บทที่ 208 ช่างน่าตื่นเต้นนัก ข้าเลือกคนได้ถูกต้อง!
หลี่จิ่วเต้าจำได้ว่า นางคือผู้หยุดสิ่งมีชีวิตประหลาดเหล่านั้นเอาไว้ ในเวลานั้น เซี่ยเหยียนยังไม่ได้แนะนำตัวตนของหญิงสาวตรงหน้าอย่างละเอียด นางบอกเพียงว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นสหายของสำนักไท่หัวเท่านั้น เขาไม่รู้ชื่อของหญิงสาวตรงหน้า
อีกทั้งตอนนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรให้มากความ เขาเป็นเพียงปุถุชนธรรมดา จะรู้เรื่องโลกแห่งการฝึกตนมากมายไปเพื่ออะไร? รอบรู้ไปเสียทุกอย่างหาใช่เรื่องดี เขามีกฎเกณฑ์ของเขาเอง หลี่จิ่วเต้าตอบกลับอย่างสุขุม ทำเอาหยวนอีรู้สึกประหม่าเล็กน้อย นี่จะสุขุมเกินไปแล้ว ผู้ฝึกตนย่อมสูงส่งห่างไกลเหนือปุถุชน ปุถุชนมักจะเต็มไปด้วยความชื่นชมเกรงอกเกรงใจผู้ฝึกตน แม้ไม่นับฐานะผู้ฝึกตนของนาง แต่เพียงแค่กล่าวถึงใบหน้างดงามไร้มลทินของนาง ปุถุชนธรรมดาจะรักษาความสงบเช่นนี้ได้อย่างไร? นี่มัน…ไม่น่าเป็นไปได้!
แม้กระทั่งในโลกแห่งการฝึกตน ยังมีผู้คนมากมายยกย่องเลื่อมใสใบหน้าของนาง และมีผู้ฝึกตนหนุ่มนับไม่ถ้วนที่อยากเกี้ยวพาราสีนาง ชายหนุ่มปุถุชนธรรมดาเผชิญหน้ากับนางกลับสุขุมได้มากมายถึงเพียงนี้ ราวกับมันไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอย่างไรอย่างนั้น นี่ช่างเหนือความคาดหมายของนางยิ่งนัก
สมกับเป็นสหายของผู้อาวุโสเซี่ยเหยียน! นางอดไม่ได้ที่จะกล่าวในใจ สามารถเป็นสหายของผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนย่อมไม่ใช่ปุถุชนธรรมดาจริง ๆ! “สวัสดีคุณชายเจ้าค่ะ ข้าชื่อหยวนอี มาจากตระกูลหยวนในชิงโจว” นางแย้มยิ้มกล่าวแนะนำตัวเองกับหลี่จิ่วเต้า ชิงโจว? หลี่จิ่วเต้าครุ่นคิด อ้อ นี่น่าจะเป็นเขตปกครองอีกแคว้นนอกจากเหยียนโจว แม้ว่าเขาจะเป็นปุถุชนธรรมดา แต่เขาก็ยังพอเข้าใจเขตพื้นที่ปกครองในโลกใบนี้ ดินแดนหยินมีทั้งหมดสิบแปดเขตปกครอง และชิงโจวก็อยู่ถัดจากเหยียนโจว เขากล่าวในใจสำนักไท่หัวนั้นช่างทรงพลังนัก แม้แต่แคว้นเพื่อนบ้านยังเคารพยำเกรง สำนักไท่หัวนี่ช่างน่าทึ่งเหลือเกิน! เขาคิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ตัดสินใจตั้งถิ่นฐานในเมืองชิงซาน สำนักไท่หัวช่างทรงพลังเหลือเกิน แม้แต่แคว้นเพื่อนบ้านก็รู้จักมักคุ้นอีก ทั้งยังเคารพยำเกรงเป็นอย่างยิ่ง ได้สำนักไท่หัวคุ้มครองชีวิตในเมืองชิงซาน นับว่าปลอดภัยแล้วจริง ๆ! “สวัสดี ข้าชื่อหลี่จิ่วเต้า อาศัยอยู่ในเมืองชิงซาน” จากนั้นหลี่จิ่วเต้าก็แนะนำตัวเองกับหยวนอี “คุณชายหลี่!” ใบหน้างามผุดผ่องของหยวนอีปรากฏรอยยิ้มขึ้น ทั้งคิ้วและดวงตาเต็มล้วนงดงามมิน้อย ซ้ำรอยยิ้มเองก็ตราตรึงใจยิ่งนัก แล้วนางก็ถามเขาด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายจะเอาสิ่งนี้ไปทำอะไรหรือ?”
“ไม่ได้เอามาทำอะไรเป็นพิเศษหรอก เพียงจะเอามาทำจอบในบ้านเท่านั้น ยังขาดด้ามไม้อยู่ ข้าว่าจะขึ้นไปบนเนินเขาเขียว หากเลือกไม้ดี ๆ มาทำด้ามจับน่ะ” หลี่จิ่วเต้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม จอบ… เอามาปลูกต้นไม้นี่เอง! ช่างสมเป็นปุถุชนธรรมดาจริง ๆ!
หยวนอีคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่า หลี่จิ่วเต้าจะออกมาเพื่อทำสิ่งนี้ ไม่ว่าอย่างไรหลี่จิ่วเต้าก็ถือได้ว่าเป็นสหายของผู้อาวุโสเซี่ยเหยียน
“ประจวบเหมาะข้าไม่เรื่องอะไรพอดี เช่นนั้น ข้าจะช่วยคุณชายเอง!” หยวนอีแย้มยิ้ม ถือโอกาสสร้างความสนิทสนมกับหลี่จิ่วเต้าเอาไว้ นางจะพลาดไม่ได้เป็นอันขาด “นี่ไม่ค่อยดีเท่าไรกระมัง?” ให้ผู้ฝึกตนช่วย…ตัดต้นไม้ หลี่จิ่วเต้ารู้สึกว่านี่ไม่ค่อยดีนัก “ไม่ดีอันใดกัน เว้นเสียแต่ว่าคุณชายไม่ชอบข้า เลยไม่อยากพาข้าไปด้วย” หยวนอีแย้มยิ้มบาง ๆ กล่าววาจาขบขัน “ใช่ที่ไหนกัน แม่นางหยวนอีกล่าวล้อเล่นแล้ว” หยวนอีกล่าวเช่นนี้ หลี่จิ่วเต้าก็ปฏิเสธไม่ได้อีก ชายหนุ่มจึงเอ่ยพลางยิ้มว่า “เช่นนั้นก็ไปด้วยกันเถิด” เขาคิดเพียงว่าแม่นางหยวนอีผู้นี้ช่างรู้จักพูดเสียจริง ๆ
“เจ้าค่ะคุณชาย” หยวนอียิ้มราวกับมวลผกา แล้วเดินไปเนินเขาเขียวพร้อมหลี่จิ่วเต้า ระหว่างทางพวกเขาได้พบกับชาวบ้านเมืองชิงซานมากมาย ทั้งหมดต่างพากันทักทายหลี่จิ่วเต้าอย่างอบอุ่น หยวนอีเห็นแล้วก็กล่าวว่าหลี่จิ่วเต้าช่างเป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้านในเมืองชิงซานนัก ชาวบ้านเกือบทุกคนรู้จักหลี่จิ่วเต้าและเคารพเขามาก หลังจากนั้น ทั้งสองก็มาถึงเนินเขาเขียว ในเวลานี้เนินเขาเขียวกลับคืนสู่ความปกติแล้ว เหล่าสัตว์อสูรพลุ่งพล่านพวกนั้นกลับคืนสู่ถิ่นฐาน ไม่ก่อความวุ่นวายเหมือนเมื่อครั้งก่อนแล้ว
หลี่จิ่วเต้าเดินเข้าไปในป่าส่วนลึกได้อย่างง่ายดาย เพราะต้นไม้ดี ๆ มักอยู่ส่วนลึกของเนินเขาเขียว ชายหนุ่มเลือกต้นไม้ใหญ่ดี ๆ ต้นหนึ่งซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งอย่างดี “คุณชายให้ข้าทำเถิดเจ้าค่ะ” หยวนอีแย้มยิ้มบาง ๆ นี่เป็นโอกาสที่นางจะได้เอาใจหลี่จิ่วเต้าแล้ว “อืม ได้สิ” หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า หยวนอีเป็นผู้ฝึกตน ดังนั้นการโค่นต้นไม้ย่อมเป็นเรื่องง่ายกว่าปุถุชนอย่างเขา “ไม่ต้องตัดทั้งต้น แค่ตัดกิ่งตรงนั้นก็พอ” หลี่จิ่วเต้ากล่าว พลางชี้กิ่งของต้นไม้ เขาเพียงจะใช้ไม้มาทำด้ามจอบ จึงไม่จำเป็นต้องใช้ไม้ทั้งต้น หากทำเช่นนั้นมันจะเป็นการสิ้นเปลืองจนเกินไป “เจ้าค่ะ” หยวนอียื่นมือเรียวดุจหยกของนางออกมา ชี้ออกไปแล้วกิ่งไม้ตรงส่วนนั้นก็ถูกตัดทันที ในเวลาเดียวกันหยวนอีก็จัดการตัดแต่งกิ่งไม้ ใบไม้ที่ยื่นออกมาด้วย สิ่งเหล่านี้ง่ายเกินไปสำหรับนาง นางโบกมือเบา ๆ กิ่งไม้ก็ลอยมาตกตรงหน้านางแล้ว นี่ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก! หลี่จิ่วเต้ามองด้วยความอิจฉาในใจ เขายังคิดอยู่เสมอว่าเป็นผู้ฝึกตนนี่ช่างดีจริง ๆ “ขั้นต่อไปให้ข้าทำเองแล้วกัน” หลี่จิ่วเต้าแย้มยิ้ม หยวนอีเป็นผู้ฝึกตน ย่อมไม่รู้จักงานไม้ ขั้นต่อไปยิ่งยากจะจัดการ ให้เขาจัดการเองดีกว่า “เจ้าค่ะ” หยวนอีพยักหน้าเล็กน้อยและถอยมายืนอยู่ด้านข้าง หลี่จิ่วเต้าหยิบขวานเล่มใหญ่ออกจากข้างหลัง ตอนออกมาเขาเอาขวานเล่มใหญออกมาด้วย เพราะมีมันจึงทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่านี่คือขวานที่ระบบมอบให้เขาเป็นรางวัล
เดิมทีหยวนอีไม่ได้สนใจกับของที่หลี่จิ่วเต้าแบกอยู่บนหลังมากนัก ทว่าเมื่อเห็นชายหนุ่มหยิบขวานเล่มใหญ่ออกมา นางก็ตกใจทันที นะ นี่มันขวานอันใดกันนี่!!
บนขวานมีพลังปราณไหลเวียน ทำเอาจิตวิญญาณของนางสั่นสะท้าน ช่างน่าหวาดกลัวยิ่ง! มิหนำซ้ำ นางยังรู้สึกว่าขวานเล่มนี้น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าคันศรในมือของผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนเสียอีก! ประเดี๋ยวก่อน… เหตุใดขวานเล่มนี่จึงดูคุ้นตามากนักเล่า!? ทั้งขวานเป็นทองสำริด ส่วนหัวขวานเปล่งประกายด้วยแสงวาววับอันเย็นยะเยือก ขณะที่ด้ามขวานถูกแกะสลักด้วยลวดลายโบราณ ดูซับซ้อนยิ่ง อีกทั้งแต่ละลวดลายยังมีลักษณะดุจสวรรค์รังสรรค์ เต็มไปด้วยจังหวะแห่งเต๋าสูงสุด! ขวานเบิกสวรรค์! สวรรค์! นี่มัน…ขวานเบิกสวรรค์! นางจำได้ว่าเคยเห็นขวานเล่มนี้อยู่ในคัมภีร์โบราณ! ขวานเบิกสวรรค์ เล่าขานกันว่ามันเป็นอาวุธอันดับหนึ่งในสิบอาวุธจักรพรรดิซึ่งโบราณที่สุด ราชันแห่งอาวุธจักรพรรดิ และราชันแห่งศัสตราวุธ! อาวุธจักรพรรดิทั้งสิบได้รับการยอมรับว่าเป็นศัสตราวุธทรงพลังที่สุด ถึงแม้หลังจากนั้น ในแต่ละยุคแต่ละสมัยจะสร้างศัสตราวุธออกมากมาย ทว่าก็ไม่มีศัสตราวุธใดแข็งแกร่งเทียบเท่าอาวุธจักรพรรดิทั้งสิบ! ตามตำนานเล่าขานว่า อาวุธจักรพรรดิทั้งสิบอยู่เหนือกว่าอาวุธมหาจักรพรรดิ และถูกเรียกว่าเป็น อาวุธเซียน! ในใจของหญิงสาวเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่เดิมคิดว่าขวานที่หลี่จิ่วเต้านำมาเป็นเพียงขวานธรรมดา มาตอนนี้ผู้ใดจะไปคิดว่ากลับเป็นขวานเบิกสวรรค์ อาวุธหนึ่งในสิบอาวุธจักรพรรดิ! อาวุโสเซี่ยเหยียนเป็นผู้ใดกันนี่? จะร้ายกาจเกินไปแล้ว! ถึงกับมอบขวานเบิกสวรรค์ที่เป็นอาวุธจักรพรรดิให้กับปุถุชนธรรมดาเอามาตัดต้นไม้! หรือว่าผู้อาวุโสเซี่ยเหยียน เป็น..เซียน!? นางรู้สึกตกใจจนพูดไม่ออก ยิ่งรู้สึกว่าผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนนั้นหาได้เรียบง่ายอย่างที่คิดแล้ว แต่กลับน่ากลัวยิ่งนัก! ส่วนความคิดที่ว่าขวานเบิกสวรรค์เล่มนี้เป็นของหลี่จิ่วเต้า นางไม่ได้คิดถึงมันด้วยซ้ำ อย่าไร้สาระไปเลย ปุถุชนธรรมดาที่ไหนกันจะมีขวานเบิกสวรรค์ได้! นางคิดว่านี่ต้องเป็นผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนมอบให้หลี่จิ่วเต้าเป็นแน่!
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก! ยามนี้หัวใจของนางเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกมาจากร่าง! นางเลือกคนได้ถูกต้องแล้ว! ผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนมอบขวานเบิกสวรรค์ให้หลี่จิ่วเต้า เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนกับหลี่จิ่วเต้านั้นหาใช่ธรรมดา! ตราบใดที่นางเอาใจหลี่จิ่วเต้า และได้รับความโปรดปรานจากเขา นางก็จะได้รับความโปรดปรานจากผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนด้วยเช่นกัน! อนาคตของนางต่อจากนี้ย่อมเปลี่ยนแปลง และยากจะจินตนาการออกอย่างแน่นอน!