ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 3 ตอนที่ 5-3

ภาค 2 เล่ม 3 ตอนที่ 5-3

อินซอบแทบจะแพนิกแล้ว เขาตัดสินใจไม่ได้ด้วยซ้ำว่าควรจะทำอะไร และสถานการณ์ในตอนจะเป็นอย่างไร

แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นกรรมการผู้จัดการคิมนั่นเอง

[พอดีมีคนโทรมาบอกฉันน่ะ ตอนนี้ฉันกำลังไป อีอูยอนอยู่ที่ไหน หมอนั่นทำอะไรอยู่ แล้วทำไมคังยองโมถึงมาหาล่ะ สองคนนั้นมีเรื่องอะไรกันเหรอ]

ทันทีที่โทรศัพท์ถูกเชื่อมต่อ กรรมการผู้จัดการคิมก็พูดโดยไม่หยุดหายใจ

“ตอนนี้…”

อินซอบรีบตั้งสติ และมองตัวเลขบนหน้าจอแสดงตัวเลขของลิฟต์

“กำลังลงไปครับ”

[ลงไปไหน เขาไม่ได้อยู่กับนายเหรอ]

อินซอบกดปุ่มลิฟต์ที่อยู่อีกฝั่ง ก่อนจะวิ่งลงบันไดฉุกเฉินไป เพราะทนรอไม่ไหว

“อินซอบ ขอร้องล่ะ ตอนนี้คนที่จะห้ามหมอนั่นได้มีแค่นายคนเดียว ไม่สิ ต่อไปก็จะมีแค่นายเหมือนกัน”

“ผมจะโทรศัพท์กลับไปใหม่นะครับ”

อินซอบวางสาย และมองหน้าจอแสดงตัวเลขของลิฟต์เมื่อมาถึงชั้นหนึ่ง เมื่อแน่ใจแล้วว่ามันหยุดอยู่ที่ชั้นใต้ดินชั้นสามก็เริ่มวิ่งลงบันไดไปอีกครั้ง ความเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นที่หัวใจทำให้อินซอบต้องจับราวบันไดเอาไว้และปรับลมหายใจให้เข้าที่ เขาหยิบยาที่พกมาเผื่อไว้ออกมาจากกระเป๋าและกลืนลงไป

เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่ได้มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกาย อินซอบก็ลงบันไดไปอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าห้ามฝืนตัวเอง แต่เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอีอูยอนแล้ว ร่างกายของเขาจะขยับไปก่อนเสมอ

เมื่อมาถึงชั้นใต้ดินชั้นสาม ขณะที่กำลังจะเปิดประตูฉุกเฉิน เขาก็ชะงักไป มือไม้สั่นเทา

เขานึกถึงภาพที่เคยเห็นในซอยวันนั้น

สายตาที่แสนจะเย็นชาของชายหนุ่ม และไม่สามารถหาความเป็นมนุษย์ได้

เขาไม่อยากสบตาคู่นั้นอีกครั้ง เขาไม่รู้เลยว่าถ้าเปิดประตูไปแล้วจะเจอกับภาพแบบไหน และอีอูยอนกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่ แต่เหนือกว่าการเลือกที่ผิดพลาดคือเขามีหน้าที่ที่จะต้องฝ่าฟันกับทุกอย่าง

อินซอบพ่นลมหายใจยาวก่อนจะจับลูกบิดประตูและหมุน

“แม่งเอ๊ย ไอ้บ้านี่มันจริงๆ เลย!”

อินซอบถูกผลักด้วยแรงของผู้ชายที่พ่นคำด่าอย่างรุนแรงในขณะที่เปิดประตู และล้มลงไปทั้งๆ แบบนั้น

“มองอะไร โธ่เว้ย ไม่หลบสายตาไปล่ะ!”

พอคังยองโมเงื้อมือขึ้นขู่อินซอบ เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงทำเพียงแค่สบถและเดินลงบันไดไป อินซอบมองด้านหลังของคังยองโมด้วยใบหน้ามึนงง และความคิดที่โผล่เข้ามาในหัวก็ทำให้เขารีบลุกขึ้น

ทำไมถึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นนะ

อินซอบใช้มือที่สั่นเทาเปิดประตู

“ผมกำลังจะโทรหาอยู่พอดีเลยครับ”

อีอูยอนเอาโทรศัพท์ที่แนบอยู่กับหูลง อินซอบวิ่งไปจับแขนของอีกฝ่ายไว้

“บะ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”

“ทำไมผมต้องบาดเจ็บด้วยล่ะครับ”

“ก็เมื่อกี้คุณคังยองโม…”

วินาทีที่เห็นว่าคังยองโมเดินออกมาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ อินซอบถึงได้รู้ว่าตัวเองโง่ขนาดไหน เขาไม่คิดว่าอีอูยอนอาจจะบาดเจ็บ กลับกันเขาคิดว่าคังยองโมอาจจะเป็นอันตรายก็ได้

“ผมบอกแล้วไงครับว่าจะคุยกันแป๊บเดียว”

“…”

“อีกไม่นานผมจะต้องเข้าร่วมพิธีมอบรางวัลในเทศกาลภาพยนตร์แล้วนี่ครับ ก็คุณอินซอบสั่งให้ผมได้รางวัลนี่นา”

แม้จะเป็นคำพูดที่พูดเหมือนล้อเล่น แต่ก็แสดงความจริงใจออกมาด้วย พอเห็นอินซอบหน้าซีดไม่พูดอะไร อีอูยอนก็เดาะลิ้นเหมือนไม่พอใจ

“ตกใจมากเหรอครับ บาดเจ็บ…”

อีอูยอนไม่สามารถพูดต่อได้ อินซอบทรุดลงไปนั่งกับพื้นทั้งอย่างนั้น

“คุณอินซอบ!”

อินซอบร้องไห้โฮ น้ำตาพรั่งพรูออกมาและหยดลงบนพื้นจนเปียก ร่างกายของอินซอบสั่นเทา ความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าเป็นความโล่งใจหรือความหวาดกลัวถาโถมเข้าเหมือนน้ำที่กำลังขึ้น

“ร้องไห้ทำไมครับ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“ไม่ครับ ไม่ครับ ผมไม่เป็นระ…”

แม้จะตอบไปอย่างนั้น แต่เขาก็ยังร้องไห้ออกมาไม่หยุดและไม่สามารถพูดต่อได้ อินซอบสะอื้นอยู่สักพักและมุดหน้าลงไป

“ขอโทษ…ครับ ผมหยุดร้องไห้ไม่ดะ…”

อีอูยอนรีบอุ้มอินซอบขึ้นมา พออินซอบดิ้น อีอูยอนก็กระชับแขนที่กอดอีกฝ่ายไว้

“อยู่เฉยๆ ครับ”

“ผะ ผมเดินได้ครับ ผมเป็นแบบนั้นเพราะตกใจนิดหน่อย”

ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ร่างกายของอินซอบก็ไม่หยุดสั่น อีอูยอนหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋าแล้วกด รถที่คลุมไว้ด้วยผ้าคลุมสีดำมีไฟติดขึ้นมา รถคันนั้นคือรถโรลส์-รอยส์รุ่นแฟนทอม EWB ที่หาซื้อได้ยาก และกรรมการผู้จัดการคิมเองก็อวดจนน้ำลายแห้งเมื่อไม่นานมานี้ อีอูยอนเก็บผ้าคลุมแค่ตรงส่วนหลังก่อนจะเปิดประตูด้านหลัง และจับอินซอบเข้าไปในนั่ง ส่วนตัวเขาเองก็นั่งลงข้างๆ อินซอบและปิดประตู พื้นที่ของที่จอดรถที่ถูกปิดทั้งสามด้าน และผ้าคลุมรถทำให้ภายในรถกลายเป็นพื้นที่ปิดโดยสมบูรณ์

“มานี่เร็วครับ”

อีอูยอนดึงอินซอบมากอดไว้ข้างตัว รถยนต์คันนี้เป็นรถซีดานที่ได้ชื่อว่ามีพื้นที่ตรงเบาะหลังกว้างจนผู้ชายที่โตเต็มวัยสามารถยืดขาทั้งสองข้างได้โดยที่ยังเหลือที่ อีอูยอนจับอินซอบมานั่งตัก และปลอบให้หยุดร้องไห้อย่างอ่อนโยนเหมือนปลอบเด็ก

“อย่าร้องนะครับ คุณอินซอบ ไม่เป็นไรแล้วนะ”

แม้อินซอบจะพยักหน้า แต่การร้องไห้ที่เกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่งกลับไม่หยุดง่ายๆ หยดน้ำตาไหลลงมาจากดวงตากลมโตโดยไม่หยุดพัก

อีอูยอนไม่ชอบเห็นใครร้องไห้และเกลียดเสียงร้องไห้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะมันเป็นสภาพที่แสดงความรู้สึกอ่อนแอออกมามากที่สุด

แต่ว่านี่มัน

“ฮึก…ขอโทษครับ”

ใบหน้าของอินซอบเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา

ใต้ตาที่แดงก่ำ ขนตายาวที่เปียกชุ่ม และริมฝีปากที่สั่นเล็กน้อย

อินซอบร้องไห้ได้สวยจนแค่เห็นภาพตอนร้องไห้เขาก็แข็งแล้ว แต่มันไม่จบแค่นั้น

“ผมเป็นแบบนั้น เพราะ…เพราะตกใจครับ เดี๋ยวผมจะหยุดแล้วครับ…ฮึก”

ช่วงล่างของเขาไม่ได้ปวดหนึบแค่อย่างเดียว แต่ทุกครั้งที่อินซอบร้องไห้ เขาจะรู้สึกปวดใจจนหายใจลำบาก

แม่งเอ๊ย สมองใช้การไม่ได้อย่างเดียวก็พอแล้วมั้ง

อีอูยอนถอนหายใจและซุกหน้าลงกับไหล่ของอินซอบ เขากอดแผ่นหลังของอินซอบไว้แน่นและปลอบเบาๆ ว่าอย่าร้องไห้

เขารู้สึกว่าอินซอบพยักหน้าเบาๆ อีอูยอนลูบหลังของอินซอบและรอให้หยุดร้องไห้

เสียงร้องไห้ที่สะอึกสะอื้นอยู่สักพักค่อยๆ เบาลง แม้การร้องไห้จะหยุดลงไปแล้ว แต่ความอับอายก็ทำให้อินซอบไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้

“ร้องเสร็จแล้วหรือยังครับ”

“…ครับ”

“กลัวคังยองโมขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

“เปล่าครับ”

อินซอบส่ายหน้า ความรู้สึกเกี่ยวกับคังยองโมเป็นความรู้สึกไม่สบายใจมากกว่าความกลัว ถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือเขาไม่อยากให้คังยองโมยุ่งเกี่ยวกับอีอูยอน เขากลัวว่าฝ่ายนั้นจะทำให้ชีวิตของอีอูยอนพัง

“ทำไมถึงกลัวขนาดนั้นล่ะครับ”

อีอูยอนพูดเหมือนแหย่เล่น

“ไม่ใช่นะครับ”

แม้อินซอบจะพยายามค้าน แต่เขาก็ไม่มีพลังโน้มน้าวใจมากพอหลังจากที่เพิ่งร้องไห้งอแง อีอูยอนลูบหลังอินซอบอยู่ตลอดเวลา

“…โล่งอกไปทีนะครับที่คุณอีอูยอนไม่ได้บาดเจ็บ”

อีอูยอนจ้องมองคนที่เป็นห่วงตนจากใจจริงโดยไม่พูดอะไร คำพูดที่อินซอบพูดว่าเป็นห่วงตนโดยไม่จำเป็นนั้น ต่อให้ฟังอีกกี่รอบเขาก็ยังชอบอยู่ดี เพราะมันทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนที่อ่อนแอ ไม่เก่งพอ และต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนปกติ

“ทำยังไงดีล่ะครับ เสื้อผ้าพังหมดเลย”

อินซอบมองเสื้อไหมพรมที่เปื้อนกาแฟเต็มไปหมดพลางขมวดคิ้ว

“ทำยังไงดีล่ะครับ คุณอินซอบช่วยอมให้ได้ไหมครับ”

“ครับ ผมจะอมให้ครับ”

อินซอบรีบเงยหน้าขึ้นมาพูด เขาสบตากับอีอูยอน หลังจากกะพริบตาอยู่หนึ่งครั้ง อินซอบถึงตระหนักได้ว่าตัวเองเลือกใช้คำผิด

“…ผมจะเอาไปซักให้ครับ”

แม้เขาจะรีบแก้ แต่อีอูยอนก็ยิ้มตาหยีกลับมาให้ก่อนแล้ว

“ตอนที่เห็นว่าคังยองโมแตะต้องคุณอินซอบ ผมอยากจะฆ่ามันให้ตายไปเลยล่ะครับ”

ทันทีที่ได้ยินว่าอินซอบคิดจะไปเดท อีอูยอนก็ไปที่ห้องของกรรมการผู้จัดการคิมเพื่องัดลิ้นชักโต๊ะทำงานที่ถูกล็อกเอาไว้ และหยิบกุญแจรถยนต์ออกมา อีอูยอนมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้งในขณะที่เดินลงบันได ท้องฟ้าแจ่มใส เขาไม่เข้าใจคำพูดที่ว่าถ้าอากาศดี อารมณ์ก็จะดีไปด้วย เพราะอากาศก็เป็นแค่สภาพของดินฟ้าอากาศเท่านั้น

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ชอบที่อินซอบวางแผนจะไปเดทเพราะอากาศดี อีอูยอนเดินลงบันไดอย่างว่องไว

แต่ตอนที่เขาเข้ามาในออฟฟิศ เขาก็ต้องสงสัยในสายตาของตัวเองไปพักหนึ่ง คังยองโมกำลังตีแก้มอินซอบเบาๆ และทำเหมือนเล่นของเล่น เขาเดินเข้าไปหาคังยองโม แม้จะอยากผ่ากบาลของไอ้นั่นเป็นสองซีกตรงนั้น แต่เขาก็คิดว่าจะเก็บไว้เป็นความสนุกทีหลัง

“แต่ผมก็ทนไว้ครับ”

การที่เขาใช้ตัวบังกาแฟที่สาดใส่อินซอบเป็นการตอบสนองโดยอัตโนมัติ หลังจากที่โดนกาแฟสาด อีอูยอนก็ต้องควบคุมลมหายใจอยู่พักหนึ่ง ความคิดภายในหัวถูกจัดการอย่างสุขุม แต่เขาคิดเหตุผลที่จะไม่ฆ่าคังยองโมให้ตายเดี๋ยวนี้ไม่ออกเลย แล้วเขาก็สบตากับอินซอบในจังหวะที่กำลังจะเลือกหยิบเก้าอี้ขึ้นมาฟาดหัวคังยองโมพอดี

“…ผมอดทนอย่างยากลำบาก”

ดวงตาคู่นั้นเหมือนจะร้องไห้ ด้วยดวงตาคู่นั้นอีกฝ่ายทั้งกลั้นร้องไห้และรั้งเขาไว้ในเวลาเดียวกัน เขาคิดว่าถ้าอีกฝ่ายต้องการ ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้งเขาก็จะทนไว้

อีอูยอนเสยผมของที่เปียกชื้นของอินซอบขึ้น และกดจูบลงบนเปลือกตาที่บวมช้ำจากการร้องไห้

“เก่งมากครับ”

อินซอบลังเลก่อนจะวางมือลงบนศีรษะของอีอูยอนและลูบเบาๆ เหมือนเด็กที่ลูบหัวของสัตว์ร้ายทั้งที่ตัวสั่นเทา อีอูยอนกลั้นหัวเราะ

“เพราะฉะนั้นคุณช่วยทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่การนำไปส่งซักให้หน่อยนะครับ ขอร้องล่ะครับ”

อีอูยอนใช้นิ้วโป้งกดริมฝีปากของอินซอบเบาๆ พลางพูด อินซอบหน้าแดง และแดงไปจนถึงต้นคอ

“ขะ ข้างนอก…”

“ไม่มีใครมาตรงนี้หรอกครับ แล้วก็มองไม่เห็นด้วย”

อีอูยอนหยิบกุญแจรถออกมาล็อกประตู

“ไม่มีคนเข้ามาด้วยครับ”

“…”

อีอูยอนทำหน้าเคร่งเครียดและเอ่ยถามว่า ‘ไม่ชอบเหรอครับ’

“ปะ เปล่าครับ ไม่ใช่อย่างนั้น…”

อินซอบก้มหน้าและพูดพึมพำ มันนานมากแล้วจริงๆ นี่เกือบจะเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำหลังจากที่เขาขอไม่ให้แตะเนื้อต้องตัวข้างนอก เขาควรจะปฏิเสธ นั่นเป็นหน้าที่หลักในฐานะผู้จัดการส่วนตัว แม้จะคิดแบบนั้น แต่เขาก็อดดีใจไม่ได้ที่อีอูยอนต้องการเขา

…คนเราสามารถโง่ขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ

อินซอบกำชายเสื้อของอีอูยอนเอาไว้ในขณะที่คิดทบทวนถึงความละอายใจ

“มองไม่เห็นจากด้านนอกจริงๆ ใช่ไหมครับ”

อินซอบเอ่ยถามเสียงค่อยในขณะที่หลุบตามองด้านล่างด้วยความกังวลใจ

“อย่ากังวลเลยครับ”

เพราะถ้าใครมาเห็น ก็น่าจะต้องโดนควักลูกตาทิ้ง

อีอูยอนเก็บคำพูดต่อท้ายเอาไว้ และใช้นิ้วกดริมฝีปากของอินซอบ อินซอบอ้าปากอย่างช้าๆ อีอูยอนสอดนิ้วชี้เข้าไปในปากของอินซอบ ขนตาของอินซอบสั่นระริก

“ของที่ใหญ่กว่านี้จะถูกใส่เข้าไปนะครับ ถ้าแค่นิ้วยังลำบาก แล้วจะทำยังไงล่ะครับ”

มีความปรารถนาที่รุนแรงแฝงอยู่ในคำพูดที่ฟังดูเหมือนกับความเป็นห่วงที่อ่อนโยน อีอูยอนใช้มือข้างหนึ่งจับคางของอินซอบไว้เพื่อไม่ให้ปิดปาก และเพิ่มจำนวนนิ้วที่ใส่เข้าไปในปากเรื่อยๆ

ของเหลวที่ไม่สามารถกลืนลงไปได้ไหลลงมาตามคางของอินซอบ อีอูยอนดึงมือของอินซอบมาไว้ที่กางเกงของตัวเอง แก่นกายที่แข็งขืนด้วยความคาดหวังเผยถึงการมีอยู่ของมันผ่านเนื้อผ้า

“ช่วยเลียให้ทีนะครับ”

อีอูยอนถูมือของอินซอบกับเครื่องเพศของตัวเองพร้อมกับขอร้องอย่างสุภาพ อินซอบพยักหน้า พออีอูยอนถอนนิ้วออกไป อินซอบก็ลงไปนั่งคุกเข่าตรงด้านล่างของเบาะรถ

เขานึกถึงคำยืนกรานของกรรมการผู้จัดการคิมที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟตอนพูดถึงคุณค่าของพื้นที่ระหว่างเบาะหน้ากับเบาะหลังของรถซีดานคันนี้ เพราะคำดูถูกที่ว่าทำไมถึงต้องใช้เงินขนาดนั้นในการซื้อรถคันหนึ่ง

“มีคุณค่าจริงๆ ด้วยครับ”

“ครับ?”

“เปล่าครับ ทำต่อเถอะครับ”

อีอูยอนว่าพลางลูบหัวอินซอบ ในตอนที่อินซอบยื่นมือออกมาราวกับตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว เสียงโทรศัพท์ก็ดังแทรกความเงียบขึ้นมา อีอูยอนหยิบโทรศัพท์มือถือของอินซอบออกมาจากกระเป๋า และรับสายแทนอินซอบที่ตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจไปแล้ว

“ว่าไงครับกรรมการผู้จัดการ”

[อีอูยอน…!]

“ผมไม่ได้ฆ่าครับ แล้วก็จะไม่ฆ่าด้วย แต่ถ้าโทรศัพท์มาหลังจากนี้ ผมอาจจะเปลี่ยนใจฆ่านะครับ”

อีอูยอนวางสายไปก่อนที่กรรมการผู้จัดการคิมจะทันได้พูดต่อ และปิดเครื่อง

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท