ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 3 ตอนที่ 5-6

ภาค 2 เล่ม 3 ตอนที่ 5-6

‘…จะเกิดอุบัติเหตุเอานะครับ’

‘ผมจะมองให้ไม่เกิดอุบัติเหตุครับ’

คำพูดของอีอูยอนทำให้เขาคันคอและหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง น่าขำที่ความรู้สึกเศร้าที่เขารู้สึกจนกระทั่งก่อนจะเข้าไปในออฟฟิศหายไปราวกับเป็นเรื่องโกหก เพราะเขาได้ยินเหตุผลที่อีกฝ่ายไปเยี่ยมแชยอนซอจากปาก แม้จะไม่ได้เอ่ยถาม แต่เหตุผลที่สองคนนั้นเจอกันตอนนั้นก็คงคล้ายกัน เขาสงสัยอะไรอย่างไร้สาระ และน่าจะต้องรีบแก้ไขนิสัยแย่ๆ ที่ชอบคิดและสรุปอะไรไปในทิศทางที่ไม่ดีเอาเองได้แล้ว

ในจังหวะที่อินซอบกำลังตั้งใจพิจารณาตนเอง อีอูยอนก็พูดขึ้นอย่างกะทันหัน

‘วันนี้อากาศดีเนอะ’

อินซอบกะพริบตาให้กับคำพูดที่อีกฝ่ายพูดมาอย่างกะทันหันก่อนจะบอกว่า “นั่นสินะครับ” และหันออกไปมองนอกหน้าต่าง รถกำลังขับผ่านสะพานใหญ่ที่ใช้ข้ามแม่น้ำฮัน ท้องฟ้าปลอดโปร่งเหมาะกับอากาศที่ไม่ร้อนและหนาวจนเกินไป

‘คงต้องกลับบ้านก่อนนะครับ เพราะต้องไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า’

แม้จะใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดไปพอสมควรแล้ว แต่กาแฟที่แห้งติดเสื้อและผมของอีอูยอนก็ยังเปื้อนอยู่อย่างนั้น

‘ครับ งั้นผมจะลงที่นั่นแล้วเดินกลับบ้านครับ’

ไม่มีคำพูดอะไรตอบกลับคำพูดของอินซอบมา หรือว่าจะต้องนั่งรถเมล์ไปนะ ในระหว่างที่อินซอบกำลังครุ่นคิด อีอูยอนก็ใช้กระจกมองหลังมองก่อนจะเอ่ยถาม

‘จะไปไหนเหรอครับ’

น้ำเสียงที่ถามแบบนั้นต่ำแปลกๆ

‘เดี๋ยวผมจะไปเยี่ยมอาเธอร์กับไอแซกน่ะครับ พรุ่งนี้ทั้งสองตัวจะถูกรับไปเลี้ยงแล้ว’

‘อ๋อ แมว’

อีอูยอนตอบสั้นๆ เขาเท้าแขนกับหน้าต่างฝั่งคนขับ และขับรถโดยมองแค่หน้าอย่างเดียวโดยไม่พูดอะไร

เดิมทีเขาคิดว่าจะชวนให้อีอูยอนใช้เวลาด้วยกัน ถึงจะไม่ได้นัดกันไว้ แต่อินซอบก็รู้สึกผิดอย่างไม่จำเป็น

‘แล้วที่เหลือล่ะครับ’

อีอูยอนเอ่ยถามอย่างกะทันหัน

‘ครับ?’

‘อีกสองตัวที่เหลือใครจะเอาไปเหรอครับ’

‘จอห์นกับโลอิสยังไม่ได้ตัดสินใจเลยครับ’

‘ผมเลี้ยงดีไหมครับ’

พอเห็นอินซอบพูดไม่ออก เพราะข้อเสนอที่กะทันหันนั้น อีอูยอนก็หัวเราะช้าๆ

‘จริงสิ มันควรจะเจอเจ้าของที่ดีสินะ’

คำพูดที่พูดเหมือนพูดคนเดียวทำให้อินซอบปวดใจอย่างไม่รู้สาเหตุ

‘ไม่ใช่นะครับ คุณอีอูยอนก็เป็นเจ้าของที่ดีได้ครับ’

แม้อีอูยอนจะไม่ชอบสัตว์ แต่อินซอบเชื่อว่าอีกฝ่ายจะมีความรับผิดชอบหากบอกว่าจะเลี้ยง

‘งั้นก็ดีสิครับ’

อีอูยอนเหยียบคันเร่งเบาๆ ขณะพูด แล้วก็ไม่พูดอะไรอีกเลยจนกระทั่งส่งอินซอบลงตรงหน้าบ้าน

อารมณ์เสียเพราะเราบอกว่าจะไปเยี่ยมแมวเหรอ หรือเพราะว่าเราไม่ได้ชมทันทีที่เขาบอกว่าจะเลี้ยงแมว

อินซอบอาบน้ำออกมาและทบทวนบทสนทนาที่คุยกันเมื่อกี้ในขณะที่เช็ดผมให้แห้ง

หรือว่ามีคำพูดที่อยากจะพูดนะ

แม้จะลองคิดแต่ก็ไม่ได้คำตอบออกมา อีอูยอนไม่ได้มีนิสัยเก็บสิ่งที่อยากทำเอาไว้ และซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองอยู่เสมอ แต่ช่วงนี้เขากลับรู้สึกเหมือนว่าถอยหลังอีกแค่ก้าวเดียวก็จะถึงทางตัน เหมือนอีกฝ่ายกำลังซ่อนความรู้สึกของตัวเอง…

“ไม่ใช่หรอก”

อินซอบรีบส่ายหัว ปัญหาก็คือถ้าเขารู้สึกกังวลใจ ความคิดของเขาก็จะเป็นไปในทิศทางลบอยู่เรื่อย

อินซอบใส่เสื้อและเริ่มพิมพ์ข้อความถึงอีอูยอน

[ถึงบ้านอย่างปลอดภัยหรือเปล่าครับ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร วันนี้ผมจะถ่ายรูปของจอห์นกับโลอิสส่งไปให้นะครับ]

ในตอนที่เขาพิมพ์ข้อความเสร็จแล้ว และกำลังจะกดส่ง ยุนอารึมก็โทรศัพท์มาหา

“ฮัลโหล”

[คุณอินซอบ ตอนนี้อยู่ที่ไหนคะ]

“ผมกำลังจะออกจากบ้านครับ”

[งั้นอีกยี่สิบนาทีค่อยมานะคะ ฉันพาเจ้าคงไปโรงพยาบาล และกำลังจะกลับบ้านค่ะ ฉันเอารถมา เดี๋ยวคุณออกมารอที่หน้าบ้านก็ได้ค่ะ]

“ไม่เป็นไรครับ เดินไปแป๊บเดียวเอง”

[ยังไงก็เป็นทางที่ฉันจะไปอยู่แล้วนี่คะ เดี๋ยวเจอกันค่ะ]

หญิงสาววางสายไปก่อนที่อินซอบจะทันได้ปฏิเสธ ยุนอารึมมีนิสัยง่ายๆ พอๆ กับที่อ่อนโยน หากเขานิสัยเหมือนเธอได้สักเสี้ยวหนึ่งก็น่าจะดี

อินซอบถอนหายใจเล็กน้อย และลองอ่านข้อความที่จะส่งหาอีอูยอนอีกครั้ง

ลบข้อความที่บอกว่าจะส่งรูปแมวไปให้ดีไหม หรือว่าจะบอกเพิ่มดีว่าถ้าเสร็จธุระแล้วเรามาเจอกันหน่อยไหมดี หรือจะบอกว่าเดี๋ยวจะเอาเสื้อตัวนั้นไปซักให้ดีนะ ไม่สิ ถ้าทำให้บรรยากาศแปลกประหลาดขึ้นมาอีกโดยไม่จำเป็นจะทำยังไงล่ะ

อินซอบที่นึกถึงเรื่องที่เกิดในรถหน้าแดงและใช้มือปิดปากเอาไว้ เขามองหน้าจอโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่งพลางร้องคร่ำครวญ สุดท้ายก็ลบข้อความที่เขียนทิ้งจนหมด และส่งข้อความสั้นๆ ไปแทน

[กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยหรือเปล่าครับ]

อินซอบส่งข้อความไป และยืนเหม่อลอยรอข้อความตอบกลับ

อีอูยอนมักจะอ่านหนังสือหรือดูหนังในเวลาพักผ่อน และไม่ใช่พวกที่จะใช้เวลาไปกับการกำมือถือไว้ในมือ

“…”

นอกเสียจากว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเขาถึงจะตอบกลับมาทันที

อินซอบก้มมองโทรศัพท์ เขายอมแพ้และสวมรองเท้า เพราะการรออีกฝ่ายดีกว่าให้อีกฝ่ายมารอตัวเอง แม้จะถูกสั่งให้ลงไปในอีกยี่สิบนาทีก็ตาม

อินซอบเช็กโทรศัพท์อยู่หลายครั้งในขณะที่ลงบันได

โกรธเหรอ

เขารู้ว่าที่จริงแล้วอีอูยอนไม่ยินดีที่เขาเจอกับยุนอารึม ดังนั้นเขาจึงไปเยี่ยมแมวให้น้อยที่สุด และไม่ติดต่ออะไรที่ไม่จำเป็น

แม้จะไม่เคยพูดให้ใครฟัง แต่อินซอบชอบการพบปะกับครอบครัวของยุนอารึม เขาชอบทุกคน ทั้งแม่ของยุนอารึมที่ถามเขาทุกครั้งที่เจอกันว่ากินข้าวหรือยัง พ่อที่ดูน่ากลัว แต่มีจิตใจที่อ่อนโยน และยุนอารึมที่มีนิสัยสดใสร่าเริง และเฉลียวฉลาด เขานึกถึงครอบครัวที่อยู่ที่อเมริกาโดยอัตโนมัติเวลาที่เห็นพวกเขาส่งเสียงดังเอะอะ ถ้าได้กินข้าวด้วยกัน เขาจะรู้สึกเหมือนได้อยู่กับครอบครัว ดังนั้นเขาก็เลยชอบมาก

แต่

“ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ”

อินซอบถอนหายใจเบาๆ เขาตัดสินใจว่าเมื่อเลือกที่อยู่ของโลอิสกับจอห์นได้แล้ว เขาจะไม่ติดต่อกับยุนอารึมอีก เพราะสิ่งที่ทำให้เขากลับมาที่เกาหลีคืออีอูยอน เขาจึงไม่อยากจะสร้างเหตุผลอะไรก็ตามที่จะสั่นคลอนความสัมพันธ์กับอีกฝ่าย

แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่ปวดใจ เพราะนี่เป็นความสัมพันธ์กับมนุษย์ที่เขาสร้างขึ้นด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกหลังจากที่มาเกาหลี และเป็นบรรดาคนที่เขารู้สึกขอบคุณที่เขาได้รับมากกว่าที่ให้ไป ถ้าจัดการทุกอย่างแบบนี้ สิ่งที่ตนเหลือก็จะมีเพียงแค่อีอูยอนเท่านั้น และเขาก็คิดอย่างเศร้าใจว่าถ้าเขาเลิกกับอีอูยอน เขาก็จะไม่เหลืออะไรเลย

“คิดแต่เรื่องดีๆ เถอะ คิดแต่เรื่องดีๆ”

อินซอบพึมพำราวกับท่องคาถาก่อนที่เรื่องจะเป็นไปในทิศทางลบ

พอเจอเจ้าคงที่ไม่ได้เจอกันมานานแล้ว เราจะต้องฝังจมูกลงกับขนสีขาวนุ่ม และกอดให้แน่น…คิดถึงวิลจัง เหมือนน้ำตาจะไหลเลย…ไม่ได้นะ คิดแต่เรื่องดีๆ สิ คิดแต่เรื่องดีๆ

อินซอบก้าวเดินพร้อมกับเหยียบความคิดแย่ๆ ให้แน่นทุกครั้งที่ลงบันไดทีละขั้น

“อ้าว ห้อง 501”

เสียงที่คุ้นเคยทำให้อินซอบเงยหน้าขึ้น

“สวัสดีครับ”

“จะไปไหนในเวลาแบบนี้ล่ะถึงได้แต่งตัวแบบนั้น”

ผู้ชายที่สูบบุหรี่ในขณะที่เดินขึ้นมาหรี่ตาก่อนจะพูดด้วย

“ผมมีนัดน่ะครับ ลาก่อนครับ”

อินซอบรีบก้มหัวลา และลงบันไดผ่านผู้ชายคนนั้นไป เพราะผู้ชายตรงหน้าทำให้เขาอึดอัด นอกเหนือจากปัญหาเรื่องแมวแล้ว ตัวเขาเองก็ไม่สบายใจที่จะพูดคุยด้วย

“จะไปเจอเพื่อนที่เป็นดาราเหรอ”

คำว่าเพื่อนที่เป็นดาราทำให้อินซอบหันกลับมามองด้วยความตกใจ

“มีรถของดาราจอดอยู่ข้างหน้า เป็นเพื่อนนายไม่ใช่เหรอ”

“อ๋อ ครับ ขอบคุณครับ”

“เฮ้ย! คราวหน้าเรียกฉันไปด้วยสิ เข้าใจไหม”

อินซอบรีบเอ่ยลาและวิ่งลงบันได เขารู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกในตอนที่ลงมาถึงชั้นสอง เป็นอาการที่คล้ายกับเมื่อตอนกลางวัน พอเขาค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ความเจ็บก็หายไปราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ยังเหลือเวลาอีกนิดหน่อยกว่าจะถึงเวลาที่ต้องตรวจสุขภาพตามกำหนด …แต่ดูเหมือนจะต้องหาเวลาไปโรงพยาบาลสักครั้งแล้ว

อินซอบขยับขาเดินอีกครั้ง

นี่มันเรื่องอะไรกัน โทรศัพท์ก็ไม่ยอมโทรมา เซอร์ไพรส์เหรอ ถ้ามาตอนนี้ ก็น่าจะได้เห็นหน้ากันแค่แป๊บเดียวเอง หรือจะชวนไปเยี่ยมแมวด้วยกัน และไปดื่มกาแฟกันสักแก้วต่อดีล่ะ …ถึงจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ก็ดีใจไปก่อนแล้วกัน

อินซอบมองไปรอบๆ ทันทีที่ลงมาถึงชั้นหนึ่ง แต่เขาไม่เห็นรถที่อีอูยอนนั่งเลย

“อยู่ที่ไหนนะ”

อินซอบหยิบโทรศัพท์ออกมา เขากำลังจะโทรศัพท์หาอีอูยอน แต่ใครบางก็แตะไหล่เขาจากทางด้านหลัง

“…!”

เขาเกือบจะทำโทรศัพท์ตกทั้งอย่างนั้น

“ตกใจอะไรขนาดนั้น เพิ่งเคยเจอคนครั้งแรกเหรอ”

คนที่เขาคาดไม่ถึงกำลังยืนอยู่ตรงนั้น อินซอบพูดไม่ออก เขาจ้องมองอีกฝ่ายและก้มหัวให้

“เมื่อกี้ก็เจอกันนี่ จะทักทายอะไรอีกล่ะ พอแล้วๆ”

คังยองโมโบกมือปฏิเสธ

“มาที่นี่ได้ยังไง…”

“ได้ยังไงอะไรกันล่ะ ก็ถามที่บริษัทของนายมาน่ะสิ อืม ที่ที่โดนตีเมื่อกี้นี้น่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า”

อินซอบรู้สึกไม่สบายใจ เพราะลักษณะการพูดของอีกฝ่ายที่ต่างไปจากปกติ

“ครับ ไม่เป็นอะไรแล้วครับ”

เขาสงสัยในเจตนาของชายผู้มาหาเขาถึงหน้าบ้าน และถามคำถามแบบนี้ ถ้าอยากจะขอโทษ อีกฝ่ายควรจะไปหาอีอูยอนที่โดนสาดกาแฟใส่ต่อหน้าอื่นไม่ใช่เขา

“ฉันไม่สบายใจน่ะ เมื่อกี้ฉันลนลานไปหน่อย นายก็รู้นี่ ว่าผลงานมันสำคัญสำหรับนักแสดงขนาดไหน”

อินซอบพยักหน้าเงียบๆ

“ใช่ไหมล่ะ ฉันคิดว่านายจะต้องเข้าใจ ฉันก็เลยมีเรื่องจะพูดน่ะ เราไปหาที่คุยกันเงียบๆ สักหน่อยจะได้ไหม”

“ตอนนี้ผมค่อนข้างยุ่งน่ะครับ”

ถึงจะไม่ใช่ตอนนี้ เขาก็ไม่อยากหาที่คุยกันเงียบๆ กับคังยองโมตอนไหนทั้งนั้น

“ทำไมล่ะ จะไปไหนเหรอ”

“ผมมีนัดครับ”

“จะไปเจอใครล่ะ”

พออินซอบไม่สามารถตอบได้ในทันที คังยองโมก็ร้องว่า “อาฮ่า” ก่อนจะยิ้ม

“นายบอกว่ามีแฟนนี่ ตอนนั้นฉันเข้าใจผิดไปเอง ต้องขอโทษด้วยนะ”

“…”

เขารู้สึกไม่สบายใจขึ้นเรื่อยๆ คนที่ใช้บทตีคนอื่นจนเลือดกำเดาไหลเพราะบอกว่ามีแฟนมาขอโทษเอาตอนนี้เนี่ยนะ

“งั้นคุยกันแป๊บเดียวก่อนไปก็ได้ แค่ห้านาทีก็พอแล้ว”

คังยองโมก้มมองนาฬิกาที่ดูราคาแพงก่อนจะพูด

“…ห้านาทีพอนะครับ”

“ฉันเองก็ไม่สามารถใช้เวลาได้นานกว่านี้เหมือนกัน เพราะฉันเจียดเวลาที่ยุ่งอยู่มา”

อินซอบพยักหน้า แม้ความจริงเขาจะไม่มีความคิดที่อยากจะพูดกับคังยองโมแม้แต่ปลายเล็บ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ และเจอกับยุนอารึมที่กำลังมา ก็อาจจะสร้างความลำบากให้เธอได้ ยุนอารึมเป็นผู้มีพระคุณของเขา เขาจึงไม่อยากสร้างเรื่องที่น่าจะเป็นภัยกับเธอ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือเขาอาจจะโดนต่อยสักหมัดสองหมัด แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น การพูดคุยให้เสร็จเร็วที่สุดก็น่าจะดีกว่า

“ย้ายไปที่คาเฟ่กันดีไหมครับ”

“จะบ้าเหรอ จะคุยกันในคาเฟ่ที่มีคนพลุกพล่านได้ยังไงล่ะ ไอ้คนที่ทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวนี่ไม่มีความคิดถึงขนาดนั้นเลยหรือไง”

คังยองโมมองไปรอบๆ และพยักพเยิดหน้าไปที่ทางเข้าที่จอดรถ

“ไปคุยตรงโน้นสักพักก็ได้ ตามมา”

คังยองโมก้าวฉับๆ ไปโดยไม่หันกลับมามอง อินซอบลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินตามไป

คังยองโมจุดบุหรี่และยืนอยู่ในที่จอดรถที่มืดสนิท

“สูบสักตัวไหม”

แม้จะเห็นว่าอินซอบไอเล็กน้อย แต่คังยองโมก็ยังยื่นกล่องบุหรี่ให้ราวกับขอให้ให้อภัยอย่างหนัก

“ไม่ครับ ไม่เป็นไร”

อินซอบถอยหลังไปเล็กน้อยพลางเอ่ยตอบ

“ถ้าผู้ใหญ่ให้ของ ก็อย่าพูดมากแล้วรับไปซะ”

อินซอบรับบุหรี่ที่คังยองโมจุดให้มาโดยไม่สามารถทำอะไรได้ และยืนอย่างลังเล

“ช่วงนี้เหนื่อยมากเหรอ หน้านายดูตอบกว่าตอนที่เจอกันก่อนหน้านี้อีกหรือเปล่า”

“ผมสบายดีครับ”

“งานในวงการนี้ก็เป็นแบบนั้นล่ะ รายได้ก็น้อย แถมยังต้องทำงานล่วงเวลาอีก ว่าอย่างนั้นไหม”

“…ไม่ครับ”

“ไม่อะไรล่ะ ถ้าได้เงินอย่างเหมาะสม นายจะอยู่ในที่แบบนี้เหรอ จริงสิ เงินเดือนของผู้จัดการส่วนตัวต่อให้เก็บออมไว้ แต่ทั้งชีวิตก็ยังซื้อบ้านที่โซลไม่ได้ ใช่ไหมล่ะ”

อินซอบลูบบุหรี่โดยไม่พูดอะไร เขาไม่รู้เจตนาที่คังยองโมยกเรื่องแบบนี้ออกมาพูด และก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก

“นายสนิทกับอีอูยอนมากเหรอ”

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท