รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 203 เจ้าคิดได้อย่างไร ไม่ใช่เขา!

บทที่ 203 เจ้าคิดได้อย่างไร ไม่ใช่เขา!

บทที่ 203 เจ้าคิดได้อย่างไร ไม่ใช่เขา!

ช่างเถอะ!

หยวนอีถอนหายใจด้วยความโล่งอก ฟังจากน้ำเสียงของผู้อาวุโส ผู้อาวุโสไม่ได้ตั้งใจไล่เอาความนาง!

ใคร?

มาทำไม?

ผู้อาวุโสไม่รู้หรือ?

เดิมทีนางเดาว่าผู้อาวุโสรู้เรื่องของดาบมารอมตะแล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสดูเหมือนจะไม่ทราบเรื่องของดาบมารอมตะ

นางไม่กล้าปิดบัง และเล่าเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับดาบมารอมตะ

“ดาบมารอมตะนี้มีนิสัยชั่วร้ายและหลอกลวงผู้คนเก่งนัก ในสมัยโบราณมันทำให้เกิดพายุนองเลือดครั้งใหญ่ขึ้น ข้าไม่รู้ว่ามียอดฝีมือยุคก่อนกี่คนที่เสียชีวิตภายใต้ดาบมารนี้…”

นางบอกเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับที่มาของดาบมารอมตะ ตัวตนของนางและตัวตนของยอดฝีมือของเผ่าอสูรโลหิตอัสนี

“บรรพบุรุษเสียสละตัวเองและปิดผนึกดาบมารอมตะด้วยร่างกายของเขาเอง ดาบมารอมตะเพิ่งทลายผนึกออกมา กลิ่นอายที่บรรพบุรุษทิ้งไว้บนดาบมารอมตะจึงยังไม่หายไป พวกเราตามกลิ่นอายของบรรพบุรุษมาเพื่อค้นหา ซึ่ง…”

หยวนอีหยุดชั่วขณะ นางมองไปที่เซี่ยเหยียนด้วยดวงตากลมโต และพูดอย่างระมัดระวัง “ดาบมารอมตะนี้อยู่บนร่างกายของท่าน!”

“ข้าหรือ?”

เซี่ยเหยียนตกใจ ดาบมารโบราณที่น่ากลัวเช่นนี้อยู่บนร่างของนาง?

เดี๋ยวก่อน… ไม่สิ!

เหตุใดนางจึงจำไม่ได้ว่านางมีดาบมารอมตะอยู่?

“เจ้ากำลังโกหกข้า เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้ว่าได้ดาบมารโบราณเล่มนี้มา?”

เซี่ยเหยียนกล่าว

“ข้าจะโกหกท่านได้อย่างไร! ท่านมีกลิ่นอายของบรรพบุรุษอยู่ในตัว และยอดฝีมือเผ่าอสูรโลหิตอัสนีก็ไล่ตามดาบมารอมตะมาอยู่!”

หยวนอีรีบตอบ

เซี่ยเหยียนอยากจะบอกว่าหยุดเล่นตลกได้แล้ว นางจะไม่รู้เรื่องของตัวเองงั้นหรือ?

ทว่าในตอนที่นางกำลังจะพูดนั้น จู่ ๆ นางก็นึกบางอย่างขึ้นได้

ท่านเซียนหยิบดาบขึ้นมาจากพื้นและขอให้นางเก็บมันไว้ก่อน แล้วค่อยส่งคืนให้ท่านเซียนเมื่อนางกลับถึงเมือง

ท่านเซียนกล่าวว่าวัสดุของดาบนั้นใช้ได้ แต่รูปลักษณ์ของมันนั้นน่าเกลียด และบอกว่าจะหลอมมันใหม่เพื่อทำจอบ

ในยามนั้นนางไม่ได้คิดอะไรมากเพียงแค่รับมันมา

เมื่อได้ยินสิ่งที่หยวนอีพูดแล้ว ดาบที่นางเก็บไว้ควรเป็นดาบมารที่ว่า

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ จู่ ๆ นางก็ตาสว่างขึ้น และนางก็เข้าใจทุกอย่างในทันที!

ท่านเซียนมอบดาบให้นาง และเมื่อครู่บอกว่าคนเหล่านี้ตามนางมา…

เห็นได้ชัดว่าท่านเซียนคาดการณ์ทุกอย่างไว้แล้ว!

ท่านเซียนมอบดาบให้นางล่วงหน้าและชี้ให้เห็นว่าคนเหล่านี้กำลังมาหานาง ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นเพราะท่านเซียนไม่ต้องการออกหน้า แต่ตั้งใจที่จะปล่อยให้นางจัดการ!

‘ท่านเซียนอยู่ในฐานะปุถุชน ดังนั้นเขาจะปรากฏตัวง่าย ๆ ได้อย่างไร! สวรรค์ ข้ามันโง่นัก! พี่สาวหลิงอิน…เตือนข้าแล้ว!’ เซี่ยเหยียนรู้สึกเสียใจและโทษตัวเอง ยามนั้นนางไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้

จริง ๆ ต้องขอบคุณพี่สาวหลิงอินที่เตือนนางก่อน!

หากไม่ใช่เพราะพี่สาวหลิงอิน นางคงทำเสียเรื่องไปหมดแล้ว…

ไม่ผิด

จากนี้ไปนางจะนับหลิงอินเป็นพี่สาว!

หลังจากรู้ตัวตนของหลิงอิน นางก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก นางไม่กล้าปะทะกับหลิงอินอีกต่อไป นางยังเคารพหลิงอินมาก และเรียกหลิงอินว่าพี่สาวของนาง

“ดาบเล่มนั้น… ข้าจำได้แล้ว มันเป็นของข้าจริง ๆ”

เซี่ยเหยียนพยักหน้าและพูดว่า “แต่อย่าคิดถึงดาบเล่มนี้อีกต่อไป ข้า…มีแผนอื่นแล้ว”

นางไม่ปฏิเสธและไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวตนของท่านเซียน จึงบอกไปว่านางได้การเตรียมการอื่นไว้แล้ว

สำหรับการมอบดาบให้หยวนอี…

นางไม่ได้คิดถึงมันเลยด้วยซ้ำ!

ไม่ได้ยินท่านเซียนพูดหรือว่าต้องการที่จะหลอมดาบนี้เป็นจอบ?

ไยต้องคืนด้วย? ย่อมไม่คืนแน่นอน!

“ท่านเก็บมันไว้เถิด!”

หยวนอีรีบตอบ นางไม่กล้าทวงกลับเลย

ตลกนัก คนตรงหน้าคือจักรพรรดิ หรือมีโอกาสเป็นมหาจักรพรรดิด้วยซ้ำ นางจะกล้าท้าทายอีกฝ่ายแล้วขอดาบมารอมตะคืนได้อย่างไร!

นอกเสียจากนางอยากตาย!

“ดี หากเจ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปเสียเถอะ” เซี่ยเหยียนกล่าว

“อ้อ แต่เจ้าบอกว่าจะมีคนมาทีหลังอีกงั้นหรือ? หยุดพวกเขาทั้งหมดไว้ อย่าปล่อยให้มาที่นี่และรบกวนการชมทิวทัศน์ของข้า”

นางพูดต่อ

“เจ้าค่ะ!” หยวนอีตอบรับอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้น เซี่ยเหยียนก็กลับไปที่เรือ

หยวนอีและกลุ่มสมาชิกยอดฝีมือของตระกูลหยวนออกจากที่นี่ไป แต่พวกเขาไม่ได้ไปไหนไกล เพียงเฝ้าอยู่ไม่ไกล ด้วยกลัวว่าสิ่งมีชีวิตที่มาภายหลังจะรบกวนผู้อาวุโสเซี่ยเหยียน

บนเรือ

เมื่อเห็นเซี่ยเหยียนกลับมา หลิงอินก็ถามว่า “มีอะไรหรือ? พวกเขามาที่นี่เพราะเจ้าใช่หรือไม่?”

“ใช่แล้ว!”

เซี่ยเหยียนพยักหน้าและพูดว่า “คนกลุ่มนี้กำลังวางแผนการต่อสำนักไท่หัวของเรา ดังนั้นมาจึงที่นี่เพื่อจัดการข้า คนที่หยุดคนประหลาดเหล่านี้ไว้เมื่อครู่เป็นสหายของสำนักไท่หัวเรา หลังจากที่ข้าไปพูดคุยด้วยก็เข้าใจทุกอย่าแล้ว”

หลังจากได้ยินสิ่งที่เซี่ยเหยียนพูด หลิงอินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าเซี่ยเหยียนจะเข้าใจความหมายของท่านเซียนแล้ว

“ไม่เป็นไร ทุกอย่างเรียบร้อย พวกเราสามารถท่องทะเลสาบ เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ต่อไปได้ และจะไม่ถูกรบกวนอีกต่อไป!”

เซี่ยเหยียนกล่าวต่อ

“ตกลง”

หลี่จิ่วเต้าพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มและไม่พูดอะไรมาก

เขาเดาถูกแล้ว กลุ่มคนประหลาดกลุ่มนี้กำลังมุ่งเป้าไปที่เซี่ยเหยียน

ทว่าเขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา และมันก็ไม่สะดวกที่จะพูดอะไรเกี่ยวโลกแห่งการฝึกตน

แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเซี่ยเหยียน แต่เขาไม่สามารถถลำลึกเกินไปได้ มิฉะนั้นจะเขาจะดูแย่เอา

ชายหนุ่มยังคงชัดเจนและเข้าใจเรื่องนี้ดี

ดังนั้นเขาจึงไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับโลกแห่งการฝึกฝนกับเซี่ยเหยียน

เมื่อก่อนเป็นอย่างนั้น ยามนี้ก็เช่นกัน

อีกด้านหนึ่ง ยอดฝีมือหลายคนจากตระกูลจักรพรรดิแห่งชิงโจวมาที่นี่

หยวนอีหยุดกลุ่มยอดฝีมือของจักรพรรดิทั้งหมดเหล่านี้ไว้

“อย่าไป! ที่นั่นมีผู้อาวุโสที่ยากเกินหยั่งอยู่!”

หยวนอีพูดอย่างเคร่งขรึม

“มีผู้อาวุโสที่ยากเกินหยั่งอยู่ที่นี่ด้วยงั้นหรือ!?”

“จริงหรือหลอก!”

ยอดฝีมือหลายคนจากตระกูลจักรพรรดิ อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความไม่อยากเชื่อเล็กน้อย

เหยียนโจวอ่อนแอกว่าชิงโจวมาก

ผู้อาวุโสแบบใดกันที่สามารถปรากฏตัวที่นี่ได้? ซ้ำยังเป็นผู้อาวุโสที่ไร้เทียมทานปานนั้น!

“ข้าไม่ได้โกหกเจ้า! ผู้อาวุโสคนนั้นอย่างน้อยที่สุดก็เป็นจักรพรรดิ แต่น่าจะเป็นมหาจักรพรรดิมากกว่า!”

หยวนอีกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“อะไรนะ!?”

“เป็นไปได้อย่างไร!?”

ยอดฝีมือทั้งหมดของตระกูลจักรพรรดิต่างหวาดกลัว ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ!

จักรพรรดิปรากฏขึ้นในโลกนี้จริง ๆ!?

หรืออาจเป็นมหาจักรพรรดิก็ได้!

“ใช่คนนั้นหรือไม่?”

ยอดฝีมือพูดอย่างสั่นเทาพลางมองไปที่หลี่จิ่วเต้า

หยวนอีไม่ได้บอกว่าใครคือผู้อาวุโสบนเรือ เขามองดูผู้คนบนเรือและรู้สึกว่าหลี่จิ่วเต้าดูเหมือนผู้อาวุโสคนนั้น

หยวนอีหันไปตามการจ้องมองของยอดฝีมือคนนี้

แล้วนางก็ระเบิดเสียงหัวเราะพร้อมกับเสียง ‘พรืด’ ออกมาพลางพูดว่า “เจ้าคิดได้อย่างไร ไม่ใช่เขา! เขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ผู้อาวุโสคือคนนั้น!” นางไม่รู้จริง ๆ ว่ายอดฝีมือคนนั้นคิดว่าผู้อาวุโสเป็นหลี่จิ่วเต้าได้อย่างไร

นางไม่กล้าชี้นิ้วไปที่ผู้อาวุโสเซี่ยเหยียน เพราะนั่นจะเป็นการไม่เคารพผู้อาวุโสเซี่ยเหยียน นางมองไปที่ผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนเพื่อบอกคนอื่น ๆ ว่าเป็นคนใด

“โอ้ คนนี้นี่เอง!”

ยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งมองตามสายตาของเซี่ยเหยียน ก่อนจะรู้ว่าใครคือผู้อาวุโส

“ผู้สมรู้ร่วมคิดของเผ่าอสูรโลหิตอัสนีอาจจะมาถึงเร็ว ๆ นี้ พวกเราต้องรวบรวมคนของเราทั้งหมดและอยู่ที่นี่ พวกเราต้องไม่ให้ผู้สมรู้ร่วมคิดของเผ่าอสูรโลหิตอัสนีรบกวนผู้อาวุโส!” หยวนอีกล่าวอย่างเคร่งขรึม

ผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนสั่งการ แล้วนางจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร?

นางจะไม่ยอมให้ผู้ใดมารบกวนการเที่ยวชมทะเลสาบของผู้อาวุโสเซี่ยเหยียน!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท