ตอนที่ 170 การเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ สถานที่ของมรดกสืบทอด!
ภายในแดนลับ หนิงฝานนำเหล่าสำนักเซียนกระบี่ข้ามภูเขาและป่าไม้มา แม้ว่าจะพบเจอกับสัตว์ร้ายมากมาย แต่เพราะมีหนิงฝานอยู่ทุกคนจึงปลอดภัย!
‘ระบบ ลงชื่อเข้าใช้!’
ระหว่างทางหนิงฝานพูดกับระบบ แล้วในเวลาต่อมา เสียงเตือนของระบบก็ดังขึ้น!
[ติ๊ง! ลงชื่อเข้าใช้แดนลับเซียนธุลีสีชาดสำเร็จ และได้รับปราณเซียนธุลีสีชาด!]
‘ปราณเซียนธุลีสีชาด?’
เมื่อหนิงฝานหยุดเดินก็พลันมองเห็นแสงแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของระบบ กลิ่นอายรอบ ๆ มันดูลึกลับจนน่าพิศวง!
“โอ้! ของดีนี่!”
หนิงฝานดีใจเป็นอย่างมาก เขารีบดูดซับปราณเซียนธุลีสีชาดในทันที ทันใดนั้น ความรู้สึกลึกลับก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง แม้ว่ารากฐานการบ่มเพาะของเขาจะไม่สูงขึ้น แต่เส้นทางสู่ธุลีสีชาดนั้นกลับชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“หืม!”
“ปราณเซียนธุลีสีชาดนี้ แม้จะไม่สามารถช่วยให้พลังบ่มเพาะของข้าเพิ่มขึ้นได้ แต่ก็ทำให้ข้าตระหนักในมหาวิถีธุลีสีชาดได้ เช่นนี้สิ่งของชิ้นไหนก็เทียบไม่ได้!”
หนิงฝานแลบลิ้นออกมาเลียปากตัวเอง สีหน้าของเขามีความสุขมาก!
หลังจากเลื่อนขั้นมาเป็นกึ่งเซียนแล้วนั้น เขาก็พยายามพัฒนาพลังของตัวเอง และพยายามทำความเข้าใจเพื่อตระหนักรู้ในเส้นทางสู่ธุลีสีชาด เพราะต้องการเลื่อนขั้นเป็นเซียนธุลีสีชาด!
ทว่ามหาวิถีธุลีสีชาดประหนึ่งภาพลวงตาที่ไม่มีอยู่จริง หลายสิบปีมานี้เขาไม่อาจคลำหาทางเจอ ยังคงอยู่ในความมืดมนยิ่งนัก!
ทว่าด้วยการลงชื่อเข้าใช้จนได้ปราณเซียนธุลีสีชาดมา จึงทำให้เขาเข้าใจและเห็นคุณค่าของมัน!
หลังจากนั้นในเวลาต่อมา เขาเห็นว่าแดนลับธุลีสีชาดกว้างใหญ่จนหาที่เปรียบมิได้ มิหนำซ้ำ คนของสำนักเซียนกระบี่ก็กลายเป็นมนุษย์ธรรมดาแล้ว หนิงฝานจึงไม่ได้รีบร้อนที่จะหาโอกาส
เขารอโอกาสเพื่อลงชื่อเข้าใช้และให้ระบบได้รีเฟรชเพื่อจะได้ลงชื่อเข้าใช้ในแดนลับธุลีสีชาด!
[ลงชื่อเข้าใช้แดนลับธุลีสีชาดสำเร็จ ได้รับปราณเซียนธุลีสีชาด!]
[ลงชื่อเข้าใช้แดนลับธุลีสีชาดสำเร็จ ได้รับปราณเซียนธุลีสีชาด!]
[ลงชื่อเข้าใช้แดนลับธุลีสีชาดสำเร็จ ได้รับกระบี่สังหารเซียน!]
[ลงชื่อเข้าใช้แดนลับธุลีสีชาดสำเร็จ ได้รับค่ายกลผนึกสวรรค์!]
[…]
หลักจากการลงชื่อเข้าใช้ในทุก ๆ วัน นอกจากการได้รับปราณเซียนธุลีสีชาดแล้ว เขายังได้รับสมบัติเซียนมากมาย เช่น กระบี่สังหารเซียน ซึ่งก็คืออาวุธเซียนชั้นยอด และค่ายกลผนึกสวรรค์ที่สามารถปิดผนึกฟ้าดินได้ด้วย!
สมบัติเซียนต่าง ๆ ปรากฏขึ้นมาอย่างไม่รู้จบ การเก็บเกี่ยวครั้งนี้ทำให้เขาอู้ฟู่มาก!
“เพียงแค่ลงชื่อเข้าใช้รับสมบัติ การมาที่แดนลับธุลีสีชาดนี้ก็ไม่ถือว่าสูญเปล่าแล้ว!”
ใบหน้าของหนิงฝานเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความพึงพอใจ หลายวันมานี้ นอกจากสมบัติเซียนชิ้นต่าง ๆ การลงชื่อเข้าใช้จนได้รับปราณเซียนธุลีสีชาดทำให้เขาตระหนักรู้ในวิถีธุลีสีชาดมากขึ้น กระทั่งวิธีการที่จะทะลวงขั้นไปสู่ขอบเขตธุลีสีชาดก็ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ตึง! ตึง! ตึง!
ทันใดนั้น หลังจากลงชื่อเข้าใช้ในวันนี้เสร็จ ก็บังเกิดเสียงดังลั่นมาจากภายในแดนลับ ราวกับว่ามีคนตีกลองที่ส่งเสียงดังสะเทือนไปจนทั่ว!
“หืม? เกิดอะไรขึ้น? หรือว่ามรดกของเซียนธุลีสีชาดปรากฏขึ้นแล้ว!”
หนิงฝานเลิกคิ้ว ก่อนจะรีบนำเหล่าผู้คนสำนักเซียนกระบี่ตามเสียงนั้นไป!
และขณะเดียวกัน เสียงนี้ได้ดึงดูดเหล่าผู้ฝึกยุทธ์จากทุกหนทุกแห่ง พวกเขาไปตามเสียงนั้นโดยมิได้นัดหมาย
…
ณ หุบเขาแห่งหนึ่ง ท้องฟ้าเหนือหุบเขาปกคลุมไปด้วยม่านพลังบางอย่าง หากผ่านพลังนั้นไปก็จะมองเห็นกระท่อมหลังคามุงจากเตี้ย ๆ กลางหุบเขาได้อย่างชัดเจน!
นอกหุบเขายามนี้
เจ้าตำหนักเซียนเยี่ยฉิงชางและรองเจ้าตำหนักทั้งสองกำลังพยายามโจมตีม่านพลังนั้น ทุกครั้งที่ส่งพลังออกไป ล้วนเต็มไปด้วยความรุนแรงจนทำให้เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่ว
และทุกคนในตำหนักเซียนก็จ้องมองไปที่กระท่อมบนหุบเขาหลังนั้นด้วยสายตาร้อนแรง
พวกเขามาตามที่กระดูกนิ้วซึ่งบรรพบุรุษเซียนของพวกเขาทิ้งเอาไว้ชี้นำ แล้วก็ได้เห็นกระท่อมหลังนี้ซึ่งเป็นมรดกที่ท่านบรรพบุรุษได้ส่งต่อมา!
“ท่านเจ้าตำหนัก ท่านรองเจ้าตำหนัก แย่แล้ว! พวกเราส่งเสียงดังมากเกินไป ทำให้ผู้คนมากมายกำลังมาที่นี่!”
ในเวลานี้ คนของตำหนักเซียนพลันรีบวิ่งมารายงาน
ทั้งสามคนหยุดมือลงทันทีก่อนจะขมวดคิ้วแน่น!
“ดูเหมือนว่ามรดกสืบทอดในที่แห่งนี้ ตำหนักเซียนของพวกเราคงจะไม่สามารถครอบครองไว้ผู้เดียวได้แล้ว!”
เยี่ยฉิงชางถอนหายใจออกมา เสียงดังกึกก้องที่พวกเขาทำส่งเสียงดังไปจนทั่ว ไม่เพียงทำให้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์สนใจเพียงเท่านั้น แต่ที่สำคัญก็คือพวกเขาใช้กระดูกนิ้วของบรรพบุรุษเพื่อฟื้นฟูพลังบ่มเพาะ ทว่าพยายามมากเพียงใดกลับไม่สามารถทำลายม่านพลังนี้ได้!
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
เหล่าพวกผู้ฝึกยุทธ์มาถึงที่นี่อย่างรวดเร็ว ในหมู่ของคนพวกนั้นมีคนของสามขุนเขา ห้าพรรค แปดสำนักอยู่ด้วย!
“อ๊ะ! ที่แท้ก็เป็นตำหนักเซียน!”
“หือ? เจ้าตำหนักเยี่ยและรองเจ้าตำหนัก เหตุใดพวกท่านทั้งสามคนจึงไม่ถูกเปลี่ยนให้เป็นมนุษย์ธรรมดา!”
“หึ ๆ ม่านพลัง! กระท่อม! ที่แห่งนี้คงจะเป็นสถานที่ที่มีมรดกสืบทอดอยู่!”
“ฮ่า ๆ! ท่านเจ้าตำหนักเยี่ย ค้นพบที่ที่มีมรดกสืบทอดแต่กลับไม่แจ้งพวกข้า ช่างดีโดยแท้!”
“ท่านเจ้าตำหนักเยี่ย พวกท่านไม่สามารถทำลายม่านพลังได้รึ ให้ข้าช่วยท่านดีหรือไม่!”
“…”
สามขุนเขา ห้าพรรค แปดสำนัก และเหล่ากึ่งเซียน ต่างมาถึงหุบเขากันพอดี
มีบ้างที่ตกใจเรื่องที่เยี่ยฉิงชางยังคงมีพลังบ่มเพาะอยู่ ขณะเดียวกัน ผู้คนต่างก็ให้ความสนใจกับกระท่อมบนหุบเขานี้เป็นอย่างมาก จากหุบเขาที่รกร้างวังเวงเมื่อสักครู่ ตอนนี้กลับแสนครึกครื้นเต็มไปด้วยผู้คน
ตอนนี้เอง เหล่ากึ่งเซียนวิ่งเข้ามา เยี่ยฉิงชางยกยิ้มขึ้นและพูดออกมาว่า “ทุกท่าน พวกท่านมาก็ดีแล้ว ตำหนักเซียนของพวกข้าตรวจสอบดีแล้ว สถานที่แห่งนี้คือที่ที่เซียนธุลีสีชาดบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งตำหนักเซียนขึ้นมา เขาได้สิ้นชีพลงเมื่อหนึ่งแสนปีก่อน มรดกสืบทอดของเขาอยู่ที่กระท่อมบนหุบเขาแห่งนี้!
“ยามนี้ เพียงตำหนักเซียนของพวกข้าไม่สามารถทำลายม่านพลังลงได้ ข้าหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากทุกคน หากว่าข้าได้รับมรดกสืบทอดมาแล้ว ตำหนักเซียนของพวกข้าจะตอบแทนพวกท่านอย่างแน่นอน!”
สิ้นคำพูด สีหน้าของเหล่ากึ่งเซียนก็ดูตกใจ ดวงตาของพวกเขาก็ลุกโชน!
ในเวลานี้ มีคนพูดขึ้นว่า “ท่านเจ้าตำหนักเยี่ย การที่ข้าเข้ามายังแดนลับธุลีสีชาดทำให้ข้าต้องกลายเป็นมนุษย์ธรรมดา แล้วพวกข้าจะช่วยท่านได้อย่างไร?”
คนผู้หนึ่งมองดูท่าทีของเยี่ยฉิงชาง ก็ยิ้มพลางพูดขึ้น “ฮ่า ๆ ท่านเจ้าตำหนักเยี่ยพูดเช่นนี้ ก็คงจะมีวิธีให้พวกเราสามารถฟื้นฟูพลังคืนมาได้เป็นแน่!”
สิ้นคำ ผู้คนต่างก็มองไปที่เยี่ยฉิงชาง
เรื่องมาถึงขั้นนี้ เยี่ยฉิงชางรู้ดีว่าคงไม่มีทางซ่อนความลับไว้ได้อีกต่อไป มิเช่นนั้นคงไม่มีทางได้มรดกสืบทอดมาเป็นแน่
“แน่นอน ข้ามีวิธีที่จะทำให้พวกท่านสามารถฟื้นคืนพลังบ่มเพาะกลับมาได้!”
หลังจากเยี่ยฉิงชางพยักหน้า สีหน้าของผู้คนก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น!
จำต้องรู้ว่า เหล่ากึ่งเซียนที่ต้องมาใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ธรรมดานั้นช่างแสนทรมาน พวกเขาล้วนแต่ต้องการที่จะฟื้นฟูพลังบ่มเพาะคืนมา!
แต่ในระหว่างที่ผู้คนกำลังดีใจกันอยู่นั้น เยี่ยฉิงชางก็กล่าวขึ้นมาว่า “แม้ว่าข้าจะสามารถช่วยพวกท่านฟื้นฟูพลังบ่มเพาะกลับมาได้ แต่หากให้พูดตามความจริง สถานที่แห่งนี้เป็นของบรรพบุรุษเราที่ต้องการส่งต่อมรดกสืบทอดให้กับตำหนักเซียน ดังนั้นมรดกทั้งหมดจึงต้องเป็นของตำหนักเซียน!”
“ฮ่า ๆ ท่านเจ้าตำหนักเยี่ย เช่นนั้นมันไม่ถูกต้อง ท่านไม่ควรให้พวกข้าต้องเสียแรงเปล่า!” เหล่าผู้คนต่างไม่พอใจ!
เยี่ยฉิงชางขมวดคิ้วแน่น เพราะรู้ดีว่าคนพวกนี้คงจะไม่ยอมช่วยหากไม่ได้ผลประโยชน์ หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพักเขาก็พูดขึ้นว่า “เอาเยี่ยงนี้ หลังจากได้รับมรดกสืบทอดแล้ว ให้แบ่งกันเก้าต่อหนึ่ง ตำหนักเซียนของข้าได้เก้าส่วน พวกเจ้าได้หนึ่งส่วน!”
“น้อยเกินไป ในที่นี้มีกองกำลังถึงสิบกว่ากอง อย่างน้อยที่สุดก็ควรได้รับห้าส่วน” ผู้คนต่างพยักหน้า
“สองต่อแปด!”
“หกต่อสี่!”
“เจ็ดต่อสาม!”
หลังจากการถกเถียงกันอย่างดุเดือด ท้ายที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่าแบ่งกันเจ็ดต่อสามส่วน ตำหนักเซียนได้รับเจ็ดส่วน เหล่ากองกำลังที่เหลือได้รับสามส่วน!
แม้ว่าการแบ่งกันในครั้งนี้ เหล่ากึ่งเซียนจะได้รับผลประโยชน์น้อย ทว่าพวกเขาในตอนนี้ แม้แต่พลังบ่มเพาะก็ไม่มี จึงไม่กล้าที่จะบังคับเยี่ยฉิงชางมากจนเกินไป
ท้ายที่สุด หลังจากบรรลุข้อตกลง เยี่ยฉิงชางก็ใช้กระดูกนิ้วที่ท่านปรมาจารย์ให้มาในทันที เพื่อให้เหล่ากึ่งเซียนสามารถฟื้นฟูพลังบ่มเพาะได้
และในขณะนั้นเอง
เคร้ง!
เสียงกระบี่ที่บาดหูก็ดังขึ้น ม่านพลังบนหุบเขาพลันปรากฏรอยแตกเป็นรู ร่างในชุดคลุมธรรมดาก็พลันเข้ามาในหุบเขาและตรงไปที่กระท่อมทันที!