รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 209 กลายเป็นข้ามีตา แต่หามีแววไม่!

บทที่ 209 กลายเป็นข้ามีตา แต่หามีแววไม่!

บทที่ 209 กลายเป็นข้ามีตา แต่หามีแววไม่!

หยวนอีรู้สึกตื่นเต้นและตกตะลึงจนพรรณาออกมาไม่ถูก ส่วนหลี่จิ่วเต้าก็หารู้ไม่ว่า ขวานในมือของเขาทำให้หยวนอีตกตะลึง ชายหนุ่มหยิบขวานและจัดการกับกิ่งไม้หนาอย่างง่าย ๆ จัดการเสียตั้งแต่ที่นี่ให้เสร็จสิ้นแล้วกลับไปจะได้ลดขั้นตอนเสียเวลา น้ำหนักขวานนั้นไม่เบานัก สำหรับคนธรรมดาเป็นเรื่องยากจะยกขึ้น เพียงแต่เมื่อมาอยู่ในมือของเขา ขวานนั้นกลับเบาจนราวกับไร้น้ำหนัก ทำให้เขาสามารถเหลากิ่งไม้หนาได้อย่างง่ายดาย “นี่…!” หยวนอีตกตะลึง ในใจของนางราวกับมีคลื่นนับพันพัดโหมกระหน่ำ ตกใจเสียยิ่งกว่าตอนเห็นขวานเบิกสวรรค์เมื่อครู่อีก! นี่มันเหตุการณ์อันใดกัน!? นาง…ดูผิดหรือ? ขณะหลี่จิ่วเต้าใช้ขวาน คาดไม่ถึงว่าทุกครั้งที่ลงขวานจะปรากฏจังหวะแห่งเต๋าเหนือจินตนาการ หลักเต๋าลึกล้ำสูงส่งอย่างแท้จริง! หากมีผู้ฝึกตนใช้ขวานมาในที่แห่งนี้ จะต้องสามารถรับรู้วิถีแห่งขวานเหนือจินตนาการได้อย่างแน่นอน! หลี่จิ่วเต้าเป็นปุถุชนธรรมดาจริงหรือ!? เดิมทีนางคิดว่าผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนยับยั้งพลังของขวานเบิกสวรรค์ด้วยวิธีการบางอย่าง เพื่อให้ปุถุชนเช่นหลี่จิ่วเต้าสามารถใช้ขวานเบิกสวรรค์ได้ตามใจชอบ! แต่มาตอนนี้นางไม่มีความคิดเช่นนั้นอยู่เลย! ปุถุชนธรรมดาจะสามารถใช้หลักเต๋าลึกล้ำขั้นสูงเช่นนี้ได้อย่างไร!?

หลักเต๋าเช่นนี้ลึกล้ำยิ่งกว่าวิชาจักรพรรดิที่นางบ่มเพาะเสียอีก! ‘ข้ายังบอกยอดฝีมือตระกูลหลวนช่างไร้ตา… แท้จริงแล้วเป็นข้าไร้ตาที่สุด!’ หยวนอีกล่าวในใจอย่างขมขื่น ตอนอยู่ทะเลสาบชิงสุ่ย ยอดฝีมือตระกูลต่าง ๆ รีบเร่งไล่ตามมา พวกเขาไม่รู้ว่าใครคือผู้อาวุโส แล้วยอดฝีมือจากตระกูลหลวนก็กล่าวว่าหลี่จิ่วเต้าเป็นผู้อาวุโส ในตอนนั้น นางยิ้มกล่าวกับยอดฝีมือตระกูลหลวนว่า ใช้อะไรมามองกันถึงได้บอกว่าปุถุชนธรรมดาเป็นผู้อาวุโส? ทว่าสุดท้ายแล้ว เป็นนางที่มีตาแต่หามีแววไม่! หลี่จิ่วเต้าไม่ใช่ปุถุชนธรรมดา เขาเป็นผู้อาวุโสทรงพลังเหนือจินตนาการ! ‘บางที…อาจจะเป็นข้าที่ดูผิด!’ ก่อนหน้านี้นางคิดว่าหลี่จิ่วเต้าเป็นมนุษย์ทั่วไป ซ้ำยังเห็นว่าผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนร้ายกาจถึงปานนั้น จึงคิดว่าเป็นผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนมอบขวานเบิกสวรรค์ให้กับเขา พอมาครุ่นคิดดี ๆ… กลับพบว่ามีข้อสงสัยตามมาอีกมากมาย! ขวานเบิกสวรรค์ในมือของหลี่จิ่วเต้าคืออาวุธจักรพรรดิทั้งสิบ ซึ่งมีพลังมากกว่าคันศรในมือของผู้อาวุโสเซี่ยเหยียน! นางเคยย่อมเห็นผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนใช้คันศร ถึงแม้ว่าคันศรนั้นจะน่าทึ่ง แต่หากเปรียบเทียบกับขวานเบิกสวรรค์แล้วยังนับว่าห่างไกลกันนัก ถึงแม้ผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนจะมีความสัมพันธ์อันดีมากกับหลี่จิ่วเต้า แต่เป็นไปไม่ได้ที่ผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนจะมอบขวานเบิกสวรรค์ให้ผู้อื่น ส่วนตัวเองก็เก็บคันศรที่พลังต่างกันไม่รู้กี่เท่าไว้ใช้!

ในสถานการณ์ปกติ ผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนควรจะมอบคันศรออกไป และเก็บขวานเบิกสวรรค์ไว้ใช้เอง! เพียงแต่นี่เป็นเพียงการคาดเดาของนางเท่านั้น นางไม่แน่ใจว่าความจริงคืออย่างไร บางทีผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนอาจเป็นเซียนจริง ๆ และขวานเบิกสวรรค์สำหรับผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนก็ไม่ได้มีอะไรสลักสำคัญ ผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนจึงไม่ได้สนใจมัน สำหรับคันศรที่ผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนใช้ บางทีอาจจะเป็นศัสตราวุธที่หยิบติดมือออกมาเพียงเท่านั้น และผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนยังมีศัสตราวุธที่ทรงพลังยิ่งกว่าขวานเบิกสวรรค์อยู่ แต่ไม่ว่าจะเป็นความจริงจะเป็นเช่นไร มันย่อมมีทางใดทางหนึ่งที่เป็นความจริงแน่นอน! หลี่จิ่วเต้าอาจไม่ใช่ปุถุชนธรรมดา แต่เป็นผู้อาวุโสที่ยากจะหยั่งถึง! “ผู้…” หยวนอีกำลังจะเอ่ยปากเรียกผู้อาวุโสหลี่จิ่วเต้า แต่ทันทีที่คำว่า ‘ผู้’ ออกจากปาก นางก็รีบหุบปากลงทันที ภายในใจพลันรู้สึกกลัวเป็นอย่างยิ่ง! สวรรค์! นางลืมบทเรียนก่อนหน้านี้ไปแล้วหรือ? คาดไม่ถึงนางยังจะกล้าตะโกนเรียกผู้อาวุโสอีก! ยังดีที่ตั้งสติได้ทันท่วงที ไม่ได้เอ่ยคำว่า ‘อาวุโส’ ออกไป ไม่เช่นนั้นนางอาจทำผิดพลาดครั้งใหญ่อีกครั้งเป็นแน่! ต้องรู้ว่าตอนนางเรียกผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนก่อนหน้านี้ ก็ได้ทำให้ผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนไม่พอใจแล้ว เวลานั้นนางรู้สึกหวาดกลัวยิ่ง แต่โชคดีที่ผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนไม่ได้สนใจนางมากนัก ไม่เช่นนั้น ต่อให้นางมีร้อยชีวิตก็คงไม่พอให้ตายตก! ผู้อาวุโสหลี่จิ่วเต้าต่อหน้านางผู้นี้ก็คงจะมีท่าทีเหมือนกัน หากนางเผลอตะโกนเรียก ‘ผู้อาวุโส’ เกรงว่าจะทำให้ผู้อาวุโสหลี่จิ่วเต้าไม่พอใจเช่นเดียวกัน! หลังจากผ่านความกลัวนี้มา นางก็รู้สึกราวกับว่านางได้เดินผ่านประตูนรกอเวจีมิปาน หากผู้อาวุโสหลี่จิ่วเต้าไม่พอใจ ประทานขวานมาให้นางจริง นางคงได้ตายจริง ๆ แน่! “หือ?” หลี่จิ่วเต้าได้ยินเสียงของหยวนอีก็หันไปมอง พลางส่งเสียงเป็นเชิงถาม “ผู้…ภูเขาลูกนี้ทิวทัศน์ไม่เลวนะเจ้าค่ะ!” “อ้อ” หลี่จิ่วเต้าแย้มยิ้มกล่าว “ทิวทัศน์บนเขานี้สวยงามจริง ๆ นั่นแล โดยเฉพาะส่วนลึกในภูเขา แต่น่าเสียดายยิ่งที่มีสัตว์ป่ามากเกินไป ไม่เช่นนั้นคงจะมีผู้คนมาชมทิวทัศน์ที่นี่มากกว่าไปชมทิวทัศน์ที่เขาลี่”

 พูดจบ เขาก็หันไปจัดการกับกิ่งไม้ต่อ จนเกือบจะเสร็จเรียบร้อย เกือบไปแล้ว เกือบตายแล้ว! หยวนอีถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางแก้ปัญหาจนลุล่วงไปด้วยดี ไม่ได้ทำผิดความผิดร้ายแรง ‘หยวนอีนะหยวนอี นี่เป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในรอบพันปีของเจ้า! ผู้อาวุโสลึกล้ำยากจะหยั่งถึงปรากฏตัวต่อหน้าถึงสองคน เจ้าจะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้มั่นและจะทำผิดพลาดไม่ได้อีกแล้ว!’

นางเอ่ยเตือนตัวเองในใจอย่างจริงจัง

ได้พบกับผู้อาวุโสลึกล้ำยากจะหยั่งถึงสองคน นี่ช่างเป็นโชคดีครั้งใหญ่ของนางนัก

แต่หากนางยังทำผิดพลาดต่อไปละก็… โชคดีครั้งใหญ่จะกลายเป็นโชคร้ายทันที! นางต้องระมัดระวังคำพูด ระมัดระวังการกระทำของนางให้ดี! หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกเพื่อให้ตัวเองสงบลง ‘ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสหลี่กำลังท่องโลกมนุษย์ในฐานะปุถุชนธรรมดา…’ หลังจากสงบลง นางก็ครุ่นคิดในใจ ตอนอยู่ที่ทะเลสาบชิงสุ่ย นางได้ยินจากผู้คนที่นั่นว่า ผู้อาวุโสหลี่อาศัยอยู่ในเมืองชิงซานมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ผู้อาวุโสหลี่เชี่ยวชาญด้านกู่ฉิน หมากรุก คัดอักษรรวมถึงวาดภาพ และความสามารถเป็นเลิศอีกมากมาย น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถฝึกตนได้ เพราะไม่มีคุณสมบัติการบ่มเพาะ! ไม่สามารถบ่มเพาะได้ เพราะไม่มีคุณสมบัติฝึกตน? มันจะเป็นไปได้อย่างไร! ผู้อาวุโสหลี่ถือขวานเบิกสวรรค์ ทุกครั้งที่เขาเหวี่ยงขวานเต๋าสูงสุดพลันไหลเวียน เช่นนี้แล้วจะเป็นปุถุชนธรรมดาไปได้อย่างไร! ? บรรพบุรุษตระกูลหยวนของนางก็ยังทำเช่นนี้ไม่ได้! คนที่ทำได้คงมีไม่ถึงหนึ่งในล้าน! ความแตกต่างนั้นกว้างใหญ่เกินไปแล้ว! เข้าใจแล้ว! ต้องเป็นเช่นนี้แน่ ๆ! ผู้อาวุโสหลี่กำลังท่องโลกมนุษย์ในฐานะปุถุชนธรรมดา! เหตุผลที่ผู้อาวุโสหลี่ไม่มีคุณสมบัติในการฝึกตน ก็เพื่อให้ผู้คนเชื่อว่าผู้อาวุโสหลี่เป็นมนุษย์! ‘โชคดีที่ข้าคิดไตร่ตรองอยู่หลายครั้ง ไม่เช่นนั้นข้าคงทำผิดพลาดครั้งใหญ่แล้ว!’ นางกล่าวในใจอย่างอารมณ์ดี หากนางไม่ทันคิดเรื่องนี้ พยายามเปิดโปงตัวตนของผู้อาวุโสหลี่ออกไป ไม่ใช่ว่านางวิ่งออกไปตายหรอกหรือ?! “เสร็จแล้ว” ในเวลานี้หลี่จิ่วเต้าแย้มยิ้มพร้อมวางขวานลง หลังจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็เปลี่ยนกิ่งไม้หนาเป็นด้ามไม้ เพียงกลับไปขัดถูอีกสักหน่อยก็เป็นอันใช้ได้แล้ว

“ข้าจะช่วยคุณชายถือเอง!” หยวนอีพูดอย่างมีไหวพริบ “ได้” หลี่จิ่วเต้าพยักหน้า ผู้ฝึกตนทุกคนมีถุงเก็บอาวุธวิเศษ หยวนอีถือไปย่อมสะดวกและง่ายกว่าเขาถือมากนัก ชายหนุ่มคิดกับตัวเองว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความโปรดปรานของเซี่ยเหยียน มิฉะนั้นหยวนอีจะให้เกียรติและสุภาพกับเขาเช่นนี้ได้อย่างไร หยวนอียิ้มก่อนจะเก็บด้ามไม้ลงไป ช่วยผู้อาวุโสหลี่ถือ หลังจากนั้นพวกเขาก็ออกจากเนินเขาเขียว เดินเข้าเมืองชิงซานผ่านถนนสายหลัก “นี่คือร้านของข้า…”

หลี่จิ่วเต้าพาหยวนอีมาที่ร้าน และเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท