อินซอบตอบคำถามที่ไม่คาดคิดของคิมคังอูไปทันทีว่า “ทั้งหมด”
ถ้าตอบว่าหน้าก็น่าจะเข้าใจได้
หัวหน้าชารินโซจูจนเต็มแก้วก่อนจะดื่มเข้าไป
ครั้งหนึ่งหัวหน้าทีมชาก็เคยถามคำถามคล้ายๆ กันนี้กับอีอูยอน เป็นวันหนึ่งที่เกิดอุบัติเหตุรถชนท้ายกันสามคันซ้อนข้างหน้า และต้องติดอยู่บนถนนตลอดหนึ่งชั่วโมง อีอูยอนทำหน้าคล้ายจะบอกว่าโชคร้ายจริงๆ อย่างพอเป็นพิธี และอ่านหนังสือตามลำพัง แล้วหัวหน้าทีมชาที่ขยับไปขยับมาด้วยความเบื่อหน่ายก็เอ่ยถาม
‘เหตุผลที่คบกับคุณอินซอบคืออะไรกันแน่’
อีอูยอนที่ได้รับคำถามนั้นเลิกคิ้วราวกับแปลกใจ
‘ไม่สิ หมายถึงชอบตรงไหนกันแน่น่ะ’
แม้จะรู้ความจริงว่านิสัยของอินซอบดีมาก แต่เขาก็คิดว่าอีอูยอนไม่ได้มีนิสัยที่จะชอบคนจากนิสัยใจคอของอีกฝ่าย
‘ก็ชอบเพราะสวยน่ะสิครับ’
คำตอบที่เรียบง่ายถูกส่งกลับมา หัวหน้าทีมชางงไปนิดหนึ่ง
‘บอกว่าชอบเพราะสวยเหรอ’
‘ครับ’
‘แล้วพวกผู้หญิงที่นายคบมาตลอดล่ะคืออะไร’
แม้อีอูยอนจะคบแต่นักแสดงมาตลอด แต่ก็สามารถอวดถึงใบหน้าที่เหมาะสมที่จะเป็นตัวแทนของความสวยได้ ถึงอินซอบจะมีหน้าตาน่ารัก แต่ถ้าเทียบกันที่รูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ตนไม่รู้สึกถึงความโดดเด่นเลย
‘ก็คุณอินซอบสวยที่สุดนี่ครับ’
‘ตาถั่วสินะ’
ความคิดที่ว่าพอเป็นแฟนกันแล้ว นายเองก็ไม่ต่างสินะ ทำให้หัวหน้าทีมชาพูดด้วยน้ำเสียงล้อเล่น
‘ไม่ได้ตาถั่วนะครับ เขาสวยที่สุดจริงๆ ตอนที่เห็นเขา คุณไม่คิดงั้นเหรอครับ’
อีอูยอนตอบเหมือนเป็นเรื่องปกติทั่วไป เขาไม่ได้แค่พูดไปอย่างนั้น ท่าทีของเขาดูเหมือนเขาจะเชื่ออย่างนั้นจริงๆ
‘ตรงไหนล่ะที่สวยขนาดนั้นน่ะ’
เขาถามออกไปด้วยคิดว่าจะลองฟังความเห็นของอีกฝ่ายดู
‘ตาครับ’
‘นั่นสินะ ตาของคุณอินซอบสดใสมากเลยนี่นา’
หัวหน้าทีมชายิ้ม และตอบรับการนำเสนอที่เหมือนคนโง่ของอีอูยอนไปตามสมควร แต่มันไม่จบแค่นั้น
‘ปากตอนยิ้มก็สวยครับ ถ้าเขายิ้มกว้างจะเห็นเขี้ยวข้างขวาด้วย สวยมากเลยล่ะครับ’
‘อ๋อ อย่างนั้นเหรอ’
เราเคยเห็นเขี้ยวข้างขวาไหมนะ หัวหน้าทีมชานึกถึงความทรงจำที่เลือนราง
‘เคยเห็นเด็กคนนั้นยิ้มตอนเขินหรือเปล่าครับ เขายิ้มโดยที่ไม่ยอมสบตา แล้วก็หลุบตามองต่ำด้วย’
“แฟนหน้าตาเป็นยังไงเหรอครับ ฮยองนิมไม่เคยเอารูปให้ผมดูเลยสักครั้ง”
อินซอบหลุบตามองต่ำและยิ้มโดยไม่พูดอะไร
อ๋อ ที่พูดตอนนั้นคือสีหน้าแบบนั้นเหรอ
หัวหน้าทีมชามองอินซอบพลางนึกถึงคำพูดที่อีอูยอนเคยพูด
“โอ๊ย ถ้าผมเห็นเขาจะสึกเหรอครับ ขอผมดูสักครั้งเถอะครับ”
“ไม่ได้”
อินซอบส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด
‘แล้วก็ตอนที่เด็กนั่นทำหน้าตาเด็ดขาดด้วยครับ เขาเม้มปากแน่น แต่ก็ดูไม่เด็ดขาดเลยสักนิด’
“แค่ครั้งเดียวน้า ไม่เชื่อใจผมเหรอครับ”
คิมคังอูจงใจแกล้งเกาะแกะอีกฝ่ายเล่น
“โทษทีนะ ฉันไม่ได้ทำแบบนั้นเพราะไม่เชื่อใจนายหรอกคังอู”
‘แล้วก็คิ้วที่เลิกขึ้นตอนรู้สึกผิดด้วยครับ ถ้าแหย่เล่นต่ออีกหน่อย เขาก็จะทำท่าเหมือนจะร้องไห้ นั่นมันสวยสุดๆ ไปเลยครับ แล้วก็’
อีอูยอนปิดหนังสือที่อ่านอยู่ก่อนจะพูดต่อ
‘ตอนที่เด็กคนนั้นพูด ทั้งเสียง ทั้งสีหน้า แล้วก็การกระทำ’
“ไม่ใช่แบบนั้นเลยนะ ขอโทษจริงๆ เอาไว้ฉันจะซื้อของอร่อยๆ ให้นะ”
แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ตัวเองลำบาก แต่อินซอบก็ยังสังเกตอารมณ์ของอีกฝ่ายก่อน
“จะซื้ออะไรให้เหรอครับ”
“ของที่นายอยากกินไง”
เขาพยักหน้าเบาๆ เห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่าย แม้แต่การกระทำเล็กๆ นั่นก็แสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยน
เหมือนตนจะรู้ถึงเหตุผลที่อีอูยอนบอกว่าอินซอบสวยมาประมาณหนึ่งแล้ว
มองดูอย่างตั้งใจเลยสินะ
ช่างเป็นความรู้สึกที่แปลก ดูเหมือนเขาจะเข้าใจแล้วว่าทำไมอีอูยอนผู้ที่เขาคิดว่าเป็นความอัปยศของโลกใบนี้ถึงได้ชอบอินซอบ
“ดีใจจังเลย!”
คิมคังอูตื่นเต้น และชูมือทั้งสองข้างขึ้นมา หัวหน้าทีมชาตีหลังคิมคังอูเบาๆ
“แล้วจะปล่อยพี่เขยเก่าที่มีเงินเยอะนั่นไว้ทำอะไรล่ะ ไปขอให้กรรมการผู้จัดการซื้อให้สิ”
“ก็กรรมการผู้จัดการยุ่งนี่ครับ”
“คุณอินซอบก็ยุ่งเหมือนกัน เพราะเขาน่าจะต้องกลับอเมริกาทันทีที่งานเสร็จ”
“…เหมือนว่าจะไปไม่ได้นะครับ”
“ทำไมล่ะ ต้องกลับไปสักสองสามวันก่อนปิดเทอมจะหมดสิ”
“ก็ตั้งใจไว้ว่าอย่างนั้นครับ แต่ตอนนี้ผมไม่มีพาสปอร์ตอยู่ในมือ”
“พาสปอร์ตมันทำไมเหรอ ทำหายหรือไง”
“ผมฝากไว้ที่คุณอีอูยอนเพราะเรื่องงานน่ะครับ แล้วเขาก็บอกว่ามันน่าจะปนอยู่กับของที่ย้ายบ้านในตอนที่ย้าย แล้วก็เหมือนว่าจะต้องใช้เวลาหาเล็กน้อย”
“…”
ทำไมถึงรู้สึกเหมือนพาสปอร์ตเล่มนั้นจะไม่ได้ออกมาจากบ้านหลังนั้นตลอดไปเลยนะ…
“ถ้ามีบัตรประชาชน การออกพาสปอร์ตเล่มใหม่ก็ไม่น่าจะยากนะ”
“…อันนั้นผมก็ให้เขาไปด้วยครับ”
ตนแน่ใจในเหตุผลที่อินซอบรับมือกับเรื่องต่างๆ ได้ยากแล้ว ตอนนี้เขาทำรถพัง และความสัมพันธ์ก็ไม่แนบแน่นเหมือนเดิม ดังนั้นจึงไม่สามารถขอร้องให้อีอูยอนช่วยหาพาสปอร์ตให้เป็นครั้งที่สองได้
“ฉันจะหาวิธีออกพาสปอร์ตใหม่ให้ก็แล้วกัน”
หัวหน้าทีมชาเดาได้ว่าเหตุผลที่อินซอบลังเลกับการไปเที่ยวอเมริกา ไม่ได้เป็นเพราะเรื่องพาสปอร์ตเพียงอย่างเดียว พอต้องมาจ่ายค่าซ่อมรถที่มีราคาแพงอย่างนั้นคืนแล้ว เขาจะต้องรู้สึกเสียดายแม้จะเป็นเพียงเศษเงินแค่ร้อยวอนอย่างแน่นอน
“แค่คำพูดผมก็รู้สึกขอบคุณแล้วครับ”
อินซอบเอ่ยขอบคุณหัวหน้าทีมชาอย่างสุภาพ ความมีมารยาทในการทักทายของอินซอบเป็นที่เลื่องลือในบริษัท แม้จะเจอกันหลายครั้งแล้วในวันนั้น แต่เขาก็มักจะก้มหัวทักทายอยู่เสมอ และไม่หวงคำพูดขอบคุณ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม รวมไปถึงไม่แก้ตัว และเอ่ยขอโทษในความผิดของตนเองทันทีด้วย แม้จะเป็นมารยาทพื้นฐาน แต่คนที่รักษามาตรฐานนั้นได้อย่างดีอยู่เสมอกลับมีน้อย
“ผมต้องขอโทษและก็ต้องขอบคุณหัวหน้าทีมนะครับ ที่ผมเอาแต่รับความช่วยเหลืออย่างเดียวทุกครั้ง และไม่สามารถทำอะไรให้ได้เลย”
“ไม่สามารถทำอะไรให้ได้เลยอะไรล่ะ ตอนนี้ก็ทำงานแทนฉันอยู่นี่”
“ไม่ใช่ครับ นั่นเป็นงานที่ผมทำเพราะชอบต่างหาก”
อินซอบโบกมือปฏิเสธ
“มีข่าวลือที่ว่าฮยองนิมเป็นประธานแฟนคลับของคุณนักแสดงด้วย จริงหรือเปล่าครับ”
คิมคังอูเอ่ยแทรกทันที
“ไม่ได้เป็นประธานแฟนคลับหรอก”
“ไม่ได้เป็นประธาน?”
“…ก็แค่สมัครเข้าไปเฉยๆ น่ะ”
อินซอบลูบกระป๋องเบียร์ก่อนจะตอบเสียงค่อย
“โอ้ เพราะแบบนั้นคุณนักแสดงก็เลยดีกับฮยองนิมเหรอครับ งั้นผมสมัครเป็นแฟนคลับบ้างได้ไหมนะ”
“นี่ อย่าทำเชียวนะ อีอูยอนเกลียดแฟนคลับผู้ชาย”
หัวหน้าทีมชาชักสีหน้า
“แล้วฮยองนิมล่ะครับ”
“อินซอบเป็นข้อยกเว้น”
หัวหน้าทีมชาตอบกลับราวกับจะถามว่าถามเรื่องที่เห็นได้ชัดอยู่แล้วทำไม
“ทำไมล่ะครับ”
คิมคังอูทำตาโต หัวหน้าทีมชาที่กำลังเอาไก่ใส่ปากค้างไปทันที
“เอ่อ เรื่องนั้น…”
อินซอบที่ทำตัวไม่ถูกเริ่มพูดอย่างติดขัด
“ก็เป็นแบบนั้นเพราะเรื่องนั้นไง เรื่องสตอล์กเกอร์ มีเรื่องสตอล์กเกอร์อยู่น่ะ”
หัวหน้าทีมชาเหงื่อแตก และพูดงึมงำต่อ
“อีอูยอนมีสตอล์กเกอร์อยู่หนึ่งคน แล้วก็เป็นคนที่เพี้ยนสุดๆ ไปเลย คุณอินซอบบาดเจ็บเพราะเด็กนั่นน่ะ อีอูยอนก็คงจะคิดว่าเป็นหนี้ อืม เป็นแบบนั้นแหละ”
“มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอครับ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่ผมไปเข้ากรมใช่ไหมครับ”
“ก็ราวๆ ช่วงนั้นแหละ ฮ่าๆ ใช่ เรื่องนั้นผ่านไปนานขนาดนั้นแล้วเนอะ”
หัวหน้าทีมชาพยายามดื่มเหล้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และชำเลืองมองอินซอบ อินซอบที่ครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ถอนหายใจยาวก่อนจะพึมพำ
“ผมหวังว่าเขาจะไม่ติดแบบนั้นนะครับ”
อินซอบไม่รู้ว่าตอนนั้นอีอูยอนกรีดข้อมือของตัวเองที่โรงพยาบาล และบอกว่าให้เอาเลือดของตนไปอย่างเสียสติ เขานึกถึงคำพูดของกรรมการผู้จัดการคิมที่โดนผีอำได้อย่างแม่นยำในวันที่ฉากนั้นโผล่ออกมาในฝัน
…ห้ามพูดอย่างเด็ดขาด
หัวหน้าทีมชาตัดสินใจอย่างแน่วแน่พลางกลืนโซจูลงไป
คิมคังอูก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น และเริ่มพูดพล่ามโดยไม่สงสัยอะไรเลยสักนิด หัวหน้าทีมชาโล่งใจ และตอบรับคำพูดไร้สาระของคิมคังอูอย่างพอเป็นพิธี
พอคนดื่มจัดทั้งสองคนผลัดกันรินเหล้าในกันและดื่ม ขวดเหล้าก็รั่วทันที
“อา ผมอยากจะดื่มเพิ่มอีกสักขวด ให้ผมออกไปซื้อไหมครับ”
คิมคังอูลุกขึ้นมาในสภาพตาปรือ หัวหน้าทีมชาใส่เสื้อ และกดไหล่ของคิมคังอูให้นั่งลงไปตามเดิม
“อยู่เฉยๆ เถอะ คุณอินซอบให้ซื้อยาแก้แฮงค์มาให้ไหม”
อินซอบที่จิบเบียร์ไปแค่กระป๋องเดียวพยักหน้าน้อยๆ หัวหน้าทีมชาถือกระเป๋าสตางค์ออกไปหลังจากบอกให้คนทั้งคู่สนุกกันอย่างพอดี
“ฮยองนิมคออ่อนจริงๆ ด้วยนะครับ”
“อือ ดื่มไม่ค่อยเก่งน่ะ”
“แต่คุณนักแสดงดื่มเก่งมากเลยนะ เขาไม่เคยเมาเลยใช่ไหมครับ”
“ไม่นะ บางครั้งเขาก็เมา บางครั้งจริงๆ น่ะ”
อินซอบนึกถึงอีอูยอนที่เมาเหล้า และมาที่บ้านของตนเมื่อไม่นานมานี้ แม้จะเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน แต่เขากลับรู้สึกว่าห่างไกลราวกับเป็นความทรงจำในอดีต
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ
อินซอบดื่มเบียร์ที่อุ่นนิดๆ ไปอึกหนึ่งด้วยหัวใจที่ร้องไห้
“ว่าแต่เขาจะแต่งงานเมื่อไรเหรอครับ”
อินซอบเลิกคิ้วราวกับจะถามว่าหมายถึงอะไร
“คุณนักแสดงกับคุณแชยอนซอน่ะครับ”
อินซอบไอโขลกๆ เพราะสำลักเบียร์ที่กลืนลงคอไป
“มะ หมายความว่าอะไร”
“เขาลือกันทั่วเลยครับ ถ้าค้นหาคำว่าอีอูยอนในอินเทอร์เน็ตช่วงนี้ คำว่าแชยอนซอ แต่งงาน ก็จะโผล่ขึ้นมาเป็นคำที่เกี่ยวข้องน่ะครับ แล้วตอนที่ไปสถานีโทรทัศน์คราวก่อน พี่สาวที่แต่งหน้าให้ก็ถามด้วยครับ ว่ายังเลือกวันไม่ได้เหรอ อีกอย่างก็มีข่าวลือว่าทั้งสองคนซื้อเรือนหอแล้วด้วยนะครับ”
อินซอบหัวเราะเจื่อนๆ ก่อนจะเช็ดเบียร์ที่เปื้อนปาก พอได้ยินเรื่องแบบนั้นในช่วงที่คิดว่าทำไมอีอูยอนถึงซื้อบ้านใหม่ เขาก็ควบคุมสีหน้าได้ไม่ดีนัก
…พอมาคิดๆ ดูแล้วการที่อีกฝ่ายบอกว่าขอคิดดูก่อนถึงจะรู้ว่าควรจะรับ หรือไม่รับการแสดงความยินดีในตอนที่เขาพูดว่ายินดีด้วยกับการย้ายบ้านก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
“ฮยองนิมคงจะได้รับเชิญให้ไปงานแต่งแน่เลยครับ เพราะสนิทกัน พวกดาราน่าจะมากันเยอะแน่เลย ใช่ไหมครับ”
“ถ้าแต่งจริงก็คงจะมาเยอะแหละ”
เนื่องจากไม่รู้ว่าจะต้องมีปฏิกิริยาแบบไหน อินซอบจึงเอาแต่ลูบกระป๋องเบียร์ไปเรื่อย
“พี่เขยก็คงจะไม่เชิญผมหรอกใช่ไหมครับ”
“ฉะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
อินซอบรีบหลุบตามองด้านล่าง แม้จะคิดว่าห้ามแสดงท่าทีออกไป แต่พอเรื่องแบบนี้หลุดออกมาจริงๆ เขากลับรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจ เขารู้สึกเหมือนกลืนหินก้อนใหญ่ที่ไม่ยอมย่อยลงไป
“ผมเองก็อยากสนิทกับคุณนักแสดงแล้วได้รับเชิญไปงานแต่งบ้างจัง”
“…บางทีฉันอาจจะไม่ได้รับเชิญก็ได้”
หากอีอูยอนแต่งงานกับคนอื่น เขาคงไม่ได้ถูกเชิญแน่ๆ
“โอ๊ย ไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอกครับ”
คิมคังอูยิ้มอย่างสดใสก่อนจะพลิกไก่ อินซอบดื่มเบียร์ที่เหลืออยู่อึกๆ มันไหลลงไปตามลำคอ และฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ก็กระจายไปทั่ว เขาวางกระป๋องเปล่าลงบนโต๊ะอย่างสวยงามก่อนจะลุกขึ้น
“ฉันไปห้องน้ำหน่อยนะ”
“ด้านนั้นเลยครับ”
คิมคังอูบอกทางไปห้องน้ำได้อย่างเป็นธรรมชาติราวกับเป็นบ้านของตัวเอง และหัวหน้าทีมชาก็กลับมาในระหว่างที่อินซอบลุกไปจากที่
“คุณอินซอบล่ะ”
“ห้องน้ำครับ ว้าว เบียร์ วันนี้ผมนอนค้างที่นี่ได้ไหมครับ”
“ไม่ได้ พี่สาวนายจะไม่ถามเหรอว่านายนอนที่ไหน”
“บอกไปตรงๆ ก็ได้นี่ครับ”
หัวหน้าทีมช้านั่งลง เขาเปิดกระป๋องเบียร์พร้อมกับทำสีหน้าชิงชัง
“ขอโทษนะ แต่ฉันกลัวพี่สาวนายมาก ไม่เอาหรอก”
“แหะๆ ผมก็กลัวพี่สาวมากเหมือนกันครับ เปิดทีวีได้ไหมครับ”
“เปิดไปแล้วจะมาถามอะไรล่ะ”
คิมคังอูที่ดูโทรทัศน์อยู่สักพักพึมพำเหมือนพูดคนเดียว
“ทำไมถึงยังไม่มาอีกนะ”
“ใคร”
“ก็ฮยองนิมน่ะสิครับ เหมือนจะไปนานแล้วนะ”
หัวหน้าทีมชายกกระป๋องเบียร์ที่อินซอบดื่มขึ้นมาดู จากนั้นก็รีบลุกและวิ่งไปที่ห้องน้ำ
“คุณอินซอบ อยู่ข้างในหรือเปล่า”
ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
“คุณอินซอบ ฉันเข้าไปได้ไหม”
คราวนี้พอไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมา หัวหน้าทีมชาก็เปิดประตูและเข้าไปข้างใน อินซอบคู้ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำและหลับอยู่อย่างที่คิด
“นึกอยู่แล้วเชียวว่าจะต้องเป็นแบบนี้ คังอูเอ้ย!”
เขารู้นิสัยของอินซอบที่จะหลับเวลาเมา
“มีอะไรครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ”
คิมคังอูเข้ามาในห้องน้ำ
“ไปปูผ้าห่มไว้ที่ห้องเล็กหน่อย เพราะฉันจะต้องเอาเด็กนี่ไปนอน”
“ครับ เข้าใจแล้วครับ”
คิมคังอูรีบวิ่งหายไปปูผ้าห่ม หัวหน้าทีมชาถอนหายใจพลางก้มมองอินซอบ