บทที่ 755 ความคุ้มครองจากผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะ
เต๋อคุนจื่อรู้สึกว่าตนเองพลาดทันทีที่สัมผัสได้ถึงแรงสังหารจากหวังเป่าเล่อ เขาอาจเป็นทาสรับใช้ที่ถูกตีตรา จึงต้องทำตามสิ่งที่หวังเป่าเล่อต้องการทุกอย่าง แต่เขาเองก็ไม่อยากก้าวเท้าเข้าไปแหย่สามสำนักใหญ่ หากไม่ใช่ทางเลือกสุดท้ายของชีวิตจริงๆ สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำเพิ่งก้าวขึ้นมามีอำนาจ จึงทำให้สำนักนี้ให้ความสำคัญกับการปกป้องพวกพ้องของตนเองเป็นอันมาก จากสิ่งที่เขาได้ยินคนอื่นพูดกันมา สำนักนี้ขึ้นชื่อเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สำนักอื่น ความชั่วร้ายโหดเหี้ยมของพวกเขาระบือไปไกล
จิตใต้สำนักของเต๋อคุนจื่อบอกเขาให้พยายามทำให้หวังเป่าเล่อใจเย็นลง และโน้มน้าวจิตใจอีกฝ่ายให้อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามเป็นอันขาด แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไร กองทหารมังกรหยดหมึกก็ชิงโจมตีเสียก่อน!
ห้วงอวกาศสั่นสะเทือนทันทีที่ลำแสงสีม่วงแปดสายระเบิดออกมาจากเรือบินรบกองทัพมังกรหยดหมึก และเข้าปะทะเรือบินรบของสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ในทันที ลำแสงสีม่วงกลายสภาพไปเป็นตาข่ายสีม่วงแปดชั้นที่กักขังพวกเขาเอาไว้ภายใน ก่อนที่ตกข่ายนั้นจะถูกกระชากอย่างแรงลากพวกเขาไปด้วยตามทาง ดูเหมือนว่ากองทหารมังกรหยดหมึกจะตั้งใจใช้กำลังชิงตัวพวกเขาไป
พลังรุนแรงที่แผ่ออกมาจากตาข่ายสีม่วงแปดชั้นทำให้สานุศิษย์จากสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์พากันกระอักเลือดออกมา ร่างกายทานทนแรงกดดันนี้เอาไว้ไม่ไหว กระทั่งผู้ที่มีปราณอยู่ในขั้นจุติวิญญาณก็ยังรับมือไม่ได้ เต๋อคุนจื่อตัวสั่นเล็กน้อย หัวใจเต้นระรัวด้วยความกระวนกระวายและความกลัวที่ตีกันวุ่นวายไปหมด เขามองหน้าหวังเป่าเล่อ ส่งข้อความเสียงไปหาชายหนุ่มในทันที
“นายท่าน ปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปเสียเถิด หากท่านทำให้กองทัพมังกรหยดหมึกไม่พอใจ ก็เท่ากับว่าท่านกำลังหาเรื่องสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำอยู่ นอกเสียจากว่าเราจะอยู่ในอาณาเขตของสำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ไปตลอดชีวิต เราจะมีปัญหาแน่นอนหากก้าวสู่บริเวณอื่นในอนาคต!”
สีหน้าของหวังเป่าเล่อเย็นเยียบขึ้นอีกเมื่อได้ยินเสียงของเต๋อคุนจื่อ ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ได้ต้องการสร้างปัญหาโดยไม่จำเป็นแม้แต่น้อย และกำลังจะปล่อยให้อีกฝ่ายยึดทรัพยากรไปด้วยซ้ำ แม้จะเสียดายไม่น้อย แต่ก็เป็นการตัดสินใจที่เขามองว่าเป็นผลดีในระยะยาว ทว่าเรือบินรบที่ชายหนุ่มพากเพียรหลอมมาเองกับมือมีความหมายกับเขามาก เขาใช้ทั้งเวลา ทั้งความพยายาม ทั้งทรัพยากรไปมากมายในการสร้างมันขึ้นมา ไม่มีทางที่เขาจะยอมปล่อยให้มันตกไปอยู่ในมือของคนอื่นแน่นอน
ในตอนนั้นเอง ใครบางคนในเรือบินรบของกองทหารมังกรหยดหมึกก็พ่นลมเยาะเย้ยออกมา
“ข้าให้เวลาสามวินาที ไสหัวไปให้พ้น!” รอยแยกปรากฏขึ้นในตาข่ายในทันที พลังที่ระเบิดออกมาดีดให้ผู้ฝึกตนจากสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์ปลิวออกไปนอกเรือบินรบ กระจัดกระจายไปในอวกาศ
มีเพียงหวังเป่าเล่อเท่านั้นที่ยังคงยืดหยัดอยู่ที่เดิมบนเรือบินรบของเขา
“ไม่ยอมไปรึ” เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อแข็งข้อ เสียงเดิมก็เยาะเย้ยอีกครั้ง ผู้ฝึกตนแปดคนปรากฏตัวเข้าล้อมเรือบินรบของหวังเป่าเล่อเอาไว้ในทันที ต่างพากันปล่อยพลังปราณขั้นเชื่อมวิญญาณโดยไม่ลังเล พลังของพวกเขาไหลบ่าเข้าท่วมห้วงอวกาศบริเวณนี้ทั้งหมดเหมือนน้ำป่าเชี่ยวกราก
“เป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณแต่กลับไม้รู้จักที่ต่ำที่สูง หากเจ้าอยากอยู่นัก ก็อย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากที่นี่อีกเลย!” เสียงเดิมที่อัดแน่นไปด้วยคำขู่ดังลั่นอีกครั้ง เจ้าของเสียงคือชายชราผมขาวโพลน ผู้มีสีหน้าเย็นชาหยิ่งยโส ดวงตาของเขาเย็นเยียบจนราวกับสามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้
สีหน้าของเต๋อคุนจื่อโกรธเกรี้ยวถึงที่สุด เขาถูกถีบออกจากเรือบินรบของตนเอง ทั้งตอนนี้ยังต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณอีกแปดคน เต๋อคุนจื่อลอยอยู่ไกลจากเรือบินรบ จิตใจปั่นป่วนกระสับกระส่ายไปหมด เขาทั้งกลัวและยำเกรงอำนาจของสำนักใหญ่ แต่ก็ยังรู้สึกอับอายและโกรธเกรี้ยวที่โดนปล้นซึ่งๆ หน้าด้วยเช่นกัน เขากำหมดแน่นสลับคลายหมัดออกตามอารมณ์ที่ปั่นป่วนอยู่ในใจ
สีหน้าของหวังเป่าเล่อนั้นสงบนิ่งกว่าแม้จะถูกล้อมไว้โดยผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณถึงแปดคน เขายืนอยู่เหนือเรือบินรบของตนเอง กวาดสายตามองศัตรูตรงหน้า ดวงตาหยุดอยู่ที่ชายชราซึ่งก่อนหน้านี้ประกาศว่าจะยึดเรือบินรบของเขา หวังเป่าเล่อจำเสียงชายผู้นี้ได้ในทันที
“เรามาเจรจากันให้เจ้าไม่ต้องยึดเรือบินรบของข้ามิได้หรือ นี่คือรายการทรัพยากรทั้งหมดที่ข้าเสียไปกับการหลอมเรือบินรบลำนี้ ข้าใช้เวลาไปทั้งหมดสามปีด้วยกัน หากเจ้าต้องการเรือบินรบลำนี้ ทำไมไม่จ่ายค่าตอบแทนให้ข้าเสียหน่อยเล่า” หวังเป่าเล่อพูดออกมาช้าๆ หลังจากที่เงียบงันไปสักพัก เมื่อพูดจบเขาก็ยกมือขวาขึ้นโบก แผ่นหยกบินบันทึกรายการพุ่งเข้าใส่ผู้ฝึกตนชราคนนั้นในทันที
“เจ้าอยากได้ค่าตอบแทนรึ” ชายชราหัวเราะด้วยท่าทางที่ดูราวกับเพิ่งได้ยินเรื่องที่ตลกที่สุด เหล่าผู้ฝึกตนรอบกายเขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเช่นกัน โดยเฉพาะผู้ฝึกตนวัยกลางคนที่มีปราณขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นต้นที่ยืนอยู่ด้านขวา สีหน้าของชายผู้นั้นดูเหนือกว่าอย่างชัดเจนและอาบเคลือบไปด้วยการเย้ยหยัน เขาทำท่าเหมือนจะพูดบางสิ่ง แต่แผ่นหยกที่พุ่งเข้าสู่ฝูงชนที่กำลังหัวเราะเยาะนั้นตกไปอยู่ในมือของชายชราเสียก่อน เขาบีบแผ่นหยกแหลกคามือ ทันใดนั้นเปลวไฟสีดำก็พวยพุ่งออกมาจากแผ่นหยกที่แตกสลาย ทะเลเพลิงมืดมิดไหลเข้าท่วมทั่วบริเวณในทันที!
ทุกสิ่งเกิดขึ้นในพริบตา เปลวไฟสีดำแผ่พุ่งออกจากแผ่นหยก กลายสภาพเป็นทะเลเพลิงในห้วงอวกาศที่ผนึกบริเวณนั้นเอาไว้ไม่ให้ใครออกมาได้ ทะเลเพลิงเข้าล้อมกองทหารมังกรหยดหมึก กักขังพวกเขาเอาไว้ภายใน ไม่อนุญาตให้พลังปราณรูปแบบใดก็ตามออกจากพื้นที่แห่งนั้นได้ ผู้ฝึกตนทั้งแปดคนนั้นถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง!
ทันทีที่ผนึกเสร็จสมบูรณ์ หวังเป่าเล่อก็กระโจนไปข้างหน้าด้วยความเร็วราวกับเป็นลูกดอก เขาหายไปในพริบตาก่อนปรากฏขึ้นข้างๆ กองทหาร ตอนที่ศัตรูกำลังจะตอบโต้การเข้าประชิดตัวของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มก็ยกมือขวาขึ้นคว้าศีรษะของผู้ฝึกตนชราที่เปิดฉากหัวเราะเยาะเขาขึ้นมาก่อนคนแรกเอาไว้
เกราะจักรพรรดิกำเนิดขึ้นบนตัว ก่อนเปลี่ยนสภาพกลายเป็นอุ้งมือหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว เสียงเหมือนสายฟ้าฟาดดังกระหน่ำขึ้น ชายชราดวงตาเบิกโพลง แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร มือขวาของหวังเป่าเล่อก็บีบกะโหลกของชายชราอย่างรุนแรง มันระเบิดดังโพละเหมือนแตงโมที่โดนทุบด้วยค้อน!
ต่อให้ชายชราผู้นี้เป็นผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นกลาง ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะช่วยเขาให้รอดพ้นจากความตายในวินาทีนี้ไปได้ เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะขยับตัวตอบโต้เมื่ออยู่ต่อหน้าหวังเป่าเล่อได้เลย!
ความสามารถในการต่อสู้อันยอดเยี่ยมของหวังเป่าเล่อเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ชายชราจบชีวิตลงอย่างรวดเร็ว แต่ความจริงที่ว่าเขาดูถูกความสามารถของหวังเป่าเล่อ และการที่ชายหนุ่มใช้เปลวไฟสีดำเข้าโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้ชายชราต้องมาตายลงภายในระยะเวลาไม่กี่วินาทีนี้ด้วยเช่นกัน
เลือดสดๆ สาดกระเซ็นไปทั่วทุกหนแห่ง พลังชีวิตเหือดแห้งออกจากร่างที่เหลืออยู่ของชายชรา มันถูกดูดเข้าไปหล่อเลี้ยงเกราะจักรพรรดิในกายของหวังเป่าเล่อ ซากศพไร้ศีรษะเหี่ยวลงในพริบตา ก่อนถูกโยนทิ้งให้ลอยละล่องไปในห้วงอวกาศทันทีที่ชายหนุ่มปล่อยมือ
ความตายโดยไม่ทันตั้งตัวนี้ทำให้ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณอีกเจ็ดคนที่เหลือ รวมถึงผู้ฝึกตนในเรือบินรบหมึกยักษ์ทั้งหมดจ้องไปที่ฉากน่าสยดสยองโดยไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วเกินไป ต่อให้พวกเขาเป็นนักรบที่มีประสบการณ์โชกโชน แต่ก็ยังทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ในทันที พวกเขาไม่ได้ระวังตัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นในระดับที่มากเท่าตอนออกเดินทางอยู่ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้คือบ้านเกิด ทั้งสำนักที่เผชิญหน้าอยู่ก็เป็นเพียงสำนักย่อย ความสูญเสียจากการออกเดินทางครั้งล่าสุดยังทำให้จิตใจของพวกเขาอ่อนล้าไม่มั่นคงด้วยเช่นกัน
ทว่าอย่างไรเสียพวกเขาก็คือกองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นลำดับเจ็ดของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ เป็นกองทหารมังกรหยดหมึกที่มีพลังซึ่งคนอื่นเทียบไม่ติด สถานการณ์ที่แย่ลงนี้ทำให้เรือบินรบเดินหน้าปฏิบัติการในทันที มันเริ่มใช้พลังการโจมตีโดยมีหวังเป่าเล่อเป็นเป้าหมาย โดยไม่รอคำสั่งจากผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณทั้งเจ็ด
ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณที่เหลือทั้งเจ็ดคนเดินหน้าโต้กลับพร้อมกัน สี่คนพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ ขณะที่อีกสามคนถอยกลับเพื่อติดต่อโลกภายนอก เมื่อรู้ว่าการสื่อสารโดนตัดขาด พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าหัวใจหลักของเรื่องนี้อยู่ที่ตัวหวังเป่าเล่อนั่นเอง ทั้งสามคนคำรามก้อง กระโจนเข้าใส่เปลวไฟที่ล้อมอยู่ด้วยพลังปราณเต็มพิกัด ตั้งใจจะปัดเป่าเปลวไฟสีดำให้หายไปเพื่อปลดปล่อยตนเองและพรรคพวก พร้อมแจ้งข่าวคนภายนอกให้ทราบว่าตนเองกำลังโดนโจมตี
ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในพริบตาเดียวตั้งแต่การโจมตีของหวังเป่าเล่อ ไปจนถึงการโต้กลับของกองทหารมังกรหยดหมึก หวังเป่าเล่อหรี่ตาเมื่อเห็นการโต้กลับอย่างฉับพลันของกองทหารตรงหน้า ขณะที่เรือบินรบกำลังยิงลำแสงออกมานั้น ชายหนุ่มก็พูดด้วยเสียงเย็นชา “ข้าไม่อยากสำแดงพลังที่แท้จริงในที่เช่นนี้หรอกนะ…แต่ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกเสียแล้ว…เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมดทุกคน”
ลำแสงพุ่งทะลุผ่านร่างของหวังเป่าเล่อทันทีที่เขาพูดจบ ตอนนั้นเองผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณทั้งสี่คนก็มาถึงตัวชายหนุ่มเช่นกัน เสียงการต่อสู้ดังอึกทึกครึกโครมในห้วงอวกาศ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนเวทของเรือบินรบหรือของคู่ต่อสู้ทั้งสี่ ก็ล้วนทะลุผ่านร่างของชายหนุ่มไปหมดสิ้น
ร่างของหวังเป่าเล่อพร่าเลือนเปลี่ยนสภาพไปเป็นภาพกึ่งมายา กระจายตัวเป็นหมอกที่พัดผ่านทุกอย่างเบื้องหน้า มุ่งเข้าหาผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณทั้งสามคนที่กำลังพยายามระเบิดผนึกทะเลเพลิงให้เปิดออก!
การโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัวนี้ทำให้กองทหารมังกรหยดหมึกตื่นตกใจอีกครั้ง ผู้ฝึกตนทั้งสามที่ก่อนหน้านี้เร่งทำลายผนึกเปลวไฟสีดำก็ตกใจเช่นกัน ต่างมีสีหน้าตื่นกลัวและแตกฮือในทันที ตอนแรกพวกเขาตั้งใจจะโจมตีผนึกของหวังเป่าเล่อในขณะที่ชายหนุ่มกำลังสาละวนรับมือกับพรรคพวกอีกสี่คนที่เหลือ กลเม็ดนี้อาจใช้ได้กับคนอื่น แต่ไม่ใช่กับหวังเป่าเล่อ!
ร่างของชายหนุ่มกลายเป็นหมอก ภายในหมอกนั้นมีสิ่งหนึ่งที่ซ่อนจากการมองเห็นของศัตรูอยู่ มันคือดวงตาปีศาจนั่นเอง ร่างของชายหนุ่มกลายเป็นเงาทาบทับทุกสิ่งในโลกทะเลเพลิงนี้ ไม่ว่าคู่ต่อสู้ทั้งสามจะเรียกร่างอวตารออกมามากเท่าใด ก็ล้วนหนีเงื้อมมือของเขาไปไม่พ้น ภายในพริบตา หวังเป่าเล่อก็กักขังพวกเขาไว้ในร่างหมอกของตน
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและความกลัวดังก้องไปทั่วจักรวาล เมื่อม่านหมอกม้วนตัวกลับและกลายสภาพไปเป็นหวังเป่าเล่อตามเดิมอีกครั้ง ซากศพทั้งสามก็ลอยละล่องอยู่รอบๆ กายชายหนุ่ม ทุกร่างแห้งเหี่ยวไร้ซึ่งชีวิตและวิญญาณ!
หวังเป่าเล่อรู้ดีว่าตนมีเวลาไม่มากนัก ยิ่งเขาจบเรื่องนี้ได้เร็วเท่าใด ก็ยิ่งได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น เขาไม่ลังเลที่จะกลายสภาพเป็นหมอกอีกครั้ง เพื่อพุ่งเข้าหาผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณอีกสี่คนที่ใจกลางกรงขัง
ผู้ฝึกตนทั้งสี่คนนี้ประกอบไปด้วยชายชราสองคน ชายวัยกลางคนหนึ่ง และชายหนุ่มอีกหนึ่ง ทุกคนมีสีหน้าตกใจและหวาดกลัวเมื่อเห็นสหายของตนเองตายลงอย่างง่ายดายเหมือนไก่ในโรงเชือด เริ่มสงสัยในความสามารถของเพื่อนทั้งสามที่สิ้นชีวิตไป อันตรายคืบเข้ามาใกล้พวกเขา ความตายหายใจรดต้นคอ ทั้งสี่กู่ร้องและถอยหนี ปล่อยพลังซึ่งรุนแรงที่สุดเท่าที่มีเพื่อป้องกันตน
พลังเหล่านี้ทำอะไรหวังเป่าเล่อไม่ได้ตราบใดที่เขายังคงสภาพความเป็นหมอกอยู่ ทั้งสี่ถูกหวังเป่าเล่อล้อมเอาไว้ในทันที ผู้ฝึกตนชราทั้งสองกรีดร้องออกมาก่อนด้วยความเจ็บปวด ร่างเหี่ยวย่นในบัดดล ตามมาด้วยผู้ฝึกตนวัยกลางคนที่ยื้อชีวิตตนเองเอาไว้ได้อีกสามวินาทีก่อนจะแห้งเหี่ยวตามไปเช่นกัน ส่วนคนสุดท้าย ผู้ฝึกตนหนุ่มนั้น…กรีดร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง และกระแทกฝ่ามือตนเองลงบนหน้าผาก ในตอนนั้นเอง…
พลังปราณที่ทำให้หวังเป่าเล่อตื่นตะลึงก็ระเบิดออกมาจากกายของผู้ฝึกตนหนุ่ม หมอกสีแดงพวยพุ่งออกจากทุกรูในร่างก่อตัวขึ้นเป็นฝ่ามือสีแดงเบื้องหน้า พลังปราณที่สั่นสะเทือนได้แม้กระทั่งสวรรค์รวมถึงผืนดิน และทำลายได้ทุกสิ่งที่ขวางหน้า พุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อในทันที
หมอนี่มีผู้ฝึกตนขั้นจิตวิญญาณอมตะคุ้มครองอยู่รึ หวังเป่าเล่อหรี่ตา!
……………………………