ตอนที่ 169 ภายในแดนลับเซียนธุลีสีชาด ทุกคนต่างกลายเป็นมนุษย์ธรรมดา!
บึ้ม!
คล้อยหลังเสียงคำรามดังสนั่น จู่ ๆ กระแสวังวนก็ก่อตัวขึ้นเหนือประตูแสงขนาดใหญ่!
“ฮ่า ๆ! แดนลับธุลีสีชาดเปิดออกแล้ว!
“ฮ่า! รอมาตั้งนาน ในที่สุดก็สามารถเข้าไปได้!”
“นี่มันแดนที่เซียนธุลีสีชาดสิ้นชีพลง ไม่รู้ว่าสมบัติเซียนจะเหลืออยู่กี่ชิ้น!”
“เร็ว ๆ! รีบเข้าไปในแดนลับ!”
เห็นเช่นนั้น ผู้คนทั่วทั้งภูเขาชางหมาง ไม่ว่าจะเป็นเหล่าผู้ฝึกยุทธ์จากองกำลังชั้นหนึ่ง กองกำลังอื่น ๆ หรือผู้ฝึกยุทธ์ไร้สำนักต่างก็เดือดพล่านกันถ้วนหน้า!
พรึ่บ!
ในเวลาต่อมา กองกำลังชั้นหนึ่งอย่างหนึ่งตำหนัก สามขุนเขา ห้าพรรค แปดสำนัก ทั้งหมดได้เข้าไปในแดนลับธุลีสีชาดก่อน ภายใต้การนำของเหล่ากึ่งเซียน!
จากนั้นผู้ฝึกยุทธ์กว่าสิบล้านคน ต่างก็ทะลักเข้าไปราวกับสายน้ำ ทุกคนต่างหลั่งไหลไปที่ประตูแสง!
“สำนักเซียนกระบี่ไปกันเถอะ!”
สุดท้าย หนิงฝานก็ไม่รอช้าอีกต่อไป เขานำกลุ่มสำนักเซียนกระบี่เข้าไปสู่แสงกระบี่สายนั้น ระหว่างทางก็ผ่านกระแสวังวนประตูแสงเพื่อไปยังแดนลับธุลีสีชาด
ขวับ!
เพิ่งผ่านเข้าสู่ประตูแสง พลังงานสายหนึ่งก็ไหลเข้าสู่ร่างกาย เมื่อดาราเคลื่อนคล้อยและความว่างเปล่าได้ผันเปลี่ยนไป ผ่านไปสิบกว่าลมหายใจ หนิงฝานก็หยุดรอคนอื่นที่ตามมาเบื้องหลัง
รอบกายคือผืนป่าอันกว้างใหญ่ ภูผาสูงตระหง่าน สายธาราสะท้อนแสงระยิบระยับ หมู่สกุณาขับขาน มวลบุปผาส่งกลิ่นหอมโชย เสียงน้ำไหลเอื่อยจากสวรรค์ลงมายังผืนดินเบื้องล่าง
โดยเฉพาะบรรยากาศที่แฝงด้วยความล้ำลึก ซึ่งมิอาจหาคำใดมาอธิบายได้
“โอ๊ะ!”
“หรือว่าที่นี่คือปราณเซียนธุลีสีชาดในตำนาน?”
เมื่อเห็นเช่นนั้น หนิงฝานก็รู้สึกพอใจมาก แต่ยังไม่ทันไรเขาก็ได้ยินเสียงร้องตกใจของคนในสำนักเซียนกระบี่!
“อ๊า!”
“พลังบ่มเพาะของข้าหายไปแล้ว!”
“ข้ากลายเป็นมนุษย์ธรรมดาไปแล้ว!”
“โอ้สวรรค์! เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!”
“…”
เหล่าผู้คนแห่งสำนักเซียนกระบี่ ไม่ว่าจะเป็นเหล่าศิษย์แห่งสำนัก เหล่าผู้อาวุโส หรือแม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุด ล้วนสูญเสียพลังไปและกลายเป็นมนุษย์ธรรมดา!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หนิงฝานก็ตกใจ ก่อนจะลองใช้พลังของตัวเอง และพบว่าพลังของเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน!
ภายในใจเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
อย่างไรก็ตาม เมื่อรับรู้ได้ถึงปราณเซียนธุลีสีชาด เขาก็คาดเดาได้ในทันที!
“ว่ากันว่าเซียนธุลีสีชาดนั้นเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา!”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า พลังปราณเซียนธุลีสีชาดจะสามารถสะกดพลังของผู้บ่มเพาะ และทำให้กลายเป็นมนุษย์ธรรมดาได้?”
หนิงฝานเลิกคิ้ว จากนั้นจึงเริ่มลองใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อดูว่าจะสามารถฟื้นฟูพลังของเขาได้หรือไม่!
โฮกกกก!
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงคำรามที่น่าสยดสยองขึ้น เสือยักษ์รูปร่างสง่างามยาวสองฉื่อกระโดดออกมาจากป่า!
“อ๊ะ!”
“เสือร้าย!”
เมื่องมองเห็นเสือร้ายที่จู่ ๆ ก็โผล่มา ผู้คนพลันพากันตื่นตกใจ!
แม้ว่าเสือที่อยู่ตรงหน้าจะไม่มีร่องรอยของพลังบ่มเพาะ เป็นแค่เพียงเสือธรรมดา ๆ กระทั่งโลกข้างนอกผู้คนก็สามารถฆ่ามันได้โดยง่าย!
ทว่าตอนนี้ พวกเขากลายเป็นมนุษย์ธรรมดาเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะจัดการเสือร้ายตัวนี้ได้อย่างไร!
โฮกก!
เพียงชั่วพริบตา เสือร้ายก็ไม่คิดแสดงความเมตตา มันร้องคำรามออกมาและกระโจนไปทางฝูงชนทันที!
“อ๊ะ!”
“ระวัง!”
“สวรรค์!!”
“แย่แล้ว!”
เมื่อเห็นเสือกระโจนเข้ามา เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสแห่งสำนักเซียนกระบี่ต่างก็ตื่นตกใจ บางคนถึงกับล้มลงพื้น
เมื่อเสือร้ายกำลังเข้ามาใกล้ ทุกคนก็ได้กลิ่นคาวเลือดออกมาจากปากของมัน!
ยามนี้ผู้คนต่างสิ้นหวัง และในเวลาเดียวกันภายในใจก็รู้สึกหดหู่มาก!
คิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งตนเองจะตายมาลงในปากเสือธรรมดา ๆ ตัวหนึ่ง!
บึ้ม!
ทันใดนั้น ในช่วงเวลาที่สำคัญนี้ จู่ ๆ ปราณกระบี่ก็ปะทุออกมาและพุ่งทะลุหัวเสือร้ายโดยตรง พริบตานั้น เสือร้ายไม่แม้แต่จะทันได้ส่งเสียงร้องคำราม ร่างที่ใหญ่โตของมันก็ล้มลงกับพื้นดังโครม!
“หืม?”
ฝูงชนตื่นตกใจและรีบหันมองไปก็พบว่าหนิงฝานยืนถือกระบี่อยู่ เห็นได้ชัดว่าปราณกระบี่นี้มาจากเขา!
“ท่านเจ้าสำนัก พลังฝึกฝนของท่านไม่ได้สูญหายไปหรือ?”
ทุกคนประหลาดใจ!
หนิงฝานพยักหน้ารับ
แม้ว่าพลังบ่มเพาะของเขาจะถูกสกัดกั้นโดยปราณเซียนธุลีสีชาด แต่เมื่อครู่นี้เขาใช้พลังดั้งเดิมของร่างเซียนกระบี่บรรพกาลสยบปราณเซียนธุลีสีชาด
“ฮ่า ๆ!”
“ยอดเยี่ยมแล้ว!”
“มีท่านเจ้าสำนักอยู่ การเดินทางครั้งนี้ สำนักเซียนกระบี่ของพวกเราจะต้องกลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแน่นอน!”
ผู้คนของสำนักเซียนกระบี่ต่างรู้สึกยินดีและปลาบปลื้มใจ!
จำต้องรู้ว่าไม่เพียงพวกเขาจะสูญเสียพลังบ่มเพาะไป แต่กระทั่งต้องกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาในแดนลับธุลีสีชาดนี้!
พวกเขากลายเป็นมนุษย์ธรรมดาในแดนลับธุลีสีชาด แต่เจ้าสำนักหนิงหาได้เป็นเช่นนั้น แม้มันจะเหมือนการขี้โกง แต่สิ่งนี้กลับทำให้พวกเขาสามารถกวาดล้างแดนลับนี้ได้!
“เอาล่ะ! พวกเจ้าอย่าได้ตื่นตกใจไป! แค่ตามข้ามาก็พอ!”
หนิงฝานออกคำสั่ง จากนั้นเขาก็เริ่มนำสำนักเซียนกระบี่ออกสำรวจแดนลับธุลีสีชาด!
…
ขณะที่คนจากสำนักเซียนกระบี่ซึ่งอยู่ภายใต้การนำของหนิงฝานกำลังเริ่มออกสำรวจแดนลับธุลีสีชาด เหล่าผู้ฝึกยุทธ์อื่น ๆ ที่มายังแดนลับธุลีสีชาดต่างก็ตกอยู่ในความตื่นตระหนกและวุ่นวาย!
“อ๊า! พลังบ่มเพาะของพวกข้าเล่า!”
“ไม่! เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!”
“มนุษย์ธรรมดา! เหตุใดข้าถึงกลายเป็นมนุษย์ธรรมดา!”
“…”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ต่างอยู่ในความหวาดหวั่น เนื่องจากพลังการฝึกฝนของตัวเองได้หายไป!
จำต้องรู้ว่าเหตุผลที่พวกเขาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและเย่อหยิ่งยามที่อยู่โลกภายนอกนั้น เป็นเพราะพลังบ่มเพาะของตนเอง!
แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่า แดนลับธุลีสีชาดแห่งนี้จะสามารถยับยั้งพลังและทำให้พวกเขากลายเป็นมนุษย์ธรรมดาได้!
โดยเฉพาะเหล่ากึ่งเซียนที่เริ่มหวาดกลัวกันมากขึ้น!
ในโลกภายนอก พวกเขานับว่าแข็งแกร่งที่สุดในแคว้นเซียน อำนาจที่ยิ่งใหญ่ต่างอยู่ในน้ำมือของพวกเขา!
ทว่าที่นี่ไม่มีกึ่งเซียน ไม่มีเทพยุทธ์ และไม่มีปราชญ์ยุทธ์ มีเพียงแค่เสือร้ายและเหล่าสัตว์ร้ายที่สามารถฆ่าพวกเขาได้อย่างง่ายดาย!
และเมื่อเวลาผ่านพ้นไป!
ภายในแดนลับแห่งนี้ เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ต่างก็เริ่มพบกับเหล่าสัตว์ร้ายมากมายขึ้น ทั้งเสือ หมาป่า งูพิษ และสัตว์ร้ายตัวอื่น ๆ
กลับกัน หากเป็นโลกภายนอก พวกเขาสามารถฆ่าสัตว์ร้ายหลายร้อยล้านตัวได้ด้วยเพียงแค่คิด ถือได้ว่าในวันนี้ทำให้พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานและบาดเจ็บสาหัส!
…
ภายในแดนลับธุลีสีชาด เหล่าผู้ฝึกยุทธ์กำลังรวมตัวกันอยู่ที่ป่าแห่งหนึ่ง เสื้อคลุมของพวกเขาทั้งหมดปักด้วยลวดลายพระราชวัง นั่นก็คือคนของตำหนักเซียน!
ในเวลานี้ เจ้าตำหนักเยี่ยฉิงชางกำลังนั่งอยู่บนหิน ในมือของเขามีกระดูกชิ้นหนึ่งกำลังเปล่งแสง ประกายของมันก็พลันปกคลุมไปทั่วร่าง พลังปราณเซียนธุลีสีชาดของเขาแย่ลง แต่พลังบ่มเพาะของเขาค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น!
ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือ กระดูกชิ้นนี้กลับสั่นอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับว่ามันกำลังชี้นำอะไรบางอย่าง
“ฮ่า ๆ! เป็นอย่างที่ข้าคิดไว้ ที่นี่คือแดนที่เซียนธุลีสีชาดแห่งตำหนักเซียนเมื่อหนึ่งแสนปีก่อนที่สิ้นชีพลง มิเช่นนั้นแล้ว กระดูกนิ้วชิ้นนี้ของท่านคงจะไม่ถูกเก็บเอาไว้เยี่ยงนี้!” เยี่ยฉิงชางลืมตาพร้อมกับมองขึ้นไปบนท้องฟ้า และหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
“ยินดีกับท่านเจ้าตำหนักด้วยที่สามารถฟื้นฟูพลังบ่มเพาะได้!”
“ตอนนี้ผู้คนในแดนลับธุลีสีชาดกลายเป็นคนธรรมดา มีข้าอยู่ พร้อมกับกระดูกนิ้วของปฐมเซียน มรดกที่ท่านได้ทิ้งไว้ย่อมต้องตกเป็นของตำหนักเซียนเรา!”
ขณะเดียวกันนั้น รองเจ้าตำหนักทั้งสองรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง และเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ของตำหนักเซียนต่างก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมากเช่นกัน!
“มรดกของตำหนักเซียนเรา เดิมทีก็เป็นของตำหนักเซียน ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ยังเป็นของตำหนักเซียนอยู่วันยังค่ำ!”
เยี่ยฉิงชางพลันผุดลุกขึ้นและยกยิ้มเย็นชา เขาโบกมือ “ออกเดินทางกัน!”
“รับทราบ!”
ทันใดนั้น ภายใต้การนำของเยี่ยฉิงชาง ผู้คนจากตำหนักเซียนก็ยกขบวนพากันไปยังสถานที่แห่งหนึ่งในแดนลับตามที่กระดูกนิ้วชี้นำ!