จ้าวหลิงเฟิงยืนขึ้นกล่าวว่า “ตอนนั้นหอยาเป่าเหอพวกเราเปิดที่หมู่บ้านชีหลี่ ชาวบ้านในหมู่บ้านตระกูลเซี่ยนำสมุนไพรมาขายหอยาเป่าเหอทุกวัน”
ลู่เจียวยังกล่าวต่อว่า “ต่อมาข้ารู้สึกว่าขายสมุนไพรไม่ใช่แผนระยะยาว ดังนั้นจึงสอนชาวบ้านในหมู่บ้านเลี้ยงปลิง ปลิงเป็นสมุนไพรตัวหนึ่งที่มีราคาสูงมาก หากชาวบ้านในหมู่บ้านเลี้ยงปลิงได้ วันหน้าก็จะไม่ยากจน”
ยามนี้คนในที่นั้นพากันวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา ทุกคนต่างรู้สึกอัศจรรย์
พวกเขาล้วนเป็นพ่อค้า พ่อค้าแสวงหาผลกำไร แต่ไรมาไม่เคยมีคนทำได้อย่างลู่เหนียงจื่อ
รักษาไม่รับเงิน สอนคนแยกแยะสมุนไพร ยังสอนชาวบ้านในหมู่บ้านเลี้ยงปลิง แต่ละอย่างหากแยกแยะออกมาก็ล้วนเป็นผลกำไร แต่นางกลับสอนให้ชาวบ้านในหมู่บ้านอย่างไม่นึกเสียดาย
ผู้มีคุณธรรมยิ่งใหญ่
แต่ละคนอดหันไปส่งเสียงกล่าวกับลู่เจียวไม่ได้
“ลู่เหนียงจื่อคุณธรรมยิ่งใหญ่ เพียงพอจะเป็นประธานสมาคมการค้าชิงเหอ”
“ใช่ ลู่เหนียงจื่อเป็นประธานสมาคมการค้าได้”
จางปี้เยียนกับเฉาชิงเหลียนเห็นปฏิกิริยาคนโดยรอบก็พากันอัดอั้น โดยเฉพาะจางปี้เยียนที่โมโหจนหน้าเขียว
นางรู้สึกเสียใจภายหลังอีกครั้งที่ก่อนหน้านี้ตนเองไม่ได้อดทนอีกนิด พลาดโอกาสมาคมกับหญิงผู้นี้ วันหน้าพวกนางได้แต่เป็นศัตรูกันแล้ว
ลู่เจียวยกมือปรามทุกคนให้ทุกคนเงียบ นางกล่าวต่อว่า “ลำดับถัดไป ข้าจะเล่าถึงวันหน้าว่าข้าจะสร้างวาสนาสุขให้กับชาวบ้านได้อย่างไร ข้าร่วมมือเปิดสามโรงผลิตกับท่านจ้าว ผลิตน้ำมัน เวชสำอางและยา กิจการทั้งสามนี้ต้องการใช้ถั่วเหลือง พืชน้ำมันและงาดำจำนวนมาก ดังนั้นข้าวางแผนส่งเสริมให้ชาวบ้านอำเภอชิงเหอปลูกถั่วเหลืองและพืชน้ำมัน ยังมีงาดำด้วย สามโรงผลิตพวกเราจะรับซื้อจากชาวบ้านทั้งหมด หากไม่วางใจ พวกเราก็ยอมจ่ายเงินส่วนหนึ่งล่วงหน้าได้”
“ส่วนเวชสำอางกับยาก็ต้องการสมุนไพรจำนวนมาก พวกเราจะส่งเสริมชาวบ้านอำเภอชิงเหอเพาะ ปลูกสมุนไพร ก่อนหน้านี้ข้าเคยสำรวจรอบอำเภอชิงเหอเราที่ค่อนไปทางใต้ มีพื้นที่เหมาะกับปลูกสมุนไพรไม่น้อย”
“สมุนไพรที่เพาะปลูกขึ้นมาได้ สามโรงผลิตก็ย่อมรับซื้อ อีกสักครู่พวกเราจะรายงานแผนนี้กับนายอำเภอหูอย่างละเอียด”
ลู่เจียวกล่าวจบ ทุกคนในที่นั้นต่างรู้สึกตื่นเต้นกันขึ้นมาทันที แต่ละคนต่างตบมือดีใจ รู้สึกว่าภรรยาเซี่ยซิ่วไฉผู้นี้มีใจช่วยเหลือชาวบ้านแท้จริง พวกเขาสู้นางไม่ได้
“พวกเราคิดว่าลู่เหนียงจื่อควรเป็นประธานสมาคมการค้าชิงเหอ”
“ใช่ พวกเราสนับสนุนนางเป็นประธานสมาคมการค้า”
“พวกเราก็เห็นด้วย”
จางปี้เยียนสีหน้าย่ำแย่อย่างยิ่งหันไปมองพ่อค้าคนหนึ่ง พ่อค้าคนนั้นสบตานางแล้วก็รีบยืนขึ้นกล่าวว่า “สมาคมการค้าชิงเหอเราจะเลือกสตรีเป็นประธานสมาคมได้อย่างไร”
คนผู้นี้กล่าวจบ สี่ตระกูลใหญ่ก็สำทับว่า “ใช่แล้ว ให้สตรีเป็นประธานสมาคม ใครรู้เข้า ใช่จะหัวเราะเยาะผู้ชายอย่างพวกเราที่นี่ไหม”
คนเหล่านี้น่าจะลืมไปว่าก่อนหน้านี้พวกเขายังเสนอจางปี้เยียนเป็นประธานสมาคมการค้าชิงเหอ
หลายคนพากันมองตระกูลใหญ่ทั้งสี่อย่างดูแคลน
ลู่เจียวหันไปมองคนตระกูลใหญ่ทั้งสี่ “ข้าไม่ได้บอกว่าข้าจะเป็นประธานสมาคมการค้านี่”
ลู่เจียวกล่าวจบ โดยรอบก็พลันเงียบกริบ
ลู่เจียวกล่าวว่า “ข้าเสนอท่านจ้าว จ้าวหลิงเฟิง เป็นประธานสมาคมการค้าชิงเหอ”
จ้าวหลิงเฟิงมองลู่เจียวด้วยความตกใจ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าลู่เจียวจะเป็นประธานสมาคมการค้าเอง เขายกสองมือเห็นด้วย
เขารู้ว่าด้วยความสามารถลู่เจียว นางน่าเป็นประธานสมาคมได้ดีอย่างมาก
แต่คิดไม่ถึงว่าลู่เจียวจะเลี้ยวกลับมาหาเขา ให้เขาเป็นประธานสมาคมการค้า
ลู่เจียวเสนอจบก็กล่าวต่อว่า “ข้าเป็นเพียงสตรี อย่างไรก็ไม่ควรเป็นประธานสมาคม แต่ท่านจ้าวเป็นผู้ที่ร่วมการค้ากับข้า ให้เขาเป็นประธานสมาคมการค้าก็เหมาะสมมาก เพราะจากนี้พวกเราไม่เพียงแต่ต้องร่วมมือกับชาวบ้าน แต่ยังต้องร่วมมือกับพ่อค้า ความร่วมมือหลายอย่างก็ควรให้ท่านจ้าวเจรจาจึงจะเหมาะสม”
ลู่เจียวกล่าวจบ คหบดีหลิวกับหันถงและคนตระกูลอวี้ก็ปรบมือเห็นด้วย
“ได้ พวกเราสนับสนุนท่านจ้าวเป็นประธานสมาคมการค้าชิงเหอ”
“พวกเราก็สนับสนุนเขาเป็นประธานสมาคมการค้า”
คนสี่ตระกูลใหญ่ล่วงรู้สถานะจ้าวหลิงเฟิงแล้ว แม้ว่าเป็นแค่เจ้าของหอยาเป่าเหอ แต่เขายังเป็นท่านชายในจวนหย่งหนิงโหว แม้ว่าถูกขับออกจากจวน แต่ก็เติบโตในเมืองหลวงแต่เล็ก ไม่แน่ว่าอาจรู้จักผู้ใด หากพวกเขาปฏิเสธ อีกฝ่ายย่อมเอาเรื่องพวกเขาอย่างแน่นอน
ดังนั้นคนตระกูลใหญ่ทั้งสี่จึงไม่กล้าปฏิเสธตรงๆ สุดท้ายจ้าวหลิงเฟิงก็ได้รับเลือกเป็นประธานสมาคมการค้าชิงเหอ
นายอำเภอหูดีใจอย่างมา เขาได้เส้นสายใหญ่โตใช่ไหมนี่
เขารู้ว่าท่านจ้าวมีสายสัมพันธ์กับอ๋องเยียน
นายอำเภอหูนำปรบมือเห็นด้วย “ตกลง ประธานสมาคมการค้าอำเภอชิงเหอก็มอบให้ท่านจ้าว ลำดับถัดไปพวกเราจะเลือกรองประธานสมาคม”
นายอำเภอหูเพิ่งกล่าวจบ เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยืนขึ้นมองทุกคน “หลักการกล่าวว่า ยามเสนอผู้สามารถ ไม่ละเว้นเสนอญาติใกล้ชิดตน ข้าขอเสนอภรรยาข้าเป็นรองประธานสมาคมการค้าชิงเหอ”
ยามนี้ไม่เพียงแต่คนในที่นั้นพากันตกใจ แม้แต่ลู่เจียวก็ถูกเซี่ยอวิ๋นจิ่นเล่นเอางง
อยู่ดีๆ มาเสนอนางเป็นรองประธานสมาคมการค้าชิงเหอทำไมกัน
ลู่เจียวไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงเงยหน้ามองเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับไม่ได้มองนาง แต่มองไปยังคนโดยรอบ “ที่ข้าเสนอภรรยาข้าเป็นรองประธานสมาคมการค้าชิงเหอ ก็เพราะว่าวันหน้ายังต้องให้นางสำรวจพื้นที่ในแต่ละหมู่บ้านว่าเหมาะกับเพาะปลูกอะไร ในฐานะรองประธานสมาคม นางรับตำแหน่งนี้ได้สมศักดิ์ศรี แต่หากไร้สถานะนี้ นางเป็นเพียงสตรีก็คงไม่อาจออกหน้าออกตา ดังนั้นขอทุกท่านโปรดเข้าใจ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบก็ลงนั่ง ทุกคนในที่นั้นพากันนิ่งเงียบ จากนั้นก็คิดถึงว่าที่เซี่ยซิ่วไฉพูดมาก็มีเหตุผล และเขาก็ไม่ได้ทำเพื่อส่วนตัว แต่เพื่อชาวบ้านอำเภอชิงเหอ ตามหลักการแล้วสามีตระกูลใดอยากให้ภรรยาตนมาออกหน้าออกตาให้ผู้อื่นพบเห็นกัน
เซี่ยซิ่วไฉตั้งใจทำเพื่อชาวบ้านอำเภอชิงเหออย่างแท้จริง
แต่ละคนพากันพยักหน้าเห็นด้วยกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น
นายอำเภอหูปฏิกิริยาไวสุด รีบเข้ามานำกล่าวว่า “ตกลงก็ให้ลู่เหนียงจื่อเป็นรองประธานสมาคมการค้าชิงเหอ”
เถียนฮวนและคนตระกูลเถียนเห็นด้วยและดีใจยิ่งกว่าจ้าวหลิงเฟิงได้รับเลือกเป็นประธานสมาคมเสียอีก
คนตระกูลใหญ่ทั้งสี่สีหน้าดำคล้ำ ไม่ส่งเสียงแม้แต่คำเดียว
และก็ไม่อาจกล่าวอันใดได้ เพราะสินค้าสามโรงผลิตลู่เจียวเป็นประโยชน์ต่อชาวบ้านจริง
พวกเขาหาเหตุโต้แย้งไม่ได้ สุดท้ายได้แต่มองทุกอย่างอย่างอัดอั้น
ลู่เจียวเขยิบเข้าใกล้เซี่ยอวิ๋นจิ่น กระซิบเบาๆ ว่า “เจ้าอยู่ดีๆ มาเลือกข้าเป็นรองประธานสมาคมการค้าชิงเหอทำไมกัน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองนางด้วยสายตาเอ็นดูรักใคร่ “ข้าทำเช่นนี้มีเหตุผลสองสามประการ หนึ่ง วันหน้าเจ้ามีตำแหน่งรองประธานสมาคมการค้าชิงเหอ ผู้ใดก็จะไม่ดูแคลนเจ้า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นจดจำขึ้นใจมาตลอดว่าเซี่ยเหนียงจื่อภรรยาอาจารย์ใหญ่หลูดูแคลนลู่เจียว
เซี่ยเหนียงจื่อถือสิทธิ์อันใดดูแคลนเจียวเจียว สิ่งที่เจียวเจียวทำ นางไม่มีทางทำได้ แต่เพราะสถานะเท่านั้นที่ทำให้คนดูแคลนนาง เขาไม่พอใจกับเรื่องนี้อย่างมาก
ดังนั้นตำแหน่งรองประธานสมาคมต้องเป็นของเจียวเจียว