ลู่เจียวพยักหน้าแสดงการรับรู้
แต่พอคิดถึงสถานะหลี่เหวินปิน นางก็นึกเป็นห่วงขึ้นมา
หลี่เหวินปินเป็นลูกเขยตระกูลจาง ย่อมต้องมีใจเอนเอียงไปทางตระกูลจาง เช่นนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นจะประสบเคราะห์ร้ายไหม และคนที่ทำร้ายเขาก่อนหน้านี้ก็ยังหลบอยู่ในมุมมืด
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็ลุกตามลู่กุ้ยออกไป มอบยาที่นางปรุงในวันนี้หลายอย่างใส่มือลู่กุ้ย
“เอาให้หลินตง ป้องกันคนลอบวางอุบายพี่เขยเจ้า ให้เขาเก็บไว้ป้องกันตัว”
ลู่กุ้ยรู้ว่าตอนนี้บรรดาพ่อค้าในอำเภอชิงเหอต่างจับจ้องพี่สาวและพี่เขยเขา พอได้ฟังลู่เจียวก็รีบรับยาเดินไปเรือนด้านหน้าทันที
ลู่เจียวกลับเข้าห้องโถงกินอาหารเย็นเป็นเพื่อนเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ และสอบถามเจ้าหนูน้อยทั้งสี่เรื่องการเรียนในวันนี้
ต้าเป่าเล่าเรื่องการเรียนในวันนี้ได้เพียงแค่สองประโยค เอ้อร์เป่าข้างๆ ก็กล่าวแทรกขึ้นว่า “วันนี้จ้าวอวี้หลัวทะเลาะกับหันตงเซิ่ง”
ลู่เจียวรีบหันไปมองเอ้อร์เป่า ถามอย่างห่วงใย “อยู่ดีๆ ทะเลาะกันทำไม”
“อาจารย์พานชมหันตงเซิ่งอ่านหนังสือแล้วรู้สึกดื่มด่ำกับข้อความในหนังสือได้ดีมาก จ้าวอวี้หลัวไม่พอใจ เพราะนางโดนอาจารย์พานวิจารณ์ อาจารย์พานว่านางไม่ตั้งใจอ่านหนังสือ ไร้ความรู้สึกดื่มด่ำร่วม วาจานี้ทำให้นางไม่พอใจ นางถึงกับทำหน้าบึ้งนั่งนิ่ง ปรากฏอาจารย์พานกลับชมหันตงเซิ่งว่าอ่านได้ดี นางจึงได้โมโห”
เอ้อร์เป่ากล่าวถึงตรงนี้ก็หยุดเล่า ซานเป่าเล่าต่อว่า “จากนั้นก็นางด่าหันตงเซิ่ง บอกว่าแม้หันตงเซิ่งอ่านได้ดีอย่างไร ท่านแม่เขาก็เป็นคนเลว ไม่ใช่คนดี”
“หันตงเซิ่งโมโหก็เลยพุ่งเข้าใส่จ้าวอวี้หลัว สุดท้ายทั้งสองคนก็ตีกัน”
ลู่เจียวยกมือนวดขมับอย่างปวดหัว นางร้ายในนิยายไม่เสียทีที่เป็นนางร้าย ความสามารถในการก่อเรื่องอันดับหนึ่งจริงๆ
“เช่นนั้นพวกเจ้าบอกให้พวกเขาอย่าตีกันไหม”
ต้าเป่าพยักหน้า “บอกแล้ว พวกเรายังว่าจ้าวอวี้หลัว จ้าวอวี้หลัวโมโหบอกว่าไม่ชอบพวกเราแล้ว วันหน้าไม่มาเรียนหนังสือบ้านเราแล้ว”
แต่เดาว่าพรุ่งนี้นางก็มาอีก เพราะนางเมื่อก่อนก็เคยกล่าวเช่นนี้ แต่พอวันรุ่งขึ้นก็มาอีก ทำเหมือนลืมเรื่องทุกอย่างไปหมดสิ้น
ลู่เจียวได้ฟัง ก็ขี้เกียจจะสนใจเรื่องของพวกเด็กๆ
แม่ลูกกินอาหารเย็นเสร็จ ลู่เจียวก็พาเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไปอาบน้ำ จากนั้นก็กล่อมให้พวกเขาเข้านอน เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ถือโอกาสขอให้ลู่เจียวร้องเพลงให้พวกเขาฟัง ระยะนี้พวกลูกทั้งสี่ชอบฟังลู่เจียวร้องเพลงเด็กให้พวกเขาฟัง ตอนนี้พวกเขาเองก็เรียนร้องเองเป็นแล้ว
แต่เพลงเด็กของลู่เจียวยังร้องไม่ทันจบ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็หลับแล้ว พวกเขาใช้พลังงานไปตอนกลางวันมาก ตกค่ำหัวถึงหมอนก็แทบจะหลับทันที
ลู่เจียวเห็นเจ้าหนูน้อยทั้งสี่หลับแล้ว ก็ค่อยๆ ย่องออกจากห้อง
นางเพิ่งจะเดินออกไป ก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากลานด้านนอก
ลู่เจียวเงยหน้ามองไปก็เห็นลู่กุ้ยกับหลินตงประคองเซี่ยอวิ๋นจิ่นมา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินไม่ค่อยตรงทาง เห็นได้ชัดว่าดื่มสุราไปมาก เหมือนว่าเมาไม่น้อย
เขาเดินไปก็คุยกับลู่กุ้ยไปว่า “ไป ไปพบพี่สาวเจ้า”
ลู่กุ้ยเดิมคิดประคองเซี่ยอวิ๋นจิ่นไปนอนในห้องนอนที่เรือนด้านหน้า ปรากฏพี่เขยเอาแต่ส่งเสียงตะโกนเรียกพี่สาวเขา ลู่กุ้ยได้แต่ประคองเขามาพร้อมกับหลินตง
พอลู่เจียวเห็นสภาพเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็รู้สึกไม่ชอบใจ นางไม่ชอบผู้ชายที่ดื่มจนเมา ผู้ชายดื่มสุราเมาแล้วจะเกิดเรื่องได้ง่าย นางจำได้ว่าตอนเด็กพักอยู่ที่บ้านญาติ มีญาติคนหนึ่งดื่มเมาแล้วชอบวิ่งเข้าห้องนาง เข้ามาถึงก็พูดจาชั้นต่ำ ต่อมานางทนไม่ไหว จึงหยิบของปาใส่เขาจนบาดเจ็บ
ปรากฏถูกบิดามารดานางด่าเสียยกใหญ่
คิดถึงเรื่องนี้แล้ว ลู่เจียวก็อดยิ้มเฝื่อนขึ้นมาไม่ได้ ก็ไม่รู้จริงๆ ว่าตนเองสร้างเวรสร้างกรรมอะไรมา ถึงกับไม่เป็นที่รักของบิดามารดา เห็นอยู่ว่าถูกชายแก่รังแก ปรากฏคนที่โดยด่ากลับเป็นนาง
ลู่เจียวคิดถึงเรื่องพวกนี้ แววตาดำก็เย็นเยียบ แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่รู้ พอเขาหันหน้าไปเห็นลู่เจียว ก็เดินตรงเข้าไปหา ยิ้มส่งเสียงเรียกลู่เจียวขึ้น “เจียวเจียว”
ลู่เจียวรับคำเบาๆ เสียงหนึ่ง ลู่กุ้ยที่ประคองเซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบส่งเซี่ยอวิ๋นจิ่นให้ลู่เจียว จากนั้นก็ไม่รอให้ลู่เจียวพูดอะไร เขาก็รีบพาหลินตงจากไปอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าลู่เจียวราวกับมีแสงสีดำพาดผ่าน มองน้องชายที่หนีไปอย่างรวดเร็ว อยากทุบน้องชายให้ตายคามือจริงๆ
ในใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นแอบนึกลิงโลด น้องชายภรรยาช่วยเหลือเขา วันหน้าเขาต้องเพิ่มเงินเดือนให้มากอีกหน่อย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดไปก็โอบคอลู่เจียวไป ส่งน้ำเสียงอู้อี้ว่า “เจียวเจียว ไป เข้าไปนอนกัน”
กล่าวจบก็เข้าไปกอดนางไว้จะเดินเข้าห้องลู่เจียว
ลู่เจียวหันไปมองเขา นี่เมาหรือว่าไม่เมา ยังรู้จักจะเข้าห้องนาง หากว่าไม่เมา อาการเดินเซและไม่ค่อยมีสตินี้ไม่เหมือนปลอม ดังนั้นน่าจะยังพอรู้ตัวอยู่กระมัง
ลู่เจียวกำลังคิดอยู่ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็โอบไหล่นางไว้จะเดินเข้าห้องนาง แต่ทั้งสองคนเพิ่งเดินถึงหน้าประตู ลู่เจียวพลันชะงักฝีเท้า เงยหน้าถามเซี่ยอวิ๋นจิ่นว่า “เซี่ยอวิ๋นจิ่น รู้ไหมว่าข้ารังเกียจสิ่งใด”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพอได้ฟังก็รู้สึกถึงลางไม่ดีขึ้นมาทันที รีบส่ายหน้าแสดงท่าทางว่าไม่รู้
ลู่เจียวผลักมือเขาที่โอบคอนางออก กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ที่ข้ารังเกียจที่สุดก็คือคนดื่มสุราจนเมามาย ดังนั้นเจ้าไสหัวกลับไปนอนเรือนด้านหน้า อย่ามาเมาออกฤทธิ์ที่นี่”
ลู่เจียวกล่าวจบก็เดินเข้าห้องด้วยสีหน้าเฉยเมย จากนั้นก็ปิดประตูห้องลง
แม้ว่าใบหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะแดงเล็กน้อย แต่ความจริงเขาไม่ได้เมา เขาแค่คิดอาศัยสุราแสร้งทำมึนงงขอนอนเตียงเดียวกับลู่เจียว
ปรากฏลู่เจียวกลับรังเกียจคนดื่มสุรา เขาทำการไม่สำเร็จ แต่กลับหันมาทำร้ายตนเองเสียได้
เซี่ยซิ่วไฉรีบยืนรับผิดอยู่นอกประตูอย่างว่านอนสอนง่ายทันที
“เจียวเจียว ความจริงข้าไม่ได้ดื่มจนเมา ข้าแกล้งทำ”
ลู่เจียวแค่นเสียงฮึเยียบเย็น “ไม่ได้เมาแต่ดื่มไปไม่น้อยกระมัง ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเซี่ยซิ่วไฉชอบดื่มสุราเพียงนี้ พรุ่งนี้ข้าจะซื้อให้เจ้าดื่มให้พอ เจ้าไม่รู้สถานการณ์ตนเองตอนนี้หรือ ถึงกับดื่มสุราลงไปมากมายเพียงนี้ได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแนบตัวชิดประตู กระซิบว่า “คืนนี้หลี่เหวินปินเชิญข้าไปกินข้าว และยังเชิญหลายคนที่เมื่อก่อนเคยนอนห้องเดียวกันตอนเรียนที่สำนักศึกษามาด้วย ดังนั้นข้าคิดถือโอกาสนี้ดูว่าจะหลอกถามอะไรออกมาได้ไหม ปรากฏไม่ทันระวังจึงดื่มมากไปสักหน่อย เจียวเจียว วันหน้าข้ารับรองว่าจะไม่ดื่มสุราอีก”
ลู่เจียวด้านในประตูกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ไม่ใช่ไม่ให้เจ้าดื่ม แต่ดื่มน้อยหน่อย จิบน้อยๆ ได้”
“ข้ารู้แล้ว วันหน้าข้าจะไม่ทำอีกอย่างเด็ดขาด”
ท่าทียอมรับผิดของเซี่ยอวิ๋นจิ่นกระตือรือร้นยิ่งกว่าบุตรชายตนเองเสียอีก
ลู่เจียวในห้องได้ฟังแล้วก็รู้สึกพอใจ แต่พอคิดถึงว่าเจ้าหมอนี่ไม่ได้เมา แต่กลับแสร้งทำเป็นเมา คิดจะทำมึนงงมานอนห้องนาง
ลู่เจียวจึงไม่พอใจเตือนว่า “เซี่ยอวิ๋นจิ่น ข้ากำลังคิดว่าจะเรียกโอกาสที่ให้เจ้าก่อนหน้านี้คืนดีไหม”
พอลู่เจียวกล่าว เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เริ่มตื่นตระหนกตกใจ รีบแสดงท่าทีทันที “เจียวเจียว ข้าผิดเอง วันหน้าข้ารับรองว่าข้าจะทำตามข้อตกลง”
ลู่เจียวเปิดประตูให้เขาเข้ามา ครั้งนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นสงบเสงี่ยมขึ้นมาก ไม่กล้าแสร้งทำมึนเมาอีก
เขาจำได้ว่าหนังสือหย่าที่ก่อนหน้านี้ตนเองเขียนเอาไว้ยังอยู่ในมือลู่เจียว
หากเขายังทำเสแสร้งแกล้งทำมึนงงจนทำให้นางโมโหหนีไป เขากับลูก ๆ จะทำอย่างไร
ลู่เจียวบุ้ยใบ้ให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นนั่งลง มองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าให้เวลาเจ้าปีครึ่ง ก็เพราะคิดจะดูว่าพวกเราทั้งสองคนเหมาะสมที่จะอยู่ร่วมกันไหม หากเราสองคนไม่เหมาะสมกัน ตอนนี้รีบร้อนอยู่ด้วยกันไป ไม่ใช่ว่าจะเป็นการหาเรื่องปวดใจให้ตนเองหรือ”
ลู่เจียวกล่าวจบก็เห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดจะพูด นางยกมือหยุดเขาไว้
“ข้ารู้ตอนนี้เจ้าชอบข้าจริงๆ แต่ความชอบนี้จะยืนนานไปได้ถึงเมื่อใด เจ้าเป็นพวกผู้ชายเป็นใหญ่ในยุคสมัยนี้ ข้าเป็นสตรีจากยุคชายหญิงเสมอภาคกัน ความคิดความอ่านพวกเราจะหลอมรวมกันได้จริงไหม เรื่องนี้ต้องใช้เวลาพิสูจน์ ไม่ใช่ปากเจ้าบอกว่าได้ก็ได้”
“เจ้ารู้ไหม บนโลกใบนี้มีคนรักใคร่ชอบพอกันมากมายเท่าไร สุดท้ายได้แต่กลายเป็นคู่แค้น ข้าไม่อยากให้สุดท้ายแล้วพวกเราต้องกลายเป็นคู่เช่นนั้น”