บทที่ 218 แล้วอย่างไร ข้าแค่อยากจะตีเจ้าไม่ได้หรือ?
เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิด…ทั้งหมด!
บิดาของหยวนอีทุกข์ใจย่างยิ่ง!
บรรพจารย์เข้าใจผิดทั้งหมด!
“บรรพจารย์ ข้าไม่ได้จะบอกว่าหยวนอีไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของข้า! ข้าแค่จะบอกว่าคนผู้นี้อาจไม่ใช่หยวนอี!”
เขาร้องไห้พลางตะโกนเสียงดัง
“หือ?”
หลังจากได้ยินคำกล่าวจากบิดาของหยวนอี บรรพจารย์ก็หยุดมือลง
“หยวนอีจะไม่ใช่ธิดาของข้าได้อย่างไร! สายเลือดตระกูลหยวนมิอาจปลอมแปลงได้! บรรพจารย์อย่าได้ลืมตอนหยวนอีทดสอบคุณสมบัติ ขีดจำกัดสายเลือดของนางตรวจสอบออกมาแล้วอยู่ในระดับเจ็ด ยามนั้นสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนในตระกูลหยวนของพวกเราปานใด!”
บิดาของหยวนอีร้องไห้อย่างเจ็บปวด
แม้แต่เรื่องสำคัญอย่างขีดจำกัดสายเลือดระดับเจ็ด…บรรพจารย์ก็ลืมไปแล้วหรือ?
สมาชิกของตระกูลหยวนมีสายเลือดของจักรพรรดิไหลเวียนอยู่ในร่างกายของพวกเขา แต่น่าเสียดายเมื่อเวลาผ่านไป สายเลือดของจักรพรรดิในร่างกายของพวกเขาก็เจือจางไม่บริสุทธิ์ดั้งเดิม
พวกเขาแบ่งระดับตามความบริสุทธิ์ของสายเลือด จากระดับหนึ่งไปจนถึงระดับเก้า สายเลือดระดับหนึ่งจะเป็นสายเลือดที่เจือจางมากที่สุด ส่วนสายเลือดระดับเก้าเป็นระดับบริสุทธิ์มากที่สุด
สายเลือดระดับเจ็ดเช่นนี้ไม่ได้ปรากฏขึ้นมากี่ปีแล้วก็ไม่รู้!
ในเวลานั้นหยวนอีตรวจพบสายเลือดระดับเจ็ด ทำให้เกิดความตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างยิ่ง สายเลือดระดับเจ็ดของหยวนอีอาจเรียกได้ว่า เป็นสายเลือดระดับสูงที่สุดในตระกูลหยวนของพวกเขา
ใบหน้าของบรรพจารย์ขึ้นสีเล็กน้อย นี่…ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจผิดไปจริง ๆ!
หลังจากบิดาของหยวนอีกล่าวเช่นนี้ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าหยวนอีเป็นธิดาของตระกูลหยวนอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะสายเลือดระดับเจ็ดไม่อาจปลอมแปลงได้
ทว่าหยวนอีกลับหัวเราะพลางร้องไห้ออกมา ที่แท้นางก็เป็นลูกสาวแท้ ๆ บิดาเพียงแค่สงสัยว่ามีใครบางคนแอบอ้างเป็นนางเท่านั้น
“เจ้าเด็กเลอะเทอะคนนี้ เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้ความจริงอย่างนั้นหรือ? ยังมาว่าข้าเข้าใจผิดอีก! ข้าจะไปเข้าใจผิดอะไร? ข้าก็แค่อยากหาเรื่องทุบตีเจ้าไม่รู้หรือไร?”
บรรพจารย์ไม่ยอมรับ ขณะบอกกับบิดาของหยวนอีก็ลงมือทุบตีอย่างดุร้ายอีกครั้ง บิดาของหยวนอีที่ถูกทุบตีอ้าปากกรีดร้องอย่างน่าสมเพช!
คนผู้นี้อายุตั้งเท่าไรกันแล้ว เหตุใดยังเป็นคนไม่ยอมรับความผิดเช่นนี้อีก!
“อ๊า?”
ในใจบิดาของหยวนอีรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าบรรพจารย์เข้าใจผิด ยังไม่ยอมรับอีก!
ซ้ำยังตั้งใจเอาจะชนะเขาด้วย!
เหตุใดเขาจึงเป็นคนป่าเถื่อนเช่นนี้!
ไม่ว่าอย่างไร บรรพจารย์ก็อาวุโสกว่าเขามากนัก ดังนั้นเขาจึงได้แต่ยอมทนอยู่อย่างเงียบ ๆ ไม่กล้าคิดโต้ตอบกลับ
ครั้งนี้บรรพจารย์ใช้เวลาไม่นานก็หยุดตีเขา น่าจะเป็นเพราะรู้สึกประหม่า ผนวกกับรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิด
บิดาของหยวนอีไม่กล้ากล่าวออกไป แต่เขาจ้องเขม็งไปที่หยวนอี
“บอกมา เจ้าคือหยวนอีหรือผู้ใดกันแน่!?”
เขาถามเสียงดัง
“ท่านพ่อ ข้าชื่อหยวนอี สายเลือดของพวกเราเกี่ยวพันกัน ท่านทดสอบสายเลือดของข้าดูก็รู้แล้ว”
หยวนอีกล่าว
“จริงด้วย!”
จากนั้นบิดาของหยวนอีก็ใช้ประสาทสัมผัสญาณอันทรงพลัง ตรวจพลังสายเลือดบริสุทธิ์ของตระกูลหยวนบนร่างของหยวนอี
นี่เป็นหยวนอีอย่างไม่ต้องสงสัย หาใช่ผู้อื่นปลอมแปลงมาแต่อย่างใด
ความรู้สึกในใจของเขาพลันจืดชืด หากเป็นตัวปลอม อย่างน้อยการถูกทุบตีของเขาก็ไม่เสียเปล่า!
ต้องมาทนทุกข์เช่นนี้ ช่างเปล่าประโยชน์ยิ่งนัก…
“บรรพจารย์ ข้าไม่ได้ต้องอาคมวิชาลวงตา คำพูดที่ข้าได้กล่าวไปเมื่อครู่นั้นล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น!”
หยวนอีกล่าวกับบรรพจารย์
ไม่ได้ต้องอาคมลวงตา?
แล้วเหตุใดยังกล่าวเช่นนั้น!?
บรรพจารย์แสดงสีหน้าแปลกประหลาด ไม่ใช่ว่าเขาปัดเป่าอาคมลวงตาให้หยวนอีไปแล้วหรอกหรือ?
วิชาลวงตาทรงพลังยิ่งนัก!
ผู้ใดเป็นคนทำ?
เขายังไม่เชื่อคำพูดหยวนอีกล่าวในตอนนี้
“ข้าไม่เชื่อว่าจะคลายมันไม่ได้!”
เขาออกฝ่ามืออีกครั้ง ผนวกลมปราณในมือทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว ใช้วิชาโบราณฟาดลงไปบนร่างของหยวนอี!
“บรรพจารย์ ข้าไม่ได้ต้องอาคมลวงตาจริง ๆ นะเจ้าคะ!”
หยวนอีไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“ช่างเป็นวิชาลวงตาร้ายกาจจริง ๆ!”
สีหน้าของบรรพจารย์เปลี่ยนไปอย่างมาก ครานี้เป็นปัญหาร้ายแรงแล้ว เขาลงมือถึงสองครั้งแต่กลับยังทำอะไรหยวนอีที่ตกอยู่ในวิชาลวงตาไม่ได้!
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ในเวลานี้เอง ประกายแสงระยิบระยับสีฟ้าพลันพุ่งออกมาจากร่างของหยวนอี
ทันใดนั้นก็ถูกความเย็นยะเยือกโจมตีฉับพลัน ราวกับฤดูเหมันต์ในเดือนสิบสองมิปาน มันหนาวเย็นยะเยือกไปจนถึงกระดูก!
เสียงดังเพล้งคล้ายกับเสียงแตกร้าวดังมาจากด้านข้างของหยวนอี นางใช้พลังน้ำแข็งภายในร่าง ทลายพลังของบิดาของนาง
ถึงแม้จะอายุน้อย แต่ขอบเขตกับความแข็งแกร่งของนางหาได้ต่ำไม่ นางคือผู้ฝึกตนขอบเขตราชันผู้เกริกไกรผู้หนึ่ง ถึงแม้บิดาของนางจะแข็งแกร่งกว่านาง แต่ทว่าความแข็งแกร่งนั้นมีจำกัด
จากนั้นนางก็ชักนำสายเลือดบริสุทธิ์ระดับเจ็ดออกมา!
ในวัยเยาวน์นางมีโอกาสพบปะกับเหล่ายอดฝีมือมากประสบการณ์!
หากไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ นางคงไม่กลายเป็นกำลังหลัก และเป็นผู้นำในการไล่ล่าดาบมารอมตะ
พลังน้ำแข็งในร่างกายของนางมาจากชาเย็นของท่านเซียน พลังน้ำแข็งนี้ทรงพลังยิ่ง ขอเพียงมีพลังน้ำแข็งนี้ นางไม่เพียงแต่ทลายวงล้อมของบิดาได้แต่ยังสามารถต่อสู้กับบิดาของนางได้อย่างสมบูรณ์ !
พูดไปก็แล้ว นางคิดว่าไม่มีทางทำให้บิดากับบรรพจารย์เชื่อนางเพียงแค่คำพูดอย่างเดียว
นางจึงตัดสินใจใช้ความแข็งแกร่งเป็นหลักฐานพิสูจน์ตนเอง ทำให้ให้บิดากับบรรพจารย์เชื่อนางเอง
“หือ?”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
สีหน้าของบรรพจารย์กับบิดาของหยวนอีเปลี่ยนไปอย่างมาก เพราะพลังของหยวนอีที่ปะทุออกมานั้นไม่ใช่พลังที่พวกเขาคุ้นเคย!
พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูคู่อริอย่างนั้นหรือ หยวนอีถูกผู้อื่นควบคุมใช่หรือไม่?
พลังน้ำแข็งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว มันน่าพรั่นพรึงเกินไป กระทั่งพวกเขาก็ยังมิอาจทนความเย็นยะเยือกเช่นนี้ได้ และร่างกายของพวกเขาก็สั่นสะท้านจากความหนาวเย็น
หยวนอีแย้มยิ้ม นางรู้ว่าบิดาและบรรพจารย์กำลังกังวลเรื่องอะไร
“ท่านพ่อ ท่านบรรพจารย์ ข้ารู้ว่าคำพูดของข้าก่อนหน้านี้ไม่น่าเชื่อถือแม้แต่น้อย อืม ไม่น่าเชื่อเลยสักนิดเดียว และเรื่องนี้ก็ยากจะทำให้ผู้คนเชื่อข้าได้!”
หยวนอีเอ่ยคำ “กล่าวตามตรง หากสิ่งเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นกับข้า ข้าเองก็คงไม่เชื่อเช่นกัน ทั้งหมดนี้ช่างเหลือเชื่อนักราวกับฝันไป!”
นางยังกล่าวต่อไป “แต่ถึงอย่างไรเรื่องทั้งหมดก็เป็นเรื่องจริง ล้วนเกิดขึ้นกับข้าทั้งสิ้น!”
จากนั้นหญิงสาวก็หยิบกระบี่หยกขนาดเล็กที่ห้อยคอออกมา
นี่เป็นจี้กระบี่หยก มีขนาดไม่ใหญ่ทว่ากลับประณีตเป็นอย่างยิ่ง ซ้ำยังถูกแกะสลักออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ดูงดงามละเอียดละออเหลือแสน!
ชิ้ง!
หลังจากบิดาของหยวนอีกับบรรพจารย์เห็นจี้กระบี่หยกแล้ว พวกเขาต่างพากันอ้าปากค้าง ใบหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยความตกตะลึง!
พลังอันน่าสะพรึงกลัวแฝงอยู่ในกระบี่หยกนั้นกว้างใหญ่ไพศาลอย่างมิอาจจินตนาการได้!
พวกเขารู้สึกว่า เพียงตวัดกระบี่หยกเบา ๆ ก็สามารถตัดฟ้าทลายดินออกเป็นสองส่วนได้!
นอกจากนี้ พวกเขายังสัมผัสได้ถึงเจตจำนงแห่งกระบี่ขั้นสูง ไร้ขอบเขตและกฎแห่งวิถีกระบี่จากกระบี่หยกอีกด้วย!
เจตจำนงแห่งกระบี่ และ กฎแห่งวิถีกระบี่คือสิ่งใดกัน?
สิ่งเหล่านี้ย่อมสูงส่งเกินกว่าจะพรรณาได้!
วิถีแห่งกระบี่ที่พวกเขาฝึกฝนมา ภายใต้เจตจำนงแห่งกระบี่และกฎแห่งวิถีกระบี่ ช่างเล็กน้อยดุจธุลีไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงแต่อย่างใด!
เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่เชื่อ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันเกินกว่าที่พวกเขาจะคาดถึงได้!
จำต้องรู้ว่า วิชากระบี่ที่พวกเขาฝึกฝนหาใช่วิชากระบี่สามัญ แต่เป็นวิชากระบี่ที่บรรพบุรุษมหาจักรพรรดิของพวกเขาเป็นผู้รังสรรค์ขึ้นมาเอง!
ทว่าวิชากระบี่มหาจักรพรรดิเช่นนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าจี้กระบี่หยกกลับไร้ค่า และเทียบไม่ได้แม้แต่ฝุ่นธุลี!
พวกเขา…จะเชื่อได้อย่างไร!?
นี่… ต้องเป็นตัวตนเช่นใดกันหนอ ถึงสามารถแกะสลักกระบี่หยกเช่นนี้ออกมาได้!?
พวกเขารู้สึกตื่นตระหนกสุดขีด ปากมิอาจเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้ ผู้ใดจะคาดคิดว่าบนโลกใบนี้ยังมีบุคคลอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งมิอาจจินตนาการถึงได้ดำรงอยู่!
“ท่านพ่อ ท่านบรรพจารย์ ตอนนี้พวกท่านเชื่อที่ข้ากล่าวก่อนหน้านี้แล้วใช่หรือไม่?”
หยวนอีแย้มยิ้มบาง ๆ
จี้กระบี่หยกเป็นหลักฐานที่ทรงพลังที่สุด
หลังจากนางหยิบกระบี่หยกออกมา ก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวอันใดอีกต่อไป