บทที่ 213 ไม่ต้องหรอก กลับไปกันเถิด!
พวกเขามาจากตระกูลจักรพรรดิ ซ้ำยังสำเร็จขอบเขตราชันผู้เกริกไกร แต่กลับถูกเผาจนตัวดำเป็นถ่านไปคนหนึ่ง …โดนหวดลงแม่น้ำไปคนหนึ่ง!
อัปยศ!
อัปยศอดสูที่สุด!
ทั้งคู่โมโหสุดๆ!
พวกเขาปล่อยพลังเต็มพิกัด ลมปราณสยดสยองโถมทับดั่งมหาสมุทร แสนยานุภาพของราชันผู้เกริกไกรถูกแสดงออกไปอย่างเต็มที่ น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก!
ผู้ที่ก้าวพ้นเก้าวิถีจักถือเป็นราชัน
ผู้ที่อยู่เหนือราชันคือราชันผู้เกริกไกร!
ขอบเขตราชันผู้เกริกไกรเป็นระดับพลังที่สูงยิ่ง แม้กระทั่งบรรดาตระกูลลับ ลัทธินิกายลับต่าง ๆ ในภาคกลางเหยียนโจวเกรงว่าก็คงไม่มียอดฝีมือระดับนี้
“ไสหัวไปไกลๆ เลย”
ผู้ใดจะรู้ ต้นหลิวต้นนี้ใช้เพียงก้านหลิวหนึ่งก้าน ก็สามารถเหวี่ยงทั้งคู่จนกระเด็นไปอีกทางในบัดดล
“อะไรกัน!”
“นี่มัน!”
ทั้งคู่ตกใจมาก สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
พวกเขาที่ปล่อยพลังทั้งหมดยังไม่อาจต้านทานการหวดเพียงครั้งเดียวของต้นหลิวได้หรือ!?
พลังของต้นหลิวต้องน่ากลัวปานใด!
“ให้ตายสิ!”
“หนีเถิด!”
พวกเขาไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่ออีกแล้ว และต่างวิ่งหนีกันอุตลุด!
เหล่าคนจากตระกูลจักรพรรดิไม่ได้อยู่ระดับเดียวกับต้นหลิว… ห่างชั้นกันมากโข!
“อาหลง ลุงชิง?”
ขณะนั้นเอง พวกเขาได้ยินเสียงเรียกพวกเขาจากด้านหลัง คล้ายว่าเป็นเสียงคุณหนูของพวกเขา!
พวกเขาหันกลับไป ตกใจจนหน้าเขียว ใช่คุณหนูจริง ๆ ด้วย!
คุณหนูออกจากเมืองชิงซานมาแล้ว!
ที่สำคัญ คุณหนูกำลังยืนอยู่ข้างต้นหลิวและก้อนหิน!
พวกเขานึกกลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง คุณหนู ท่านจะเป็นอะไรไปไม่ได้!
“คุณหนู ต้นหลิวกับก้อนหินตรงนั้นแปลกพิกล ท่านอยู่ห่างจากพวกมันหน่อย!”
“อย่ามาทำร้ายคุณหนูของข้า!”
พวกเขาตะโกนแหกปาก พลางวิ่งไปทางนั้น
แม้ว่าพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของต้นหลิวและก้อนหิน กระนั้นก็ไม่อาจทนมองคุณหนูตกอยู่ในอันตราย!
“แปลกพิกล?”
หยวนอีหันมองต้นหลิวและก้อนหินด้านข้าง ปกติมาก ไม่เห็นทะแม่งตรงไหน!
นางลองตรวจสองด้วยประสาทสัมผัสญาณ ก็ไม่เห็นว่าจะพบสิ่งใด
ทว่านางก็ยังห่างจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
นางรู้ว่าอาหลงกับลุงชิงไม่มีทางทำร้ายนาง!
เรื่องที่เหนือความคาดหมายของอาหลงกับลุงชิงคือ คุณหนูของพวกเขาเดินมาหาพวกเขาได้อย่างปลอดภัย
ต้นหลิวและก้อนหินมิได้ลงมือกับคุณหนูของพวกเขา
“คุณหนู พวกเรารีบไปกันเถิด ที่นี่อันตรายไม่ควรอยู่ต่อ!”
“ใช่แล้ว!”
พวกเขาสองคนพูดพลางจะลากหยวนอีไปจากที่นี่
“อาหลง ลุงชิง ไม่เป็นไร พวกท่านช่วยเล่าให้ฟังทีว่าเกิดสิ่งใดกับพวกท่าน”
หยวนอีอยู่ในท่าทีสงบนิ่งเฉย มิได้บอกว่าจะไปจากที่นี่
ตั้งแต่นางได้รับกระบี่หยกจากท่านเซียน ก็ไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลกับสิ่งใดอีก กระบี่หยกสามารถกวาดล้างศัตรูได้ทั้งปวง
“คุณหนู พวกเราไปจากที่นี่แล้วค่อยว่ากันดีกว่า!”
“ต้นหลิวกับก้อนหินตรงนั้นน่ากลัวมากจริง ๆ!”
อาหลง ลุงชิงสองคนไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อ จึงเกลี้ยกล่อมหยวนอีให้รีบไปจากที่นี่
“ไม่เป็นไร เชื่อข้าก็พอ”
หยวนอีเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ถ้าอย่างนั้น… ก็ได้!”
อาหลงและลุงชิงเห็นหยวนอีมีทีท่าเด็ดขาด จึงได้แต่เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงนี้เมื่อครู่
ระหว่างที่หยวนอีรับฟัง ก็มีสีหน้าหลากหลายอารมณ์
อาหลงกับลุงชิงนี่จริง ๆ เลย ไม่ดูหน่อยหรือว่าที่นี่คือที่ใด?
ต่อให้อาหลงกับลุงชิงไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของท่านเซียน และผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนเล่า
ผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนมาเยือนเมืองชิงซานอยู่บ่อย ๆ อาหลงกับลุงชิงไม่ฉุกคิดหน่อยหรือว่าที่แห่งนี้จะใช่เพียงเมืองธรรมดาหรือ?
“ความผิดอยู่ที่พวกท่าน ไปเถิด ตามข้าไปขอโทษ”
หยวนอีกล่าว
นางนึกได้แล้ว
เมื่อครั้งยังอยู่ที่ทะเลสาบชิงสุ่ย พ่อค้าที่นั่นเล่าเรื่องราวของท่านเซียนให้ฟังหลายอย่าง พวกเขากล่าวว่าท่านเซียนชอบไปตกปลาริมแม่น้ำที่อยู่ไม่ไกลจากเมือง
คิดแล้วที่นี่คงเป็นที่ที่ท่านเซียนมาตกปลาอยู่บ่อย ๆ กระมัง
ต้นหลิวและก้อนหินทรงพลังถึงเพียงนี้ คงได้รับการชี้แนะเสริมพลังจากท่านเซียนมาแน่!
อาหลงกับลุงชิงคนหนึ่งคิดจะขึ้นไปนั่งบนก้อนหิน คนหนึ่งคิดจะยืนพิงต้นหลิว จะไม่ให้ก้อนหินกับต้นหลิวโกรธได้อย่างไร
“หา? ขอโทษ?”
อาหลงกับลุงชิงมึนงงไปหมด
จะขอโทษทำไม!
ฝ่ายที่เสียเปรียบคือพวกเขาต่างหาก!
“เฮ้อ”
หยวนอีถอนหายใจ “อาหลง ลุงชิง พวกท่านไม่ฉุกคิดหน่อยหรือว่าที่นี่คือที่ใด…”
“คุณหนูหมายความว่า… พวกมันเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนหรือ!?”
ลุงชิงทบทวนดูดี ๆ แล้ว สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากก่อนจะเอ่ยขึ้น
ท่านเซียนท่องโลกมนุษย์ในฐานะปุถุชน ย่อมไม่อาจเปิดเผยตัวตนง่าย ๆ
หยวนอีเข้าใจจุดนี้
นางพยักหน้า “ท่านพูดถูกแล้ว”
ต้นหลิวกับก้อนหินได้รับการชี้แนะจากท่านเซียน คิดแล้วผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนก็คงได้รับการชี้แนะจากท่านเซียน ที่ว่าต้นหลิวกับก้อนหินเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสเซี่ยเหยียน …ก็ไม่ผิดอะไร
“หา!?”
หลังอาหลงและลุงชิงได้ยินประโยคนี้ของหยวนอี ก็กลัวจนเข่าอ่อน
ต้นหลิวกับก้อนหินมีความเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนหรือนี่!
“เช่นนี้ต้องขอโทษ!”
“ขอโทษ ต้องขอโทษให้ได้!”
พวกเขาเอ่ยด้วยอารามร้อนใจ หน้าตาแดงก่ำด้วยความอายไม่แพ้กัน
ให้ตายสิ เมื่อครู่พวกเขาช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเอาเสียเลย บังอาจคิดจะไปนั่งบนก้อนหิน ไปยืนพิงต้นหลิว!
มิหนำซ้ำพวกเขายังประกาศกร้าวว่าจะอัดต้นหลิวและก้อนหินให้ระเบิดแหลกลาญ!
โชคดีที่ต้นหลิวและก้อนหินมิได้ถือสาหาความกับพวกเขา มิฉะนั้นตอนนี้พวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร!
“อืม”
หยวนอีพยักหน้า พาอาหลงกับลุงชิงไปอยู่ข้างต้นหลิวและก้อนหิน
“เมื่อครู่เป็นความผิดของอาหลงกับลุงชิง ทั้งสองท่านโปรดอภัยให้ด้วย!”
หยวนอีกล่าวขออภัยต่อต้นหลิวและก้อนหินอย่างนอบน้อม
นางได้ยินมาว่าท่านเซียนมาตกปลาที่นี่บ่อย ๆ ต้นหลิวและก้อนหินคงเป็นที่โปรดปรานของท่านเซียนอย่างมาก นางมิกล้าเสียมารยาทต่อต้นหลิวและก้อนหิน
“เป็นความผิดของพวกเรา!”
“ขอโทษด้วย!”
อาหลงกับลุงชิงรีบขอโทษขอโพย ท่าทีจริงใจเหลือแสน แทบจะคุกเข่าโขกศีรษะคำนับ
“ไม่เป็นไร”
“ต่อแต่นี้ไป พวกเจ้าสำรวมเสียบ้าง อย่าได้ทะเล่อทะล่าแตะต้องสิ่งใดมั่ว ๆ เอะอะก็ไปนั่งทับไปยืนพิง!”
ต้นหลิวและก้อนหินกล่าว
“แน่นอน!”
“คราวหน้าไม่กล้าแล้ว!”
อาหลงกับลุงชิงเอ่ยตอบอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณทั้งสองท่านมาก!”
หยวนอีโค้งคำนับต้นหลิวและก้อนหิน
“อืม”
“ไม่มีเรื่องอื่นแล้วก็ไปเสียเถิด”
ต้นหลิวและก้อนหินเอ่ย มิได้เอาเรื่องหยวนอีแต่อย่างใด
พวกมันเคยเห็นหยวนอีเข้าเมืองมากับท่านเซียน ไฉนเลยจะกล้าเอาเรื่องหยวนอี
พวกมันไม่กล้า!
ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ลงมือกับหยวนอีก็เพราะเหตุนี้
“ขอบคุณ!”
หยวนอีกล่าวขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะไปจากที่นี่พร้อมกับอาหลงกับลุงชิง
ระหว่างทาง อาหลงกับลุงชิงรายงานเหตุผลที่พวกเขามาหาหยวนอี และบอกหยวนอีว่ามีความเป็นไปได้ว่าหัวหน้าเผ่าอสูรโลหิตอัสนีเดินทางมาถึงแดนบูรพาทิศแล้ว
“ไม่เป็นไร”
หยวนอีคลี่ยิ้ม “พวกเราจะกลับแดนบูรพาทิศเดี๋ยวนี้ อืม แจ้งตระกูลจักรพรรดิอื่น ๆ ด้วย ให้พวกเขากลับไปด้วยเถิด”
ตอนนี้นางมีเรื่องที่สำคัญกว่านี้ต้องไปทำ ท่านเซียนรอกระถางดอกไม้จากนางอยู่!
มิฉะนั้น นางสามารถใช้โอกาสนี้ปลิดชีพหัวหน้าเผ่าอสูรโลหิตอัสนีด้วยกระบี่หยกเล่มนี้
“กลับไปหมดเลยหรือ?”
ลุงชิงผงะ “พวกเราต้องป้องกันมิให้พวกเผ่าปีศาจอย่างเผ่าอสูรโลหิตอัสนีไปรบกวนผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนด้วยมิใช่หรือ”
ที่พวกเขาและตระกูลจักรพรรดิอื่น ๆ ยังไม่เดินทางกลับชิงโจวก็เพราะพวกเขาจับตาดูพวกเผ่าปีศาจอยู่ ป้องกันไม่ให้พวกเผ่าปีศาจไปรบกวนผู้อาวุโสเซี่ยเหยียน
ถึงอย่างไรเมื่อครั้งผู้อาวุโสเซี่ยเหยียนยังอยู่ที่ทะเลสาบชิงสุ่ยก็เคยกำชับไว้
“ไม่ต้องแล้ว”
หยวนอีคลี่ยิ้ม ไม่เปลี่ยนใจ “กลับไปกันเถิด”