ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 3 ตอนที่ 6-3

ภาค 2 เล่ม 3 ตอนที่ 6-3

“ยะ หยุดไหลแล้วครับ วันนั้นก็หยุดไหลทันทีเลยครับ”

วันที่เกิดอุบัติเหตุอินซอบกุมจมูกเอาไว้และมีท่าทีกระวนกระวาย เลือดกำเดาจะต้องหยุดไหลก่อนเขาถึงจะสามารถออกไปได้ อย่าว่าแต่หยุดเลย ยิ่งเวลาผ่านไปเลือดกลับค่อยๆ ไหลออกมาเยอะกว่าเดิมด้วยซ้ำ

‘ไม่ต้องไปโรงพยาบาลเหรอครับฮยองนิม’

คิมคังอูที่ทนดูไม่ได้สตาร์ทรถยนต์อีกครั้งพร้อมกับเอ่ยถาม

‘ไม่ต้อง เดี๋ยวก็โอเคขึ้นแล้ว ฉันต้องรีบ…’

เขาไม่สามารถพูดคำว่าออกไปได้ ผ่านไปไม่นานหลังจากเสียงแก้วแตกดัง เพล้ง ก็มีเสียงแตรยาวๆ ดังขึ้นตามมา คิมคังอูกับหัวหน้าทีมชาที่อยู่ในรถตกใจและรีบวิ่งออกไปข้างนอก อินซอบเองก็ออกมาเช่นกัน

‘เกิดอะไร…’

อินซอบนิ่งค้างอยู่ตรงนั้น และสบตากับอีอูยอนที่ค่อยๆ ยืดตัวขึ้นมาจากที่นั่งฝั่งคนขับของรถอาวดี้ อีอูยอนดึงแก้วชิ้นโตที่ปักอยู่ที่มือออกพร้อมกับเดินเข้ามาหาอินซอบ จากนั้นก็กุมแก้มของอินซอบไว้

‘เลือดกำเดาล่ะ?’

หัวหน้าทีมชาคว้าแขนอินซอบและลากขึ้นรถไปก่อนที่อินซอบจะทันได้ตอบ

‘จนกว่าเลือดกำเดาจะหยุดไหล นายห้ามออกมาเด็ดขาด!’

หัวหน้าทีมชาปิดประตูรถพร้อมกับตะโกนอย่างรีบร้อน นอกเหนือจากนั้นหัวหน้าทีมชายังพูดอีกครั้งว่าการที่อีอูยอนหยุดอยู่ตรงนั้นได้ เป็นเพราะปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วของตน

“ตอนนี้ผมสบายดีครับ”

วันนั้นอินซอบไปถ่ายเอกซเรย์ที่แผนกศัลยกรรมตกแต่งทันที เพราะหลังจากที่เลือดกำเดาหยุดไหล อีอูยอนก็ถามว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่าอยู่หลายครั้ง

“โอเคครับ”

ประตูลิฟต์เปิดออก อีอูยอนยื่นกุญแจรถให้อินซอบ

“รถกรรมการผู้จัดการ”

“เข้าใจแล้วครับ”

เนื่องจากเหตุการณ์นั้นทำให้พวกนักข่าวไล่ตามอย่างติดหนึบ นี่จึงเป็นเวลาเดียวที่กรรมการผู้จัดการคิมยินดีเอารถออกมาให้ พอกดกุญแจรถยนต์ ไฟของรถเบนซ์สีขาวก็ติดขึ้นมา อินซอบเดินเอากระถางต้นไม้ไปเก็บไว้ที่ด้านหลังก่อน อีอูยอนมองอินซอบที่กลัวว่ากระถางต้นไม้จะล้มและดินจะหกออกมาจึงจัดวางอย่างระมัดระวังพลางยิ้มอย่างขมขื่น

“คุณอินซอบนี่อ่อนโยนมากเลยนะครับ”

“ครับ?”

อินซอบเงยหน้าเพื่อหันหลังกลับมามอง และด้านหลังศีรษะของเขาก็กระแทกเข้ากับประตูรถ อีอูยอนช่วยลูบหลังศีรษะของอินซอบพลางพูด

“ก็คุณอ่อนโยนกับทุกอย่างที่มีชีวิตอยู่บนโลกเลยนี่ครับ”

“มะ ไม่หรอกครับ”

อีอูยอนเก็บมือและนั่งลงตรงที่นั่งข้างคนขับ อินซอบรีบนั่งบนที่นั่งของคนขับก่อนจะคาดเข็มขัดนิรภัย เขาอยากจะพูดว่าตนไม่ได้อ่อนโยนกับทุกอย่างโลก และอ่อนโยนกับคุณอีอูยอนที่สุด แต่เขากลับไม่สามารถเปิดปากพูดได้อย่างง่ายดาย อารมณ์เฉยชาของอีอูยอนที่ต่างกับก่อนหน้านี้ทำให้อินซอบไม่กล้า

“ไม่ต้องพิมพ์ที่อยู่ลงไปก็ได้ครับ”

ถ้าจะให้พูดปนเรื่องโกหกสักหน่อยก็คือเขาสามารถหลับตาและขับรถจากบริษัทไปจนถึงบ้านของอีอูยอนได้

“ผมไม่ได้จะกลับบ้านครับ”

“ให้ไปที่โรงแรมไหมครับ”

อีอูยอนมักจะใช้บริการโรงแรมทุกครั้งที่ถูกพวกนักข่าวทำให้รำคาญ แต่สถานที่ที่ถูกพิมพ์ลงบนเนวิกเกชั่นกลับไม่ใช่โรงแรมที่เขาไปบ่อยๆ

“ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เองครับ”

อินซอบเริ่มขับรถโดยไม่พูดอะไรอีก ส่วนอีอูยอนก็เท้าคางและมองออกไปนอกหน้าต่าง

“ผม…ผมอ่อนโยนกับคุณอูยอนมากที่สุดครับ”

อินซอบรวบรวมความกล้าและพูดออกมาอย่างเปิดเผย

“งั้นเหรอครับ ผมไม่รู้เลย”

อินซอบกลืนน้ำลาย

อีกฝ่ายเป็นแบบนี้อยู่เรื่อย ดูเหมือนจะโกรธ แต่ก็ไม่ยอมพูดถึงเหตุผลนั้นให้รู้ และก็ไม่หายโกรธด้วย

“ถึงแล้วครับ”

เนื่องจากสถานที่ที่อีอูยอนพิมพ์ไว้อยู่ใกล้กับบริษัท พวกเขาจึงใช้เวลาไม่นานนักในการมาถึง ไม่ว่าจะดูอย่างไร อินซอบที่ไม่ค่อยรู้จักพวกอสังหาริมทรัพย์มากนักก็มองเห็นเป็นวิลล่าที่ดูราคาแพงมาก

“ไปทางขวาจะเป็นทางเข้าที่จอดรถครับ ไปจอดตรงนั้นสักพักนะครับ”

อินซอบจอดรถตามที่อีอูยอนสั่ง สักพักอีอูยอนที่เดินออกไปข้างนอกก็เดินเข้าไปในตึกการจัดการและดูแลวิลล่าก่อนจะกลับมาขึ้นรถอีกครั้ง

“ไปรับบัตรรับรองมาเหรอครับ”

“ก็แค่ลงทะเบียนทิ้งไว้น่ะครับ เพราะที่นี่รถข้างนอกเข้ามาไม่ได้”

พอได้ยินว่ารถข้างนอกไม่สามารถเข้ามาได้ อินซอบก็รู้สาเหตุที่วันนี้อีอูยอนมาซ่อนตัวที่นี่

“เป็นที่จอดรถใต้ดินหรือเปล่าครับ”

“ครับ ตั้งแต่เสาต้นที่สี่ทางด้านซ้ายตรงนั้นไป จะจอดตรงไหนก็ได้ครับ”

อินซอบจอดรถในทิศทางที่อีอูยอนชี้ ในที่จอดรถที่กว้างใหญ่เต็มไปด้วยรถนอกราคาแพง

“บ้านของกรรมการผู้จัดการเหรอครับ”

บ้านของกรรมการผู้จัดการคิมมีอยู่หลายหลัง แค่ที่อินซอบรู้จักก็สามหลังแล้ว เขาจึงไม่แปลกใจแม้จะมีที่นี่เพิ่มไปด้วย

“ไม่ใช่ครับ ผมซื้อไว้เมื่อไม่นานนี้เอง”

อีอูยอนตอบพลางปลดเข็มขัดนิรภัย อินซอบตกใจจนไม่สามารถตอบอะไรได้ และเอาแต่มองอีอูยอน

“ไม่ลงเหรอครับ”

“อ๋อ ครับ”

อินซอบปลดเข็มขัดนิรภัยอย่างลนลานก่อนจะลงจากรถ เขาไม่ลืมที่จะเปิดประตูด้านหลังและเอากระถางต้นไม้ออกมา

“งะ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

อินซอบก้มหัว

อีอูยอนไม่เคยพูดถึงเรื่องย้ายบ้านกับตนเลยสักครั้ง คงจะเป็นเรื่องโกหกหากบอกว่าเขาไม่เสียใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากทำให้อีกฝ่ายรำคาญอย่างนั้นอย่างนี้ในสถานการณ์เช่นนี้

อีอูยอนมองอินซอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย และจงใจเอามือที่พันผ้าพันแผลไว้กระแทกเข้ากับกระจกมองข้าง

“อ๊ะ”

อีอูยอนใช้มืออีกข้างกุมมือที่พันผ้าพันแผลไว้

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

อินซอบวางกระถางต้นไม้ลงและรีบวิ่งไปตรงหน้าอีอูยอน

“ต้องระวังนะครับ คุณจะเป็นแผลเพิ่มไม่ได้”

อีอูยอนมองอินซอบที่ทำตัวไม่ถูกและตอบกลับว่า “เข้าใจแล้วครับ” ในขณะที่ตอบแบบนั้นเขาก็จงใจทำกุญแจรถหล่นลงบนพื้น อินซอบเป็นฝ่ายเก็บกุญแจให้แทน

“ผมจะไปส่งคุณถึงในบ้านเองครับ”

“งั้นก็เชิญครับ”

อีอูยอนรับกุญแจที่อินซอบถืออยู่มาใส่กระเป๋า

ทั้งคู่ขึ้นลิฟต์ที่จะพาเข้าไปที่วิลล่าจากที่จอดรถ จากนั้นอีอูยอนก็กดปุ่มลิฟต์

“มีแค่สองชั้นเท่านั้นเอง แต่มีลิฟต์ด้วยเหรอครับ”

อินซอบเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย

“ก็มีเงินนี่ครับ จำเป็นต้องเดินไปด้วยเหรอ”

เป็นคำอธิบายที่ชัดเจน กระทั่งจำนวนบ้านก็มีแค่หนึ่งหลังต่อหนึ่งตึก ที่นี่จึงเป็นวิลล่าที่แยกตัวกันต่างหากอย่างสมบูรณ์แบบ พอออกจากลิฟต์ พื้นที่ที่เชื่อมไปจนถึงวิลล่าก็ใหญ่กว่าบ้านที่อินซอบอยู่ตอนนี้สักสามเท่าได้

“เข้ามาสิครับ”

อีอูยอนเปิดประตูวิลล่าให้ อินซอบวางกระถางต้นไม้ไว้ที่ประตูหน้าบ้าน เขาถอดรองเท้าและจัดวางให้เป็นระเบียบก่อนจะเข้าไปในตัวบ้าน

“รบกวนด้วย…”

อินซอบอ้าปากค้าง ที่ที่อีอูยอนอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้ก็เป็นตึกหรูที่รวมที่อยู่อาศัยและห้างร้านเข้าด้วยกัน แต่ที่นั่นไม่มีทางเทียบกับที่นี่ได้ติด อินซอบมองไปรอบๆ บ้านด้วยสีหน้ามึนงงก่อนจะสบตากับอีอูยอน อินซอบปิดปากหลังพูดคำว่าครับ และรีบรักษาท่าทีที่ดูเป็นผู้ใหญ่

“บ้านดีมากเลยครับ”

“ก็ต้องดีสิครับ แพงขนาดนี้”

อีอูยอนเดินลงบันไดหินอ่อนที่เชื่อมกับห้องนั่งเล่น และนั่งลงบนโซฟา อินซอบวางกระถางต้นไม้ไว้ข้างๆ บันได และเดินลงไปที่ห้องนั่งเล่น พอเข้ามาด้านใน เขาก็ไม่สามารถห้ามความตื่นตกใจไว้ได้ ระเบียงที่อยู่ติดกับห้องนั่งเล่นมีขนาดใหญ่พอๆ กับสวนของบ้านเดี่ยว แวบหนึ่งเขารู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าไปในป่า เพราะต้นไม้ที่รายล้อมระเบียงเอาไว้ อินซอบตาเป็นประกายและมองไปรอบๆ เหมือนเด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้าเมืองเป็นครั้งแรก

“มีชั้นสองด้วยนี่ครับ แล้วจะย้ายมาอยู่เมื่อไรเหรอครับ”

“ยังย้ายของมาไม่หมดเลยครับ จัดเสร็จแค่ชั้นสองเท่านั้นเอง”

ชั้นหนึ่งอยู่ในสภาพที่มีแต่เฟอร์นิเจอร์วางไว้อย่างที่อีอูยอนพูด

“ตอนจะจัดของก็บอกนะครับ ผมจะมาช่วย”

“…”

อีอูยอนมองอีกฝ่ายที่น้ำแม้แต่หยดเดียวก็ไม่อยากให้เปื้อนปลายนิ้ว[1]นิ่งๆ

“…ผมทำความสะอาดเก่งนะครับ”

อินซอบชี้แจงด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ เพราะเข้าใจว่าความเงียบของอีอูยอนคือการตำหนิความไร้ความสามารถของตน อีอูยอนใช้มือกุมหน้าผาก เสียงถอนหายใจอย่างต่อเนื่องทำให้อินซอบทำตัวไม่ถูกยิ่งกว่าเดิม

“ถะ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผม…”

“เมื่อกี้คุณบอกว่าไม่เหนื่อยใช่ไหมครับ”

อีอูยอนถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกก่อนจะพูดต่อ

“ที่นี่ไม่มีคนมอง เป็นข้างในไม่ใช่ข้างนอก แล้ววันนี้คุณอินซอบก็ไม่ได้เหนื่อย นอกจากนั้นพรุ่งนี้ผมก็ได้ค่าตอบแทนที่ทุบคนไม่ยั้งด้วยการไม่มีตารางงานด้วยครับ”

อีอูยอนเข้ามาใกล้โดยไม่ทันตั้งตัวและยื่นหน้าของตัวเองมาใกล้หน้าของอินซอบก่อนจะเอ่ยถาม

“มีเหตุผลที่จะปฏิเสธอีกไหมครับ”

เขารู้ว่าอีอูยอนต้องการอะไร

อินซอบกำชายเสื้อแน่น

รอยช้ำยังเหลืออีกนิดหน่อยหรือเปล่านะ แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าไม่มีรถตามมาข้างหลัง ถ้ามีใครถือกล้องรออยู่ข้างนอกจะทำยังไง

มือของอินซอบที่กำชายเสื้อไว้สั่นเทา อีอูยอนมองอินซอบตรงๆ โดยไม่กะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียวพร้อมกับรอคำตอบ

“ผม…”

วินาทีที่อินซอบเงยหน้า กลิ่นน้ำหอมที่อีอูยอนใช้ก็แตะเข้าที่ปลายจมูก เขารู้สึกว่ากลิ่นเย็นๆ นั้นหอมหวานเป็นพิเศษ ภายในริมฝีปากของตนแห้งผาก ความจริงเขาอยากจะจูบกับอีอูยอนตั้งแต่วินาทีที่เข้ามาในบ้านแล้ว ไม่สิ เขาคิดที่จะจูบกับอีกฝ่ายมาตั้งแต่ตอนที่นั่งรถมาด้วยกันแล้ว แต่เพราะกลัวว่าจะถูกจับได้ถึงความคิดอกุศลของตัวเอง อินซอบจึงบอกว่าจะกลับบ้านทันทีที่จอดรถ

“ถ้ามีก็พูดมาเลยครับ เพราะผมจะรับฟัง”

แม้น้ำเสียงของอีอูยอนจะมีมารยาทและสุภาพราวกับเป็นสุภาพบุรุษที่ได้รับการอบรมสั่งสอน แต่แววตาของอีกฝ่ายกลับไม่เป็นแบบนั้นเลย ดวงตาที่วาวโรจน์อย่างหยาบคายนั้นเป็นประกายเหมือนสัตว์หิวโซที่มีอาหารวางอยู่ตรงหน้า

“…งั้นผมมีเรื่องจะขอร้องอย่างหนึ่งครับ”

อินซอบเปิดปากพูดอย่างยากลำบากด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

***

“อ๊ะ ดะ เดี๋ยว…ตรงนั้นไม่ได้ อึก”

“อะไรไม่ได้ครับ”

อีอูยอนตอบกลับอย่างเย็นชาขณะที่ยังคงจับสะโพกของอินซอบไว้ พออินซอบบิดตัว อีอูยอนก็ใช้ฝ่ามือกดเอวของอินซอบทันที

“เป็นคุณอินซอบเองนะครับที่ชวนให้มีอะไรกันจากทางด้านหลัง”

รอยช้ำที่เหลืออยู่ตรงลิ้นปี่ยังคงกวนใจอินซอบ แต่เขาไม่อยากจะผลักไสอีอูยอนอีกต่อไปแล้ว และเขาก็ไม่สบายใจที่จะทำแบบนั้นด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเขาอยากได้รับการยืนยันถึงความสัมพันธ์ด้วยการกอด จูบ และมีอะไรกับอีกฝ่าย

สุดท้ายอินซอบก็เอ่ยถามอย่างยากลำบากว่าวันนี้ทำจากข้างหลังได้ไหม อีอูยอนจับมืออินซอบลากไปที่ห้องนอนทันทีที่พูดจบ หลังจากนั้นเขาก็โยนอินซอบราวกับเหวี่ยงออกไป และดึงกางเกงกับกางเกงชั้นในของอินซอบลงในคราวเดียว

“ไม่ใช่อย่างนั้น…”

อินซอบสะอื้นและพยายามจะแก้ตัว แต่อีอูยอนกลับไม่แม้แต่จะทำเป็นได้ยิน

“อ้าขาครับ เพราะตั้งแต่นี้ไปผมคงทำเหมือนหมาแล้ว”

“อ๊า!”

อินซอบกรีดร้อง สิ่งที่เปียกชื้นเริ่มโลมเลียร่องก้นของเขา แม้เขาจะดิ้นไปมาเพื่อที่จะหลบเลี่ยง แต่ก็ไร้ประโยชน์ อีอูยอนแหวกก้นของเขาออกและเลียร่องนั้นด้วยความโลภ

“ตรงนั้นมะ…อย่าครับ ได้โปรด…”

ลิ้นของอีอูยอนทิ่มเข้ามาในรู อินซอบกลั้นหายใจและตัวสั่นระริก เขารู้สึกสุขสมและเขินอายสลับกันจนทำตัวไม่ถูก จากนั้นช่วงล่างก็ปวดหนึบขึ้นมา อินซอบแทบจะเป็นบ้า เขาขาสั่นและนอนคว่ำหน้าราวกับล้มพับลงไปบนเตียง

“ยกเอวขึ้น”

พออินซอบส่ายหน้า อีอูยอนก็เอาหมอนมารองใต้ท้องของเขาไว้

“…คุณอูยอน ถ้าไม่ทำอันนี้…ผมไม่อยาก…”

อินซอบขอร้องอีอูยอนอย่างจนแต้มด้วยน้ำเสียงที่เจือการร้องไห้ อีอูยอนใช้นิ้วที่เงาวับจากน้ำลายลูบไล้ปากทางเข้าพร้อมกระซิบ

“ตรงนี้ของคุณอินซอบนุ่มนิ่มมากเลย…”

อีอูยอนลูบไล้รอยจีบก่อนจะเอ่ยถามพลางกดเอวลงมา

“ไปขยายตรงนี้มาจากบ้านเหรอครับ”

“…!”

อินซอบหน้าแดงทันที อีอูยอนสบถพร้อมกับยิ้ม แล้วเขาก็จับก้นของอินซอบอ้าออก ลิ้นถูกสอดผ่านช่องว่างที่ถูกแยกออกอย่างกับจะชำเรา น้ำลายไหลเข้าไปพร้อมกับลมหายใจที่ติดขัดของอีอูยอนเป่ารดส่วนนั้น มันไม่จบแค่ตรงนั้น อีอูยอนยังฝังเขี้ยวลงไปที่ช่องทางนั้นด้วย

“อ๊ะ ฮึก อื้อ ฮ่า…อ๊า!”

เสียงครางหลุดออกมาจากปากของอินซอบอย่างต่อเนื่อง ส่วนอีอูยอนก็ดูดเนื้อตรงขาอ่อนของอินซอบเข้าไปในปากและดูดดุน อินซอบครางจนแทบจะเป็นเสียงสะอื้น และน้ำลายของอีอูยอนก็ไหลไปตามพวงแฝดของอินซอบและหยดลงมา


[1] น้ำแม้แต่หยดเดียวก็ไม่เปื้อนปลายนิ้ว หมายถึง คนที่ไม่ค่อยทำงานบ้าน

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท