ลักพาตัวชายหนุ่ม?
เฉินตันจูไม่คิดว่าจะถูกเล่าต่อกันไปเช่นนี้
อีกทั้งราวกับว่าคนในพระราชวังล้วนรู้เรื่อง
“พระราชวังรู้ทุกเรื่อง” องค์หญิงจินเหยาพูด มองนางด้วยรอยยิ้ม “เฉินตันจู เจ้าชอบพี่สามของข้าหรือ”
เฉินตันจูหัวเราะ นั่งลงข้างตัวนาง “องค์ชายสามเป็นคนดีมาก ไม่มีผู้ใดไม่ชอบเขาเพคะ”
องค์หญิงจินเหยามองนาง “ดังนั้น…”
“ดังนั้นข้าตั้งใจที่จะรักษาเขาให้หายจริงๆ” เฉินตันจูพูดอย่างหนักแน่น
องค์หญิงจินเหยามองพินิจนาง ผิดหวังเล็กน้อย “เพียงแค่รักษาโรคหรือ หลังจากรักษาหายแล้วไม่ต้องการให้พี่สามข้าตอบแทนด้วยการยกชีวิตให้?”
เฉินตันจูหัวเราะอีกครั้ง “ไม่ต้อง ไม่ต้อง ให้เงินมาก็พอแล้ว”
องค์หญิงจินเหยาก็หัวเราะออกมา สมแล้ว เฉินตันจูแตกต่างจากหญิงอื่น หากเป็นหญิงชนชั้นสูงอื่น ไม่คุกเข่าขออภัยโทษด้วยความหวาดกลัวก็คงร้องไห้อย่างเขินอาย อย่างไรก็ไม่ยอมตอบคำถามโดยตรง เรื่องง่ายดายเช่นนี้ ชอบก็คือชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ
“แต่ว่า” องค์หญิงจินเหยามีความไม่พอใจเล็กน้อย “เจ้าดูถูกพี่สามของข้าหรือ หญิงสาวมากมายต่างต้องการแต่งงานกับองค์ชาย”
หญิงสาวมีตรรกะประหลาดบนคำถามนี้ ชื่นชอบพี่ชายของนางก็เกิดความริษยา หากไม่ชอบก็ไม่พอใจ แต่ว่าเฉินตันจูมีวิธีรับมือกับนาง
“องค์หญิง…” เฉินตันจูเรียก ทั้งน้อยใจทั้งระอา “ชื่อเสียงของหม่อมฉันในเวลานี้ มีสิทธิ์ชื่นชอบผู้ใดกัน”
มองดูใบหน้าที่เศร้าหมองลงทันทีนี้ องค์หญิงจินเหยารีบโยนความคิดเล็กน้อยเหล่านั้นทิ้งไป พูดเสียงอ่อน “พวกเขาเข้าใจเจ้าผิด คุณหนูตันจูเป็นหญิงสาวที่ดีที่สุด”
เฉินตันจูยิ้มให้นาง “องค์หญิงเป็นคนวัยเดียวกับหม่อมฉันย่อมคิดเช่นนี้ แต่เหล่าผู้ใหญ่คงไม่เพคะ”
เหล่าผู้ใหญ่หรือ องค์หญิงจินเหยาโศกเศร้าเล็กน้อย ใช่ เมื่อคำพูดเช่นนี้แพร่กระจายไปในพระราชวัง ฮองเฮาโกรธอย่างมาก นอกจากลงโทษเหล่าบ่าวในวังแล้ว ยังเรียกองค์ชายสามไปซักถาม องค์ชายสามอธิบายว่าเป็นการรักษาโรค ฮองเฮาย่อมไม่ตำหนิองค์ชายสาม เพียงแค่บอกว่าจะตามหาหมอมากฝีมือให้เขา
เสด็จแม่เป็นฮองเฮามานาน นางไม่ต้องปิดบังอารมณ์ของตนเองแม้แต่อยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ นางย่อมมองออกว่าฮองเฮาไม่ชอบเฉินตันจู ไม่ชอบอย่างมาก
“เพราะว่าเสด็จแม่ยังไม่เคยพบเจ้า” องค์หญิงจินเหยาฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้ง “ก่อนที่ข้าจะพบเจ้า เมื่อได้ยินข่าวลือเหล่านั้น ข้าก็ไม่ชอบเจ้าเช่นกัน…”
เฉินตันจูตอบรับ พูดขัดองค์หญิงจินเหยา “หม่อมฉันรู้อยู่แล้ว วันนั้นที่ท่านเดินทางไปงานเลี้ยง ท่านตั้งใจจะสั่งสอนหม่อมฉัน”
องค์หญิงจินเหยาขบขันในตัวนาง “ไม่ ข้าไม่ชอบเจ้า แต่ก็ไม่คิดสั่งสอนเจ้า”
“ผู้ใดจะไปรู้” เฉินตันจูพูด “หม่อมฉันได้ยินว่าเวลานี้ท่านฝึกฝนชนมุมอยู่ทุกวัน เตรียมที่จะต่อยตีหม่อมฉัน”
องค์หญิงจินเหยาหัวเราะร่า ดึงนางลุกขึ้น “มาๆ เจ้าไม่พูดข้าคงลืมไปแล้ว ให้ข้าต่อยเจ้าเสียที”
เฉินตันจูทำท่ากอบกุมหน้าอกอย่างอ่อนแอ “ไม่เอาเพคะ หม่อมฉันอายุน้อย ร่างกายอ่อนแอ หากไม่ถึงเวลาความเป็นความตาย หม่อมฉันไม่ประลองกับองค์หญิง”
องค์หญิงจินเหยานวดคลึงท้อง นั่งอยู่บนเก้าอี้ เรี่ยวแรงหมดไปเพราะการหัวเราะ “หากพูดเช่นนี้ เจ้าตีข้าอย่างไม่ออมแรงในงานเลี้ยงตระกูลฉางครั้งนั้น ที่แท้ก็เพราะถึงเวลาแห่งความเป็นความตายหรือ เจ้าอย่าเบี่ยงประเด็น ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไม่อยากพบเสด็จแม่ของข้า”
“องค์หญิง หม่อมฉันไม่เคยต้องการก่อเรื่อง” เฉินตันจูพูดกับนางเสียงอ่อน “ตอนที่เรื่องเข้ามาหาหม่อมฉัน หม่อมฉันย่อมไม่หลบหลีก”
คำพูดนี้ทั้งใจกล้าทั้งเปิดเผย องค์หญิงจินเหยาพยักหน้า ตั้งใจฟังสิ่งที่นางพูด
“หม่อมฉันเป็นแค่ไต้ฟู เมื่อเห็นอาการขององค์ชายสามเป็นอาการที่ไม่เคยพบมาก่อน หม่อมฉันย่อมอยากรักษาให้องค์ชายสาม หนึ่งเพื่อท้าทายโรคยากนี้ สองเพื่อตัดความทุกข์ของคนป่วย” เฉินตันจูพูด ก่อนจะยิ้มอย่างเก้อเขิน “แน่นอนว่าการรักษาโรคสามารถได้รับการตอบแทนที่ดีจากองค์ชายสาม ข้าก็ไม่คิดปฏิเสธ”
องค์หญิงจินเหยายิ้ม “ดังนั้น ชายที่เจ้าลักพาตัวกลับมา เพื่อฝึกฝนในการรักษา?”
รักษาเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่การฝึกฝนเป็นเรื่องเข้าใจผิด
เฉินตันจูพูด “อาการไอของเขาสาหัสมาก อย่างน้อยต้องใช้เวลารักษาหนึ่งเดือน”
องค์หญิงจินเหยาตอบรับ นอนอยู่บนเก้าอี้หญิงงามอย่างเกียจคร้าน
“องค์หญิง” เฉินตันจูยิ้ม “ท่านต้องการพบเขาไม่ใช่หรือ”
องค์หญิงจินเหยาโบกมือด้วยท่าทางเฉื่อยชา “ไม่ใช่ชายรูปงาม ข้าไม่ดูแล้ว”
“แต่เขาเป็นคนที่ดีมาก” เฉินตันจูยิ้ม “อีกทั้งเขาจัดการน้ำได้ ท่านต้องการรู้จักกับเขาหรือไม่”
องค์หญิงจินเหยานอนพินิจเฉินตันจู “เฉินตันจู เจ้าพูดเองก่อนหน้านี้ รักษาโรคช่วยชีวิตคน มีจิตใจเมตตาของคนเป็นหมอ ไม่มีความคิดอื่น แค่รักษาโรคเท่านั้น เจ้าชื่นชมอีกฝ่ายเพื่ออันใด เจ้าชื่นชมอีกฝ่าย ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจด่าเจ้าอยู่ลับหลัง”
ใช่ ไม่แน่เสียจริง จางเหยาอาจด่านางอยู่ในใจ เฉินตันจูหัวเราะร่า
องค์หญิงจินเหยานึกถึงประเด็นที่ทั้งสองคนพูดถึงหลังจากเดินทางมา สนทนาเรื่องชายหนุ่มอย่างไม่เกรงกลัว ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของนางนับแต่เติบใหญ่ถึงเพียงนี้ สนทนาได้อย่างเปิดเผยและสนุกสนาน
โชคดีที่นางไม่ให้เหล่านางในตามขึ้นมา มิฉะนั้นกลับไปต้องถูกกักบริเวณอีกเป็นแน่
เพื่อนางสามารถมาเที่ยวเล่นได้อย่างสนุกเช่นนี้ในภายหลัง นางไม่อาจทำให้ฮองเฮาเกิดความไม่พอใจต่อเฉินตันจูได้อีก นางต้องเชื่อฟัง กลับตรงตามเวลา เมื่อนึกถึงตรงนี้ องค์หญิงจินเหยาลุกขึ้นนั่ง “ข้าใช้ข้ออ้างไปสักการะพระพุทธเจ้าที่วัดถิงอวิ๋นในการวิ่งมาหาเจ้า เวลานี้ข้าต้องไปแล้ว”
เฉินตันจูดึงมือของนาง ไม่อยากปล่อย “องค์หญิง อยู่กับหม่อมฉันอีกหน่อยเถิด”
องค์หญิงจินเหยาชักมือกลับ จิ้มหน้าผากของนาง “อย่าใช้ท่าทางนี้หลอกข้า เก็บเอาไว้หลอกคนที่เจ้าชอบเถิด”
พูดจบตนเองวิ่งยิ้มจากไปก่อนด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
เฉินตันจูมององค์หญิงจินเหยาที่วิ่งจากไป ส่ายหัวด้วยความเสียดาย เด็กโง่ นางไม่ใช่คนเช่นนั้น…คนที่ไม่ชอบนางก็หลอกได้ ดูที่ความจำเป็น
ในเมื่อเวลานี้องค์หญิงจินเหยาไม่สนใจพบกับจางเหยา นางย่อมไม่บังคับ เวลานี้จางเหยาตกใจไม่น้อย หากพบกับองค์หญิงอีก เกรงว่าจะยิ่งไม่สบายใจ ต่อจากนี้ มีโอกาสค่อยแนะนำเขาให้องค์หญิง
เมื่อส่งองค์หญิงจินเหยาจากไป ในขณะที่เฉินตันจูนั่งลงกำลังจะยกพู่กันเขียนใบสั่งยา จู๋หลินลงมาจากบนหลังคารายงานว่าโจวเสวียนเดินทางมา
“หากไม่ให้เขาขึ้นเขา พวกข้าจะรั้งไว้” เขาพูด
ถึงแม้ต้องสิ้นเปลืองแรงอย่างมาก แต่มีเพียงโจวเสวียนกับองครักษ์อีกคน พวกเขายังคงสามารถทำได้
เฉินตันจูนวดขมับ คนผู้นี้ช่าง…
“เขาต้องการตามรังควานข้า รั้งอย่างไรก็รั้งไม่อยู่ หรือข้าหลบซ่อนอยู่บนเขาได้ตลอดชีวิต” เฉินตันจูพูด “เชิญเขาเข้ามาเถิด”
ครานี้โจวเสวียนเดินทางมาถึงเชิงเขาโดยไม่ถูกองครักษ์กีดขวาง
ชิงเฟิงพูดอย่างดีใจ “คุณหนูตันจูเกรงใจอย่างมากเสียจริง เวลานี้พวกเรารู้จักกันแล้ว ย่อมไม่ถูกรั้งเอาไว้” เขาครุ่นคิดว่าเมื่อถึงอาราม เขายังสามารถนั่งลงถูกเหล่าสาวรับใช้แสนหวานล้อมรอบป้อนขนมดื่มชา…
โจวเสวียนเหลือบมองเขา “เจ้าไม่ต้องตามไป รออยู่เชิงเขา”
ชิงเฟิงผงะ “คุณชาย ท่านคนเดียว…”
“คุณหนูตันจูเกรงใจกับข้าเพียงนี้ ไม่ต้องให้เจ้ารายงานแล้ว” โจวเสวียนพูด “อีกทั้งไม่ต้องให้เจ้าคุ้มกัน เจ้าไม่ต้องตามเข้าไป เฝ้าม้าอยู่ที่เชิงเขาเถิด”
พูดพลางเดินไปข้างหน้า ทิ้งชิงเฟิงยืนอยู่ที่เดิมตาปริบๆ
ระหว่างทางไม่มีองครักษ์กีดขวาง ประตูของอารามเปิดกว้าง โจวเสวียนเดินเข้าไป แวบแรกก็เห็นหญิงสาวที่ถือพู่กันนั่งขีดเขียนอยู่ริมทางเดิน
นางจดจ่ออย่างมาก ราวกับไม่รู้ว่ามีคนมา หรืออาจเป็นเพราะไม่สนใจ คิ้วเล็กของนางขมวดขึ้นเป็นครั้งครา
“เฉินตันจู” โจวเสวียนเรียกขาน
เฉินตันจูไม่แม้แต่จะเงยหน้า “คุณชายเชิญพูด”
ดูลักษณะเช่นนี้ สมดั่งคำร่ำลือที่ว่าหยิ่งยโสไร้ความเกรงกลัว โจวเสวียนหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าของนาง ร่างสูงใหญ่บดบังแสงอาทิตย์เอาไว้ เงาที่สะท้อนปกคลุมตัวของนาง
“เฉินตันจู มีคนฟ้องว่าเจ้าลักพาตัวชายหนุ่ม” เขาพูด
เฉินตันจูเงยหน้า ดวงตากลมโตมองเขาด้วยความตะลึง “ดังนั้น คุณชายโจวเดินทางมาเพื่อชื่นชมชายรูปงามเช่นเดียวกันหรือ”