจ อ้วนจริงๆ
หันหนานเฟิงด้านหลังหันตงเซิ่งวิ่งพรวดเข้ามากอดเอ้อร์เป่าไว้ “พี่เอ้อร์เป่า พี่มาแล้ว มา ข้าพาพี่ไปเล่นของเล่นของข้านะ”
ตั้งแต่หันหนานเฟิงผ่านเรื่องราวถูกจับตัวมากับเอ้อร์เป่า ก็เห็นเอ้อร์เป่าเหมือนพี่ชายแท้ๆ ของเขา เห็นเขาก็รักมาก
หันตงเซิ่งเองก็ไม่ได้รังเกียจแฝดสี่เหมือนเมื่อก่อน กลับกัน เขายังชอบแฝดสี่มาก เขาเดินเข้ามาเชิญแฝดสี่ไปเล่นกัน
“ต้าเป่า ซานเป่า ซื่อเป่า พวกเราไปเล่นของเล่นกัน”
แฝดสี่หันไปมองลู่เจียว ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อย สั่งให้เฝิงจือตามเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไป
วันนี้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่ได้พาเพื่อนติดตามมาด้วย ลู่เจียวไม่วางใจพวกเขา ดังนั้นจึงให้เฝิงจือตามไปคอยดูพวกเขาไว้สักหน่อย
เฝิงจือพยักหน้าตามหลังแฝดสี่ออกไปยังห้องนอนของหันตงเซิ่งกับหันหนานเฟิง
เฉียนเหนียงจื่อเห็นบุตรชายไปแล้ว ผู้ใหญ่สองคนก็โล่งอก นางไม่ได้กลัวบุตรชาย แต่กลัวว่าวันนี้เขาเอาเรื่องขึ้นมาก็จะขายหน้า
เฉียนเหนียงจื่อหันไปมองลู่เจียว ยิ้มเฝื่อนกล่าวว่า “ลู่เหนียงจื่อ เจ้าเห็นแล้วหรือยัง เจ้าเด็กตัวอ้วนเมื่อครู่ก็คือเจ้านายตัวน้อยเอาแต่ใจของครอบครัวเรา”