เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 216 คำสั่งสังหาร ชีวิตดิ้นรนบนปลายดาบ (2)

ตอนที่ 216 คำสั่งสังหาร ชีวิตดิ้นรนบนปลายดาบ (2)

เมื่อเทียบกันแล้ว สิ่งที่ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกวางใจยิ่งขึ้นคือท่าทีขององครักษ์เหล่านี้ พวกเขาคุกเข่าต้อนรับนาง แม้สีหน้าจะเคร่งขรึมทว่าคงความเคารพ กล่าวต้อนรับ พร้อมเพรียงเสียงดังฟังชัด

สังเกตสีหน้าของคนกลุ่มนี้ นางเหลือบไปเห็นสาวใช้ที่ใบหน้าฉายความเย้ยหยันทว่ากลับมองเสื้อผ้าและปิ่นของนางด้วยความละโมบ มั่วเชียนเสวี่ยส่งสายตาให้สืออู่

สิ่งที่สืออู่ทนเห็นไม่ได้ที่สุดก็คือมีคนไม่เคารพมั่วเชียนเสวี่ย นางเดินไปด้านหน้าแล้วตบสาวใช้หนึ่งฉาด “นางคนชั้นต่ำ เจ้ามองไปที่ใด”

“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตบตีข้า” สาวใช้คนนั้นถูกตบอย่างไม่มีเหตุผล เมื่อเห็นว่าเป็นเพียงสาวใช้ทั่วไป ภายในใจของนางย่อมไม่พอใจ จึงง้างมือขึ้นจะตบกลับ

เหิมเกริมเช่นนี้! มั่วเชียนเสวี่ยพิจารณาเสื้อผ้าและการแต่งกายของสาวใช้ สาวใช้คนนี้แต่งกายด้วยชุดของสาวใช้ใหญ่ ในจวนหลังนี้ไม่มีนายหญิง เช่นนั้นสาวใช้คนนี้น่าจะเป็นหญิงที่คุณชายสักคนหนึ่งในจวนโปรดปรานกระมัง

คิดว่าไต่เต้าไปหาคุณชายได้แล้ว วันข้างหน้าจะถูกรับเป็นสาวใช้ห้องข้าง ไม่แน่อาจจะได้เป็นนายหญิงของจวนกั๋วกงก็ย่อมได้เช่นนั้นหรือ…

น่าเสียดาย แผนการของเจ้าล้มเหลว! มือที่ง้างขึ้นถูกสืออู่คว้าเอาไว้ แล้วตบอีกหนึ่งฉาด สาวใช้คนนั้นเริ่มด่าทอ “สตรีบ้าโผล่มาจากที่ใดกัน ช่างไม่มีเหตุผลจริง…เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตบข้า…”

ขณะที่สืออู่กำลังจะพูด มั่วเชียนเสวี่ยยกมือขึ้นปรามนาง ยิ้มเยือกเย็นแล้วพูด “ตบตีเจ้าแล้วอย่างไร เจ้าเป็นเพียงสาวใช้ตัวเล็กๆ ในจวนมั่วของข้า แต่กลับไร้ซึ่งความเคารพเช่นนี้…ควรจะลงโทษเช่นไร!”

ถ้อยคำด้านหน้าพูดเสียงแผ่วเบา ทว่าหกพยางค์หลังกลับเสียงดังฟังชัด ความทรงพลังและน่าเกรงขามที่แผ่ซ่านออกมาทำให้สาวใช้คนนั้นใบหน้าซีดขาว

“บ่าวเปล่าเจ้าค่ะ…”

มั่วเชียนเสวี่ยไม่ให้โอกาสนางในการโต้เถียง พูดเสียงดัง “พ่อบ้าน บ่าวที่ไม่เคารพนาย ควรลงโทษเช่นไร”

พ่อบ้านที่อยู่ด้านหลังเดินมาด้านหน้าสองก้าว “โทษเบาคือตบปาก โทษหนักคือโบยยี่สิบทีแล้วขายทิ้งขอรับ”

มั่วเชียนเสวี่ยเก็บไอพิฆาตเอาไว้ พูดขึ้นแผ่วเบา “เช่นนั้นก็โบยยี่สิบที แล้วเอานางไปขายให้คนค้าทาส จวนของเราไม่อาจมีสาวใช้เช่นนี้ได้”

พ่อบ้านพยักหน้ารับคำสั่ง แล้วเรียกบ่าวรับใช้อีกสองคน สั่งให้เอาตัวสาวใช้คนนั้นออกไป บ่าวรับใช้คนนี้คือบ่าวคนเดียวกับที่เคารพมั่วเชียนเสวี่ยซึ่งนางเห็นสีหน้าของพวกเขาตอนสังเกตสีหน้าทุกคน ดูเหมือนว่า ยังพอจะมีคนของพ่อบ้านอยู่ในจวน

การที่มั่วเชียนเสวี่ยทำเช่นนี้ เป็นการทดสอบ ทดสอบท่าทีของคนในจวนที่มีต่อนาง และทดสอบว่าพ่อบ้านสามารถดูแลงานในจวนได้หรือไม่

เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น คนอื่นๆ ต่างโค้งตัวลงต่ำโดยไม่รู้ตัว สีหน้าฉายความเคารพโดยไม่รู้ตัว

ในยุคสมัยที่สังคมปั่นป่วนต้องใช้โทษสถานหนัก! มั่วเชียนเสวี่ยหัวเราะเยือกเย็น ดูเหมือนว่าการเชือดไก่ให้ลิงดูยังใช้ได้ผล

สาวใช้คนนั้นเห็นมั่วเชียนเสวี่ยพูดจริงทำจริง จึงดีดดิ้น แล้วร้องตะโกน “เจ้าขายข้าไม่ได้ ข้าเป็นคนของคุณชายฮว่า…”

มั่วหมัวมัวตบนางหนึ่งฉาด “เจ้าๆ ข้าๆ อะไรกัน ต่อหน้าคุณหนูทุกคนคือสาวใช้!” สาวใช้ในจวนกั๋วกง กล้าข่มขู่คุณหนูเนี่ยนะ ทั้งยังบอกว่าตนเป็นคนของคุณชาย…

สีหน้าของพ่อบ้านก็เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน พูดเสียงเหี้ยม “ปิดปากนางแล้วลากตัวออกไปซะ ทุกคนฟังให้ดี คุณชายฮว่าเป็นเพียงแขก คุณหนูใหญ่ต่างหากที่เป็นนายแท้จริงของจวน ผู้ใดกล้าไม่เชื่อฟัง ยามปรนนิบัติรับใช้ทำสิ่งใดผิดพลาดขึ้นมา จะมีจุดจบเช่นเดียวกับ…นาง”

พ่อบ้านหัวไวยิ่งนัก ไม่เลว! มั่วเชียนเสวี่ยชื่นชมในใจ ทว่าไม่แสดงออกทางสีหน้า นางสะบัดแขนเสื้อ สาวเท้าเดินไปด้านหน้า พ่อบ้านสั่งบ่าวรับใช้สองคนนั้นเสร็จ ก็รีบเดินตามมาทันที

มั่วเชียนเสวี่ยเดินไปพลาง สั่งพ่อบ้านมั่วที่เดินตามมา “พ่อบ้าน ตามตัวผู้ที่รับผิดชอบตำแหน่งต่างๆ ในตระกูลมารวมตัวกันที่หน้าเรือนของข้าภายในหนึ่งชั่วยาม เรื่องในปีนี้ของจวน ได้เวลาสะสางแล้ว”

“ขอรับ คุณหนูใหญ่” พ่อบ้านตอบ พร้อมกับเดินนำทาง

ในเมื่อเขาเป็นพ่อบ้าน เช่นนั้นต้องเป็นคนที่ท่านพ่อไว้เนื้อเชื่อใจ ผู้ที่ผ่านสรภูมิรบอย่างท่านพ่อ ได้รับตำแหน่งสูงทว่าไม่เคยลืมตน คนที่ท่านพ่อเชื่อใจ ย่อมมีคุณลักษณะที่ดี

ด้านคุณลักษณะของพ่อบ้านเชื่อใจได้ ความสามารถในการทำงานของพ่อบ้านเมื่อครู่นางก็ทดสอบไปแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาพูดเรื่องจริงจัง

หลังจากสั่งเรื่องสำคัญจบ มั่วเชียนเสวี่ยก็เดินและถามในเวลาเดียวกัน “เหตุใดพ่อบ้านจึงไปอยู่ที่ห้องเฝ้าประตู เป็นเพราะบ่าวรับใช้ในจวนไม่ฟังคำสั่งของพ่อบ้านหรือ”

“ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของคุณหนูขอรับ บ่าวไร้ความสามารถเอง เหตุเพราะคุณหนูไม่ได้กลับจวนมานาน ทำให้คนในจวนเริ่มหันเหไปทางอื่น ตอนมั่วเหนียงออกจากจวนนางแอบบอกกับบ่าวว่าจะไปรับคุณหนูกลับมา ประการที่หนึ่งเป็นเพราะบ่าวร้อนใจ ประการที่สองเป็นเพราะบ่าวกลัวตอนที่คุณหนูกลับมาจะถูกบ่าวรับใช้ไม่มีตาขวางให้อยู่นอกประตู ดังนั้นบ่าวจึงมาเฝ้าประตูและคอยต้อนรับคุณหนูกลับจวนขอรับ”

หากถูกบ่าวรับใช้ที่ไม่มีตาขวางอยู่หน้าประตูจริงๆ ก็น่าอับอายขายหน้าอย่างมาก แม้ว่าสุดท้ายจะบุกเข้าจวนได้ แต่ก็ไร้ความหมาย ไม่เพียงฝุ่นตลบเปรอะเปื้อนไปทั้งตัว ทั้งยังสูญเสียโอกาส สูญเสียความน่าเกรงขาม ทำให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะ

สีหน้าของมั่วเชียนเสวี่ยอ่อนโยนลงเล็กน้อย “พ่อบ้านคิดได้รอบคอบ กลับกลายเป็นเชียนเสวี่ยที่ไม่คิดให้ถี่ถ้วน”

“คุณหนูขอรับ บ่าวไม่อาจรับไว้ได้” ถ้อยคำของพ่อบ้านเคล้าไปด้วยความเคารพ ซึ่งความเคารพนี้แตกต่างจากตอนแรกที่นางเข้าจวน ความเคารพที่มีต่อนางก่อนหน้านี้เป็นเพราะเห็นแก่ท่านกั๋วกง แต่ความเคารพในตอนนี้เป็นเพราะเมื่อครู่มั่วเชียนเสวี่ยจัดการปัญหาด้วยความเด็ดขาด รวดเร็วและชัดเจน นางได้หยามเกียรติมั่วจือฮว่าหนึ่งในคุณชายทั้งสามไปแล้วอย่างเงียบๆ เพียงคำพูดเดียว ที่ถูกต้องและมีเหตุผล ก็ได้อำนาจใหญ่ในจวนกลับมา ดูเหมือนว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ตระกูลเฟิงคงจะดีกับคุณหนูมาก สอนคุณหนูอย่างดี

“จัดเตรียมเรือนที่เหมาะสมแก่องครักษ์ของข้าที่เรือนนอกให้หน่อย…”

สตรีเทียนฉีไม่มีอำนาจ ในตระกูลทั่วไปไม่แบ่งแยกชายหญิง ทว่าในตระกูลขุนนางใหญ่ ตระกูลผู้ดีกลับให้ความสำคัญอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ภายในเรือนจึงแบ่งเป็นเรือนในและเรือนนอก

แน่นอนว่าบุรุษอื่นไม่สามารถเข้ามาเรือนในได้ องครักษ์ก็เช่นเดียวกัน อีกทั้งให้อาซาน อาอู่ อาเหยียนและอาสิง อยู่ด้านนอกก็ดีเหมือนกัน ขณะที่พวกเขาสามารถปกป้องนาง ก็คอยสอดส่องดูความเคลื่อนไหวของคุณชายทั้งสามแห่งตระกูลมั่วให้นางได้

“ขอรับ บ่าวจะจัดเตรียมเรือนที่เหมาะสมให้องครักษ์ทั้งสี่” หลังจากพ่อบ้านพยักหน้า ก็พูดต่อ “เรือนของคุณหนูใหญ่ หลังจากมั่วเหนียงออกจากจวน บ่าวให้คนมาทำความสะอาดตลอดเวลา น่าจะไม่มีสิ่งใดขาดเหลือ คุณหนูใหญ่เข้าพักในเรือนได้เลยขอรับ…”

“อืม ลำบากพ่อบ้านแล้ว” มั่วเชียนเสวี่ยไม่รอให้เขาพูดจ่อ “พ่อบ้านไปจัดการเรื่องที่ข้าสั่งเถอะ หากมีอะไรข้าจะฝากหมัวมัวไปบอก”

ให้คนเหล่านั้นตอบคำถามเรื่องงานภายในหนึ่งชั่วยาม เวลาที่ให้เร่งรีบไปเล็กน้อย เกรงว่าจะวุ่นวายได้

พ่อบ้านไม่ใช่คนโง่เขลา สิ่งที่มั่วเชียนเสวี่ยคิดได้เขาเองก็ย่อมคิดได้ตั้งแต่แรกแล้ว “เช่นนั้นก็ดีขอรับ คุณหนูมีหมัวมัวและพวกชูอีคอยรับใช้ เช่นนั้นบ่าวขอตัวลา”

“ไปเถอะ” มั่วเชียนเสวี่ยโบกมือ พ่อบ้านโน้มตัวลงแล้วเดินออกไป ตรงหน้ามั่วเชียนเสวี่ยคือทางเข้าเรือนใน เมื่อก้าวเข้าไป ภาพที่ปรากฏตรงหน้าเมื่อเทียบกับที่พวกชูอีเล่าแล้วงดงามยิ่งกว่า

ในสระบัวเขียวมรกตมีดอกบัวหลายดอก ทั้งยังมีแมลงปอปีกสั่นดอมดมดอกบัวเป็นครั้งคราว ดูผ่อนคลายและสงบสุขอย่างมาก

ที่ไกลมีสะพานจีนหยกขาวราวกับในภาพวาด อาทิตย์อัสดงทอประกายสีส้มแดง แสงอาทิตย์ยามพลบค่ำสาดส่อง คล้ายอยู่ในภาพวาด มั่วเชียนเสวี่ยเดินผ่านต้นหลิวเขียวชอุ่มสองข้างทาง กิ่งหลิวนับหมื่นย้อยลงมา ยามลมพัดต้นอ่อนสีเหลืองของหลิวจะพริ้วไหวขึ้นแล้วค่อยๆ ย้อยลงมา

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท