รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 214 ไม่ต้องร้อนใจ ข้ามีเคล็ดวิชาลับอยู่หนึ่ง!

บทที่ 214 ไม่ต้องร้อนใจ ข้ามีเคล็ดวิชาลับอยู่หนึ่ง!

บทที่ 214 ไม่ต้องร้อนใจ ข้ามีเคล็ดวิชาลับอยู่หนึ่ง!

หลังได้รับรู้ความเก่งกาจที่แท้จริงของท่านเซียนแล้ว หยวนอีครุ่นคิด บางทีเรื่องของ ‘ผู้อาวุโส’ เซี่ยเหยียน…นางอาจคิดมากไปจริง ๆ!

ทั้งเรื่องผู้ทรงพลังจากยุคโบราณอะไรนั่น เรื่องที่ฝ่าเส้นทางสังสารวัฏออกมาสำเร็จ ได้เกิดใหม่ในยุคนี้ เรื่องที่ความทรงจำเมื่อครั้งเป็นผู้ทรงพลังกลับคืนหลังเข้าร่วมสำนักไท่หัว เรื่องที่เป็นเพื่อนกับท่านเซียนก่อนที่ความทรงจำเมื่อครั้งเป็นผู้ทรงพลังกลับคืน…

ผิด… ผิดทั้งหมด!

‘ผู้อาวุโส’ เซี่ยเหยียนคงเป็นเช่นเดียวกับนาง ได้พบท่านเซียน ได้รับของจากท่านเซียน คันศรนั้นคงเป็นของขวัญจากท่านเซียน!

ระดับพลังของ ‘ผู้อาวุโส’ เซี่ยเหยียนคงเพิ่งก้าวสู่ขอบเขตพรตเต๋า เพิ่งอยู่ในขั้นเต๋าแรกเริ่ม!

ส่วนเหตุผลที่ ‘ผู้อาวุโส’ เซี่ยเหยียนสามรถแหกกฎเกณฑ์ธรรมชาติ แสดงแสนยานุภาพของคันศรเล่มนั้นด้วยพลังขอบเขตพรตเต๋าขั้นเต๋าแรกเริ่มได้นั้นก็มีสาเหตุง่าย ๆ

เซียนคือสิ่งใด?

เซียนคือผู้ที่ทำได้ทุกอย่าง!

สิ่งของที่ท่านเซียนมอบให้ ไม่อาจคาดการณ์ด้วยหลักเกณฑ์ทั่วไป!

ดั่งเช่นกระบี่หยกที่นางได้จากท่านเซียน นางไม่จำเป็นต้องใช้พลังตัวเองรีดเร้น ก็สามารถเปล่งพลังแกร่งกล้าสุดสยองออกมาได้ กำราบบรรดาอาวุธมหาจักรพรรดิได้ในพริบตาเดียว!

สถานการณ์ของ ‘ผู้อาวุโส’ เซี่ยเหยียนก็คงเป็นเช่นเดียวกัน

การรีดเร้นพลานุภาพของคันศรวิเศษไม่ได้เกี่ยวข้องกับขอบเขตพลังของตนเท่าใด

ท่านเซียนท่องโลกมนุษย์ในฐานะปุถุชน ย่อมไม่สามารถเปิดเผยตัวตนมาก

‘ผู้อาวุโส’ ต้องรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว เมื่อครั้งอยู่ที่ทะเลสาบชิงสุ่ย ‘ผู้อาวุโส’ เซี่ยเหยียนถึงได้ก้าวออกมาอยู่แนวหน้าสุด เพื่อมิให้เปิดเผยตัวตนของท่านเซียน

ครานั้น ‘ผู้อาวุโส’ เซี่ยเหยียนเคยกำชับพวกเขาด้วยว่า ห้ามมิให้เหล่าตระกูลจักรพรรดิและพวกพ้องของเผ่าอสูรโลหิตอัสนีไปรบกวน

บัดนี้มาคิดดูแล้ว ‘ผู้อาวุโส’ เซี่ยเหยียนทำเพื่อมิให้เหล่าตระกูลจักรพรรดิ และพวกพ้องของเผ่าอสูรโลหิตอัสนีไปรบกวนท่านเซียนต่างหาก!

เดิมที หยวนอีมิกล้าบอกให้ตระกูลจักรพรรดิอื่น ๆ เดินทางกลับก่อนรับรู้การมีอยู่ของต้นหลิวและก้อนหิน

เพราะนางกลัวว่าเผ่าอสูรโลหิตอัสนีและเผ่าปีศาจอื่น ๆ จะไปรบกวนท่านเซียน

แต่หลังได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของต้นหลิวและก้อนหิน นางก็เลิกกังวลเรื่องนี้ไปโดยปริยาย

ต้นหลิวและก้อนหินเป็นที่โปรดปรานของท่านเซียน ได้รับคำชี้แนะจากท่านเซียน มีต้นหลิวและก้อนหินเฝ้าอยู่นอกเมืองชิงซาน ผู้ใดสามารถทะเล่อทะล่าเข้ามารบกวนท่านเซียนได้บ้าง?

เป็นไปไม่ได้เลย

คิดได้ดังนั้น หยวนอีถึงเกลี้ยกล่อมให้ตระกูลจักรพรรดิอื่นๆ เดินทางกลับ

นอกจากนี้ ตระกูลจักรพรรดิมากมายจากชิงโจวมาอยู่ ณ แดนบูรพาทิศเเเกรงว่าจะสร้างความโกลาหล ทำให้แดนบูรพาทิศกลายเป็นที่หมายตาของทุกหมู่เหล่า ทำให้ผู้ฝึกตนและสิ่งมีชีวิตมากมายต้องจับตาดูแดนบูรพาทิศ

นางมิกล้าปล่อยให้เรื่องราวพัฒนาไปถึงขั้นนั้น

ท่านเซียนยังอยู่ที่แดนบูรพาทิศ!

นางกลัวจะทำให้ท่านเซียนไม่พอใจ!

ถึงอย่างไรท่านเซียนก็กำลังท่องโลกมนุษย์ในฐานะปุถุชน แดนบูรพาทิศวุ่นวายโดนเพ่งเล็งจากผู้ฝึกตนและสิ่งมีชีวิตมากมาย ท่านเซียนไฉนเลยจะยินดี

ฉะนั้น นางจึงขอให้ตระกูลจักรพรรดิอื่น ๆ กลับไป ก็เพื่อคืนความสงบให้แก่แดนบูรพาทิศ

“อาหลง ลุงชิง พวกท่านไปแจ้งต่อตระกูลจักรพรรดิอื่น ๆ ที บอกว่าเรื่องนี้จบลงเพียงเท่านี้ ทุกคนกลับไปเสียเถิด หากตระกูลจักรพรรดิอื่น ๆ ไม่ยอมกลับ พวกท่านก็บอกว่า ‘ผู้อาวุโส’ เซี่ยเหยียนต้องการความสงบ”

หยวนอีบอกกับอาหลงและลุงชิง

ตระกูลจักรพรรดิอื่น ๆ รู้ซึ้งถึงความเก่งกาจของ ‘ผู้อาวุโส’ เซี่ยเหยียน น่ากลัวว่าจะเกิดความคิดอื่น แล้วไม่ยอมกลับชิงโจวแต่โดยดี

ตัวตนของท่านเซียนจะรั่วไหลออกไปไม่ได้

นางไม่สามารถกล่าวถึงท่านเซียน ดังนั้น นางได้แต่อ้างถึง ‘ผู้อาวุโส’ เซี่ยเหยียน เพื่อข่มขวัญตระกูลจักรพรรดิอื่น ๆ จนยอมกลับชิงโจว

“ได้”

แม้ว่าอาหลงและลุงชิงไม่ค่อยเข้าใจ กระนั้นพวกเขาก็ทำตามคำสั่งของหยวนอี

“ข้ามีธุระต้องกลับก่อน อาหลง ลุงชิง พวกท่านระวังตัวด้วย หากปะหน้ากับเผ่าอสูรโลหิตอัสนีหรือเผ่าปีศาจอื่น ๆ อย่าได้วอแวกับพวกเขา กลับถึงชิงโจวก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

หยวนอีกำชับอีกประโยค

หัวหน้าเผ่าอสูรโลหิตอัสนีมาด้วยตนเอง หากปะทะกัน ฝ่ายพวกเขาย่อมต้องเสียเปรียบอย่างมาก

ยามนี้ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องพวกนี้ และไม่จำเป็นต้องเกิดการสู้รบ…

หลังจากนั้น ร่างของนางพลันหายไปจากที่ตรงนั้น

อาหลงและลุงชิงก็ไปทันที แล้วรวมตัวกับยอดฝีมือตระกูลหยวนคนอื่น ๆ มุ่งหน้าแจ้งข่าวนี้แก่ตระกูลจักรพรรดิอื่น ๆ

เป็นดั่งที่หยวนอีคิด

ตระกูลจักรพรรดิทั้งหลายต่างมีแผนของตนเอง และไม่เต็มใจถอนกำลัง

ทว่า หลังได้ยินว่า ‘ผู้อาวุโส’ เซี่ยเหยียนต้องการความสงบ พวกเขาก็ไม่เหลือความคิดใดอีก และเลือกถอนกำลังกันหมด

สถานที่หนึ่งในแดนบูรพาทิศ

“เหตุใดถึงสูญเสียแรงสัมผัสไป”

หัวหน้าเผ่าอสูรโลหิตอัสนีหรี่ตา สีหน้าอึมครึม

ก่อนหน้านี้ไม่นานเขายังจับสัมผัสตัวตนของดาบมารอมตะได้ผ่านเคล็ดวิชาลับ

แต่บัดนี้ เขากลับสูญเสียแรงสัมผัสทั้งหมดที่มีต่อดาบมารอมตะ ไม่อาจจับสัมผัสตำแหน่งของดาบมารอมตะได้เลย

“คนของตระกูลหยวนนี่ใช้ได้!”

เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เข้าใจว่าทั้งหมดเป็นลูกไม้ของตระกูลหยวน ตระกูลหยวนใช้วิธีการบางอย่างตัดขาดแรงสัมผัสที่เขามีต่อดาบมารอมตะ

ความจริง หัวหน้าเผ่าอสูรโลหิตอัสนีคิดผิดถนัด

แรงสัมผัสสะบั้น เพราะจุดที่ดาบมารอมตะอยู่นั้นไม่ธรรมดา

ภายในลานเล็กของร้านหลี่จิ่วเต้า จังหวะแห่งเต๋าไหลเวียนอยู่มากมาย หากหัวหน้าเผ่าอสูรโลหิตอัสนียังจับสัมผัสดาบมารอมตะได้สิแปลก!

“แปลกจริง! ตระกูลจักรพรรดิทั้งหลายถอนกำลังกันหมด!”

ยอดฝีมือเผ่ายักษาเอ่ยพลางขมวดคิ้ว

เขาได้รับข่าวมาว่าบรรดาตระกูลจักรพรรดิที่เคยคอยอยู่ที่นี่บัดนี้ถอนกำลังกันอย่างรวดเร็ว!

“หรือพวกเขาสำเร็จแล้ว”

เขาเอ่ยต่อ เข้าใจว่าพวกตระกูลจักรพรรดิอย่างตระกูลหยวนได้ดาบมารอมตะมาไว้ในครอบครองแล้ว ถึงได้ถอนกำลังกันถ้วนหน้าเช่นนี้

“ถูกต้อง พวกเขาสำเร็จแล้ว!”

หัวหน้าเผ่าอสูรโลหิตอัสนีหัวเราะเสียงเย็น

ตอนที่เขาสูญเสียงแรงสัมผัสของดาบมารอมตะ เขาก็สงสัยว่าตระกูลหยวนทำสำเร็จ และใช้วิธีการบางอย่างตัดการเชื่อมต่อที่เขามีต่อดาบมารอมตะ

และบัดนี้ หลังได้ยินมาว่าตระกูลจักรพรรดิทั้งหลายถอนกำลังกันหมด เขาสิ้นข้อสงสัย แน่ใจแล้วว่าตระกูลหยวนได้ดาบมารอมตะไป!

“ถ้าอย่างนั้นพวกเรารีบลงมือเถิด ปล่อยให้พวกเขากลับถึงชิงโจวไม่ได้เด็ดขาด!”

ยอดฝีมือเผ่ายักษากล่าวอย่างรีบร้อน

ชิงโจวเป็นถิ่นฐานของตระกูลจักรพรรดิทั้งหลาย หากปล่อยให้พวกตระกูลจักรพรรดิอย่างตระกูลหยวนกลับถึงชิงโจวจริง ๆ พวกเขาไม่มีทางชิงดาบมารอมตะกลับมาได้เลย

พลังโดยรวมของพวกเขา ด้อยกว่าตระกูลจักรพรรดิมาก

“ลงมือหรือ? เจ้ารู้หรือว่าดาบมารอมตะอยู่กับใคร?”

หัวหน้าเผ่าอสูรโลหิตอัสนีกล่าว

“แล้วจะทำอย่างไร พวกเราจะไม่ทำสิ่งใดเลยหรือ!”

ยอดฝีมือเผ่ายักษาเอ่ยด้วยความร้อนใจ

จริงที่หัวหน้าเผ่าอสูรโลหิตอัสนีว่า …พวกเขาไม่รู้ว่าดาบมารอมตะอยู่กับใคร ต่อให้ลงมือ ก็ยากจะชิงดาบมารอมตะมาได้อยู่ดี!

“ไม่เป็นไร!”

หัวหน้าเผ่าอสูรโลหิตอัสนียิ้มเย็นเยียบ “เผ่าเรายังมีเคล็ดวิชาลับอีกหนึ่ง สามารถสร้างการเชื่อมต่อกับญาณมารภายในดาบมารอมตะ และเรียกหากันได้!”

ในอดีต เผ่าอสูรโลหิตอัสนีของพวกเขาเคยมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับดาบมารอมตะที่สุด ดาบมารอมตะเคยถ่ายทอดเคล็ดวิชาลับแก่พวกเขาเเกินคณานับ เพื่อให้สะดวกในการติดต่อ

เพียงแต่วิชาเรียกหาญาณมารเยี่ยงนี้สิ้นเปลืองพลังมหาศาล โดยเฉพาะกับญาณมารที่เพิ่งทลายผนึก สภาวะย่ำแย่! หากคิดจะเรียกหาญาณมารเยี่ยงนั้นได้สำเร็จ ย่อมเป็นการผลาญพลังอย่างที่สุด!

เพราะอย่างนั้น… ก่อนหน้านี้พวกเขาถึงไม่ยอมใช้เคล็ดวิชาลับนี้สักที

แต่บัดนี้ เห็น ๆ อยู่ว่าดาบมารอมตะกำลังจะถูกนำกลับชิงโจวแล้ว หัวหน้าเผ่าอสูรโลหิตอัสนีไม่อาจมัวพิรี้พิไร เขาคิดจะใช้วิชาเรียกหาญาณมารนี้หาตำแหน่งของดาบมารอมตะ!

เคล็ดวิชาลับนี้ต่อตรงถึงจิตใจของญาณมาร เขาเชื่อว่าเคล็ดวิชาลับที่ใช้เรียกหานี้สำเร็จได้แน่ วิชาของตระกูลหยวนไม่อาจขวางกั้นได้!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท