“ครับ”
แม้อีอูยอนจะนับว่ามันไม่ได้สำคัญอะไร แต่อินซอบกลับติดใจกับแผลที่เหลือบนมือของอีกฝ่าย
“ถ้าคราวหน้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีก การรับความช่วยเหลือจากผู้จัดการส่วนตัวน่าจะดีกว่านะครับ”
ดังนั้นเขาจึงพูดคำพูดที่หากำไรไม่ได้[1]ออกมา อีอูยอนเสยผมที่เปียกน้ำขึ้นไป และจ้องมองอินซอบ
น้ำที่ไหลไปตามแขนของเขาหยดลงในอ่างอาบน้ำ ความเงียบที่น่าอึดอัดจนเหมือนจะทำให้หายใจไม่ออกก่อตัวขึ้น
“ผมจะทำอย่างนั้นแน่นอนครับ หากต้องการความช่วยเหลือ”
คำตอบอย่างขอไปทีที่เหมือนกับพูดซ้ำๆ ถูกส่งกลับมา ดูเหมือนเขาจะไม่สามารถต่อบทสนทนาได้อีกแล้ว อีอูยอนหลับตาลงอีกครั้ง และนอนเอนตัวพิงอ่างอาบน้ำ สายตาของอินซอบมองไปที่หน้าของอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ
ผอมลงหรือเปล่านะ
อินซอบสำรวจใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างใจเย็น
“ไม่ได้เบื่อหน้าผมใช่ไหมครับ”
อีอูยอนเอ่ยปากอย่างกะทันหัน
“ครับ?”
“ผมนึกว่าที่ให้ทำข้างหลังเพราะแบบนั้น”
“ไม่ครับ ไม่ได้เป็นแบบนั้นแน่นอนครับ”
อินซอบแย้งทันที แต่อีอูยอนกลับไม่ยิ้ม การพูดล้อเล่นที่อีกฝ่ายมักจะพูดอย่างส่งเดชก่อนหน้านี้ดูเบาไปเลย แม้จะสับสนกับการล้อเล่นนั้น แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนี้
“…ผมมีเรื่องจะพูดครับ”
คำพูดของอินซอบทำให้อีอูยอนลืมตาขึ้นมา และค่อยๆ พยักหน้า ท่าทางนั้นดูเหมือนจะประหม่า และทำให้อินซอบเกร็ง
“ผมฟังอยู่ครับ”
เป็นเสียงที่เหมือนกับตอนนั้นที่บอกให้รู้ว่าตนยังอยู่จากอีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ แม้จะอยู่ในห้องน้ำที่เต็มไปด้วยไอน้ำ แต่อินซอบกลับคอแห้งอย่างประหลาด อินซอบใช้ฝ่ามือถูปากครั้งหนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“…เป็นแบบนั้น เพราะเรื่องแมวใช่ไหมครับ”
“อะไรนะ”
“เหตุผลที่โกรธผมน่ะครับ”
ในห้องที่เขาเห็นตอนที่ขึ้นมาที่ชั้นสองเมื่อกี้มีคอนโดแมวถูกติดตั้งอยู่ อินซอบยังรู้สึกไม่สบายใจกับการที่เขาไม่สามารถตอบออกไปได้ทันทีในตอนที่อีอูยอนบอกว่าอยากเลี้ยงแมว หากลองคิดดูแล้ว บรรยากาศระหว่างพวกเขาสองคนก็เริ่มน่าอึดอัดขึ้นตอนนั้น
“…”
สีหน้าของอีอูยอนสงบนิ่งอย่างซับซ้อนเกินบรรยาย อินซอบรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา
“ขอโทษครับที่ตอนนั้นไม่สามารถตอบออกไปได้ทันที เพราะผมคิดว่าคุณอีอูยอนไม่ค่อยชอบพวกสัตว์…แต่ผมคิดว่าถ้าเลี้ยง คุณอีอูยอนต้องเลี้ยงได้ดีแน่นอนครับ เพราะคุณมีความรับผิดชอบ และเอาจริงเอาจังกว่าใคร หากคุณต้องการ ผมจะดำเนินการเรื่องรับเลี้ยงให้อีกครั้งครับ”
อีอูยอนแสร้งหัวเราะ
“ฮ่าๆ คิดแบบนั้นจริงๆ เหรอครับ”
เสียงหัวเราะของอีอูยอนดังก้องไปทั่วห้องน้ำ อินซอบชอบเสียงหัวเราะของอีอูยอน เขาพอใจกับการสั่นไหวน้อยๆ ของอากาศ แต่ตอนนี้ ยิ่งเขาได้ยินเสียงหัวเราะนั้นมากเท่าไร กลับยิ่งเหมือนค่อยๆ ถูกอากาศรอบๆ ตัวกดดัน
“ผมรออย่างสุดความสามารถ แล้วมาพูดว่าแมว…”
“…”
ทันใดนั้นรอยยิ้มก็หายไปจากใบหน้าของอีอูยอนที่พึมพำคำพูดที่เขาไม่รู้ความหมาย
“ไม่มีอะไรที่คุณอินซอบไม่รู้เกี่ยวกับผมจริงๆ นะครับ เพราะแบบนั้นก็เลยชอบผมใช่ไหมครับ”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ…อ๊ะ”
อีอูยอนสาดน้ำใส่หน้าอินซอบเบาๆ และลุกขึ้นในระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังเช็ดน้ำที่ไหลอยู่บนหน้า
“ทำตัวให้อุ่นขึ้นสักหน่อยค่อยออกไปนะครับ”
อีอูยอนสวมเสื้อคลุมอาบน้ำพลางพูด
“คุณอูยอน ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ ผม…”
อีอูยอนจับอินซอบที่กำลังจะลุกขึ้นให้นั่งลงไปในอ่างอาบน้ำอีกครั้ง
“นับหนึ่งถึงร้อยแล้วค่อยออกมาครับ ถ้าไม่ทำอย่างนั้น คุณอินซอบน่าจะไม่สามารถออกจากบ้านหลังนี้ไปได้อีกเลยจนกว่าจะท้อง”
การที่ตนคิดว่านี่เป็นคำพูดล้อเล่น และจะตามอีอูยอนออกไปทำให้แววตาของอีกฝ่ายน่ากลัวเป็นอย่างมาก ฝ่ายนั้นผูกเชือกเสื้อคลุมอาบน้ำพร้อมกับพูดต่อว่า “และ”
“พาสปอร์ตอยู่ที่ไหนสักที่ในของที่ย้ายมานี่แหละครับ ไว้เดี๋ยวผมมีเวลาแล้วจะหาให้ นับเลขเลยครับ”
หลังจากที่อีอูยอนออกไปจากห้องน้ำ อินซอบก็หลุบตามองต่ำราวกับจะกำจัดดวงตาคู่โตนั้นทิ้ง แม้จะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็รู้สึกว่าตนได้ทำให้ทุกอย่างล้มเหลวไม่เป็นท่าอีกแล้ว
“…เจ้าโง่”
อินซอบซบหน้าลงกับหัวเข่าก่อนจะเริ่มนับเลขอย่างช้าๆ
***
อินซอบลืมตาขึ้นมา เพราะรู้สึกได้ว่ามีคนเคลื่อนไหว อีอูยอนกำลังติดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ตอยู่ พอเห็นว่าอินซอบตื่นแล้ว เขาก็เบือนหน้าหนี
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
“…จะออกไปไหนเหรอครับ”
“ผมมีเรื่องที่จะปรึกษากับทนายสักครู่น่ะครับ”
อินซอบลุกขึ้นอย่างช้าๆ
“ให้ผมไปส่งไหมครับ”
“ไม่ต้องครับ”
อีอูยอนปฏิเสธอย่างเด็ดขาดเสียจนเย็นชา อินซอบใช้ผ้าห่มพันตัวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้น
“นอนต่ออีกหน่อยก็ได้ครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะอาบน้ำแล้วกลับบ้าน”
ริมฝีปากของอีอูยอนที่ติดกระดุมอยู่บิดเบี้ยวอยู่ครู่หนึ่ง
“ซ่อนกระปุกน้ำผึ้ง[2]ไว้ที่บ้านเหรอครับ”
“กระปุกน้ำผึ้งเหรอครับ ผมไม่มีของแบบนั้นหรอกครับ อ๋อ แต่ในเซตของขวัญที่ได้มาจากบริษัทคราวโน้นมีน้ำผึ้งอยู่นะครับ ถ้าคุณต้องการ ผมจะเอามาให้ครับ”
พออีอูยอนไม่ตอบอะไร และเอาแต่มองเขานิ่งๆ อินซอบก็ค่อยๆ สังเกตอีกฝ่ายก่อนจะพูดต่อ
“…หากไม่ใช่ ก็บอกสิ่งที่ต้องการมาได้เลยครับ ผมจะซื้อให้เป็นของขวัญขึ้นบ้านใหม่”
“ขึ้นบ้านใหม่เหรอครับ”
อินซอบทำพลาด ด้วยนิสัยของอีอูยอนแล้ว อีกฝ่ายไม่มีทางบอกว่าย้ายบ้าน และเชิญคนมาที่บ้านแน่นอน
“งะ งั้นผมจะให้เป็นของขวัญแสดงความยินดีที่ย้ายบ้านครับ”
“จะแสดงความยินดีให้เหรอครับ”
“ก็ต้องแสดงความยินดีให้อยู่แล้วสิครับ นี่เป็นเรื่องที่ดีนะ”
อีกแล้ว
อีอูยอนมองตนนิ่งๆ โดยไม่พูดอะไร อินซอบเหงื่อแตก เพราะคิดว่าตนเผลอทำเรื่องที่เสียมารยาทอย่างมากไปหรือเปล่า อาจจะมีธรรมเนียมการย้ายบ้านของคนเกาหลีที่เขาไม่รู้ก็ได้
“ผมจะรับในตอนที่ตัดสินใจได้อย่างแน่นอนแล้วว่ามันเป็นเรื่องที่ดีครับ”
แม้จะไม่เข้าใจคำพูดของอีกฝ่าย แต่อินซอบก็พยักหน้าเงียบๆ
อีอูยอนติดกระดุมแขนเสื้ออีกข้างด้วยสีหน้าเรียบเฉย และเอ่ยคำพูดที่คาดไม่ถึงอย่างกะทันหัน
“รู้หรือเปล่าครับว่าสุดสัปดาห์มีพิธีมอบรางวัล”
“คุณจะไม่เข้าร่วมไม่ใช่เหรอครับ”
อินซอบขยับตัวมาอยู่ในท่านั่งและเอ่ยถาม
หลังจากเหตุการณ์นั้น ตารางงานทุกอย่างก็ถูกยกเลิก แม้จะบอกว่าอีกฝ่ายเริ่มก่อนอย่างไร แต่การที่อีอูยอนใช้ความรุนแรงก็เป็นความจริง ดังนั้นการแสดงท่าทีว่ากำลังควบคุมความประพฤติของตัวเองให้เห็นย่อมดีกว่า
“มีกรณีที่คนที่ได้รางวัลใหญ่ไม่เข้าร่วมงานด้วยเหรอครับ”
“…”
แม้จะไม่ใช่คำพูดที่ผิด แต่เขาก็ไม่สามารถพูดแบบนั้นได้ อินซอบพึมพำด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“คุณอาจจะได้ยินคำพูดที่ไม่ดี…”
อีอูยอนกำลังสวมเสื้อคลุมตัวนอก เขาชะงักและหันกลับมามองอินซอบ
คนส่วนมากเป็นห่วงอีอูยอนเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น โดยเฉพาะกรรมการผู้จัดการคิมที่เป็นห่วงจนถึงขั้นนอนไม่หลับ แต่หากมองดูแต่ละคนอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว กลับไม่ค่อยมีใครเป็นห่วงว่าอีอูยอนจะได้รับบาดแผลทางจิตใจหรือเปล่า
“ถึงบริษัทจะขอความร่วมมืออย่างมากที่สุดจากพวกนักข่าว แต่ก็ไม่ใช่ว่านักข่าวทุกคนจะเป็นมิตรนี่ครับ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผมก็จะลองพยายามดูครับ เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องใส่ใจมากนักหรอก”
อีอูยอนคิดว่าอารมณ์จะดีขึ้น ถ้าได้พาอินซอบกลับมาที่บ้าน และมีอะไรด้วย แต่ผลลัพธ์ศูนย์เปล่า ความรู้สึกไม่มั่นคงที่ดันขึ้นมาอย่างแออัดยัดเยียดพันกันยุ่งเหยิงกับความต้องการ และถาโถมใส่เขา
สุดท้ายเซ็กซ์เมื่อวานก็รุนแรงกว่าปกติ แม้จะรู้ว่าห้ามทำแบบนั้น แต่ก็ไม่สามารถควบคุมความต้องการที่รุนแรงได้ มันเป็นเซ็กซ์ที่ไม่มีทั้งคำพูดที่อ่อนโยน ทั้งการจูบปาก และดูเหมือนสัตว์ แม้จะถูกทำอย่างนั้น แต่อินซอบก็ยังปฏิบัติกับเขาเหมือนคนปกติ
“…”
พอสบตากัน อินซอบก็ส่งยิ้มจางๆ มาให้
อีอูยอนค่อยๆ หายใจ ความโกรธกับความต้องการทางเพศที่กดไว้พันกันยุ่งเหยิง เขารู้สึกปวดท้องน้อย เพราะแก่นกายที่ตื่นตัวไปแล้วครึ่งหนึ่ง
“วันที่มีพิธีมอบรางวัล เสร็จงานแล้วอย่าไปที่อื่นนะครับ”
อีอูยอนหันกายไปทางตรงข้ามและพูดต่อด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“เพราะผมมีเรื่องจะพูด”
“เรื่องอะไรเหรอครับ”
อินซอบถามซ้ำอย่างระมัดระวัง ถ้ามีเรื่องจะพูด ก็สามารถพูดตอนนี้ได้ แต่การที่อีกฝ่ายผัดออกไปวันนั้น ทำให้รู้สึกถึงลางไม่ดี
“เรื่องสำคัญครับ”
“…”
ลางไม่ดีนั้นรุนแรงขึ้นอีกหนึ่งระดับ
แม้จะเห็นว่าหน้าของอินซอบซีดเผือด แต่อีอูยอนก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ และพูดต่อ
“วันนี้ผมจะขับรถของกรรมการผู้จัดการไปนะครับ”
“เข้าใจแล้วครับ ผมจะนั่งรถเมล์กลับบ้านครับ”
อินซอบรีบเงยหน้าและเอ่ยตอบ
“ขับรถผมไปเถอะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะใช้โอกาสนี้รู้สายรถเมล์ที่จะไปบ้านผมไว้…”
“ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องแบบนั้นไว้หรอกครับ”
อีอูยอนเอ่ยตัดบทอินซอบ พอได้ยินคำพูดที่เหมือนจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องมาที่นี่อีกแล้ว อินซอบก็รู้สึกใจเสีย
“คนที่ยังเดินดีๆ ไม่ได้จะขึ้นรถเมล์อะไรกันล่ะครับ”
ความใส่ใจที่อ่อนโยนกลับมาอีกครั้ง อินซอบรู้สึกเหมือนเดินเข้าๆ ออกๆ ระหว่างอ่างน้ำร้อนและอ่างน้ำเย็น
การกระทำของอีอูยอนอ่อนโยน ทว่าคำพูดและสายตากลับยังคงเย็นชา
อินซอบเอ่ยขอบคุณเสียงเบา และอีอูยอนก็เปิดลิ้นชักที่ใส่กุญแจรถยนต์เอาไว้
“ผมจะเอามาคืนทันทีครับ”
“ไว้ค่อยให้ก็ได้ ไม่ต้องกังวลนะครับ”
“ไม่ครับ ผมจะเอาไปจอดไว้ที่ที่จอดรถพรุ่งนี้เช้าครับ กลับกันคุณต่างหากครับที่ไม่ต้องกังวล”
อินซอบโบกมือปฏิเสธ ไม่ว่าอย่างไรที่จอดรถของอพาร์ทเมนต์ที่ตนอาศัยอยู่ก็คับแคบ และไม่ปลอดภัยที่จะจอดรถดีๆ ทิ้งไว้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้รับการสอนมาจากพ่อว่า ‘ถ้ายืมของของคนอื่นมา ก็ให้รีบนำไปคืนให้เร็วที่สุด’
“โอเคครับ เพราะผมเองก็อยากได้ของของผมเร็วที่สุดเหมือนกัน”
สายตาของอีอูยอนจับจ้องไปที่แก้มของอินซอบอย่างช้าๆ และสายตาที่สัมผัสได้ถึงความโลภจากที่ไหนสักที่ก็ค่อยๆ เลื่อนลงมาด้านล่าง อินซอบก้มหน้า แม้จะเอาผ้าห่มพันตัวเอาไว้ แต่กลับรู้สึกเหมือนเปลือยเปล่า อินซอบหน้าร้อน และนึกว่าผู้ชายที่แต่งตัวเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดเท้าตอนนี้ต้องการตนด้วยวิธีแบบไหนเมื่อวานนี้ ภายในท้องของเขาสั่นสะเทือน และช่องทางรักก็เจ็บแปลบ เขารู้สึกราวกับว่าแก่นกายของอีอูยอนยังคงอยู่ในตัว อินซอบพูดออกมาตามที่นึกออกเพื่อซ่อนความกระอักกระอ่วนของตน
“งะ งั้นผมขอรถที่เก่าและถูกที่สุดครับ รถที่ต่อให้เกิดอุบัติเหตุคุณก็ไม่สน…ไม่ต้องกังวลนะครับ มันจะไม่เกิดอุบัติเหตุอยู่แล้ว เพราะผมจะขับดีๆ”
อีอูยอนวางกุญแจรถเบนซ์ที่กำลังหยิบขึ้นมาลง และหยิบอันที่อยู่ข้างๆ กันขึ้นมาแทน
“อะ นี่ครับ”
อินซอบรับกุญแจที่อีอูยอนโยนมาด้วยมือข้างเดียวอย่างไม่ทันได้คาดคิด
“ผมไม่ชอบให้มีรอบบนของของผมนะครับ”
“…”
“เพราะฉะนั้นช่วยเอากลับมาจอดอย่างไม่มีรอยขีดข่วนด้วยนะครับ”
แล้วอีอูยอนก็ออกจากห้องไปแบบนั้น
***
“…”
ตอนที่ได้รับกุญแจรถ อินซอบก็คิดว่าคงไม่หรอกมั้ง แต่วินาทีที่เห็นไฟของแลมโบกินีสีเงินกะพริบทันทีที่กดกุญแจรถยนต์ในตอนที่ลงมาถึงที่จอดรถชั้นใต้ดิน เขาก็แน่ใจ
จงใจแกล้งกันสินะ
รถคันนี้เป็นรถที่แพงที่สุดในบรรดารถที่อีอูยอนมี
อินซอบกอดกระถางต้นไม้และเดินไปที่ด้านหน้าของรถยนต์ ใจจริงเขาอยากจะทิ้งรถไว้ แต่ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะทำแบบนั้น
อินซอบวางกระถางต้นไม้ลงอย่างดีบนพื้นฝั่งที่นั่งข้างคนขับก่อนจะขึ้นรถ เขานึกถึงคำพูดของอีอูยอนที่สั่งให้เอากลับมาคืนอย่างไร้รอยขีดข่วน และสำรวจไปทั่วที่นั่งของคนขับอย่างละเอียดก่อนที่จะสตาร์ทเครื่อง โครงสร้างฝั่งที่นั่งคนขับไม่ต่างอะไรมากกับเฟอร์รารี่ที่เขาเคยนั่งก่อนหน้านี้ ในวินาทีที่คาดเข็มขัดนิรภัยและสตาร์ทรถ เสียงเครื่องยนต์ที่ดังสนั่นก็ทำให้อินซอบสะดุ้งตกใจ
แม้อาจจะโดนหัวเราะเยาะว่าเชย แต่อินซอบไม่ชอบรถสปอร์ตเลยสักนิด เขากลัวเสียงเครื่องยนต์หนักๆ ที่ฟังดูเหมือนโมโหอย่างเป็นเอกลักษณ์ของรถประเภทนี้ และไม่สบายใจกับโครงสร้างของตัวรถที่ทำมาเหมือนจะแตะพื้นอย่างน่าหวาดเสียว นอกจากนั้นเขายังหนักใจกับเครื่องยนต์ที่เร่งความเร็วขึ้นทันทีที่เหยียบคันเร่งอีกด้วย นี่เป็นรถที่ไม่เหมาะกับเขาในหลายๆ ด้าน อินซอบขับรถยนต์ในฝันของผู้ชายหลายคนด้วยใบหน้าที่เศร้าที่สุดในโลก และค่อยๆ ขับออกไปจากที่จอดรถ
[1] คำพูดที่หากำไรไม่ได้ หมายถึง คำพูดที่พูดออกมาแล้วผลลัพธ์แย่มาก จนไม่พูดออกมาเลยจะดีกว่า
[2] กระปุกน้ำผึ้ง เป็นการเปรียบเทียบหมายถึงสิ่งดีๆ