ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – ภาค 2 เล่ม 3 ตอนที่ 6-2

ภาค 2 เล่ม 3 ตอนที่ 6-2

กรรมการผู้จัดการคิมไม่เข้าใจเลยสักนิดในตอนที่ได้ฟังว่าวันนั้นชเวอินซอบก็อยู่ในรถด้วย เพราะนี่เป็นสถานการณ์ที่อินซอบสามารถควบคุมได้อยู่แล้ว

‘ดูเหมือนทั้งคู่จะทะเลาะกัน พวกเขาไม่สบตากันด้วยซ้ำ แล้วอินซอบก็ได้แต่อึกอักและพูดไม่ออกอยู่ข้างๆ’

แต่คำอธิบายเพิ่มเติมของหัวหน้าทีมชาทำให้กรรมการผู้จัดการเข้าใจขึ้นมาทันที

“ไม่ได้ทะเลาะกันหรอกครับ ผมจะไปทะเลาะกับเด็กคนนั้นได้ยังไง”

“นายทะเลาะกับอินซอบที่เหมือนเทวดาจริงๆ เหรอ”

“ผมอารมณ์เสียก็เพราะไอ้คนที่เหมือนเทวดานั่นแหละครับ”

อีอูยอนยิ้มเหมือนดอกไม้พลางเอ่ยตอบ ถ้าหากมีดอกไม้บานในนรก ก็คงจะหน้าตาแบบนั้นแหละ กรรมการผู้จัดการคิมขนลุกซู่ เขาลูบแขนก่อนจะถามซ้ำ

“เรื่องที่ทำให้อารมณ์เสียคืออะไรล่ะ อย่าบอกนะว่าอินซอบขอเลิก”

“เฮ้อ…”

อีอูยอนถอนหายใจก่อนจะใช้ฝ่ามือลูบหน้า เป็นสีหน้าที่ไม่เคยแสดงให้เห็นแม้แต่ตอนได้รับคอมเมนต์ว่าร้ายมาตลอดหลายวันด้วยซ้ำ อีอูยอนเงยหน้าขึ้น ความน่ากลัววาวโรจน์ขึ้นในดวงตาของเขา

“ห้ามพูดคำนั้นนะครับ ถึงจะแค่แซวเล่นก็ตาม”

ความป่าเถื่อนที่เหมือนจะฉีกอีกฝ่ายออกเป็นชิ้นๆ ล้นทะลักออกมาจากดวงตาของอีอูยอในไม่ช้า กรรมการผู้จัดการคิมรีบเบนสายตาไปด้านข้างก่อนจะพูดต่อ

“แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ ไม่มีทางที่อินซอบที่แสนดีจะทำผิดกับนายหรอก นายทำอะไรผิดล่ะ”

อีอูยอนยิ้มอย่างขมขื่น

“คนแสนดีคนนั้นน่ะ โธ่เว้ย ผมคงไม่ได้แก่ตายแน่ๆ ถ้าได้ชอบเป็นครั้งที่สอง”

“…”

งั้นก็รีบๆ ชอบเป็นครั้งที่สอง แล้วก็ไม่ต้องอยู่จนกว่าจะแก่ตายสิ

กรรมการผู้จัดการคิมกลืนคำที่อยากพูดลงไป

ตอนนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“กรรมการผู้จัดการคะ ทนายชินมาแล้วค่ะ”

ผู้ช่วยโจแจ้งให้ทราบอย่างระมัดระวังจากด้านนอก

“ทนายชิน? ตกลงกันเสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ งั้นไปบอกให้เขาเข้ามาก่อน”

พวกเขาให้เงินจำนวนมหาศาลและตกลงกับชายที่อีอูยอนทำจมูกหักเรียบร้อยแล้ว คนที่ดิ้นพล่านบอกว่าจะฟ้องร้องในตอนแรกหมดหวังทันทีที่ต้นสังกัดของแชยอนซอบอกว่าจะฟ้องร้อง และหลังจากนั้นการตกลงกับอีอูยอนก็สำเร็จลุล่วงไปได้อย่างรวดเร็ว

“ผมเรียกมาเองครับ”

“ทำไม คงไม่ได้ไปต่อยใครมาอีกหรอกใช่ไหม”

ใบหน้าของกรรมการผู้จัดการคิมซีดเผือด

“เพราะมีสัญญาที่ต้องเขียนน่ะครับ แล้วก็มีเอกสารให้จัดการด้วย”

“เอกสารอะไร ฉันแค่พูดเผื่อไว้นะว่าฉันไม่เคยตุกติกเลยแม้แต่ครั้งเดียวนะ”

กรรมการผู้จัดการคิมเป็นคนจัดการเรื่องทางราชการทั้งหมดของอีอูยอน รวมไปถึงเรื่องทรัพย์สินและภาษีด้วย หัวหน้าทีมชายังตกใจในเรื่องนี้ และเคยถามอีอูยอนว่าเชื่อกรรมการผู้จัดการคิมอย่างหมดใจจริงๆ เหรอด้วยซ้ำ อีอูยอนหัวเราะและตอบไปว่า

‘ต่อให้ตุกติกกับเงิน ผมก็ไม่สนใจหรอกครับ จนกว่าผมจะรู้น่ะนะ’

แม้ก่อนหน้านี้กรรมการผู้จัดการคิมจะจัดการได้อย่างดีมาตลอด แต่หลังจากนี้เขาจะดูแลอย่างละเอียดรอบคอบชนิดที่ไม่ให้พลาดไปแม้แต่สิบวอน

“ผมรู้ครับ ผมไม่ได้เรียกมาเพราะเรื่องนั้นหรอก”

“ให้ฉันออกไปไหม”

อีอูยอนส่ายหน้าให้กับคำถามของกรรมการผู้จัดการคิม

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ”

อีอูยอนพูดราวกับไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้ยินเสียงประตู และทนายความก็เดินเข้ามา หลังจากทักทายกันอย่างสบายๆ แล้ว ทนายความก็หยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าทันที

“เอกสารที่คุยพูดถึงตอนนั้นครับ ลองอ่านดูสักรอบนะครับ”

สีหน้าของกรรมการผู้จัดการคิมที่ยิ้มอย่างนิ่งนอนใจใช้ระยะเวลาแค่ไม่กี่วินาทีในการเปลี่ยนเป็นสีหน้าเคร่งเครียด

***

“คุณอินซอบ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”

“สวัสดีครับคุณผู้จัดการยุน”

อินซอบหมุนตัวและทักทายผู้จัดการยุนแจฮยอนทันที

“คุณอีอูยอนอยู่ไหนเหรอครับ”

อินซอบยิ้มเจื่อนก่อนจะชี้ไปที่ห้องของกรรมการผู้จัดการ

“ผมว่าคงจะโดนต่อว่าน่ะครับ เพราะสองสามวันมานี้ที่บริษัทวุ่นวายมากเลย”

สามวันที่ผ่านมาคือนรกสำหรับอินซอบ แม้เขาจะได้รับวันหยุดที่บังคับให้ต้องหยุด และพักอยู่ที่บ้าน แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะได้พัก โลกอินเทอร์เน็ตวุ่นวาย และดูเหมือนทุกคนจะด่าอีอูยอน แม้เขาจะเข้าไปทิ้งคอมเมนต์ที่บอกว่าคุณอีอูยอนคงจะมีเหตุผลที่ทำอย่างนั้นอย่างตั้งใจ แต่ก็ทำได้แค่กินคำด่าผ่านทางคอมเมนต์จนอิ่มเท่านั้น

แม้จะอยากไปหาอีอูยอน แต่เขาก็ไม่อาจทำแบบนั้นได้เมื่อนึกถึงคำเตือนของอีกฝ่ายที่บอกว่าอย่าทำตัวใจดีไปเรื่อย ทุกอย่างเป็นเพราะตน ถึงจะรู้ว่าอีอูยอนอารมณ์ไม่ดี แต่ก็ยังปล่อยให้อีกฝ่ายออกไปนอกรถ เขากลัวจะโดนอีอูยอนเกลียดจนในที่สุดก็ไม่สามารถห้ามอีกฝ่ายไว้ได้ และคนที่ตามล้างตามเช็ดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เรียบร้อยก็คือหัวหน้าทีมชา ส่วนคนที่ปกปิดความผิดพลาดที่เขาทำลงไปกับแชยอนซอที่กองถ่ายวันนั้นก็คืออีอูยอน

สุดท้ายตัวเขาเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เขายังขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้จัดการส่วนตัว แม้ระยะเวลาที่ตกลงกันไว้คือสัปดาห์หน้า แต่การที่เขาจะตัดใจลาออกเร็วขึ้นแม้จะเป็นเพียงวันเดียวก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ถึงจะรู้อยู่แก่ใจ แต่ก็ไม่ยอมพูดว่าจะลาออก ความโลภที่อยากจะมองอีอูยอนอยู่ข้างๆ ต่อไปอีกสักหน่อยทำให้อินซอบไม่กล้าพูดแบบนั้น

…เราสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นหลายเรื่องเลยสินะ

“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงครับ”

อินซอบก้มหัวขอโทษอย่างเรียบร้อย

“โอ๊ย นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณอินซอบทำซะหน่อย ทำไมคุณอินซอบต้องขอโทษด้วยล่ะครับ แล้วถ้าจะให้พูดตรงๆ…”

ผู้จัดการยุนมองไปรอบๆ ก่อนจะลดเสียงลง

“เป็นผม ผมก็จะทุบไม่ยั้งเหมือนกันครับ แฟนของตัวเองโดนพูดถึงแบบนั้น ถ้าทนได้ก็โง่แล้วครับ ในฐานะผู้ชายด้วยกันผมไม่ติดเลยนะครับที่จะหลงรักคุณอีอูยอน”

อินซอบตอบอย่างอ่อนแรงว่า “อย่างนั้นเหรอครับ” คำว่าแฟนสาวทำให้เขานึกถึงแชยอนซอโดยอัตโนมัติ รู้สึกแบบนี้ในสถานการณ์อย่างนี้เนี่ยนะ อินซอบทบทวนตัวเอง

“ว่าแต่มีคนบอกว่าคุณตามหาผมอยู่นี่ครับ”

“โอ้ ขอโทษทีครับ ผมมีเรื่องจะเรียนถามน่ะครับ ว่าจะสามารถรับพาสปอร์ตที่ส่งไปตอนนั้นคืนได้เมื่อไร”

ตอนนั้นอินซอบถึงได้นึกถึงจุดประสงค์ที่ตนตามหาผู้จัดการยุนออก

เมื่อวานเขาได้รับโทรศัพท์จากอเมริกา แม่ถามอย่างระวังว่าจะกลับมาได้เมื่อไร เพราะนี่เป็นช่วงปิดเทอม ตอนนั้นเองเขาถึงได้รู้ถึงความจริงว่าตนมัวแต่สติหลุดอยู่หลายวันจนไม่ได้โทรศัพท์ไปหาแม่

ไอ้เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน

อินซอบกลั้นการด่าทอตัวเองไว้ก่อนจะเอ่ยขอโทษแม่ จากนั้นก็บอกว่าตนจะกลับไปเร็วๆ นี้ เขาคิดว่าควรจะโผล่หน้าไปให้เห็นบ้าง แค่วันเดียวก็ยังดี ก่อนที่ปิดเทอมจะหมดลง

“พาสปอร์ตอะไรเหรอ”

“ที่คุณอีอูยอนบอกว่าจำเป็นต้องใช้สำหรับตารางงานที่ต่างประเทศ แล้วผมก็ให้ไปไงครับ”

“ต่างประเทศเหรอ ที่ผมรู้คือเขาไม่น่าจะมีตารางงานนอกประเทศไปสักระยะหนึ่งเลยนะ คุณอินซอบรู้มาผิดหรือเปล่าครับ แล้วให้ใครไปล่ะ”

“เอาให้คุณอีอูยอนไป…”

“งั้นเหรอ ผมรู้มาผิดหรือเปล่านะ ให้ผมไปเรียนถามกรรมการผู้จัดการให้ไหมครับ”

“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมไปถามคุณอีอูยอนเอง”

อินซอบตัดสินใจว่าจะไปถามอีอูยอนด้วยตัวเอง เพราะเขาอาจจะพูดอะไรที่เกินความจำเป็นไปก็ได้

“แปลกแฮะ ว่าแต่ทำไมถึงมองกระถางต้นไม้อันนั้นอย่างนั้นมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วล่ะครับ”

“นี่เป็นของที่คุณคังยองโมส่งมาใช่ไหมครับ”

อินซอบชี้ไปที่ริบบิ้นสีชมพูที่พันรอบกระถางต้นไม้พลางเอ่ยถาม ตรงนั้นมีชื่อบริษัทของคังยองโมเขียนเอาไว้

“ใช่แล้วครับ คังยองโมคนนั้นนั่นแหละ ไม่รู้ว่าไอ้บ้านั่นคิดอะไรอยู่ ได้ยินว่าส่งแค่กระถางต้นไม้มาตามที่อยู่ของบริษัทน่ะครับ คงจะอายที่สร้างเรื่องไว้คราวก่อนล่ะมั้ง แต่กรรมการผู้จัดการคิมบอกว่าห้ามกระพือข่าว ทุกคนก็เลยเงียบไว้น่ะครับ เพราะพวกเราน่ะอยากฟ้องนักข่าวที่รู้จักกันแทบแย่”

“ห้ามพูดเด็ดขาดเลยนะครับ”

พออินซอบพูดด้วยสีหน้าตื่นกลัว ผู้จัดการยุนก็ส่ายหน้า

“ไม่ต้องห่วงครับ เพราะกรรมการผู้จัดการได้กำชับอย่างเด็ดขาดแล้วครับ ว่าแต่กระถางต้นไม้แค่กระถางเดียวนี่มันอะไร เป็นคนที่หาเงินได้เยอะแท้ๆ แต่เดิมทีเขาก็ได้ชื่อว่าไม่เคยเลี้ยงข้าวพวกสตาฟสักครั้งระหว่างที่ถ่ายละครอยู่แล้ว คงใจกว้างเต็มที่แล้วล่ะครับถึงได้ส่งอันนั้นมา”

ผู้จัดการยุนซดกาแฟพร้อมกับพูดต่อ

“ถึงอีกไม่นานก็คงจะตายก็เถอะ”

“ใครเหรอครับ”

“ต้นไม้นั่นน่ะครับ เพราะพอรู้ว่าเป็นของที่คังยองโมส่งมาก็ไม่มีใครรดน้ำเลยครับ บางครั้งก็มีคนเอากาแฟไปเทใส่ด้วย อย่างผมไงครับ”

ผู้จัดการยุนยิ้มพร้อมกับแกล้งเทกาแฟที่ดื่มอยู่ใส่กระถางต้นไม้ พอเห็นอินซอบตื่นตกใจ เจ้าตัวก็หัวเราะคิกคักว่าล้อเล่นก่อนจะเดินจากไป

อินซอบถอนหายใจพลางมองกระถางต้นไม้ ใบของมันเหลืองไปหมด และดินก็อยู่ในสภาพแห้งแล้ง

“ไอ้คนนิสัยไม่ดี”

เขาพึมพำคำด่าเบาๆ เพราะกลัวว่าใครจะได้ยิน เขาไม่สามารถเข้าใจทัศนคติที่คิดว่าก่อความไม่สงบแบบนั้นแล้วจะแก้ไขได้ด้วยกระถางต้นไม้กระถางเดียวได้เลย

เขาเกลียดคังยองโมจริงๆ และเกลียดกระถางต้นไม้ที่อีกฝ่ายส่งมาด้วย ตัวเขาสมควรที่จะโกรธอีกฝ่ายมากกว่า คังยองโมทำให้อีอูยอนขายหน้าอย่างเปิดเผย แม้คนรักของตนจะถูกด่า แต่อินซอบก็ไม่สามารถโกรธอย่างจริงๆ จังๆ ได้สักครั้ง

กลับกันอีอูยอนโกรธถึงขนาดนั้น แม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่คนที่ตัวเองคบจริงๆ ก็ตาม เทียบกับอีอูยอนแล้ว ตัวเขาขี้ขลาดจนน่าขายหน้า

“…เราควรจะต่อยบ้างหรือเปล่า”

อินซอบลองกำหมัด ซึ่งเป็นหมัดที่อ่อนแรงและไม่รู้สึกถึงการข่มขู่อะไรเลย อินซอบตระหนักได้ว่ามันเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะกับตนและเบนสายตาไปที่กระถางต้นไม้

ถึงอย่างนั้นเขาก็อยากจะแก้แค้น

อินซอบจับใบของต้นไม้ เขาอยากจะดึงมันแรงๆ เพราะมันเป็นต้นไม้แย่ๆ ที่คนเลวๆ ส่งมาให้

“…”

แม้จะทำแบบนั้น แต่ความโกรธของเขาก็ไม่คลายลง

มือที่เกร็งสั่นระริก และอินซอบก็ไม่สามารถดึงใบไม้สักใบออกมาได้จริงๆ

“คุณอินซอบ!”

อินซอบตกใจ เพราะเสียงเรียกอย่างกะทันหันจากทางด้านหลัง

“ตกใจอะไรขนาดนั้นล่ะ อย่างกับคนที่โดนจับได้ว่าทำอะไรผิดอยู่เลย ตายจริง นั่นมันอะไรกันคะ”

ผู้ช่วยโจชี้ไปที่สิ่งที่อินซอบถือไว้ในมือ อินซอบก้มลงมองมือตัวเองด้วยใบหน้าซีดเผือด ตรงนั้นมีต้นไม้ที่โดนดึงชนิดที่ว่าถอนรากถอนโคนอยู่

***

“ต้นไม้นั่นมันอะไรกันครับ”

อีอูยอนมองอินซอบที่ยืนถือต้นไม้ด้วยสีหน้าเศร้าหมองพลางพูด

“…ผมจะเอาไปเลี้ยงครับ”

อินซอบตอบขณะที่ยังคงกอดกระถางต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาไว้ คิ้วที่เป็นระเบียบของอีอูยอนเลิกขึ้น

“เดี๋ยวมันก็ตายแล้วครับ ทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ”

“ถ้าดูแลมันอย่างดีอีกครั้งก็รอดครับ”

อินซอบโกยดินของต้นไม้ที่กำลังจะตายและตบมันเบาๆ พลางเอ่ยตอบ

“ตอนนี้ผมเริ่มจะ…”

“ครับ?”

เสียงประตูลิฟต์เปิดทำให้อินซอบไม่ได้ยินคำพูดของอีอูยอน และถามซ้ำ อีอูยอนไม่ตอบ และขึ้นลิฟต์ไปอย่างนั้น อินซอบรีบวิ่งตามหลังอีกฝ่ายขึ้นลิฟต์ ความเงียบที่น่าอึดอัดวนเวียนอยู่โดยรอบ แล้วมือของอีอูยอนที่มีผ้าพันแผลพันไว้ก็เข้ามาในสายตาของอินซอบที่พยายามหาหัวข้อสนทนา

“มือคุณไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมครับ”

“ครับ”

อีอูยอนตอบห้วนๆ

“วันนี้ผมจะไปส่งคุณถึงบ้านเองครับ ผมบอกให้คังอูกลับไปก่อนแล้ว เพราะเขาดูเหนื่อยมาก”

อีอูยอนเอียงคอมองอินซอบ

“แล้วคุณอินซอบไม่เหนื่อยเหรอครับ”

“ครับ ผมไม่เป็นไร”

ความจริงแล้วสามวันมานี้อินซอบแทบจะไม่ได้พักเลย เขาเช็กข่าวและคอมเมนต์ที่ถูกโพสต์ลงอินเทอร์เน็ตตลอดทั้งวัน และเอาแต่เขียนคอมเมนต์ทิ้งไว้จนไม่สามารถออกห่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้ แต่เขาไม่อยากแสดงท่าทางแบบนั้นต่อหน้าคนที่เกี่ยวข้อง

มือของอีอูยอนยื่นเข้ามาใกล้ อินซอบนิ่งอยู่อย่างนั้น แล้วนิ้วที่สวยงามก็เคาะลงบนสันจมูกของอินซอบ

“เลือดกำเดาล่ะ?”

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท