ลู่เจียวยิ้มกล่าวกับหูซ่าน “ไม่มีอะไร ข้าเป็นหมอ ว่างๆ ก็ลองคิดมากหน่อย พอดีคิดถึงหลายกิจการขึ้นมาได้ก็เลยหยิบมาทำสักสองสามอย่าง”
หูซ่านชูนิ้วหัวแม่มือให้ลู่เจียว “ร้ายกาจ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่พอใจที่หูซ่านเอาแต่คุยกับภรรยาตน ดังนั้นจึงแค่นเสียงฮึเยียบเย็นใส่ “เจ้าไม่ไปต้อนรับแขกหรือ ระวังบิดาเจ้าจัดการเจ้านะ”
สีหน้าหูซ่านเคร่งเครียดขึ้นมาทันที พลางหันไปมองบิดาตน เห็นบิดากำลังถลึงตาจ้องมองเขาอยู่พอดี
วันนี้นายอำเภอหูพาหูซ่านมาก็เพื่อให้เขาช่วยต้อนรับแขก
รองนายอำเภอหยางกับเผิงจู่ปู้ฆ่าตัวตาย ทางที่ว่าการเมืองหนิงโจวไม่ได้ส่งคนมารับตำแหน่งรองนายอำเภอกับจู่ปู้ ดังนั้นเรื่องในที่ว่าการอำเภอก็ย่อมต้องให้นายอำเภอหูดูแล ระยะนี้นายอำเภอหูยุ่งมาก เรื่องจัดตั้งสมาคมการค้าชิงเหอวันนี้ก็มอบหมายให้หูซ่านมาช่วย
หูซ่านเห็นบิดาตนถลึงตาใส่ ก็รีบเข้าไปทักทายบรรดาพ่อค้าในที่นั้นทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นดึงลู่เจียวเดินไปโถงกลาง จางปี้เยียนกับเฉาชิงเหลียนเห็นภาพฉากนี้ก็พากันเงียบกริบ
จางปี้เยียนกัดฟันกรอด แอบด่าว่าตนเองชะล่าใจไปได้อย่างไร ถึงไม่รู้จักสืบสถานะลู่เจียวมาก่อน หากรู้ว่าลู่เจียวเป็นเจ้าของสามโรงผลิต นางอาจจะทนอีกสักหน่อย พยายามสานสัมพันธ์กับอีกฝ่ายให้ดี
ตอนนี้ดีเลย ทำลายโอกาสทางการค้าไม่ว่า ยังไปล่วงเกินนางเข้า แต่เอาเถอะ ดูท่าทางหญิงผู้นั้นกับนางก็คงไม่ใช่คนเดินร่วมเส้นทางเดียวกัน
จางปี้เยียนครุ่นคิดแล้วก็หันไปมองเฉาชิงเหลียน เฉาชิงเหลียนกำลังเหม่อมองทั้งสองคนที่เดินไป
จางปี้เยียนเห็นสีหน้าท่าทางนางก็รู้ว่าในใจนางกำลังคิดอะไร พลันเม้มปากหัวเราะขึ้น
“เอาน่า วางใจได้ ไม่มีชายใดไม่จำนนต่อความงาม เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็แค่ซิ่วไฉเล็กๆ จะหนีพ้นความงามของเจ้าไปได้หรือ”
ที่ครั้งนี้จางปี้เยียนไปกล่อมนายท่านเฉาสามให้เขายอมให้บุตรสาวตนเผยโฉมหน้าต่อหน้าผู้อื่น ก็เพราะคุณหนูเจ็ดตระกูลเฉาเกิดมางดงาม ไม่เพียงแต่งดงาม ยังงดงามอย่างมีระดับ นางได้รับการอบรมจากมารดามาอย่างดี ย่อมใช้มารยาหญิงหลอกล่อผู้ชายให้สยบได้
ท่านแม่คุณหนูเจ็ดตระกูลเฉาอายุมากแล้ว ยังได้รับความโปรดปรานจากเฒ่าเสเพลอย่างนายท่านเฉาสามได้ แค่นี่ก็พิสูจน์ความร้ายกาจของนางได้แล้ว บุตรสาวที่นางอบรมย่อมร้ายกาจไม่ต่างกัน
จางปี้เยียนกำลังคิดอยู่ เฉาชิงเหลียนก็กระซิบขึ้นมาเบาๆ ว่า “ก็กลัวว่าเขาจะไม่ยอมทอดทิ้งหญิงผู้นั้นเพราะนางมีเงิน”
“เช่นนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นผู้ใด จะทำให้เขาหลงใหลได้หรือไม่ หากทำให้เขาลุ่มหลงได้ เขาก็ย่อมทอดทิ้งนังหญิงอ้วนนั้น”
จางปี้เยียนกล่าวด้วยความชิงชัน จากนั้นนางก็มองเฉาชิงเหลียน “อีกสักครู่ เจ้าก็หาโอกาสไปเผยโฉมหน้าต่อหน้าเซี่ยซิ่วไฉ ต้องให้เขาได้เห็นความงามของเจ้า ดีหรือไม่”
ลู่เจียวไม่รู้ว่าจางปี้เยียนกับเฉาชิงเหลียนคุยอะไรกัน ยามนี้นางกำลังคุยกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นอยู่ในมุมหนึ่ง
“อยู่ดีๆ เจ้ามาที่นี่ทำไมกัน”
ลู่เจียวมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นอย่างไม่เห็นด้วย เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มกล่าวว่า “ข้าเป็นห่วงเจ้า ดังนั้นก็เลยมาดูหน่อย”
แม้ว่าเขารู้เจียวเจียวมีความสามารถ ข้างกายยังมียอดฝีมืออย่างหร่วนจู๋มีที่มีฝีมือร้ายกาจ แต่เขาก็ยังห่วงนาง กลัวว่านางจะเจอกับเรื่องไม่ดีอันใด
สุดท้ายเขาจึงไปที่ว่าการอำเภอและมาพร้อมกับนายอำเภอหู
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดแล้วก็มองลู่เจียวถามอย่างห่วงใยว่า “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม ไม่มีคนทำให้เจ้าลำบากใจใช่ไหม”
ลู่เจียวส่ายหน้า “ไม่มี วันนี้พอมาก็ได้พบกับเถียนฮวนพอดี เราสองคนไปหลบมุมคุยกัน ไม่ได้ร่วมวงสนทนากับผู้อื่น”
ลู่เจียวกล่าวจบ ก็พลันนึกถึงคุณหนูเจ็ดตระกูลเฉาขึ้นมาได้ นางเขยิบเข้าไปใกล้เซี่ยอวิ๋นจิ่นกระซิบกระซาบว่า “ก่อนหน้านี้คุณหนูเจ็ดตระกูลเฉามาทักทายข้า ข้าเห็นโฉมนาง งามดังเทพธิดาจริงๆ”
พอลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็แค่นเสียงฮึเยียบเย็น “นางจะสวยกว่าเจียวเจียวข้าได้อย่างไร เจียวเจียวสวยจากภายใน ส่วนนาง งามแค่เปลือกนอก ภายในว่างเปล่าก็เท่านั้น นับประสาอันใดกับนางมีบิดาและมารดาเยี่ยงนั้น เกรงว่า ก็คงไม่ใช่คนดีอะไร แค่งูพิษที่คลุมกายด้วยเนื้อหนังสาวงามเท่านั้น”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ก็ไม่คิดพูดเรื่องเฉาชิงเหลียนอีก เขาไม่สนใจนาง
“อีกสักครู่จบงานแล้ว พวกเรากลับพร้อมกัน”
ลู่เจียวมองเขาอย่างไร้วาจาจะกล่าว ดังนั้นที่มานี่ก็เพื่อรับนางกลับบ้านหรือ
“ทราบแล้ว”
ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ ก็ได้ยินเสียงทักทายดังมาจากด้านหลัง
“เซี่ยซิ่วไฉมาหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวหันหน้าไปด้วยสัญชาตญาณก็เห็นว่าคนที่เดินมาก็คือจางปี้เยียนกับเฉาชิงเหลียน
ลู่เจียวได้ยินเสียงทักทายจางปี้เยียนก็แทบอยากจะส่งค้อนให้นาง นางไม่เชื่อว่าก่อนหน้านี้ตอนเซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินตามนายอำเภอหูเข้ามา นางจะไม่เห็น
ตอนนี้มาแสร้งทำท่าตกใจทำไมกัน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นขี้เกียจจะสนใจจางปี้เยียน เพียงแค่พยักหน้ารับคำเล็กน้อย “ที่แท้ก็จางเหนียงจื่อ”
จางปี้เยียนยิ้มพยักหน้า จากนั้นก็มองไปยังเฉาชิงเหลียนข้างๆ “ชิงเหลียน ท่านนี้คือเซี่ยซิ่วไฉ”
เฉาชิงเหลียนเปิดผ้าแพรออกได้จังหวะพอดีเผยให้เห็นใบหน้างดงามน่าตะลึงใต้ผ้าแพรขาวบาง
ไม่อาจกล่าวว่างามล่มเมือง แต่ก็งามชวนตะลึงแท้จริง โดยเฉพาะวงคิ้วและรอยยิ้มที่หวานหยาดเยิ้ม
ผู้ชายโดยรอบเห็นแล้วก็ละสายตาจากไปไม่ได้ แม้ไม่ได้รอยยิ้มจากหญิงงาม ดูให้เต็มอิ่มสักหน่อยก็ยังดี แต่เซี่ยซิ่วไฉก็ช่างมีวาสนาจริง ข้างกายมีภรรยางดงาม ยามนี้ยังได้ชมความงามของคุณหนูเจ็ดตระกูลเฉาตรงหน้า
แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับนึกรำคาญใจ แววตาเขาเย็นเยียบ มองคุณหนูเจ็ดตระกูลเฉาแวบหนึ่ง เขายอมรับว่าคุณหนูเจ็ดตระกูลเฉารูปโฉมไม่เลวจริง
แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นแค่เพียงมองก็รู้สึกได้ว่า คุณหนูเจ็ดตระกูลเฉาเป็นความงามแบบฉบับที่สลักออกมา ท่าทางกิริยาอาการมองแล้วงาม แต่ขาดความงามแบบธรรมชาติ
แต่นางกลับคิดว่าตนเองงดงามดังเทพธิดา พร้อมสยบชายใต้หล้า เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกว่าผู้ชายที่ถูกหญิงเช่นนี้สยบได้ ต้องเป็นคนละโมบในความงามสตรี เจ้าชู้เสเพล เขารู้สึกว่าตนเองไม่ใช่ชายเช่นนั้น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองคุณหนูเจ็ดตระกูลเฉาด้วยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน จากนั้นก็ดึงมือลู่เจียว หันหลังเดินออกไปทันที
ทั้งสองคนเพิ่งเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นหันถงกับประมุขตระกูลอวี้พากันเดินมาหา ทั้งสองเห็นพวกเขาก็ดีใจรีบเข้ามาทักทายพวกเขา
สีหน้าจางปี้เยียนกับเฉาชิงเหลียนต่างดูย่ำแย่อย่างมาก โดยเฉพาะเฉาชิงเหลียน คิดไม่ถึงว่าตนเองพ่ายแพ้ถึงสองคราติดกัน
เริ่มแรกนางไม่เห็นซิ่วไฉนามเซี่ยอวิ๋นจิ่นผู้นี้อยู่ในสายตาจริงๆ ก็แค่ซิ่วไฉเล็กๆ หากนางลงมือ ย่อมจับไว้ในกำมือได้ แต่ตอนนี้ดูแล้ว ชายผู้นี้เป็นพวกจิตใจเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง
แต่เช่นนี้ก็ยิ่งกระตุ้นให้เฉาชิงเหลียนอยากจะสยบเขาให้ได้ นางไม่เชื่อว่านางจะจัดการชายผู้นี้ไม่ได้
แววตาเฉาชิงเหลียนเผยให้เห็นความมุ่งมั่นต้องเอามาครอบครองให้ได้
ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นกำลังคุยกับพวกหันถงอยู่
หันถงกับประมุขตระกูลอวี้รู้จักกับลู่เจียว คหบดีหลิวกลับไม่รู้จักลู่เจียวในเครื่องแต่งกายหญิง ดังนั้นท่าทางจึงค่อนข้างรักษากิริยา
หันถงกับประมุขตระกูลอวี้ทั้งสองคนรีบเข้ามาหาลู่เจียว ถามพร้อมกันว่า “ได้ยินพวกเขาว่า สามโรงผลิตนอกอำเภอชิงเหอนั่นเป็นของพี่สะใภ้/ลู่เหนียงจื่อหรือ”