ตอนที่ 214 อาการขั้นวิกฤต
คุณปู่ฟางพลันร้อนใจ เขาวิ่งไปที่หน่วยราชการและโทรหาที่บ้านของนายกเทศมนตรี
คุณปู่ฟางเป็นข้าราชการเกษียณจากเมืองหลวง เมื่อเขาขอความช่วยเหลือ นายกเทศมนตรีก็แก้ปัญหาให้เขาทันที
เขาให้คุณปู่ฟางยืมรถประจำตำแหน่งเพื่อส่งหลินม่ายไปที่โรงพยาบาลผู่จี้ในชั่วข้ามคืน
แพทย์ของโรงพยาบาลผู่จี้ได้ทำการตรวจสอบอย่างเร่งด่วนและพบว่าหลินม่ายมีภาวะโลหิตเป็นพิษ เธอถูกส่งไปยังแผนกผู้ป่วยหนักทันทีเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน
ฟางจั๋วหรานเพิ่งตรวจคนไข้ ทันทีที่เขาออกจากหอพักฟื้นก็เห็นคุณปู่ฟาง
เขาถามพยาบาลคนหนึ่งอย่างกระวนกระวายว่าเกิดอะไรขึ้น
ฟางจั๋วหรานคิดว่าเขาตาฝาด แต่เมื่อมองใกล้ๆ ก็พบว่าเป็นคุณปู่ฟางจริงๆ!
เขาเดินเข้าไปหาและถามอย่างเคร่งขรึม “ปู่ ดึกขนาดนี้มาทำอะไรที่นี่ครับเนี่ย?”
ตอนนี้ดึกมากแล้ว ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเหรอ?
เมื่อคุณปู่ฟางเห็นว่าเป็นเขา ชายชราจึงรีบพูดกับพยาบาลว่า “คนที่ฉันกำลังตามหามาแล้ว”
เขาคว้ามือของฟางจั๋วหราน “จั๋วหราน ม่ายจื่อป่วยหนัก แกรีบไปดูหน่อย!”
ฟางจั๋วหรานพลันรู้สึกหัวสมองว่างเปล่า พูดด้วยความประหลาดใจ “ปู่ ไหนปู่พูดอีกรอบสิ!”
“ม่ายจื่อป่วยหนักและอยู่ในห้องไอซียู หมอบอกว่าสถานการณ์เลวร้ายมาก”
น้ำเสียงของคุณปู่ฟางฟังดูละล่ำละลักเล็กน้อย
ฟางจั๋วหรานตามปู่ของตนไปที่ห้องไอซียู ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังทำการปฐมพยาบาลหลินม่ายอยู่ ส่วนคุณย่าฟางยืนอยู่หน้าห้องไอซียูโดยมีโต้วโต้วอยู่ในอ้อมแขนของเธอ
ทันทีที่คุณย่าฟางเห็นฟางจั๋วหราน นางก็ถามอย่างกระวนกระวาย “ม่ายจื่อเข้าไปในห้องผู้ป่วยหนักแล้วและใส่เครื่องช่วยหายใจ มันจะไม่… มันจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?”
โต้วโต้วถามอย่างกระตือรือร้น “คุณอาศาสตราจารย์ แม่ของหนูจะตายไหม? หนูไม่อยากให้แม่ตาย” หลังจากพูดเธอก็ร้องไห้ออกมา
ฟางจั๋วหรานดึงหล่อนออกจาก้อมแขนของคุณย่าฟางและเช็ดน้ำตาให้ “ไม่ร้องนะครับ แม่หนูจะต้องไม่เป็นอะไร”
เด็กน้อยเอาแขนโอบรอบคอแล้วพูดทั้งน้ำตา “คุณอาจะช่วยแม่ใช่ไหมคะ?”
ฟางจั๋วหรานเงียบ เขาเป็นศัลยแพทย์ และการรักษาอาการติดเชื้อก็เป็นหน้าที่ของแผนกอายุรศาสตร์
“อื้ม อาจะช่วยแม่ของหนู”
หลังจากปลอบเด็กน้อยที่หวาดกลัวแล้ว ฟางจั๋วหรานก็จับมือคุณย่าฟาง “ย่า แม้ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดจะเป็นโรคที่อันตราย แต่มันก็ทุเลาลงได้รวดเร็ว ม่ายจื่อมีสุขภาพที่ดี หล่อนจะสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน”
แต่เขาไม่ได้บอกว่าหากรักษาไม่ได้ผล อัตราการเสียชีวิตก็จะสูงมากเช่นกัน
แม้ฟางจั๋วหรานจะเป็นศาสตราจารย์ด้านการผ่าตัด แต่เขาก็เป็นศาสตราจารย์ เมื่อเขาบอกว่ามันจะไม่เป็นอะไร ก็คือไม่เป็นอะไร
คนชราทั้งสองรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย
ฟางจั๋วหรานอยากจัดให้คนชราทั้งสองกับเด็กน้อยไปพักนอนในห้องพักของเขา
ยกเว้นโต้วโต้วที่ง่วงนอน คนชราทั้งสองก็ไม่ยอมนอน ยืนกรานที่จะรอจนกว่าการช่วยเหลือจะเสร็จสิ้น และคอยฟังผลการรักษาจากปากหมอ
สุดท้ายมีเพียงโต้วโต้วเท่านั้นที่หลับไปในห้องรับรองของฟางจั๋วหราน
กว่าครึ่งชั่วโมงต่อมา แพทย์หลายคนในชุดปลอดเชื้อออกมาจากหอผู้ป่วยหนักของหลินม่าย
คุณปู่คุณย่ารีบก้าวไปข้างหน้า “หมอ คนไข้เป็นยังไงบ้าง”
แพทย์ที่ดูแลตอบอย่างมืออาชีพ “ถ้าผ่านสองวันนี้ไปได้ ก็จะไม่เป็นอะไรครับ”
ฟางจั๋วหรานปลอบโยนคนชราสองคน “ม่ายจื่อไม่เป็นไรแล้ว ปู่ย่าไปนอนที่ห้องรับรองของผมเถอะ อยู่ไปก็เปล่าประโยชน์ ถ้าเป็นอะไรกันขึ้นมา ผมต้องดูแลหลายคนเลย”
คุณย่าฟางส่ายหน้า “ไม่ล่ะ แกนั่นแหละที่ต้องไปพัก ฉันกับปู่จะนั่งพิงอยู่ที่เก้าอี้นี่”
“ผมยังหนุ่มไม่จำเป็นต้องพักผ่อนเยอะ อีกอย่างก็มักจะมีคนไข้ให้ผมต้องรักษาด้วย”
ฟางจั๋วหรานพูดคุยหว่านล้อม และในที่สุดก็เกลี้ยกล่อมให้คนชราสองคนไปนอนที่ห้องพักของเขาได้
หลังจากตกลงกับปู่ย่าเรียบร้อย ฟางจั๋วหรานก็ไปพบแพทย์เจ้าของไข้หลินม่าย
“บอกความจริงมา ว่าคนรักของผมอาการเป็นยังไง”
ทันทีที่นั่งลง เขาก็ถามตรงประเด็น
“คุณดูเองแล้วกัน มันแย่มาก” แพทย์ที่ดูแลยื่นประวัติการรักษาของหลินม่ายให้เขา “จากข้อมูล จะสามารถผ่านช่วงอันตรายได้หรือเปล่าก็ยังน่าเป็นห่วง!”
ฟางจั๋วหรานพลิกดูเวชระเบียนของหลินม่ายทีละหน้า สีหน้าของเขาจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาไปที่ห้องผู้ป่วยหนักและจ้องมองหลินม่ายผ่านกระจกหน้าต่างเป็นเวลานาน พลางอธิษฐานในใจ ม่ายจื่อคุณต้องผ่านมันไปให้ได้ มิฉะนั้น ผมจะไม่มีวันให้อภัยคุณตลอดไป!
ฟางจั๋วหรานกลับไปที่ห้องทำงานของเขา ปลดกระดุมเสื้อ กุมขมับ ไตร่ตรองว่าจะมีแผนการรักษาที่ดีกว่านี้ไหม
แม้ว่าเขาจะเป็นศัลยแพทย์ แต่เขาก็เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์มากเช่นกัน
นักศึกษาฝึกงานสาวสวยเดินเข้ามาพร้อมกับนมมอลต์อุ่นหนึ่งแก้ว “ศาสตราจารย์ฟาง ดื่มนมมอลต์สักแก้วนะคะ จะได้กระปรี้กระเปร่าขึ้น”
ฟางจั๋วหรานถูกรบกวนความคิดก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่นักศึกษาฝึกงานหญิงอย่างเย็นชา
นักศึกษาฝึกงานหญิงรู้สึกเย็นที่สันหลัง และเดินออกไปอย่างเงียบๆ พร้อมนมมอลต์
มีข่าวลือในโรงพยาบาลว่าศาสตราจารย์ฟางดูเหมือนจะเป็นมิตร แต่จริงๆ แล้วเขาไม่ชอบอยู่ใกล้กับคนแปลกหน้า หล่อนไม่เคยเชื่อ พอมาเจอกับตัวก็รู้ว่าเป็นเรื่องจริง
ฟางจั๋วหรานคิดอยู่สักพัก เมื่อคิดแผนการรักษาได้ ก็รีบไปหาหมอเจ้าของไข้ของหลินม่าย
ทั้งสองคุยกันเป็นเวลานาน แม้ว่าแพทย์ผู้รับผิดชอบจะรู้สึกว่าแผนของฟางจั๋วหรานเป็นไปได้ แต่ความเสี่ยงก็มากเกินไปและเขาก็ไม่กล้าเสี่ยง
ดังนั้นจึงเรียกศาสตราจารย์ของโรงพยาบาลมาเพื่อขอคำปรึกษา และในที่สุดก็ตัดสินใจลองดู
……
ในตอนหกถึงเจ็ดโมงเช้า หลินม่ายก็ได้สติ
มองด้วยตาขาวก็รู้ว่าอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ไม่รู้ว่าโรงพยาบาลไหน
เธอหันศีรษะช้าๆ และเห็นฟางจั๋วหรานนอนอยู่บนโซฟาข้างเตียง
ชายคนนั้นดูซีดเซียวมาก หน้าอกของเขาสะท้อนขึ้นลงขณะนอนหลับอย่างเงียบๆ แพขนตาสั่นเล็กน้อย
ลูกกระเดือกนูนจนเห็นชัด มืออันเรียวยาวสะอาดวางอยู่ด้านข้าง ดูแล้วสมชายมาก
ฝนที่ตกลงมานอกหน้าต่างทำให้ผู้คนรู้สึกสงบอย่างอธิบายไม่ได้
หลินม่ายจ้องมองตอหนวดเขียวๆ ของฟางจั๋วหรานด้วยดวงตาเป็นประกายเป็นเวลานาน ช่างดูสมชายชาตรีเหลือเกิน!
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกอิ่มเอมอยู่ในใจว่า อีกไม่กี่ปีข้างหน้าถ้ามีฟางจั๋วหราน เธอคงมีความสุขทุกวัน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะแอบยื่นมือไปแตะคางอันเย้ายวนของเขา
หลังจากแตะคางของเขา เธอก็รู้สึกว่ายังไม่พอ
หลังจ้องมองริมฝีปากบางของชายผู้นั้นเป็นเวลานาน ในที่สุดก็รวบรวมความกล้า ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเผยอปากสีดอกอิงฮวา หลับตาลงแล้วจูบเขาตามอำเภอใจ
เธอไม่รู้ด้วยว่าตัวเองจูบไปตรงไหนของเขา ก่อนรีบนอนลงอย่างรวดเร็วเอาผ้าห่มคลุมศีรษะเล็กๆ อย่างเขินอาย ราวกับว่ามันสามารถปกปิดการกระทำของเธอได้
ฟางจั๋วหรานลอบเปิดเปลือกตาขึ้นชำเลืองมองผู้หญิงตัวเล็กๆ จากนั้นก็หลับตาลงอีกครั้งพร้อมกับมุมปากกระตุกโค้งขึ้น
หลินม่ายรอสองสามนาที เมื่อเห็นว่าฟางจั๋วหรานไม่ขยับ เธอก็แอบร่นผ้าห่มลงแล้วมองออกไป ชายคนนั้น..หลับสนิท
เธอจ้องมองเขา ยิ่งดูมากเท่าใด เธอก็ยิ่งชอบเขามากขึ้นเท่านั้น
เธอเลียริมฝีปาก ผู้ชายคนนี้ช่างหวานล้ำ หลังจากจูบเขาเมื่อกี้แล้วริมฝีปากของเธอก็รู้สึกถึงความหวาน
ความรู้สึกนั้นยอดเยี่ยมมาก!
หรือว่า..อีกสักรอบดี?
คราวนี้ต้องจูบปากเขาให้ได้!
หลินม่ายเลิกคิ้วขึ้นอย่างตื่นเต้น รู้สึกเหมือนโจรสาวกำลังปล้นพลเรือนชาย
เธอลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง เม้มปากเล็กๆ และโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ จูบริมฝีปากของเขาโดยไม่พลาดเป้า และยิ้มอย่างพึงพอใจ
เมื่อเธอกำลังจะถอย ปากเล็กๆของเธอกลับถูกฝ่ายชายดูดกลับเข้าไป
หลินม่ายกลัวจนวิญญาณแทบจะบินออกจากร่าง มองคุณหมอหนุ่มด้วยความตกใจ ซึ่งเขากำลังจ้องมองมาที่เธอด้วยดวงตาสีดำคู่นั้น
หลินม่ายรู้สึกราวกับแมวขโมยที่ถูกจับได้ และฉากนั้นน่าอายมากจนเธออยากจะแทรกแผ่นดินหนี
ชายหนุ่มขบปากเล็กๆ ของเธอเบาๆ แล้วถามขึ้น “แบบนี้พอใจหรือยัง?”
เสียงนั้นช่างนุ่มนวลและไพเราะ
ใบหน้างดงามของหลินม่ายเต็มไปด้วยความเขินอาย เธอพูดเสียงเบาๆ “พอใจแล้ว”
“แต่ผมยังไม่พอใจ”
ว่าแล้วเขาก็ครอบครองริมฝีปากเธอ
จูบของเขาน่าหลงใหลมาก จนสมองของหลินม่ายว่างเปล่าในทันที เธอสูญเสียความสามารถในการคิดโดยสิ้นเชิง
เขาจูบเธอ ริมฝีปากนั้นนุ่มและเย็นเล็กน้อย นุ่มนวลและหนักแน่นจนเธอร้อนไปทั้งตัว…
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พอรอดจากวิกฤตได้ก็ปล้นจูบหมอฟางเลยนะม่ายจื่อ
ไหหม่า(海馬)