เซี่ยอวิ๋นจิ่นแค่นยิ้ม “หากไม่เหนือความคาดหมาย พ่อค้าอำเภอชิงเหอต่างเข้าร่วม”
นายอำเภอเป็นคนกลางเชื่อมเครือข่ายจัดตั้งสมาคมด้วยตนเอง แม้พ่อค้าเหล่านั้นไม่ยินดี ก็ย่อมส่งลูกหลานมาร่วม
เชื่อว่าพ่อค้าเหล่านี้เข้าใจหลักการ ‘พ่อค้าไม่ขัดแย้งกับขุนนาง’ ข้อนี้ดี
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังก็ไม่ได้กล่าวอะไร แต่กำชับจ้าวหลิงเฟิงว่า “เจ้าดูแลเจียวเจียวให้ดี หากนางถูกคนรังแก ข้าต้องคิดบัญชีนี้กับเจ้า”
จ้าวหลิงเฟิงรีบแสดงท่าที “ได้ ได้ ข้าย่อมดูแลนางให้ดี”
สาวน้อยหร่วนจู๋ข้างกายลู่เจียวใช่ไร้พิษสง เป็นอาวุธสังหารชั้นยอด จะต้องเกรงกลัวผู้ใด
แต่จ้าวหลิงเฟิงย่อมไม่พูด สามีนางเป็นห่วง เขาจะทำอย่างไรได้
จ้าวหลิงเฟิงกล่าวจบก็มองเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ความจริงนางร่วมงานสมาคมการค้าเช่นนี้ก็ดีต่อเจ้าด้วยนะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย นี่เกี่ยวกับเขาได้อย่างไร
“หมายความว่าอย่างไร”
“เจ้าเป็นซิ่วไฉยากจนคนหนึ่ง วันหน้าครอบครัวเจ้ามีเงินทองมากมายขึ้นมา คนภายนอกย่อมวิพากษ์วิจารณ์เจ้า ตอนนี้ภรรยาเจ้าเปิดตัวออกไป คนเขาก็จะรู้ว่าภรรยาเจ้าเก่งกาจ หาเงินได้ ครอบครัวเจ้ามีเงินก็เป็นเรื่องปกติ”
แคว้นต้าโจวไม่ห้ามภรรยาขุนนางทำการค้า ดังนั้นลู่เจียวทำการค้าก็ย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานในตำแหน่งขุนนางของเซี่ยอวิ๋นจิ่น ถือเป็นการบอกที่มาของเงินทองเขา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังจ้าวหลิงเฟิงก็หันไปมองลู่เจียวทันที
ลู่เจียวสีหน้าเหมือนครุ่นคิด สุดท้ายก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดจ้าวหลิงเฟิง
“ถูกต้อง”
ก่อนหน้านี้นางไปโรงบ้านมา ชาวบ้านที่นั่นต่างแปลกใจ เซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นแค่ซิ่วไฉยากจน กลับมีเงินทองได้
เดิมนางคิดว่าจะหย่ากับเซี่ยอวิ๋นจิ่น จึงไม่ได้คิดให้มาก ตอนนี้มาคิดให้ละเอียด ก็มีเหตุผลดังนี้จริง
ไม่พูดไปไกล เอาแค่ในอำเภอชิงเหอ คนไม่น้อยล้วนรู้ว่าเซี่ยซิ่วไฉยากจน ตอนนี้อยู่ๆ มีเงินทองขึ้นมา ก็คงต้องอธิบาย หากแพร่ออกไปว่า นางหาเงินได้ ผู้อื่นย่อมไม่สงสัยแล้ว
ลู่เจียวครุ่นคิดมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ที่จ้าวหลิงเฟิงพูดมาก็มีเหตุผล วันนั้นข้าไปปรากฏตัวกับเขา ผู้อื่นก็จะรู้ว่าเงินทองบ้านเรามีที่มาถูกต้อง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า กำชับลู่เจียวอย่างละเอียดว่า “เจ้าระวังตัวหน่อย วันนั้นคนสี่ตระกูลใหญ่ก็ย่อมไปด้วย”
ลู่เจียวพยักหน้า คิดถึงจางปี้เยียนตระกูลจางขึ้นมา ไม่รู้ว่าหญิงผู้นี้วันนั้นจะไปไหม
……
ปรากฏไม่เพียงแต่จางปี้เยียนไป แม้แต่คุณหนูเจ็ดตระกูลเฉาเฉาชิงเหลียนในตำนานก็ยังไปด้วย
พอเฉาชิงเหลียนปรากฏตัว ผู้ชายที่นั่นก็ย่อมมองไม่วางตา แต่ละคนพากันกระซิบวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด
“ท่านนี้ก็คือคุณหนูเจ็ดตระกูลเฉา ดูรูปร่างสิ อรชรจริงๆ ท่าทางเยื้องย่างเจรจาก็ล้วนมีท่วงท่างดงามอ่อนช้อย”
“ได้ยินว่าคุณหนูเจ็ดตระกูลเฉาเป็นสาวงามอันดับหนึ่งอำเภอชิงเหอเรา ไม่รู้ว่านางจะงามเพียงใด”
“น่าเสียดายไม่เห็นใบหน้านาง แต่แม้ไม่เห็นใบหน้านาง ก็ได้ยินมาว่านางเหมือนกับท่านแม่นางมาก ท่านแม่นางเป็นยอดบุปผางามมีชื่อของหนิงโจว แค่คิดก็รู้แล้วว่างามเพียงใด”
ในร้านอาหารต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไม่หยุด
ลู่เจียวเดิมกำลังคุยอยู่กับเถียนฮวนคุณหนูหกตระกูลเถียน
ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็หันไปมองพร้อมกัน มีคนเดินเข้าประตูมากลุ่มใหญ่ ในนั้นมีผู้หญิงสองสามคน ก็คือพวกจางปี้เยียนกับเฉาชิงเหลียน
แต่เฉาชิงเหลียนสวมหมวกสานคลุมผ้าแพรขาว มองไม่เห็นใบหน้านาง
แม้ว่าหญิงผู้นี้ปิดบังใบหน้า แต่ท่วงท่าเยื้องย่างอ่อนช้อยงดงาม กิริยาท่าทางเต็มไปด้วยกลิ่นอายสตรีหวานอ่อนช้อย
หญิงสาวเช่นนี้แค่มองก็รู้ว่าบรรจงอบรมมาอย่างดี รัศมีรอบกายมีแต่ความงดงามอ่อนหวาน
มิน่าผู้ชายจึงได้จ้องมองกันไม่วางตา
คุณหนูหกตระกูลเถียนข้างกายลู่เจียวแค่นเสียงฮึเยียบเย็น “เอาแต่เสแสร้งทำท่าทำทางกันทั้งวันทั้งคืน คิดว่าตนเองเป็นคนสำคัญหรือ”
เถียนฮวนกล่าวจบหันไปมองลู่เจียว “เจียวเจียว วันหน้าเจ้าต้องห่างไกลจากหญิงสองคนนั้น นางสองคนไม่ใช่คนดี จางปี้เยียนไม่เพียงแต่มากอุบาย จิตใจยังโหดเหี้ยม ส่วนเฉาชิงเหลียนคิดอาศัยเรือนร่างหน้าตาตนเองแต่งเข้าตระกูลดี เจ้าไม่รู้ ตระกูลเฉามองนางเป็นหมากชั้นยอดไว้คอยปีนป่ายสร้างสัมพันธ์ไปหาตระกูลในเมืองใหญ่นั่น”
“น่าเสียดายหลายปีมานี้ทำไม่สำเร็จ แม้เฉาชิงเหลียนรูปโฉมหน้าตาไม่เลว แต่ตระกูลเฉาก็แค่พ่อค้า เฉาชิงเหลียนยังเป็นบุตรีจากอนุของพ่อค้าในตระกูลเฉา และนางยังมีมารดาเป็นบุปผาอันดับหนึ่ง คนปกติพอได้ยินชาติกำเนิดนางก็ย่อมไม่เห็นด้วยที่จะให้ลูกหลานตนแต่งกับนาง วาสนานางเป็นได้แค่อนุ แต่แม้อยากเป็นเพียงอนุ นายหญิงของตระกูลก็คงไม่เห็นด้วยที่จะรับอนุเช่นนี้เข้าตระกูล”
ลู่เจียวได้ฟังคำพูดเถียนฮวน แววตาก็นิ่งลึกครุ่นคิด ในใจรู้สึกระวังตัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เฉาชิงเหลียนผู้นี้ไม่ได้จัดการง่ายดายเหมือนสวี่ชิงอิน หญิงผู้นี้น่าจะเป็นหญิงที่จัดการยากไม่น้อย
ประการแรก นางมีมารดาเป็นบุปผาอันดับหนึ่ง ประการสอง มารดานางหลายปีมานี้ยังรั้งใจบิดานางเอาไว้ได้ แสดงให้เห็นว่ามารดานางเป็นหญิงที่ร้ายกาจ หญิงเช่นนี้เลี้ยงดูบุตรีออกมาก จะไม่มากอุบายหรือ
ตอนนี้นางจับจ้องเซี่ยอวิ๋นจิ่น พวกนางต้องระวังหน่อย
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็ขอบคุณเถียนฮวน
แม้ว่าตระกูลเถียนเป็นสำนักคุ้มภัย แต่ก็มีกิจการอื่นด้วย ดังนั้นนายอำเภอหูจึงส่งเทียบเชิญตระกูลเถียน ตระกูลเถียนย่อมมาทันทีอย่างไม่คิดเล่นตัว
เดิมเถียนฮวนคิดว่าจะน่าเบื่อ คิดไม่ถึงว่าจะได้พบลู่เจียว พอทั้งสองคนพบกันก็ไม่สนใจผู้ชายอื่น เอาแต่คุยกันสองคน
ลู่เจียวคิดถึงว่าเถียนฮวนมอบหร่วนจู๋ให้นาง ก็ยิ้มขอบคุณเถียนฮวน “ขอบคุณฮวนฮวนมากที่มอบหร่วนจู๋ให้ข้า ตอนนี้ข้าเพิ่งได้รู้ความร้ายกาจของนาง”
เถียนฮวนหัวเราะดัง “นางร้ายกาจก็มีข้อดีของความร้ายกาจ แต่ก็มีข้อเสีย หากไม่ได้ติดตามเจ้านายมีมีเมตตาธรรม ก็ย่อมถูกหลอกได้ง่าย ถึงตอนนั้นก็ย่อมก่อเรื่องให้เจ้านายได้ง่าย เจ้าดูแลนางด้วยตนเองนับเป็นเรื่องดี”
เถียนฮวนเป็นวิทยายุทธ์ ข้างกายยังมีสาวใช้ที่เติบโตมาด้วยกัน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้งานหร่วนจู๋ ให้หร่วนจู๋อยู่สำนักคุ้มภัยก็จะถูกผู้อื่นหลอกเอาได้ง่าย
ดังนั้นนางคิดแล้ว สุดท้ายก็กัดฟันมอบให้ลู่เจียว ตอนนี้ลู่เจียวรับน้ำใจนาง เช่นนี้ก็เป็นเรื่องดี
ลู่เจียวยิ้ม “ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ยังต้องขอบคุณเจ้าที่มอบนางให้ข้า”
พอลู่เจียวกล่าวขอบคุณ ก็ทำเอาเถียนฮวนรู้สึกเขินจนต้องก้มหน้าหลบสายตา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เถียนฮวนมองออกว่าพวกนางนายบ่าวเข้ากันได้ไม่เลวก็ดีใจมาก
นางไม่ต้องห่วงใยหร่วนจู๋อีก นางกระซิบถามลู่เจียวว่า “เจียวเจียว ข้าอยากถามเจ้าสักหน่อย นายอำเภอหูอยู่ๆ คิดจะจัดตั้งสมาคมการค้าเพราะเรื่องอะไรหรือ”
ลู่เจียวไม่คิดปิดบังเถียนฮวน กระซิบตอบว่า “นายอำเภอหูจัดตั้งสมาคมการค้าก็เพื่อควบคุมราคาสินค้า ไม่ไห้พ่อค้าคนใดแอบขึ้นราคาขูดรีดราษฎรอำเภอชิงเหอ”
“อีกอย่าง การตั้งสมาคมการค้าก็เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันในกลุ่มการค้า ทุกคนมีเส้นทางการค้าดีอันใด ก็สามารถมาคุยกันในสมาคมการค้าก่อน หากมีคนอยากจะร่วม ก็สามารถร่วมกันแสวงหากำไร สรุปก็คือการเข้าร่วมสมาคมมีแต่ข้อดี”