มันเป็นจูบที่ดื้อดึง ลิ้นที่บุกรุกผ่านริมฝีปากที่เปิดออกเกี่ยวกระหวัดลิ้นของอินซอบขึ้น และไม่ให้แม้แต่เวลาที่จะหายใจ ทุกครั้งที่อินซอบอ้าปากเพื่อรับสูดลมหายใจที่ไม่พอเข้าไป อีอูยอนก็จะเปลี่ยนมุมและบดขยี้ริมฝีปากใหม่ อินซอบรู้สึกเวียนหัว เขากะพริบตาและมองอีอูยอน วินาทีที่สบตากัน ขนของเขาก็ลุกซู่ มันเป็นแววตาที่เขาเคยเห็นตอนนั้น แววตาเย็นชาราวกับจะสำรวจอีกฝ่าย
“…!”
อินซอบเผลอผลักอีอูยอนอย่างไม่รู้ตัว จูบที่พัดเข้ามาเหมือนหิมะที่ตกหนักหยุดลงอย่างง่ายดายจนรู้สึกว่างเปล่า อีอูยอนก้มมองอินซอบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เอ่อ ขอโทษครับ ผมตกใจก็เลย…”
อินซอบเช็ดริมฝีปากที่เปียกน้ำลาย และพึมพำข้อแก้ตัว แต่อีอูยอนจะต้องสังเกตได้ถึงความที่จริงว่าตนหวาดกลัวอย่างแน่นอน
“ขอโทษครับ ผมควรจะได้รับอนุญาตก่อนแท้ๆ”
แม้จะพูดแบบนั้น แต่เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ว่าอีอูยอนไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย
“ผมจะมีเซ็กซ์กับคุณตั้งแต่ตอนนี้ คุณโอเคไหมครับ”
อีอูยอนแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ดพลางเอ่ยถาม อินซอบส่ายหน้า
“ที่นี่ไม่มีนักข่าว แล้วก็ไม่ใช่ข้างนอกด้วย มีอะไรอีกนะครับ เงื่อนไขที่คุณอินซอบขอน่ะ”
อีอูยอนแกะกระดุมข้อมือของเสื้อเชิ้ตและพึมพำด้วยแววตาที่จมอยู่ในความคิด
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ คือว่า…”
ส่วนที่โดนคังยองโมต่อยยังคงเจ็บแปลบ และยังเหลือรอยช้ำอยู่ ถ้าเป็นที่อื่น เขาจะสามารถบอกว่าเป็นเพราะล้มได้ แต่มันเกินไปมากสำหรับตรงใต้ลิ้นปี่
“วันนี้ผมเหนื่อยนิดหน่อยนะครับ”
อีอูยอนร้องหืม และเอียงคอราวกับไม่พอใจ
“เหนื่อยเรื่องอะไรเหรอครับ”
อินซอบออกจากโรงพยาบาลทันทีหลังจากที่ได้ฟังผลตรวจ เขากลับบ้านมาเจอคลิปเมื่อวานที่ถูกถ่ายไว้ด้วยกล้องหน้ารถ ก่อนจะติดต่อหาคังยองโมให้มาเจอกันและข่มขู่คนเป็นครั้งแรกในชีวิต
“…ตอนเช้าผมไปโรงพยาบาลก็เลยเหนื่อยนิดหน่อยครับ”
ตารางงานที่สามารถเปิดเผยให้อีอูยอนรู้ได้จากเรื่องทั้งหมดคือเรื่องโรงพยาบาล
“เหนื่อยเพราะเรื่องนั้นเหรอครับ”
น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนตำหนิทำเอาอินซอบเผลอกลั้นหายใจ และนึกถึงความฝันที่ฝันเมื่อวาน
“…มะ ไม่ได้เหนื่อยมากหรอกครับ”
“แล้วเหนื่อยแค่ไหนเหรอ”
อีอูยอนเท้ามือกับโซฟาเอนตัวมาหา เขามองเห็นกล้ามเนื้อแน่นๆ ผ่านสาบเสื้อ ไหล่กว้างๆ นั่นทำให้เขารู้สึกว่าชายหนุ่มดูคุกคามขึ้นหลายเท่า
“นิดหน่อย…”
“ถึงขนาดที่มีเซ็กซ์ไม่ได้เลย?”
‘แต่มันทำให้ผมรำคาญนิดหน่อยครับ เพราะคุณเจ็บป่วยอยู่เรื่อย ผมก็เลยต้องคอยเป็นห่วงอยู่ตลอด ยิ่งไปกว่านั้นคือผมหงุดหงิดที่ไม่สามารถมีอะไรกับคุณได้ตามอำเภอใจด้วย’
น้ำเสียงของอีอูยอนที่ได้ยินในฝันซ้อนทับกับความเป็นจริง เหมือนเขาจะหงุดหงิดและผุดลุกจากที่ในไม่ช้า
“ตะ แต่ทำเรื่องอื่นได้ครับ”
“เรื่องอื่น?”
อีอูยอนแสยะยิ้ม นี่ไม่ใช่น้ำเสียงที่แหย่เล่นเหมือนปกติ ส่วนแววตาก็เย็นชาและสะท้อนให้เห็นถึงความดุร้าย
“ใช้ปาก…”
อินซอบหน้าแดงไปจนถึงหู นี่เป็นครั้งแรกที่เขาบอกว่าจะทำให้ก่อนอย่างกระตือรือร้นแบบนี้
“…”
อีอูยอนไม่ตอบอะไร ยิ่งความเงียบยาวนานเท่าไร หน้าก็ยิ่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ อินซอบกำชายเสื้อ และหวังให้อีกฝ่ายพูดอะไรสักอย่าง
“รู้ไหมครับว่านี่เป็นครั้งแรกเลยที่คุณอินซอบขออมของผมก่อน”
“…ขอโทษนะครับ ถ้าผมทำให้อารมณ์เสีย”
แม้เขาจะไม่คิดว่าจะทำให้อารมณ์ของอีอูยอนดีขึ้นจนเป็นปกติได้ แต่อินซอบก็ค่อยๆ หมดกำลังใจลง เพราะไม่คิดว่าการมาที่นี่จะทำให้อีกฝ่ายอารมณ์เสียขนาดนี้
การที่เราโทรศัพท์ไปหากลางดึกเมื่อวานนี้เป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างที่คิดไว้หรือเปล่า
“งั้นก็เอาสิครับ”
อีอูยอนเอาขาที่พาดอยู่บนโซฟาลงและลุกขึ้น จากนั้นก็พยักพเยิดหน้าให้อินซอบ
“ลองอมสิครับ”
ท่าทีที่ไม่ได้เย็นชา แต่ดูข่มกันทำให้ปลายนิ้วของอินซอบเย็นเฉียบ แม้การมีเซ็กซ์กับอีอูยอนจะมีส่วนที่ติดขัดอยู่เล็กน้อย แต่ความรู้สึกได้รับความรักก็ทำให้เขารู้สึกดีอยู่เสมอ …แม้จะมีตอนที่กลัวอยู่บ้าง เพราะรู้สึกดีมากเกินไปก็ตาม
แต่ตอนนี้เขาไม่รู้สึกถึงความรู้สึกพวกนั้นเลย และรู้สึกได้ทันทีถึงความแตกต่างกันอย่างมากกับการกระทำที่ทำในที่จอดรถ
“ไม่อยากทำเหรอครับ”
อีอูยอนเอ่ยถาม อินซอบรีบส่ายหน้า และยื่นมือออกมารูดซิปของอีอูยอนลง แท่งเนื้อที่ตื่นตัวขึ้นมาแล้วอวดรูปร่างของตัวเองผ่านกางเกงชั้นใน
อินซอบอ้าปากและอมแท่งเนื้อนั้นเข้าไป แค่เอาใส่ปากท่อนลำนั้นก็กระตุกและหนักมากขึ้น แม้จะเคยใช้ปากมาแล้วหลายครั้ง แต่อินซอบก็ยังไม่เข้าใจวิธีการที่ถูกต้องอยู่ดี
ต้องทำยังไงถึงจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีล่ะ
อินซอบค่อยๆ ใช้ลิ้นโอบรัดส่วนปลายตามที่อีอูยอนมักจะสั่งในเวลาปกติ และห่อริมฝีปากเข้ามา มือของอีอูยอนขยุ้มผมของอินซอบเบาๆ
อินซอบรวบรวมความกล้าในการขยับปากทีละนิดพร้อมกับดูดดุนแก่นกายของชายหนุ่ม เขารู้สึกแท่งเนื้อนั้นค่อยๆ แข็งขืนขึ้น
รู้สึกดีเหรอ
อินซอบค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองอีอูยอน วินาทีที่สบตากัน อีอูยอนก็เกร็งมือที่จับอินซอบไว้
“…!”
อีกฝ่ายตาลอย อีอูยอนจับศีรษะของอินซอบไว้และกระแทกเอวเข้ามาอย่างแรง แก่นกายที่แข็งเหมือนหินทิ่มเข้ามาในลำคอ อินซอบน้ำตาคลอ
“อื้อ อื้อ!”
อีอูยอนขยับพร้อมกับกัดฟัน อีกฝ่ายไม่ได้พ่นลมหายใจที่ติดขัดหรือเอ่ยเรียกชื่อของอินซอบเหมือนปกติ เขาแค่ขยับเพื่อที่จะปลดปล่อยความต้องการเท่านั้น อินซอบมึนงง เขารู้สึกเหมือนอีอูยอนเป็นคนอื่น
แก่นกายที่ตั้งตรงกระทำชำเราลิ้นและภายในช่องปากของเขา อินซอบจับขาของอีอูยอนไว้ และรองรับตัวตนของอีกฝ่ายอย่างยากลำบาก การใช้กำลังของอีกฝ่ายดำเนินต่อไปอยู่อีกพักหนึ่ง
“…!”
อีอูยอนจับด้านหลังศีรษะของอินซอบไว้และกระแทกเอวเข้ามาอย่างแรง น้ำเชื้ออุ่นร้อนไหลเข้ามาในลำคอ เขาขยับเอวต่ออีกสองสามครั้งและหลั่งน้ำเชื้อเข้าไปในตัวของอินซอบ
“แค่ก แค่ก…”
อินซอบไอและสูดลมหายใจเข้าไปทันทีที่อีอูยอนปล่อยเขา น้ำเชื้อที่ไม่สามารถกลืนลงไปได้กระเด็นออกมาพร้อมกับน้ำลายทุกครั้งที่ไอ
อินซอบทรุดนั่งบนพื้นและหอบหายใจอยู่พักหนึ่ง
“เสร็จหรือยังครับ”
อีอูยอนที่จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเหมือนจะถามว่าเคยทำเรื่องแบบนั้นตอนไหนเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
“ครับ?”
อินซอบคิดว่าตัวเองฟังผิดหรือเปล่าจึงถามซ้ำ
“ผมถามว่าเสร็จหรือยังไงครับ”
“…เอ่อ ครับ”
อินซอบยังประมวลสถานการณ์ไม่ได้ และมองอีอูยอนด้วยสีหน้ามึนงง อีอูยอนหยิบกล่องบุหรี่ที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะขึ้น และหยิบบุหรี่ออกมาคาบ ควันบุหรี่ลอยตามตัวของเขาที่ค่อยๆ เดินไปทางหน้าต่าง
อีอูยอนยืนอยู่ตรงหน้าต่าง และเริ่มสูบบุหรี่ กล้ามเนื้อที่อยู่ติดกับไหล่กว้างปรากฏรูปร่างของกระดูกอย่างชัดเจน หากคิดดูอย่างละเอียดแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงที่อีอูยอนได้พักหลังจากที่ถ่ายภาพยนตร์เสร็จ แต่ร่างกายของอีกฝ่ายกลับอยู่ในรูปร่างที่สมบูรณ์แบบมากกว่าตอนปกติเสียอีก
ถึงจะเป็นแค่ด้านข้างของผู้ชายที่สูบบุหรี่พร้อมกับแสดงสีหน้าไม่ดีรางๆ แต่อินซอบก็รู้สึกละอายใจราวกับแอบดูหนังผู้ใหญ่ และรีบก้มหน้าลง
“ทำอะไรอยู่ครับ”
อีอูยอนหันหน้ามาเพราะรู้สึกถึงสายตา
“ครับ?”
“เสร็จธุระแล้วไม่กลับเหรอครับ”
แล้วภาพยนตร์ที่เริ่มโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าก็จบลงแบบนั้น
***
“เฮ้อ”
อินซอบถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย
วันนี้เป็นวันที่มีการถ่ายนิตยสาร และการถ่ายทำในสตูดิโอก็ไม่ค่อยมีเรื่องให้ผู้จัดการส่วนตัวสอดมือเข้าไปยุ่งเท่าไร เขาแค่นั่งรอเงียบๆ และถ้ามีของที่ต้องการ เขาก็แค่เอามาให้อย่างรวดเร็วเท่านั้น
แต่การถ่ายทำวันนี้กลับไม่ง่ายอย่างนั้น
“ทางนี้ค่าผู้จัดการส่วนตัวของคุณซอชินอา ช่วยบอกให้คุณชินอาออกมารอทีนะคะ”
“จะเริ่มถ่ายทันทีเลยหรือเปล่าครับ”
“เรื่องนั้นพวกเราเองก็บอกได้ยากเหมือนกันค่ะ”
“…เข้าใจแล้วครับ”
ผู้จัดการส่วนตัววิ่งไปทางห้องพักรับรองด้วยสีหน้าเศร้าๆ สีหน้าของนักแสดงหญิงที่ออกมาหลังจากเตรียมตัวสำหรับถ่ายงานเสร็จแล้วไม่ดีเป็นอย่างมาก
“ถ่ายเลยไม่ได้เหรอคะ”
“ไม่ได้ค่ะ ช่วยรออยู่ตรงนี้สักครู่นะคะ”
“อะไรเนี่ย บอกว่าจะถ่ายเลย แต่ทำไมต้องรออีกด้วยล่ะ คุณหัวหน้าทีมควรจะพูดตรงๆ สิคะ”
การคะตอกของนักแสดงหญิงทำให้ผู้จัดการส่วนตัวทำตัวไม่ถูก
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่เดิมทีกองถ่ายก็ไม่ใช่ที่ที่จะเป็นไปอย่างที่ใจคิดอยู่แล้ว”
แม้ผู้กำกับสถานที่จะขอโทษ แต่สถานการณ์ก็ยังคงรุนแรงอยู่ เพราะนี่มันก็หลายครั้งแล้วที่เธอมารอถ่าย แต่แล้วก็ต้องกลับไปที่ห้องพักรับรองใหม่ ใบหน้าของหญิงสาวที่ยิ้มหวานและรอได้ในตอนแรกเริ่มเจือด้วยความรำคาญ นักแสดงคนอื่นที่รอถ่ายก็เหมือนกัน
“แน่นะคะคราวนี้?”
“ค่ะ คุณก็รู้นี่คะว่าช่างภาพเขาเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพวกเพอร์เฟคชันนิส”
ผู้กำกับสถานที่ขอร้องอีกฝ่ายอย่างเชี่ยวชาญ
“ทราบค่ะ แต่ถ้ารอนานมากๆ ฉันจะกลับไปอีกรอบนะคะ”
หญิงสาวยืนกอดอกโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้
ผู้ผลิตผลงานที่รับหน้าที่ดูแลการถ่ายทำวันนี้คือช่างภาพระดับโลก เดวิด อัลเลน เขาที่ถูกเรียกโดยฉายา ‘นักผลิตที่ทำสัญญากับซาตาน’ มีชื่อเสียงด้วยนิสัยที่ชอบด้นสดจนพอที่จะทำให้สับสนกับความเป็นเพอร์เฟคชันนิสขั้นรุนแรงได้ และเป็นพวกที่จะกดชัตเตอร์จนกว่าจะพอใจ แม้จะมีตอนที่เขาให้ผ่านในครั้งเดียว แต่มันก็มีตอนที่เขาถ่ายไปเรื่อยๆ ถึงสองสามชั่วโมงเช่นกัน แม้พวกนางแบบนายแบบที่ได้ทำงานกับเขาสักครั้งจะกัดฟันบอกว่าจะไม่ทำงานกับช่างภาพคนนี้อีกแล้ว แต่ก็ต้องตกตะลึงจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นผลลัพธ์
การถ่ายทำวันนี้เป็นการถ่ายทำเพื่อฉลองการครบรอบ 20 ปีของนิตยสาร W ตอนที่ได้ยินข่าวว่าจะเรียกนักแสดงที่อยู่ในช่วงวัยยี่สิบที่กำลังขับเคลื่อนวงการภาพยนตร์ของเกาหลีจำนวนสิบสองคนมารวมตัวกันถ่ายภาพ ต้นสังกัดของนักแสดงทั้งหลายก็ถอนหายใจ
ถ้าหากเอานักแสดงดังไม่ใช่หนึ่งหรือสองคน แต่มีจำนวนขนาดนั้นมารวมกันถ่ายแบบ ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วที่จะต้องเอาใจใส่ไปจนถึงเรื่องสงครามประสาทระหว่างนักแสดง และจะต้องเรียงลำดับการถ่ายทำ และตำแหน่งที่ยืนในตอนที่ถ่ายภาพหมู่ตามเหตุผลที่เหมาะสมด้วย
ปัญหาก็คือช่างภาพที่เชิญมาวันนี้ไม่ใช่คนที่จะคิดถึงเรื่องแบบนั้น หลังจากที่ดูรูปของทั้งสิบสองคน เขาก็เรียกชื่อตามลำดับที่ตัวเองต้องการ และไม่มีทางที่จะเรียกคนต่อไปจนกว่าตัวเองจะพอใจ
ความไม่พอใจของนักแสดงที่จะต้องเลื่อนตารางงานที่นัดไว้แล้วและรอต่อไปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเป็นสถานการณ์ที่ผู้จัดการส่วนตัวที่ต้องไปไหนมาไหนกับบรรดานักแสดงต้องเหนื่อยเป็นอย่างมาก
“เฮ้อ น่าจะถ่ายภาพหมู่ก่อนสิ ไม่ได้จะชวนไปตายด้วยกันซะหน่อย”
“นั่นสิครับ ไม่ใช่ว่าวันนี้จะต้องโต้รุ่งจนไม่ได้กลับบ้านหรอกนะ อยากจะบ้าตาย ทางนั้นก็วุ่นวายใช่ไหมล่ะ”
“มันก็แน่อยู่แล้วสิครับ ดื่มแต่น้ำอย่างเดียวมาตั้งแต่สี่วันก่อนแล้ว สภาพจะเป็นยังไงล่ะครับ”
“รุ่นพี่ที่บริษัทของผมบอกว่าห้ามสบตากับนักแสดงที่หิวล่ะครับ”
พวกผู้จัดการส่วนตัวพูดคำพูดล้อเล่นที่เจ็บไปจนถึงกระดูกให้กันฟัง และแบ่งปันความเจ็บปวดในฐานะคนที่มีหัวอกเดียวกันร่วมกัน
“ว่าแต่ทางนั้นคงจะไม่เป็นไรใช่ไหมครับ เพราะคุณอีอูยอนนิสัยดีอยู่แล้ว”
ผู้จัดการส่วนตัวคนหนึ่งที่จำอินซอบได้สังเกตเห็นและเอ่ยทัก
“เอ่อ ครับ คุณอีอูยอนไม่ได้เป็นอะไรครับ”
เขาเป็นมากต่างหาก อารมณ์ของอีอูยอนไม่ดีมาตั้งแต่เช้าแล้ว แม้กระทั่งคิมคังอูที่มีชีวิตชีวาอยู่เสมอก็ยังสังเกตเห็นและขับรถด้วยสภาพที่ปิดปากเงียบ
แม้อีอูยอนจะไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ แต่บรรยากาศรอบๆ ตัวของเขากลับเยือกเย็นกว่าปกติอยู่หลายเท่า
และหลังจากที่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นเมื่อวานนี้ วันนี้อินซอบก็ไม่กล้าพูดกับอีกฝ่ายเลยแม้แต่คำเดียว