นายอำเภอหูกล่าวจบ คุณหนูจางปี้เยียนแห่งตระกูลจางก็กล่าวคนแรก “นายอำเภอหูวางใจ ข้าสามารถเป็นตัวแทนตระกูลจางเห็นด้วยกับเรื่องนี้”
จางปี้เยียนแม้เป็นสตรี แต่มักเข้าร่วมในวงการค้าของตระกูลจางอยู่เสมอ หลายคนในอำเภอชิง เหอล้วนรู้ว่าหากนางตอบรับ ผู้อื่นไม่จำเป็นต้องนึกสงสัย
จางปี้เยียนตอบรับ ลูกหลานตัวแทนของอีกสามตระกูล ทั้งเหลียง เฉาและวัง ต่างก็กล่าวรับรองว่า “พวกเราสามารถเป็นตัวแทนของตระกูลเราได้ นายอำเภอหูวางใจได้”
พ่อค้าที่เหลือก็ยิ่งแสดงท่าทีหนักแน่นว่าพวกเขาสามารถเข้าร่วมกับสมาคมการค้าชิงเหอ
นายอำเภอหูจัดตั้งสมาคมการค้า พวกเขาจะไม่เข้าร่วม ไม่ให้เกียรติได้หรือ
นายอำเภอหูเห็นสี่ตระกูลใหญ่และพ่อค้าพวกเดียวกับพวกเขาต่างเข้าร่วมสมาคมการค้าชิงเหอ ก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ ดังนั้นยามนี้จึงรู้สึกอึดอัด ไม่แน่ใจว่าควรทำเช่นไรดี
ยามนี้นายอำเภอหูก็มองไปหาเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยสัญชาตญาณ เซี่ยอวิ๋นจิ่นเองก็ไร้วาจาจะกล่าวอย่างมาก แต่ก็รีบส่งสายตาให้นายอำเภอหูรับพวกเขาเข้าร่วมไปก่อน
พวกเขาเข้าร่วมสมาคมการค้าชิงเหอ ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการลงมือจัดการกับพวกเขา
นายอำเภอหูหัวเราะดังลั่นขึ้นทันที “คิดไม่ถึงว่าวันนี้ทุกคนจะยินยอมเข้าร่วมสมาคมการค้าชิงเหอกันทั้งหมด ข้าดีใจมากจริงๆ ลำดับถัดไปพวกเราก็จะมาหารือกันเลือกประธานสมาคมการค้าและรองประธานสมาคม วันหน้าประธานสมาคมการค้ากับรองประธานสมาคมมีประกาศแจ้งเรื่องใดก็จะได้แจ้งให้ทุกคนทราบต่อไป”
พอได้ฟังว่าจะเลือกประธานสมาคมการค้า คนของตระกูลใหญ่ทั้งสี่ก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที ความจริงเข้าร่วมสมาคมการค้าชิงเหอก็มีข้อดีของการเข้าร่วม เพราะจะทำให้การทำการค้าสะดวกมาก
ทุกคนในที่นั้นต่างพากันกล่าวว่า “พวกเราขอเสนอคุณหนูใหญ่ตระกูลจางเป็นประธานสมาคมการค้าชิงเหอ”
“ใช่ ข้าก็เห็นด้วย”
จางปี้เยียนพอได้ฟังก็หวั่นไหว หากนางสามารถเป็นประธานสมาคมการค้าชิงเหอ ก็นับว่าเป็นเรื่องดียิ่งสำหรับตระกูลจาง
นายอำเภอหูพอได้ฟังว่าจางปี้เยียน ก็รีบคิดปฏิเสธทันทีด้วยสัญชาตญาณ
แต่ก็หาความคิดมาแย้งไม่ได้ ดังนั้นสีหน้าจึงพลันแปรเปลี่ยนไปมา
จ้าวหลิงเฟิงมองนายอำเภอหู ในที่สุดรู้แล้วว่าทำไมหลายปีมานี้ นายอำเภอหูถึงเป็นได้แค่นายอำเภอ
ความสามารถในการทำงานเรียกได้ว่าไม่เพียงพอจริงๆ แม้แต่พ่อค้าเล็กๆ ก็รับมือไม่ไหว
ยามนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้แต่ลุกขึ้นยืน
ความจริงแล้วเซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่คิดข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ แต่นายอำเภอหูเป็นเช่นนี้ เขาก็ได้แต่ก้าวออกมาพูดแทนแล้ว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยืนขึ้น ค่อยๆ กวาดตามองไปยังทุกคนในที่นั้น กล่าวขึ้นว่า “ประธานสมาคมและรองประธานสมาคมการค้าชิงเหอ ไม่ใช่ผู้ใดอยากจะเป็นก็จะเป็นได้ ไม่ใช่ผู้ใดมีเงินทองมากก็จะเป็นได้ ผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นประธานสมาคมการค้าชิงเหอ จะต้องเคยทำประโยชน์ให้กับราษฎรมาบ้าง การเลือกตั้งประธานสมาคมและรองประธานสมาคม จะเข้าร่วมคัดเลือกได้อย่างอิสระ แต่ละท่านลองเอ่ยมาว่า เมื่อก่อนตนเองเคยสร้างประโยชน์อันใดให้ราษฎรบ้างหรือไม่ วันหน้าวางแผนจะสร้างประโยชน์ให้ราษฎรได้อย่างไรบ้าง”
“นี่ก็คือวัตถุประสงค์ที่พวกเราจัดตั้งสมาคมการค้ากันในวันนี้ หากไม่ใช่เพื่อชาวบ้าน พวกเราย่อมไม่จัดตั้งสมาคมการค้า ดังนั้นทุกคนต้องเข้าใจว่าความหมายของการจัดตั้งสมาคมการค้า ก็คือต้องการสร้างวาสนาสุขให้ชาวบ้านอำเภอชิงเหอ นอกจากพวกเราจะร่ำรวย ยังต้องนำพาชาวบ้านอำเภอชิงเหอให้ร่ำรวยตามกันไปด้วย พวกเราต้องทำให้ชาวบ้านทั้งอำเภอชิงเหอมีเสื้อผ้าดีๆ ใส่ และมีอาหารกินกันครบทุกคน”
คำพูดเซี่ยอวิ๋นจิ่นซาบซึ้งกินใจผู้คนในที่นี้ไม่น้อย ทุกคนต่างฮึกเหิมขึ้นมาทันที
นายอำเภอหูรู้สึกว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นร้ายกาจมาก ถูกต้อง ก็แค่นี้ ทำไมเขาจึงพูดออกมาไม่ได้ อวิ๋นจิ่นพูดได้ดีมาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ คนโดยรอบก็พยักหน้าเล็กน้อย แสดงท่าทีให้ทุกคนเริ่มเลือกได้
คนของตระกูลใหญ่ทั้งสี่สบตากัน แต่ละคนสีหน้าไม่ดีนัก
นำพาให้ราษฎรอำเภอชิงเหอร่ำรวยกัน พวกเขาไม่ได้โง่ขนาดนั้น หากนำพาพวกเขาให้ร่ำรวยกันขึ้นมา พวกเขาจะหาเงินอย่างไร
คนที่ก่อนหน้านี้เสนอจางปี้เยียนเป็นประธานสมาคมการค้าชิงเหอ ก็พลันนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรต่ออีก
คนในที่นั้นก็เริ่มนิ่ง แต่ละคนครุ่นคิดว่าตนเองจะนำพาวาสนาสุขมาให้ชาวบ้านในอำเภอชิงเหอได้ อย่างไร จะทำให้ชาวบ้านแต่ละครอบครัวมีเงินทองร่ำรวยกันได้อย่างไร
คนตระกูลวังลุกขึ้นยืน “ตระกูลวังข้าแม้ว่าทำโคมไฟจนนำพาตระกูลรุ่งเรือง แต่หลายปีมานี้ พวกเราไม่เคยลืมชาติกำเนิด ฤดูหนาวทุกปีบริจาคโจ๊กครึ่งเดือน หากคนในตระกูลเราพบเห็นคนลำบากก็จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ หากข้าได้รับเลือกเป็นประธานสมาคมการค้าชิงเหอ วันหน้าข้าจะทุ่มเทเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน”
คนตระกูลวังกล่าวจบ คนไม่น้อยก็พากันค้อนขวับ คนตระกูลวังพวกเจ้าทำความดีกันแค่เปลือกนอก ส่วนตัวไม่รู้ว่าหาเงินผิดหลักการคุณธรรมมากมายเท่าไร
คนตระกูลวังเพิ่งกล่าวจบ คนจากตระกูลเหลียงก็ก้าวออกมากล่าวว่า “ตระกูลเหลียงข้าเป็นพ่อค้าใหญ่อำเภอชิงเหอ จากนี้ไปก็จะยินยอมลดราคาสินค้าที่เราขายทั้งหมดเพื่อสร้างสุขให้ชาวบ้านอำเภอชิงเหอ หาก ตระกูลเหลียงข้าได้รับเลือกเป็นประธานสมาคมการค้า วันหน้าร้านอาหารจะมอบอาหารและเสื้อผ้าห้าสิบชุดให้กับชาวบ้านยากจนทุกวัน”
ตระกูลเหลียงมีการค้าร้านอาหาร ร้านแลกเงินและโรงจำนำไม่น้อย
คนจากตระกูลเหลียงกล่าวจบ บรรดาคนในที่นั้นส่งเสียงหัวเราะขึ้นอย่างไม่พอใจ
ชาวบ้านขาดแคลนกับแค่ห้าสิบชุดนี้หรืออย่างไร
แต่พ่อค้าที่เหลือต่างคิดไม่ออกว่าตนเองเคยสร้างประโยชน์อันใดให้กับชาวบ้านบ้าง ไม่รู้ว่าวันหน้าควรช่วยชาวบ้านอำเภอชิงเหออย่างไร
ดังนั้นทุกคนจึงพากันนิ่ง เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นสถานการณ์เริ่มนิ่ง ก็บีบมือลู่เจียว
ลู่เจียวไม่เข้าใจ จึงหันไปมองเขา เขาเขยิบเข้าใกล้ลู่เจียว กระซิบเบาๆ ว่า “เจียวเจียว เจ้าเคยทำประโยชน์ให้ชาวบ้านที่หมู่บ้านเรามาไม่น้อย เจ้าเป็นประธานสมาคมการค้าได้”
ลู่เจียวตกใจหันไปมองเจ้าหมอนี่ “เจ้าไม่พอใจให้ข้ามาร่วมงานสมาคมการค้าในวันนี้ ตอนนี้กลับให้ข้ามาเสนอตัวคัดเลือกเป็นประธานสมาคมการค้าอย่างนั้นหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวเบาๆ ว่า “เจ้าได้รับเลือกแล้ว ก็เสนอจ้าวหลิงเฟิงเป็นรองประธานสมาคมการค้าได้นี่”
ลู่เจียวพอได้ฟังก็รู้สึกว่าความคิดนี้ไม่เลว
นางครุ่นคิดแล้วก็ค่อยๆ ก้าวออกมา
ทุกคนในโถงต่างมองมาที่นาง ทุกคนแอบซุบซิบกันว่า นี่ไม่ใช่ภรรยาเซี่ยซิ่วไฉหรือ นางคิดทำอะไร จะมาเสนอตัวเป็นประธานสมาคมการค้าชิงเหอหรือ
ทุกคนต่างเงียบมองลู่เจียว
ลู่เจียวค่อย ๆ เล่าขึ้นอย่างช้าๆ ด้วยท่าทีสงบนิ่ง
“พ่อค้าทุกท่านน่าจะรู้จักข้า ข้าก็คือแม่ค้าเล็กๆ ที่เพิ่งเริ่มทำการค้า ได้รับเกียรติจากนายอำเภอหูเชิญข้ามาเข้าร่วมสมาคมการค้า ก่อนหน้าจะมาอำเภอชิงเหอนั้นข้าเป็นหมออยู่หมู่บ้านตระกูลเซี่ย หากจะกล่าวถึงประโยชน์ที่เคยทำให้กับชาวบ้าน ก็พอมีอยู่บ้าง ข้าเคยรักษาโรคให้ชาวบ้านโดยไม่รับเงิน”
พอลู่เจียวกล่าว คนในที่นั้นไม่น้อยวิพากษ์วิจารณ์ ลู่เหนียงจื่อรักษาโรคไม่รับเงิน จริงหรือเท็จกันนี่
ลู่เจียวกล่าวจบ หันถงก็ยืนขึ้นกล่าวว่า “เรื่องนี้ข้าเป็นพยานให้ได้ ลู่เหนียงจื่อรักษาคนในหมู่บ้านตระกูลเซี่ยไม่รับเงิน หมู่บ้านใกล้เคียงก็มักมีคนมาให้นางรักษา”
ทุกคนได้ยินหันถงก็อดพยักหน้าไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าภรรยาเซี่ยซิ่วไฉถึงกับคุณธรรมยิ่งใหญ่เพียงนี้
พวกเขาพ่อค้าเหล่านี้สู้ผู้หญิงคนเดียวยังไม่ได้
ลู่เจียวไม่ได้สนใจคนข้างกาย กล่าวต่อว่า “ต่อมาข้าเห็นว่าหมู่บ้านตระกูลเซี่ยยากจนมาก จึงสอนให้ชาวบ้านในหมู่บ้านแยกแยะสมุนไพร ให้พวกเขาขึ้นเขาเก็บสมุนไพรขาย”